เสิ่นชิงโจวสองมือไพล่หลัง ท่าทางหยิ่งผยอง พยักหน้าเล็กน้อย ถือว่าเป็นการตอบรับ สมกับเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้! สง่าผ่าเผย! ประชาชนนับไม่ถ้วนต่างก็รู้สึกทึ่งในใจ หลี่เทียนฉี่และกลุ่มข้าราชการ ก็มีสีหน้าฮึกเหิม ข้าราชการหลายคนยังคงกังวล เสิ่นชิงโจวถูกขังอยู่ในคุกหลวงเป็นเวลานาน ไม่มีข่าวคราว ถึงจะไม่ตาย ก็อาจจะถูกทรมานจนปางตาย ไร้ซึ่งความเฉียบคม ไม่อาจใช้งานได้ วันนี้ได้เห็น เสิ่นชิงโจวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่เพียงแต่มีอารมณ์แจ่มใส แต่ยังคงไว้ซึ่งความหยิ่งทระนง องค์รัชทายาท คราวนี้ ท่านเดินหมากพลาดแล้ว! ท่านจัดการฉินฮั่นหยางและคนอื่นๆ ก็ยังพอมีหวังอยู่บ้าง แต่ท่านกลับให้อาจารย์ของฮ่องเต้ออกจากคุกมาด้วย? ศึกนี้ ท่านแพ้แน่นอน! “หึหึ...” หลี่หลงหลินเผชิญหน้ากับข้อสงสัย ก็หัวเราะเยาะในใจ เสิ่นชิงโจว เจ้าแสร้งทำตัวเป็นผู้สูงส่งเพื่อปลุกขวัญกำลังใจ สร้างภาพลักษณ์ที่ดูดีน่าเกรงขาม ช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจได้จริงๆ! ทุกสิ่งมีราคา เจ้าโอหัง ไม่เห็นใครในสายตา ราคาของมันคืออะไร? หลี่หลงหลินเงยหน้า มองฮ่องเต้หวู่ เป็นไปตามคาด สีหน้าของฮ่องเต้หวู่ มืดครึ้มราวกับฝน ในดวงต
คนคำนวณ มิอาจสู้ฟ้าลิขิต องค์รัชทายาทก่อกบฏ เป็นเรื่องร้ายแรง ด้วยเหตุบังเอิญหลายประการ แผนการกบฏของหลี่เทียนฉี่ล้มเหลว เสิ่นชิงโจวในฐานะราชครู เป็นอาจารย์ของหลี่เทียนฉี่ ย่อมได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม เสิ่นชิงโจวเตรียมการไว้ ใช้ทรัพยากรมหาศาล ไม่เพียงแต่รักษาชีวิตตนเอง ยังรักษาชีวิตหลี่เทียนฉี่ และฮองเฮาหลู่พระมารดาเอาไว้ได้ และจากเหตุการณ์นี้เอง... ความผิดหวังของเสิ่นชิงโจวที่มีต่อฮ่องเต้หวู่ ก็ถึงขีดสุด มีข่าวลือว่า ฮ่องเต้หวู่ทรงเย็นชา ไร้หัวใจ เหลวไหล! ผู้เป็นจักรพรรดิ ต้องเด็ดขาด ฮ่องเต้หวู่ทรงมีพระทัยอ่อนโยน เป็นคนดี แต่ไม่ใช่ฮ่องเต้ที่ดี! ทว่า... เสิ่นชิงโจวไม่คาดคิดว่า ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในคุกหลวง นิสัยของฮ่องเต้หวู่ ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป เป็นแข็งกร้าวขึ้นกว่าเดิม? ต้องรู้ว่า... ก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้หวู่มีความเคารพตนอย่างมาก ไม่มีทางตะโกนใส่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตำหนิต่อหน้าธารกำนัล ให้ตนเองหุบปากด้วย สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก ฮ่องเต้หวู่อายุมากแล้ว นิสัยไม่อาจเปลี่ยนได้ในทันที นี่มันตะวันขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ? “กระหม่อม ขอถวายบังคมฝ่าบาท!”
