แชร์

บทที่ 10 รองแม่ทัพหญิง

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-14 12:09:00

หลายวันต่อจากนั้น หลี่เหว่ยและจางลู่หลินก็ไม่ได้ทำเรื่องเช่นนั้นกันอีกเลย จางลู่หลินถึงกับหวั่นไหวไปชั่วขณะเพราะว่ารสสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้นางมันช่างถึงอกถึงใจเสียเหลือเกิน แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าแท้จริงแล้วหลี่เหว่ยไม่เคยมีความรู้สึกดีกับนางเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวจึงรีบตัดความคิดหวั่นไหวในใจออกไปเสีย

ด้านหลี่เหว่ยนั้น วันนี้เขาเดินทางเข้าวังหลวงเพื่อร่วมประชุมยามเช้า ทุกครังที่เป็นงานราชการชายหนุ่มจะจริงจังเสมอ ไม่ได้มีท่าทางขี้เล่นหรือไม่เอาไหนเลยแม้แต่น้อย

หัวข้อการประชุมยามเช้ายังคงเป็นเรื่องของปากท้องราษฎรและการออกไปล่าสัตว์บนเขา ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนมีรับสั่งว่าอีกสิบห้าวันจะออกเดินทางไปล่าสัตว์ในป่า การเดินทางครั้งนี้จะใช้เรือในการเดินทาง จุดประสงค์เพื่อจะได้ดูความเป็นอยู่ของราษฎรสองข้างทางว่ามีความเป็นอยู่เช่นไร

หลังจากเลิกประชุมยามเช้า ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนก็หันมาเอ่ยกับหลี่เหว่ยบุตรชายของตน

"หลี่เหว่ย จบการล่าสัตว์ครั้งนี้แล้ว พ่อจะให้เจ้าออกไปดูความเป็นไปของราษฎรที่นอกเมืองหลวง พ่ออยากให้เจ้าได้ใกล้ชิดราษฎรมากขึ้น อย่างไรวันหน้าบัลลังก์นี้ก็ต้องเป็นของเจ้า ย่อมต้องเรียนรู้และเข้าใจประชาชนให้มาก อีกอย่างหลังจากข้าตายไป เจ้าอย่าได้ทอดทิ้งหลี่ผิงและหลี่ฮวาเล่า"

หลี่เหว่ยมองบิดาตนก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

"เสด็จพ่อทรงวางพระทัย อย่างไรหลี่ผิงและหลี่ฮวาก็เป็นน้องสาวน้องชายร่วมสายเลือดของข้า ข้าย่อมไม่ทำร้ายพวกเขา และที่สำคัญเสด็จพ่อยังมีพลานามัยแข็งแรงจะต้องอายุยืนนาน อยู่ให้นานกว่านี้ อย่าเพิ่งโยนภาะมาให้ข้าเลย ข้ายังไม่อยากทำงานต่อจากท่าน ที่สำคัญยามถูกเสด็จแม่ด่าข้าจะได้มีคนร่วมชะตากรรมด้วย"

"ลูกบัดซบนี่ ไม่กวนประสาทข้าสักวันมันจะตายหรือ!"

"เห้อ ข้าเหนื่อยแล้ว อยากไปพักเสียที วันนี้ไม่ไปหาเสด็จแม่แล้ว ข้าไม่อยากฟังนางบ่นข้า"

เอ่ยจบเขาก็เดินออกจากตำหนักมังกรสวรรค์ไปทันที ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนส่ายหน้าไปมานึกระอาใจกับความปากคอเราะรายของบุตรชาย

เช้าวันนี้เมืองหลวงค่อนข้างคึกคัก อีกทั้งยังมีสายฝนตกลงมาประปราย หลี่ผิงองค์ชายรองกำลังเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่รีบไม่ร้อน ครั้งนี้เขาหนีเรียนอีกแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกว่าการเรียนน่าเบื่อ อีกทั้งเขาไม่เคยหวังในบัลลังก์จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสด็จพ่อและพี่ใหญ่จะต้องบังคับให้เขาเอาแต่เรียนหนังสือด้วย

ก่อนจะหนีออกมาเขาได้รับความช่วยเหลือจากหลี่ฮวาฝาแผดของเขา นางกำลังจะไปเยี่ยมพี่สะใภ้ เขาจึงลอบออกมากับรถม้าของนาง ชายหนุ่มใช้ผ้าปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งเอาไว้ และมุ่งหน้าไปยังโรงพนัน เขานัดกับสหายเสเพลว่าวันนี้จะมาแข่งขันกัดจิ้งหรีด หากใครแพ้จะต้องเลี้ยงสุรา ที่โรงพนันแห่งนี้มีการละเล่นที่หลากหลาย ล้วนแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน เขาไม่สนใจการพนันอย่างอื่นนอกจากการกัดจิ้งหรีด ซึ่งอยู่ที่ชั้นใต้ดินของโรงพนัน

วันนี้เหมือนว่ามือของหลี่ผิงจะไม่ขึ้นเท่าไหร่นัก เขาเสียเงินให้กับค่าพนันไปไม่น้อย หลี่ผิงสบถออกมาด้วยความโมโห ก่อนจะเลิกเล่นและชวนสหายไปดื่มสุรา แต่ทว่าระหว่างที่ออกมาจากโรงพนันเขากลับมีเรื่องกับพวกอันธพาล หลี่ผิงไม่ได้ให้องครักษ์ติดตามมาด้วยเพราะเขาแอบหนีออกมาโดยบอกใคร อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาเป็นองค์ชายนอกจากสหาย เขาเองก็ไม่ยอมคนจึงได้ลงมือต่อยตีกับอันธพาลเหล่านั้น แต่เขามีหรือจะสู้พวกมันได้ สุดท้ายจึงโดนทุบตีจนใบหน้าบวมแดงไปหมด

"พวกเจ้าทำสิ่งใดกัน!"

