เขามีลูกศรอยู่บนสายธนู จำเป็นต้องยิงมันออกไปยิ่งไปกว่านั้น เฉียวซุนที่อยู่ใต้ร่างของเขานุ่มนวลแถมกลิ่นตัวหอมละมุน แม้ว่าลู่เจ๋อจะไม่ได้รักเธอ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเขาชอบร่างกายนี้เขาพูดได้อย่างเต็มปาก และกำลังจะเข้าครอบครองเธอเฉียวซุนจับไหล่ของเขาไว้แน่น แล้วพูดด้วยลมหายใจที่ไม่สมดุลว่า “ลู่เจ๋อ ช่วงนี้ฉันไม่ได้กินยาเลย เดี๋ยวฉันท้องนะ”เมื่อได้ยินดังนี้ ลู่เจ๋อก็หยุดชะงักไม่ว่าเขาต้องการมันมากแค่ไหน ก็ไม่เคยขาดสติสัมปชัญญะ ระหว่างที่แต่งงานกับเฉียวซุนเขาไม่ต้องการที่จะมีลูก อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะมีลูกจากนั้นไม่นาน เขาก็หัวเราะเยาะเย้ยว่า “ดูเหมือนว่าช่วงนี้คุณจะคิดเยอะนะ!"การต่อต้านของเธอไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย ลู่เจ๋อเอามือข้างหนึ่งวางไว้ข้างกายเธอ แล้วเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงด้วยมืออีกข้างแล้วเอากล่องเล็ก ๆ ที่ยังไม่ได้เปิดออกมา ข้างบนมีอักษรภาษาอังกฤษอยู่สามตัวขณะที่กำลังแกะออก โทรศัพท์ก็ดังขึ้น!ลู่เจ๋อไม่สนใจ เขาหยิบสิ่งเล็กๆด้วยมือเดียว แล้วก้มลงจูบเฉียวซุน เฉียวซุนไม่ยอมขยับศีรษะเพื่อหนีจากเขา... เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นอย่างต
แม้จะรู้ท่านผู้เฒ่าหญิงจงใจ แต่ลู่เจ๋อก็ยังคงชำเลืองมองเฉียวซุนแต่เฉียวซุนกลับไม่สวีทเป็นเพื่อนเขาเธอคุยกับท่านผู้เฒ่าหญิงอยู่พักหนึ่ง แล้วลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวหนูจะทำเค้กผงรากบัวให้นะคะ"เธอจากไป รอยยิ้มของหญิงชราลดน้อยลง แล้วโน้มตัวกลับไปพิงด้านหลัง“ลู่เจ๋อ เรื่องของไป๋เซียวเซียวนี่มันยังไงกัน? แค่ดูแลเธอตามปกติก็พอแล้ว ทำไมต้องจุดพลุดอกไม้ไฟอะไรด้วยล่ะ? ระวังภรรยาจะหึงแล้วชวนทะเลาะเอาไว้นะ”“ ต้องเอาใจใส่ครอบครัวของเสี่ยวซุนให้มากขึ้น อย่าทำราวกับว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองแบบนี้”“ถ้ายังเย็นชาแบบนี้ต่อไป ระวังเธอจะหนีไปได้นะ”……ลู่เจ๋อพูดตอบรับเพียงไม่กี่คำ และไม่ได้อธิบายเรื่องพลุดอกไม้ไฟ บางทีอาจเป็นฝีมือของเลขาฉินก็ได้!หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน เฉียวซุนทำขนมเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาลู่เจ๋อเห็นว่า แม้เธอจะทำงานบ้านแต่เสื้อผ้าบนตัวของเฉียวซุนก็ยังคงเรียบเนียน ทั้งตัวดูงามสง่า เฉกเช่นสตรีผู้สูงศักดิ์อาจจะมีบางเวลาที่ทำให้เขารู้สึกเบื่อท่านผู้เฒ่าลู่กลับชอบมาก เธอหยิบขนมมาชิมแล้วพูดประเด็นสำคัญว่า “ลู่เจ๋ออีกสองปีก็จะอายุครบ30ปีแล้ว เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน
เฉียวซุนใช้มือจับประตูรถไว้แล้วค่อย ๆ ปล่อยลงบรรยากาศภายในรถอึดอัดมากขึ้นลู่เจ๋อที่กลับมาจากต่างจังหวัดก็ต้องวิ่งไปที่บ้านตระกูลลู่อีกครั้ง ที่จริงแล้วก็รู้สึกเพลียอยู่นิดหน่อย เขาวางมือข้างหนึ่งบนพวงมาลัยแล้วลูบหัวคิ้ว น้ำเสียงเจือความหงุดหงิด “คุณคิดจะสร้างความวุ่นวายไปจนถึงเมื่อไหร่ ?”จนถึงตอนนี้ เขาคิดว่าเธอกำลังสร้างความวุ่นวายอยู่ดีเฉียวซุนรู้สึกเย็นวาบกลางอก เธอนั่งตัวตรงมองไปทางหน้ารถ สักพักเธอก็เอ่ยเบา ๆ ว่า “ลู่เจ๋อ ฉันจริงจัง! ฉันไม่อยากอยู่กับคุณแล้ว”ลู่เจ๋อหันไปมองเธอทันทีเขาหน้าตาดี สัดส่วนใบหน้าสามมิติ เฉียวซุนเคยหลงใหลใบหน้านี้มาก แต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกแล้ว ไม่เลยสักนิด......ดวงตาดำขลับของลู่เจ๋อจ้องมองเธอ โดยที่มือข้างหนึ่งปลดเข็มขัดนิรภัย “ลงรถ!”เขาเอ่ยเสียงเบาและปลดล็อกรถเฉียวซุนลงจากรถทันที เดินไปที่ทางเข้าวิลล่า……. หลังตั้งตรงของเธอภายในแสงสลัว แน่วแน่พอ ๆ กับการตัดสินใจหย่าของเธอลู่เจ๋อดึงบุหรี่ออกมาสูบแล้วถึงจะลงจากรถ เดินตามขึ้นไปชั้นบนพวกเขาแยกทางกันโดยไม่สบอารมณ์คืนนั้น เฉียวซุนนอนที่ห้องพักรับรอง ในใจลู่เจ๋อก็โกรธเกินกว่าที่จะง้อเธอ....
เฉียวซุนค่อย ๆ บิดถ้วยเก็บความร้อนหลังจากบิดแน่นแล้ว เธอก็ก้มหน้าแล้วพูดเบาๆว่า “ต้องมีสักทาง! เงินที่ขายแหวนแต่งงานก็พอสำหรับค่ารักษาพยาบาลของพ่ออีกตั้งครึ่งปี ค่าทนายของพี่...... หนูวางแผนว่าจะขายบ้านหลังนี้แล้วจากนั้นหนูก็จะออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวด้วยค่ะ”พูดจบ แววตาของเฉียวซุนก็ชื้นขึ้นบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่แม่เธอทิ้งไว้ให้ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะลำบากยากแค้นแค่ไหนก็ไม่เคยแตะต้องมันเสิ่นชิงตะลึงเธอไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด แต่ภายในใจยังคงไม่เห็นด้วยเสมอเฉียวซุนจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ไปโรงพยาบาลหลังการรักษาอาการป่วยของเฉียวต้าซวินโดยทั่วไปก็ค่อนข้างคงที่แล้ว แต่อารมณ์ค่อนข้างดำดิ่งอยู่บ้าง คอยแต่คิดถึงอนาคตที่เหลือของลูกชายคนโตอย่างเฉียวสือเยี่ยนในเวลานี้เฉียวซุนไม่ได้พูดถึงเรื่องหย่าช่วงบ่ายคุณหมอเจ้าของไข้แวะมาตรวจที่วอร์ดเฮ่อจี้ถัง ปริญญาเอกแพทยศาสตร์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมสมองตั้งแต่อายุยังน้อย แถมเขายังหน้าตาดี ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้า และเป็นคนสุขุมใจเย็นอีกด้วยหลังจากตรวจอาการเสร็จ เขาก็เหลือบมองไปที่เฉียวซุน “ออกไปคุยกันหน่อยนะครับ”เ