เขารับมือไม่ได้ง่าย ๆ จะต้องมีแผนชั่วร้ายอะไรรอหลี่หลงหลินอยู่แน่เจ้าเก้า เจ้าจะต้องระวังเอาไว้ด้วย อย่าได้ตกหลุมพรางของจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้เป็นอันขาดฮ่องเต้หวู่กังวลใจ สบมองหลี่หลงหลินอย่างลึกซึ้งเจ้าเก้าดีไปหมดทุกอย่างเว้นแต่เพียงจุดเดียว เขาเด็กเกินไป ยังขาดประสบการณ์โดยเฉพาะประสบการณ์การต่อสู้ในราชสำนัก หลี่หลงหลินยังขาดอีกมากนักเสิ่นชิงโจวกลับเป็นผู้เชี่ยวชาญทางสายนี้!หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “เสิ่นชิงโจว คำนี้ของท่านหมายความว่าอะไร? ท่านยอมรับผิดแล้วหรือ?”เสิ่นชิงโจวยิ้มเย็น “ยอมรับผิด? คนทุจริตการสอบขุนนางคือซ่งชิงหลวน เกี่ยวอันใดกับข้า? ซ่งชิงหลวนตายไปแล้ว หรือว่าองค์ชายยังใจคอโหดเหี้ยม คิดจะลากกระดูกของเขาออกจากโลงศพและเผาจนเป็นขี้เถ้าอีกกระนั้นหรือ?”เหล่าบัณฑิตทรงคุณวุฒิเข้าใจในทันใด ที่แท้ เสิ่นชิงโจวต้องการโยนความผิดทั้งหมดให้กับซ่งชิงหลวนคนตายไปแล้วผู้นี้!อย่างไรเสีย คนตายไม่อาจพูดได้!นำมาใช้แบกรับความผิดได้!“ฮือฮือฮือ...”“บัณฑิตซ่ง เจ้าตายได้...ได้น่าอนาถเหลือเกิน!”“เจ้าอยู่ยมโลก ยังต้องแบกรับความผิด...ถูกรัชทายาทปรักปรำ”“คนตายยิ่งใหญ่ที่สุ
ฮ่องเต้หวู่อ่านเนื้อหาในจดหมายนิรนาม สีหน้าแข็งทื่อดุจเหล็ก ร่างกายสั่นเทาสะเทือนใจเหลือเกิน!เรารู้ว่าสำนักปราชญ์ทำเลยเถิดเกินไปแต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำเลยเถิดถึงเพียงนี้!จดหมายนิรนามเหล่านี้ ทุกตัวอักษรคือหยาดโลหิตและน้ำตาไม่รู้อนาคตของคนมากน้อยเพียงใดต้องถูกทำลายในเงื้อมมือของพวกสารเลวเสิ่นชิงโจว!ที่ดีสักหน่อย ก็แค่สอบตกกลับไปบ้านเกิด กลัดกลุ้มเศร้าหมอง ถูกลืมเลือนกลมกลืนไปกับคนธรรมดาแย่ที่สุดคือบัณฑิตที่ไม่ยอมแพ้ ไปโต้แย้งที่สำนักศึกษา สรุปคือต้องตายไปโดยเสียเปล่าเนื้อหาภายในจดหมายเขียนเอาไว้ พูดว่าศพและกระดูกของบัณฑิตเหล่านี้ถูกฝังอยู่ที่ใต้รูปปั้นนักปราชญ์หลังเขาของสำนักศึกษาสำนักปราชญ์อันยิ่งใหญ่ บัดนี้ถึงขั้นกลายเป็นสถานที่เก็บงำความชั่วและสิ่งสกปรกโสมมยิ่งไปกว่านั้น นักปราชญ์ยังเก็บทุกสิ่งไว้ภายในก้นบึ้งของสายตา!นี่เป็นเรื่องน่ากลัวมากเพียงใด!“เสิ่นชิงโจว!”“ฉินฮั่นหยาง!”“....”ฮ่องเต้หวู่โกรธจัด โยนจดหมายเหล่านั้นใส่พวกบัณฑิตทรงคุณวุฒิอย่างแรง ตะเบ็งเสียงดัง “พวกเจ้าลืมตาดูให้ดีๆ! หลักฐานชัดเจน พวกเจ้ายังคิดแก้ตัวอีกหรือ?”ฉินฮั่นหยางและบัณฑิตทรงคุณว
“ไม่ผิดไปดังคาด เรื่องนี้ไม่อาจดูเบาได้จริงๆ !”เสิ่นชิงโจวรู้สึกเสียดายมากยิ่งขึ้นภายในใจหากรู้ตั้งแต่แรกว่าสักวันหนึ่ง องค์ชายเก้าจะกลายเป็นภัยร้ายใกล้ตัว ชนิดที่ว่าเป็นภัยคุกคามตนเช่นนั้น น่าจะตัดใจลงมืออย่างเด็ดขาด ใช้วิธีการสายฟ้าแลบกำจัดไปตั้งนานแล้วไม่ควรเลี้ยงภัยอันตรายเอาไว้ บัดนี้รู้สึกเสียใจอย่างที่สุดทว่า บนโลกนี้ไม่มียาที่กินแล้วจะย้อนเวลากลับไปได้เสิ่นชิงโจวเสียใจภายหลังเยี่ยงไรก็ไร้ประโยชน์โทษเพียงหลี่หลงหลินเสแสร้งเก่งเกินไป แสดงละครเก่งเกินไป อดทนเก่งเกินไปเก็บงำความสามารถมานานนับสิบกว่าปี ไม่เปิดเผยออกมาเลยสักนิด ทุกคนล้วนคิดว่าเขาเป็นตัวไร้ประโยชน์!