เสียงของสตรีนางหนึ่งเอ่ยขึ้นมาอย่างดุดัน ทำให้ทุกคนชะงักและหันไปมอง พวกอันธพาลที่เห็นว่าคนของทางการมาก็รีบวิ่งหนีแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง ส่วนหลี่ผิงก็เอาแต่จ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาที่หวั่นไหว

นางกลับมาจากชายแดนแล้วหรือ!

สตรีตรงหน้าคือรองแม่ทัพมู่ นามมู่กุ้ยเหมย เป็นบุตรสาวคนโตของจวนแม่ทัพที่เกิดจากอนุ บิดาของนางเป็นแม่ทัพมากฝีมือ อีกทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทอีกด้วย ปีนี้นางมีอายุสิบแปดปีแล้วแต่กลับยังไม่แต่งงาน เขาเคยพบนางที่งานเลี้ยงในวังหลวงเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นนางอายุสิบหกปีแต่กลับเข้าร่วมกองทัพและมีความดีความชอบ

เขาหลงรักนางตั้งแต่แรกเห็น!

มู่กุ้ยเหมยสั่งให้คนไปจับตัวอันธพาลเหล่านั้นมาลงโทษ ก่อนที่นางจะกระโดดลงจากหลังม้าและเดินเข้ามาหาหลี่ผิง หญิงสาวเพิ่งเดินทางกลับมาจากชายแดน ตอนนี้สงคราบสงบแล้ว ศัตรูไม่กล้ารุกรานนางจึงได้กลับเมืองหลวงเสียที หญิงสาวสวมชุดเกราะทหารดูองอาจและสง่างามเป็นอย่างยิ่ง

มู่กุ้ยเหมยมองหลี่ผิงด้วยแววตาที่ไม่ห่างเหินและไม่สนิทสนม นางจำได้ว่าก่อนที่นางจะไปชายแดน เด็กหนุ่มผู้นี้ได้มาสารภาพรักนาง

"องค์ชายรอง ทรงเป็นอันใดหรือไม่เพคะ"

ผู้คนที่ได้ยินว่าหลี่ผิงคือองค์ชายรองต่างรีบคุกเข่าทำความเคารพเขาทันที หลี่ผิงรีบบอกให้ทุกคนลุกขึ้นไม่ต้องมากพิธีกับเขา หนุ่มน้อยมองมู่กุ้ยอิงและเม้มริมฝีปากแน่น

"พี่สาว"

"ทูลองค์ชายรอง หม่อมฉันเป็นข้ารับใช้ เป็นขุนนางในราชสำนัก ไม่คู่ควรให้พระองค์ทรงตรัสเรียกอย่างสนิทสนมเช่นนี้เพคะ"

หลี่ผิงหน้าม่อย นางยังคงวางท่าทีห่างเหินกับเขาเช่นเคย มู่กุ้ยเหมยพินิจมองหลี่ผิง ยามนี้หนุ่มน้อยตรงหน้าดูจะตัวสูงขึ้นไม่น้อย และยังมีมีใบหน้าหล่อเหลาไม่ต่างจากหลี่เหว่ย

เดิมท่ีนางหลงรักหลี่เหว่ยแต่เขากลับไม่ชายตามองนางเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของเขานางก็เป็นได้เพียงทหารภายใต้การบัญชาการของเขาก็เท่านั้น

ที่สำคัญนางก็เป็นเพียงบุตรที่เกิดจากอนุ แค่เพียงชาติกำเนิดนางก็ไม่คู่ควรกับเขาแล้ว

หญิงสาวถอนหายใจออกมาเล็กน้อย พร้อมเอ่ยกับหลี่ผิง

"หม่อมฉันจะอารักขาองค์ชายรองกลับวังหลวงนะเพคะ"

หลี่ผิงเมื่อได้ยินก็ตื่นตระหนก กลับวังหลวงหรือ กลับตอนนี้เขาได้โดนเสด็จแม่เอาแจกันฟาดหัวแตกแน่นอน เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเดินเข้าไปคว้าจับมือของมู่กุ้ยเหมยและพานางวิ่งออกมาจากตรงนั้น มู่กุ้ยเหมยพยายามสะบัดมือออก แต่หลี่ผิงกลับไม่ยอมปล่อยนาง หญิงสาวย่นหัวคิ้ว ไม่นานเขาก็พานางมาที่ตรอกๆหนึ่ง นางรีบสบัดเขาออกอย่างรวดเร็ว และจ้องมองมองหนุ่มน้อยตรงหน้าอย่างไม่ชอบใจ

"องค์ชายรอง ทำเช่นนี้ไม่เหมาะกระมัง"

“พี่สาวท่านกลับมาเมื่อใดไม่เห็นบอกข้าสักคำ รู้หรือไม่ข้าเฝ้ารอนับวันที่จะได้พบเจอท่านอีกครั้ง ท่านไปอยู่ชายแดนร่วมปี ไม่ติดต่อข้าเลย ช่างใจร้ายนัก”

“หม่อมฉันไปปกป้องบ้านเมืองเพคะ”

“ตอนนี้ท่านกลับมาแล้ว ช่างดีนัก วันนี้ข้าไม่มีเรียน พวกเราไปเที่ยวด้วยกันเถอะ”

มู่กุ้ยเหมยหรี่ตามองหลี่ผิงอย่างจับผิด นางเคยได้ยินเรื่องที่เขาหนีเรียน ไม่คิดว่าโตจนป่านนี้แล้วเขาก็ยังไม่ปรับปรุงนิสัยตนเอง

“องค์ชายรองทรงหนีเรียนอีกแล้วหรือเพคะ ทำเช่นนี้ไม่ดีเลยนะเพคะ”

หลี่ผิงอมยิ้มเล็กน้อย นางสนใจด้วยหรือว่าเขาจะหนีเรียนหรือจะไปทำสิ่งใด 

"หากพี่สาวบอกว่าอยากให้ข้ากลับไปเรียนต่อไปนี้ข้าก็จะตั้งใจเรียน"