เฉียวซุนรู้สึกหมดความอดทน “ลู่เจ๋อ นี่โรงพยาบาลนะ!”“ฉันรู้อยู่แล้ว”หลู่เจ๋อไม่ไหวติง เขากดแนบร่างของเธอไว้ ใบหน้าอันหล่อเหลาก็แทบจะแนบกับข้างหูเธอ เสียงยิ่งเจือความอันตรายมากขึ้นเล็กน้อย “รู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร?”เฉียวซุนเดาความคิดที่ซ่อนอยู่ของเขาได้เขาเป็นประธานบริษัทลู่ซื่อกรุ๊ป มีฐานะและตำแหน่ง เขาไม่อนุญาตให้ภรรยาเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นมากเกินไปเฉียวซุนยิ้มอย่างกล้ำกลืนฝืนทนเธอเอ่ยว่า “ลู่เจ๋อ ฉันไม่ได้มีความคิดสกปรก ๆ แบบคุณนะ และฉันก็ไม่มีอารมณ์แบบนั้นเหมือนกัน...... คุณไม่ต้องห่วง ก่อนที่เราจะหย่ากัน ฉันจะไม่เล่นชู้หรอกน่า”พูดจบ เธอก็ผลักเขาออก หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยลู่เจ๋อตามไปผลักประตูแล้วเข้าไปพอเขาเข้าไปก็ถึงกับขมวดคิ้ว ปรากฏว่าไม่ใช่ห้องเดี่ยวเสิ่นชิงย้ายเก้าอี้ให้เขาและกระซิบเบา ๆ ว่า “รีบนั่งเร็ว! เดี๋ยวป้าให้เฉียวซุนไปปอกผลไม้ให้คุณนะ......นี่ เฉียวซุนอย่ามัวยื่นบื้อสิ! เดี๋ยวแกก็กลับไปกับลู่เจ๋อเลยนะ พ่อของแกอยู่ตรงนี้มีฉันดูแลอยู่ทั้งคน!”ลู่เจ๋อนั่งลงและพูดคุยเป็นเพื่อนกับเฉียวต้าซวินโดยปกติเขาจะทำตัวเย็นชากับเฉียวซุน แต่ต่อหน้าเฉียวต
ยากที่เขาจะใจกว้างให้อภัย แต่เฉียวซุนกลับปฏิเสธเธองอนิ้วที่ขาวบางเล็กน้อยความอดทนของลู่เจ๋อมีขีดจำกัด “คุณจะเอายังไงกันแน่?”เฉียวซุนพึมพำเบา ๆ ว่า “หย่า! ฉันอยากหย่ากับคุณ”ลู่เจ๋อยุ่งจนตัวเป็นเกลียว เฉียวซุนทะเลาะกับเขาจะไม่ยอมกลับบ้านให้ได้ เมื่อเช้าตรู่เขาอยากจะหากระดุมแขนเสื้อที่คู่กันก็หาไม่เจอ รู้สึกไม่มีความสุขเอาเสียเลย ในขณะที่กำลังจะโมโหก็กลับเห็นเฮ่อจี้ถังกำลังพูดคุยกับนางพยาบาลอยู่หน้ารถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวคันหนึ่งที่ลานจอดรถด้านหน้าลู่เจ๋อยิ่งไม่มีความสุขมากขึ้น เอาลิ้นดุนโพรงปากในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เป็นเลขาฉินที่โทรมา ลู่เจ๋อรับสายและเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก “มีอะไร?”เลขาฉินรีบบอกเขาตามหน้าที่ “เมื่อครู่คุณไป๋ลุกจากเตียง ไม่ทันระวังก็เลยหกล้มค่ะ อาจได้รับบาดเจ็บที่เส้นประสาทบริเวณขา ตอนนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร ประธานลู่คุณอยากจะไปดูเธอที่เมือง H ไหมคะ? ถ้าคุณไปเธอจะต้องดีใจมากแน่เลยค่ะ”ลู่เจ๋อถือโทรศัพท์ไว้ ไม่พูดในทันที เห็นได้ชัดว่ารู้สึกพะว้าพะวังเฉียวซุนที่อยู่ข้าง ๆ อยู่เล็กน้อยระดับเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาไม่เบา และเฉียวซุน