มู่กุ้ยเหมยถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก ยิ่งได้มองเห็นแววตาหวานล้ำที่เขาส่งมา ก็ทำให้นางนึกถึงตอนที่เจ้าเด็กหลี่ผิงนี่มาสารภาพรักกับนาง แต่เขาไม่เอาไหนซ้ำยามนี้ก็เพิ่งจะมีอายุเพียงสิบหกปี ส่วนนางปีนี้อายุสิบแปดย่างสิบเก้าปีแล้ว นางจึงรักษาระยะห่างจากเขา แต่ดูเหมือนหลี่ผิงจะไม่คิดเช่นเดียวกันกับนาง

"พระองค์จะทรงตั้งใจเรียนหรือไม่ก็เป็นเรื่องของพระองค์ หม่อมฉันเพียงเอ่ยเตือนในฐานะขุนนางรับใช้ของพระองค์เท่านั้น"

"เช่นนั้นช่วยรับใช้ข้าไปทั้งชีวิตเลยได้หรือไม่พี่สาว"

"องค์ชายรองอย่าทรงเอ่ยวาจาเหลวไหลเพคะ"

"ข้าไม่ได้เอ่ยวาจาเหลวไหล ข้ารักท่าน ข้าสารภาพรักท่านไปตั้งนานแล้วแต่ท่านกลับไม่สนใจข้า"

"หากองค์ชายรองไม่ทรงกลับไปดีดี เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ"

"ช้าก่อนสิ"

มู่กุ้ยเหมยคิดจะหันหลังเดินหนี แต่หลี่ผิงกลับยื่นมือของตนมาคว้าแขนของนางให้หันกลับไปหาเขา เพราะนางไม่ทันตั้งตัวทำให้ร่างกายซวนเซเข้าไปหาเขา หลี่ผิงแม้จะอายุน้อยแต่กลับมีร่างกายสูงใหญ่สมสัดส่วนชายชาตรี เขากอดนางเอาไว้แน่น ริมฝีปากของชายหนุ่มจรดลงบนแก้มขาวเนียนของมู่กุ้ยเหมยอย่างไม่ทันตั้งตัว มู่กุ้ยเหมยตกใจจนก้าวขาไม่ออก ลืมว่าจะต้องผลักไสเขาออกไปชั่วขณะ ตั้งแต่เติบโตมานางยังไม่เคยถูกบุรุษใดทำเช่นนี้มาก่อนเลย

หลี่ผิงเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน แต่เขากลับชอบเสียมากกว่า แก้มของพี่สาวรองแม่ทัพนางนี้ช่างหอมยิ่งนัก

บรรยากาศเริ่มกระอักกระอ่วน มู่กุ้ยเหมยพลันได้สติ นางยกเข่าขึ้นกระทุ้งไปที่หว่างขาของหลี่ผิงอย่างเต็มแรงจนชายหนุ่มร้องโอดครวญ 

"หลี่ผิง เจ้าจะทำเกินไปแล้วนะ ข้าอายุมากกว่าเจ้าตั้งกี่ปี เจ้าให้เกียรติข้าบ้างสิ"

แม้จะเจ็บแต่หลี่ผิงยังคงยิ้มได้ เขามองนางอย่างสุขใจ

"ได้เจ็บตัวเพราะพี่สาวข้าช่างสุขใจยิ่งนัก"

"เหลวไหลสิ้นดี"

"โอย เจ็บเหลือเกิน ข้าเดินไม่ไหว พี่สาวท่านให้ข้าขี่หลังหน่อยเถิด"

"ใครจะแบกเจ้ากัน เด็กบ้า!"

มู่กุ้ยเหมยทั้งอับอายทั้งโมโห นางมองไปโดยรอบตอนนี้กลับไม่มีทหารแม้แต่คนเดียวเพราะหลี่ผิงลากนางมา นางจึงไม่ทันได้สั่งการคน หญิงสาวพยายามระงับโทสะไม่ให้ทุบตีหลี่ผิงอีกครั้ง นางไม่มีทางเลือกแล้ว อย่างไรเด็กนั่นก็เป็นองค์ชาย ถ้านางปฏิบัติต่อเขาไม่ดี แล้วเรื่องนี้ทรงรู้ถึงหูของฝ่าบาทกับสวีฮองเฮานางและคนตระกูลมู่อาจจะเดือดร้อนเอาได้

"ขึ้นมา"

นางย่อกายลงอย่างไรซึ้งหนทาง คิดเพียงว่ายอมไปก่อน วันหน้านางจะไม่ช่วยเจ้าเด็กบ้านี่อีกแล้ว

หลี่ผิงยิ้มตาหยี รีบกระโดดขึ้นไปขี่หลังมู่กุ้ยเหมยทันที นางเป็นสตรีที่แข็งแรง ซ้ำยังเก่งกาจวรยุทธ์ เรื่องแบกคนนับเป็นเรื่องปกติ 

หลี่ผิงซบใบหน้าลงไปที่แผ่นหลังของมู่กุ้ยเหมยอย่างสุขใจ ไม่สนใจสายตาผู้คนรอบกายที่มองมาแม้แต่น้อย 

"องค์ชายใหญ่ นั่นไม่ใช่องค์ชายรองหรอกหรือ เหตุใดเขาถึงไปขี่หลังรองแม่ทัพมู่ได้เล่า"

จี้เฟินองค์รักษ์ของหลี่เหว่ยหันมาเอ่ยถามเจ้านายด้วยความสงสัย หลี่เหว่ยเพิ่งออกมาจากวังหลวง ในขณะที่เขาเปิดผ้าม่านรถม้าดูสิ่งรอบตัวเพื่อแก้เบื่อ ก็เห็นน้องชายตัวแสบกำลังยั่วยวนรองแม่ทัพมู่อยู่

ชายหนุ่มส่งเสียงเหอะออกมาอย่างไม่ใส่ใจ และเอ่ยกับจี้เฟิน

"จะอันใดได้อีกเล่า เจ้าหลี่ผิงมันหาเรื่องยั่วยวนรองแม่ทัพมู่น่ะสิ ข้ามองด้วยตาเปล่ายังดูออกเลยว่าหลี่ผิงหลงรักมู่กุ้ยเหมย"

จี้เฟินเก่าศีรษะตนเองคราหนึ่งด้วยความงุนงง

"ก่อนหน้านี้รองแม่ทัพมู่เคยมาสารภาพรักกับพระองค์แล้วนี่พ่ะย่ะค่ะ"

"แล้วอย่างไร ข้าไม่ได้ชอบนาง อีกอย่างเจ้าหลี่ผิงมันชอบ คนของน้องชายข้าไม่ยุ่ง รีบกลับจวนเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว"

"พ่ะย่ะค่ะ"

เมื่อกลับมาถึงจวนหลี่เหว่ยก็คิดจะไปพักเสียหน่อย แต่เมื่อเดินเข้ามาด้านในก็พบว่าสาวใช้กำลังเดินกันให้วุ่นวายไปหมด เขาขมวดคิ้วมุ่น บังเอิญว่าหลี่ฮวาน้องสาวของเขากำลังเดินออกมาพอดี เขาจึงเอ่ยถามนางทันที

"ฮวาเอ๋อร์ เจ้ามาทำอันใดที่จวนข้า"

หลี่ฮวายิ้มให้พี่ชายตนเล็กน้อย

"พอดีว่าข้ามาเยี่ยมพี่สะใภ้น่ะสิ พี่ใหญ่ ท่านเพิ่งกลับมาจากวังหลวงหรือ”

“อืม ว่าแต่สาวใช้ทำอันใดกัน วุ่นวายลูกตาเสียจริง”

“พี่สะใภ้หมักสุราเพคะ นางสั่งให้คนนำไหสุรามาฝังเอาไว้ รอให้บ่มได้ที่แล้วจะเอาออกไปขาย พี่สะใภ้ทั้งฉลาดและเป็นคนสนุกสนาน ข้าชอบนางยิ่งนัก"

หลี่เหว่ยเมื่อได้ฟังที่หลี่ฮวากล่าวมาก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามน้องสาว

"เจ้าบอกว่านางหมักสุราไว้นำไปขายหรือ"

"เพคะ"

"จวนของข้ายากจนหรือไรนางจึงต้องดิ้นรนเช่นนี้บัดซบสิ้นดี เจ้ากลับไปก่อน ข้ามีเรื่องจะสั่งสอนพี่สะใภ้ของเจ้าเสียหน่อย"

หลี่ฮวาเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าอย่างงุนงง แต่นี่เป็นเรื่องในบ้านของพี่ชายนางไม่อาจสอดมือเข้าแทรกจึงพยักหน้ารับแต่โดยดี

เมื่อหลี่ฮวาจากไปแล้วหลี่เหว่ยก็รีบตรงไปหาจางลู่หลินในทันที ยามนี้นางเพิ่งล้างมือเสร็จและเตรียมจะกินของว่างที่หลิงหลิงและตงฟางนำมาให้แต่ยังไม่ทันที่หยิบขนมเข้าปาก ก็ได้ยินเสียงของหลี่เหว่ยเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

"พวกเจ้าไสหัวออกไปให้หมด"

จางลู่หลินจ้องมองสามีโรคประสาทที่เดินเข้ามาด้วยความเอือมระอา กลับมาก็ส่งเสียงดังโวยวายวางอำนาจ น่าเบื่อจริงเชียว

เมื่อสาวใช้ออกไปหมดแล้ว หลี่เหว่ยก็เดินเข้ามาหาจางลู่หลินและปรายตามองนางอย่างไม่พอใจ

"ข้าเลี้ยงดูเจ้าไม่ดีหรือ เจ้าถึงดิ้นรนจะออกไปเป็นแม่ค้าขายสุราที่นอกจวน เจ้าอยากให้ข้าอับอายใช่หรือไม่"

จางลู่หลินย่นหัวคิ้ว ที่แท้เขาก็มาด่านางเรื่องที่นางหมักสุราเช่นนั้นหรือ

เรื่องเพียงเท่านี้ก็ต้องโมโหด้วย!

นางถอนหายใจออกมากด้วยความเบื่อหน่าย

"ใช่ ข้าหมักสุราจะเอาไปขาย ข้าจะเปิดร้านสุรา แล้วมันไปหนักส่วนไหนของท่าน"

"ข้าเสียหน้า มีที่ไหนกัน เป็นถึงพระชายาเอกแต่กลับจะทำการค้า คนนอกจะว่าเอาได้ว่าข้าเลี้ยงดูเจ้าอดๆอยากๆ ข้าขายหน้าเจ้าเข้าใจไหม!"

"หน้าท่านนี่ไม่ใช่หน้าข้า อีกอย่างข้าต้องเตรียมหาลู่ทางเอาไว้ หากวันหนึ่งท่านขอหย่ากับข้า ข้าจะได้มีลู่ทางทำมาหากิน ไม่ต้องลำบากเพราะมัวแต่แบมือขอเงินสามี"

หลี่เหว่ยชะงักไปในทันที ที่นางทำเช่นนี้เพราะคิดว่าวันหนึ่งเขาจะหย่าขาดจากนางอย่างนั้นหรือ

อยู่ๆหลี่เหว่ยก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างประหลาด ชายหนุ่มตรงเข้าไปกระชากข้อมือของนางให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับเขา จางลู่หลินที่เห็นเช่นนั้นก็โมโห นางจึงยื่นมือของตนไปกระชากคอเสื้อเขาเช่นเดียวกัน

"เอาสิ แลกกันคนละหมัดเลยไหมละ"

หลี่เหว่ยถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก เขารีบปล่อยมือนางทันที

"อย่าคิดว่าข้ายอมให้แล้วเจ้าจะทำเช่นไรกับข้าก็ได้ ลู่หลินข้าขอบอกเจ้าเอาไว้เลยนะ เจ้าไม่มีวันออกไปจากจวนของข้าได้ ข้าไม่หย่ากับเจ้า หรือต่อให้หย่าเจ้าก็อย่าฝันว่าจะได้ออกไปเลย เจ้าล่วงรู้ความลับของข้า ข้าไม่มีทางให้เจ้าจากไป"

จางลู่หลินส่งเสียงเหอะออกมา นางยกมือขึ้นเท้าเอวพลางมองมองหลี่เหว่ยอย่างเอือมระอา

"ความลับบัดซบนั่นมีอันใดน่าป่าวประกาศกัน ห๊ะ! "

"ข้าไม่เชื่อน้ำหน้าคนอย่างเจ้า"

"สารเลวน้อยนี่!"