สองวันต่อมา เฉียวซุนก็ขายบ้านไปแล้วบ้านมีราคาตลาดอยู่ที่สองร้อยห้าสิบล้านบาท แต่อีกฝ่ายกดราคาจนเหลือร้อยสี่สิบล้านบาท และป้าเสิ่นก็ด่าตวาดอีกฝ่ายว่าโลภออกมาทันทีแต่เฉียวซุนกลับกัดฟันพูดออกมาว่า “ขายค่ะ!”เพราะพี่ชายที่อยู่ข้างในนั้นก็รอไม่ไหวแล้ว นอกจากค่าทนาย ตระกูลเฉียวยังมีภาระขนาดมหึมาที่ต้องไปอุด ภายใต้แรงกดดันในแต่รูปแบบ เฉียวซุนไม่มีทางเลือกเลยหลังจากขายบ้านเสร็จสิ้น เธอคิดหาวิธีที่จะเจอกับเฉียวสือเยี่ยนเฉียวสือเยี่ยนผู้มีโฉมหน้าหล่อเหลาและมีเกียรติ ไม่ว่าจะไปทางไหนก็จะมีลูกสาวเศรษฐีไล่จีบ ในเวลานี้กลับดูซีดเซียว โดยที่เขาและเฉียวซุนคุยกันผ่านกระจกหนึ่งบานที่กั้นเอาไว้[ไปหาทนายความที่ชื่อเมิ่งเยียนหุย][เสี่ยวซุน เขาช่วยพี่ได้และช่วยเธอได้ด้วย]……เฉียวซุนอยากจะถามให้ชัดเจนแต่หมดเวลาเสียแล้ว และเฉียวสือเยี่ยนก็ต้องถูกพาตัวกลับไปเขามองดูน้องสาว ทิ้งสายตาอาลัยอาวรณ์ไว้มากมาย เฉียวซุนน้องสาวของเขา ตั้งแต่เด็กก็เป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนในตระกูลเฉียว ตอนนี้กลับต้องมาวิ่งเต้นเพื่อครอบครัวเฉียวสือเยี่ยนอ่านหนังสือพิมพ์สถานการณ์ของเฉียวซุน เขารู้อย่างชัดเจนก่อนจากไ
ไม่ทันที่เฉียวซุนจะโต้ตอบ เขาก็เข้าประชิดเธอเรียบร้อยแล้ว เขาจับคางผิวละเอียดของเธอ แนบใบหูของเธอแล้วถามอย่างอันตรายว่า “คุณจะขายงั้นเหรอ?"ร่างของเฉียวซุนสั่นสะท้านไปทั้งตัวเธอไม่ปฏิเสธลู่เจ๋อไม่โกรธแต่กลับยิ้มให้แทน เขาประชิดตัวเธอ พึมพำเหมือนคนรักกัน “คุณจะขายให้ใครได้ ในเมือง B แห่งนี้คุณได้ชื่อว่าเป็นคุณนายลู่ ใครหน้าไหนมันจะกล้ามาเอาคุณ? อีกอย่างคนอื่นมาแตะต้องตัวคุณ คุณจะรับได้เหรอไง? ผู้ชายซื้อผู้หญิงก็อยากได้ทั้งนั้น เหมือนคืนแต่งงานของเราในคืนนั้น มันเจ็บยังไง......คุณลืมไปแล้วเหรอ?”สีหน้าเฉียวซุนซีดเซียวทำไมเธอจะจำไม่ได้ เพื่อแก้แค้นเธอ ในคืนแต่งงานนั่นลู่เจ๋อหยาบคายสุด ๆ คืนนั้น เขาทำให้เฉียวซุนเจ็บแทบจะขาดใจตายลู่เจ๋อหยุดอย่างพอประมาณเขาปล่อยเธอแล้วลูบใบหน้ารูปไข่เธออย่างนุ่มนวล “กลับมาเป็นคุณนายลู่ เราจะกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน”คอเรียวบอบบางของเฉียวซุนตึงขึ้นทันใดนั้น เธอก็เห็นไวโอลินตัวใหม่ที่เงาวับตัวหนึ่งวางอยู่ในตู้หนังสือฝั่งตรงข้ามเฉียวซุนจำข่าวซุบซิบที่ว่า ท่านประธานลู่ซื่อทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อไวโอลินที่ราคาสูงลิ่วถึงหนึ่งร้อยล้านบาท เพียงเพ