"เจ้ากล้าด่าข้าสารเลวอย่างนั้นหรือ!"

"ท่านก็ยืนอยู่ตรงนี้คิดว่าข้าด่าสุนัขหรือไง!"

นางไม่สนใจเขาอีก อีกทั้งยังทิ้งกายนั่งลงและไม่มองหน้าเขาเลย อยู่ๆหลี่เหว่ยก็รู้สึกกระวนกระวายนี่นางโกธรเคืองเขาหรือ

ช่างหัวนางสิผู้ใดสนกัน

เขาคิดจะหันหลังจากไปแต่กลับก้าวข้าไม่ออก หลี่เหว่ยครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะยื่นเท้าของตนไปเขี่ยเท้าของนาง

"เจ้าไม่มีสิทธิ์มาโมโหข้า ใครใช้ให้เจ้าล่วงรู้ความลับของข้าเล่า เอาเถิด เจ้าอยากขายก็ขายไป แต่ห้ามออกไปเองสั่งบ่าวไพร่ไปทำแทน ต่อไปนี้อยากทำสิ่งใดก็ทำ แค่อย่าให้ข้าขายหน้าก็พอ ที่สำคัญอย่าแพร่งพรายความลับของข้า"

จางลู่หลินไม่ตอบ นางไม่ชอบเลย เขาจะริดลอนอิสระภาพของนางเกินไปแล้ว นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้ น่าโมโหนัก!

เมื่อเห็นว่าเอ่ยเช่นไรสตรีตรงหน้าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเขา หลี่เหว่ยเริ่มหมดความอดทน เขาเดินไปตรงหน้านางและเอ่ยอย่างโมโห

"ข้าจะให้คนหาทำเลร้านค้าให้ พอใจหรือยัง!"

เอ่ยจบเขาก็เดินกระฟัดกระเฟียดจากไปทันที จางลู่หลินหันไปมองตามหลังเขา ก่อนจะลอบยกเท้าให้เขาคราหนึ่ง เมื่อครู่นี้เขาบอกว่าจะไม่หย่ากับนางหรือ เหอะ!

ช่างเถิด อย่างน้อยเขาก็ยังบอกว่าจะหาทำเลร้านขายสุราให้นาง นางเองก็ไม่ใช่สตรีงี่เง่าที่โกธรใครนานๆ เช่นนั้นให้อภัยก็ได้

เรื่องราวก็ผ่านไปเช่นนี้ จนถึงช่วงเช้าของวันต่อมา หลังจากที่ตื่นนอนแล้ว หลี่เหว่ยก็มาฝึกยิงธนูที่ลานฝึกซ้อม ในจวนองค์ชายใหญ่จะมีลานฝึกซ้อมวรยุทธ์อยู่ที่ด้านหลังจวน ฝีมือการยิงธนูและการใช้อาวุธของหลี่เหว่ยเป็นเลิศทุกอย่าง เขาไม่เคยรบแพ้ศัตรูเลยสักครั้ง 

จางลู่หลินเพิ่งกินมื้อเช้าอิ่มจึงออกมาเดินเล่นย่อยอาหาร ระหว่างนั้นนางได้ยินเสียงของจี้เฟิน องค์รักษ์ที่อยู่ข้างกายหลี่เหว่ยกำลังเอ่ยชมเจ้านายของตนนางจึงหันไปมอง ก่อนที่ใบหน้าสวยหวานจะแดงซ่านขึ้นมา

ตอนนี้หลี่เหว่ยกำลังฝึกซ้อมการใช้ดาบ ชายหนุ่มถอดเสื้อออกหมดเหลือเพียงกางเกงตัวยาว ในมือแกว่งดาบฉวัดเฉวียนไปมาอย่างสง่างามและดุดัน เขาช่างรูปงามและชวนมองเสียจนนางละสายตาไม่ได้

ช่างแน่นไปหมดทุกส่วน!

หลี่เหว่ยรับรู้ได้ว่ามีคนมาจึงหันไปมองเมื่อเห็นว่าเป็นจางลู่หลินที่กำลังมองเขาด้วยแววตาเคลิ้มเคลิบชายหนุ่มก็ทำตัวไม่ถูก เขารีบหาเสื้อผ้ามาสวมใส่พร้อมกับครุ่นคิดในใจ

เหตุใดนางจึงมองเขาเช่นนั้น ไม่มีทางมันจะไม่มีครั้งที่เจ็ดเด็ดขาด!

เขาไม่สนใจนาง แต่กลับหยิบคันธนูขึ้นมายิ งจางลู่หลินรู้สึกทึ่งกับทักษะการใช้อาวุธของหลี่เหว่ยเป็นอย่างมาก นางเองก็ชอบยิงธนูใช้มีดสั้น แต่ยังไม่เคยใช้ทำร้ายใครเพราะในยุคปัจจุบันไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้เพียงฝึกฝนเป็นงานอดิเรกเท่านั้น

"องค์ชายใหญ่ ฝีมือของพระองค์ยอดเยี่ยมมาก การล่าสัตว์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พระองค์จะต้องล่าสัตว์ได้มากที่สุดแน่นอน"

จางลู่หลินเมื่อได้ยินว่าจะมีการล่าสัตว์ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก จงรีบเดินเข้าไปหาเขาทันที หลี่เหว่ยวางคันธนูลง ก่อนจะสั่งให้จี้เฟินออกไป แล้วจึงหันมาเอ่ยกับนาง

"เจ้ามาทำสิ่งใด เหตุใดไม่อยู่ที่เรือน เป็นสตรีควรฝึกเย็บปักถักร้อย ดูแลงานบ้าน ไม่ใช่เดินไปเดินมาไร้แก่นสารเช่นนี้"

จางลู่หลินไม่สนใจคำด่าของเขากลับเดินเข้าไปหาเขาอย่างกระตือลือล้น

"หลี่เหว่ย ท่านสอนข้ายิงธนูบ้างสิ ข้าชอบมาก แต่ฝีมือข้าเทียบท่านไม่ได้้เลย"

หลี่เหว่ยเลิกคิ้วมองนางอย่างดูแคลน

"อย่างเจ้าน่ะหรือจะฝึกยิงธนู ข้าไม่สอนหรอก ข้าไม่ชอบสอนคนโง่"

เอ่ยจบเขาก็ไม่สนใจนางอีก จางลู่หลินปรายตามองหลี่เหว่ยคราหนึ่ง

"ต้องสอนสิ อย่างไรการล่าสัตว์ข้าย่อมต้องติดตามท่านไปด้วย หากคนนอกรู้ว่าข้าอ่อนหัดท่านจะขายหน้าเอาได้นะ ช่างเถิด หากท่านไม่เต็มใจสอนข้าเองก็จะไม่บังคับ เช่นนั้นความลับของท่านก็คงจะเก็บรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว"

หลี่เหว่ยรีบหันขวับกลับมามองจางลู่หลิน ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาหานางรวดเร็วราวกับพายุ

"หุบปาก"

"โอะ"

เพราะเขาพุ่งเข้าไปโดยไม่ทันระวัง ทำให้เขาและนางล้มลงบนพื้นหญ้า ชายหนุ่มทาบทับอยู่บนตัวของนาง กลิ่นหอมอ่อนๆทำให้เขาใจเต้นแรงเสียจนจางลู่หลินรู้สึกถึงได้ มือของนางตอนนี้วางอยู่บนแผงอกกำยำของเขา กลิ่นเหงื่ออ่อนๆของบุรุษตรงหน้าทำให้สติของนางกะเจิดกระเจิง ด้านหลี่เหว่ยก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

"ฝึก.. ข้า ข้าสอนให้ก็ได้ แต่เจ้าต้องหุบปากเสีย"

"ดะ ได้"

คนทั้งสองรีบลุกพรวดพราดขึ้นมา หลี่เหว่ยทำทีเป็นยกคันธนูขึ้นมาดู ส่วนจางลู่หลินก็ยกมือขึ้นมาจับผมตนเอง ชายหนุ่มหันมามองหญิงสาว พร้อมกับลอบกลืนน้ำลายลงคอ

ไม่มีทาง จะต้องไม่มีครั้งที่เจ็ด ไม่ทีทาง!

ไม่มีทาง ไม่ทาง!

จางลู่หลินใจเต้นระส่ำ นางเพียงอยากหัดยิงธนูนี่นาไม่ได้อยากยั่วยวนเขาเสียหน่อย

"อยู่ดีดีข้าก็รู้สึกร้อนขึ้นมา ได้ยินว่าไม่ไกลจากตรงนี้มีเรือนเล็กอยู่ ข้าจะเข้าไปล้างหน้า ท่านก็ฝึกยิงธนูต่อไปเถอะ พรุ่งนี้ข้าค่อยมาเรียนยิงธนูกับท่าน"

เอ่ยจบนางก็คิดจะหันหลังเดินจากไป ส่วนหลี่เหว่ยที่ยืนอยู่ตอนนี้เริ่มรู้สึกได้ว่าช่วงล่างเริ่มแข็งขึงขึ้นมาเสียดื้อๆ

ไม่มีทาง 

ไม่ทางทนได้แล้วโว๊ย!

เขาโยนคันธนูลงบนโต๊ะ ก่อนจะตรงเข้าไปคว้าร่างของจางลู่หลินขึ้นมาพาดเอาไว้บนบ่า และเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระเซ่า

"ข้าก็จะไปล้างหน้าเช่นกัน อย่างนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ"

เมื่อเข้ามาในเรือนเล็กเขาก็ปิดประตูเรือน ก่อนจะดันตัวนางเข้าไปชิดกับผนังและมอบจูบที่แสนดุดันให้แก่นาง จางลู่หลินยังไม่ทันตั้งตัวนางรีบผลักเขาออก และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือความสงสัยใคร่รู้

"ไหนท่านบอกว่าจะไม่มีครั้งต่อไป"

"หุบปาก เจ้าเป็นคนพูดเองว่าจะแพร่งพรายความลับของข้า เช่นนั้นข้าต้องปิดปากเจ้าอีกครั้ง ข้าขอปิดปากเจ้าได้หรือไม่?"

จางลู่หลินมองชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก และโผเข้าไปจูบตอบเขาอย่างดูดดื่มแทนคำตอบ

นางก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ได้โปรดรีบมาปิดปากนางที!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   ตอนจบ

    หลังจากดื่มกินกันอย่างสำราญใจ เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงช่วงกลางดึก หลี่เหวยกลับมายังที่พักของตน ก่อนจะพบว่ายามนี้จางลู่หลินยังคงไม่เข้านอน หญิงสาวเอาแต่มองดวงจันทร์ที่ด้านนอกหน้าต่างด้วยแววตาที่วูบไหว เขาที่เริ่มมึนเมาเล็กน้อย ตรงเข้าไปกอดนางจากทางด้านหลัง ก่อนจะซบใบหน้าลงไปที่ซอกคอขาวเนียนของนาง พลางเอ่ยถาม"พระจันทร์น่ามองตรงที่ใดกัน ข้ายังน่ามองกว่าตั้งเยอะ"จางลู่หลินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ลอบเบ้ปากคราหนึ่ง "หลงตนเองเกินไปแล้ว"หลี่เหว่ยหันตัวนางให้กลับมามองเขา จางลู่หลินมองสบตากับบุรุษตรงหน้าเล็กน้อย"จางลู่หลิน เจ้ามันน่ารังเกียจ น่ารังเกียจยิ่งกว่าผู้ใด"เพียงเขาเอ่ยปากพูดก็เอาแต่พ่นวาจาเหน็บแนมนางจนนางคร้านที่จะถกเถียงกับเขาแล้ว หญิงสาวยื่นสองมือไปประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ และพินิจมองอย่างชื่นชม"หลี่เหว่ย ข้าว่า ข้าคงชอบท่านเข้าแล้วล่ะ ไม่สิ อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ชอบเท่านั้นแต่ข้าหลงรักท่านแล้วต่างหาก"หลี่เหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นแววตาก็ทอประกายวูบไหว เขาไม่ได้เมามายถึงขนาดขาดสติ ย่อมฟังวาจาที่นางกล่าวออกมาได้อยางชัดเจนแจ่มแจ้ง ใจของเขาเต้นถี่ระรัวอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าค

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   ตอนที่ 31 ชัยชนะ

    เมื่อสงครามจบลง หลี่เหว่ยได้สั่งให้ฝังศพเหล่าทหารกล้าเอาไว้ที่ริมแม่น้ำซึ่งมีทัศนียภาพที่งดงามที่สุดในชายแดน อีกทั้งยังเทสุราลงบนพื้นเป็นการไว้อาลัยให้กับพวกเขาที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันมาจนได้รับชัยชนะหลายบ้านที่บุตรชายกลับมาอย่างปลอดภัยล้วนดีใจเป็นอย่างมาก แต่บ้านที่ต้องสูญเสียบุตรชายในสนามรบต่างเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หลี่เหว่ยเองก็ปลอบประโลมพวกเขาเป็นอย่างดีเมื่อได้เห็นว่าเขาอ่อนโยนกับเหล่าชาวบ้านเช่นนี้ จางลู่หลินก็นับว่าได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย เขาเอาใจใส่ราษฎรเป็นอย่างดี เรื่องเล็กๆน้อยๆล้วนคิดอ่านอย่างละเอียดรอบคอบก่อนหน้านี้ที่หลี่หรงลอบนำกองกำลังทหารออกไปได้ และจัดการเผาทำลายหมู่บ้านหลานฮวา โชคดีที่หลีเหว่ยส่งคนเฝ้าจับตาดูมานานจึงช่วยเหล่าชาวบ้านออกมาได้ ตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่เมืองหนานหลิงและปลอดภัยดี เฟิ่งเฉวียนก็ให้การดูแลพวกเขาอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องเมื่อได้รับชัยชนะ แน่นอนว่าย่อมต้องมีการเฉลิมฉลอง เหล่าชาวบ้านในชายแดนชำนาญการล่าสัตว์และใช้เหยี่ยว อาหารที่นำมาเลี้ยงฉลองจึงมีแต่อาหารที่ชาวบ้านกินกันเป็นประจำ แต่หลี่เหว่ยกลับไม่ได้รังเกียจ เขาร่วมดื่มกินกับเหล่าทหารอย่

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 30 สงคราม

    เมื่อแผนการถูกเปิดเผย แน่นอนว่าหรงหวาที่เป็นท่านหญิงผู้มาจากแคว้นฉานซี รวมถึงคนของแคว้นฉานซีทั้งหมดต้องถูกจับตัวมาขังเอาไว้เพื่อรอการไต่สวนเว้นแต่อาซาน ที่หลี่เหวยพาเขาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อของตนและบอกความจริงทุกอย่างจนกระจ่างแจ้ง ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนยามนี้ล้มป่วยหนักจึงยกมอบเรื่องราวทุกอย่างให้หลี่เหว่ยเป็นคนจัดการ หลี่เหว่ยจึงเสนอความเห็นว่าจะให้อาซานร่วมรบกับแคว้นฉานซี เขาจะทำได้หรือไม่ที่ต้องสู้รบกับแคว้นบ้านเกิดของตน อาซานกลับรับปากโดยไม่ลังเล เขาบอกเพียงว่าขอเพียงหลี่เหว่ยไม่ทำร้ายราฎรผู้บริสุทธิ์ของแคว้นฉานซีเขาก็ยินดีร่วมรบ ส่วนท่านอ๋องและขุนนางชั่วทั้งหลายก็แล้วแต่เวรแต่กรรมเถิดหลี่เหว่ยนับถือในความเด็ดเดี่ยวของอาซาน นับว่าคนผู้นี้ยังมีสติปัญญารู้คิดว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำเข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาว หลี่เหว่ยก็ได้ทราบข่าวที่ส่งมาจากมู่กุ้ยเหมยที่อยู่ชายแดนว่า หลี่หรงนำกองทัพของตนเข้าร่วมกับแคว้นฉานซี บุกโจมตีชายแดนแคว้นหนานฉีอย่างบ้าคลั่ง ยามนี้ทหารล้มตายไปไม่น้อย ยามนี้นางพยายามต้านอย่างสุดกำลัง ขอให้เขาส่งกำลังเสริมมาช่วยนางโดยด่วนฮ่องเต้หลี่เจี้ยนมีราชโองการให้หลี่เหว่ยยนำกองทัพไปปราบ

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 29 จุดจบคนชั่ว

    "ว่าอย่างไรนะ คนหายไปแล้วอย่างนั้นหรือ หายไปได้เช่นไรกัน!"หรงหวาที่ได้ยินองค์รักษ์ลับเข้ามารายงานว่าบิดามารดาของอาซานได้หายออกไปจากจวนของแม่ทัพใหญ่มู่แล้วนางก็กำมือแน่น อีกทั้งยังลอบก่นด่าคนตระกูลมู่ในใจเป็นร้อยเป็นพันครั้งก่อนหน้านี้ตอนที่เดินทางมาแคว้นหนานฉีชินอ๋องหลี่หรงลูกพี่ลูกน้องของนางที่เกิดจากน้องสาวของท่านพ่อ ได้ฝากฝังนางให้แม่ทัพใหญ่มู่คอยดูแล นางจึงส่งบิดามารดาของอาซานไปคุมขังเอาไว้ที่ห้องใต้ดินของจวนตระกูลมู่ อีกทั้งยังให้แม่ทัพใหญ่มู่ทรมานคนตามที่นางสั่ง แม่ทัพใหญ่มู่เป็นคนของชินอ๋องหลี่หรง และเขาเองก็ร่วมมือกับแคว้นฉานซีต้องการจะโค่นล่มแคว้นหนานฉีเช่นเดียวกัน ความแค้นหนหลังของแม่ทัพใหญ่มู่และฮ่องเต้หลี่เจี้ยนนั้นนางไม่ได้ทราบรายละเอียดมากเท่าใดนัก แต่ก็นับว่าดีไม่น้อยที่มีคนหนุนหลังคอยช่วยเหลือแคว้นฉานซีของนาง ซ้ำยังเป็นถึงแม่ทัพใหญ่มากฝีมือแห่งแคว้นเสียด้วยแต่ยามนี้คนกลับหายไป ไม่เพียงเท่านั้น เหล่านักโทษที่ถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดินของจวนตระกูลมู่ก็หายไปด้วยเช่นกัน หากเรื่องราวนี้รู้ถึงหูของฮ่องเต้หลี่เจี้ยนเกรงว่าแม้แต่นางก็อาจจะไม่รอดที่สำคัญ ยามนี้ไม่มีบิดามารดาขอ

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 28 เอาใจภรรยาอีกหน

    ด้านหลี่เหว่ยนั้นก็ได้บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เสด็จพ่อของตนฟัง รวมถึงบอกว่าคนที่ถูกจับมาจะสามารถเป็นพยานอย่างดีให้พวกเราได้ และแม่ทัพใหญ่มู่ก็ไม่อาจหนีรอดจากการจับกุมในครั้งนี้ไปได้ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนกัดฟันกรอด เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าแม่ทัพใหญ่มู่จะทรยศและหักหลังเขาเช่นนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าก็เคยร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบด้วยกันมา ต่อสู่ฝ่าฟันทุกอย่างมาด้วยกัน แต่วันนี้กลับคิดทรยศหักหลังเขาได้อย่างเลือดเย็น"รักษาคนที่ถูกจับให้หายดี แล้วทำการไต่สวนพวกเขา หาหลักฐานให้ได้มากที่สุด อีกไม่นานพวกมันคงจะรู้ตัวแล้ว เราต้องรีบจัดการก่อนที่คนร้ายจะไหวตัวทัน""พ่ะย่ะค่ะ""ที่สำคัญ พ่อเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่มู่คงไม่อาจจะวางแผนการนี้ได้คนเดียว ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเขาเป็นแน่ เจ้าจงระวังเอาไว้ให้ดี""ลูกทราบแล้ว เช่นนั้นลูกขอตัวก่อน"“อืม”เมื่อไม่มีสิ่งใดแล้วหลี่เหว่ยจึงกลับมาที่จวนของตน เขายังไม่ได้บอกเรื่องของอาซานให้เสด็จพ่อทรงทราบ เพราะเรื่องของแม่ทัพใหญ่มู่ก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว เรื่องอื่นเขายังจัดการด้วยตนเองได้ หากหรงหวายังไม่ยอมรามือจากน้องสาวของเขา เขาจะไม่เก็บนางเอาไว้ คงทำได้เพียงส่งศีรษะของนางกลับ

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 27 ช่วยเหลือ

    มู่กุ้ยเหมยขมวดคิ้วมุ่น นางสบตากับหลี่เหว่ยอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย นางไม่ได้ทำสิ่งใดผิดย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเกรงกลัว แต่ที่นางแปลกใจก็คือ เหตุใดหลี่เหวยจึงมาอยู่ในจวนของนางได้ อีกทั้งยังมีองค์หญิงหลี่ฮวาที่ตามมาด้วยหลี่เหว่ยที่เห็นว่ามู่กุ้ยเหมยไม่เอ่ยตอบ ก็ตรงเข้ามาประชิดตัวนาง ก่อนจะยกมีดสั้นวางทาบลงบนลำคอขาวเนียนของมู่กุ้ยเหมยอย่างรวดเร็ว"ตอบมา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่หน้าเจ้า ต่อให้เป็นคนที่ข้าฝึกฝนมาเองกับมือ ก็อย่าหวังว่าจะได้รับการละเว้น"มู่กุ้ยเหมยที่ถูกหลี่เหว่ยข่มขู่กลับไม่โกธร นางรู้ดีว่ายามอยู่ในสถาณการณ์คับขัน หลี่เหว่ยก็จะเย็นชาเช่นนี้อยู่เสมอ นางรู้จักเขามานานหลายปี นิสัยของเขานางเข้าใจดีมู่กุ้ยเหมยรีบคุกเข่าลง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม"เดิมทีหม่อมฉันก็สงสัยในตัวบิดาตนเองเช่นกัน จึงเข้ามาตรวจดูในห้องตำรานี้ ไม่คาดคิดว่าจะพบห้องลับ และพบว่าเขาจับคนมาขังเอาไว้และทรมานคนเหล่านั้นอย่างทารุณเช่นนี้ องค์ชายใหญ่โปรดวางพระทัย ต่อให้ตัวต้องตาย กุ้ยเหมยก็ไม่มีทางทรยศบ้านเมืองเด็ดขาด หากพระองค์มาเพื่อช่วยคน เช่นนั้นก็รีบมือเถิดเพคะ หม่อมฉั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status