ไม่เปล่งเสียงทุกอย่างล้วนเงียบสงบ เพียงเปล่งเสียงก็ชวนให้คนตกตะลึง!ไม่บินก็หยุดนิ่ง เพียงบินก็ทะยานขึ้นฟ้า!หลี่หลงหลินมองเสิ่นชิงโจวสายตาเย็นชา “ท่านพูดว่าจดหมายนิรนามนี้ข้าเป็นคนปลอมแปลงขึ้น?”เสิ่นชิงโจวสบมองเขา ยิ้มเย็นพูดว่า “ใช่แล้ว! จดหมายนิรนามเหล่านี้ ก็คือของปลอม! หากกล้าพอ ท่านก็จงฟ้องร้องต่อหน้า! ใช้ลูกไม้อย่างจดหมายนิรนามเช่นนี้ นับเป็นอะไร?”“ในเมื่อไม่มีพยานบุคคล เช่นนั้นก็คือกล่าวหาเท็
กลยุทธ์ถ่วงเวลา ที่ใช้หมื่นครั้งได้ผลหมื่นครั้งครั้งนี้กลับพ่ายแพ้ยามอยู่ต่อหน้าหลี่หลงหลินเสิ่นชิงโจวขมวดคิ้วแน่น สีหน้าไม่สบอารมณ์อีกฝ่ายมิได้ต่อสู้ส่งเดช แต่เตรียมการมาก่อน...รับมือยากยิ่ง!หน้าท้องพระโรง ฮ่องเต้หวู่โบกมือสั่งคนไปยกเก้าอี้มังกรสีทองเข้ามา หลังนั่งลงไปแล้ว มุมปากก็ยกขึ้นเผยรอยยิ้มน่าสนใจ!กลยุทธ์ถ่วงเวลานี้ แม้แต่เราก็ปวดหัวมาก ไม่มีหนทางรับมือเจ้าเก้ากลับจัดการได้อย่างผ่อนคลาย ทำให้เสิ่นชิงโจวรับมือไม่ทันจากนี้ไปเขายังมีอุบายอันใดอีก?ฮ่องเต้หวู่นั่งบนเก้าอี้มังกร สนใจอย่างมาก นั่งดูเสือต่อสู้กันหลี่หลงหลินหันหน้า สายตาตกลงที่ราษฎรทั้งหมด “ข้ารู้พวกเจ้ารู้สึกโกรธเคืองภายในใจ! ข้ายังรู้อีกว่าพวกเจ้าไม่ใช่คนขี้ขลาด มีความกล้าลุกออกมา ต่อสู้กับสำนักปราชญ์เน่าเฟะอย่างสุดชีวิต!”“แต่ ไม่จำเป็น!”“มีตัวอักษรอันเป็นหยาดโลหิตและน้ำตาของพวกเจ้าในจดหมายนิรนาม นี่ก็เพียงพอแล้ว!”“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องลุกออกมาเปิดเผยฐานะเพื่อเสี่ยงอันตราย!”“ข้าจะรับประกันความปลอดภัยของพวกเจ้าเอง!”เหล่าราษฎรอึ้งงันรัชทายาทถึงขั้นห้ามมิให้บุคคลนิรนามลุกออกมา?หรือว่า
หลี่หลงหลินยิ้มเย็นทีหนึ่ง เหลือบมองเสิ่นชิงโจว “ใครพูดว่ามีเพียงพยานวัตถุ ไม่มีพยานบุคคล ก็ไม่สามารถลงโทษท่านได้เล่า! ท่านพูดว่าจดหมายนิรนามนี้ล้วนเป็นคำพูดส่งเดช ถูกสร้างขึ้นมา?”“ข้าลอบให้องครักษ์เสื้อแพรสืบตามเนื้อหาในจดหมายแล้ว”“อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดส่วนก็คือเรื่องจริง!”ซี้ด...เสียงหายใจเย็นดังขึ้นระลอกหนึ่งหลี่หลงหลินเตรียมการไว้รอบด้านไม่ผิดไปดังคาด!เขาถึงขั้นส่งองครักษ์เสื้อแพรออกไปลอบสืบจดหมายนิรนาม ยิ่งไปกว่านั้นยังได้หลักฐานที่แท้จริงคดีทุจริตการสอบขุนนางมีมานานมากแล้วช่วงล่าสุดก็คือหนึ่งถึงสองปีก่อนช่วงเวลายาวนานยิ่งกว่านี้ไม่จำเป็นต้องพูดถึง สิบปีไปจนถึงสามสิบสี่สิบปีก็ล้วนมีทั้งสิ้นจดหมายนิรนามไร้สาระที่สุดหนึ่งฉบับพูดว่าคือเมื่อห้าสิบปีก่อน อดีตฮ่องเต้ยังครองบัลลังก์ ฮ่องเต้หวู่ยังไม่ได้รับสืบทอดบัลลังก์จากเรื่องนี้สามารถมองออกว่าสำนักปราชญ์ผูกขาดการสอบขุนนาง ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในระยะอันใกล้นี้ แต่มีมานานมากแล้วน่ากลัวว่ายามต้าเซี่ยเพิ่งสถาปนาแคว้น รากหายนะก็หยั่งลงลึกแล้วคนเขียนจดหมายนิรนามมีความโกรธแค้นอย่างลึกซึ้งต่อสำนักปราชญ์ กอปรกับมุมม
กระดูกภายในหีบ ทั้งหมดล้วนขุดออกจากหน้ารูปปั้นนักปราชญ์ที่หลังเขาสำนักศึกษา?บนลานไป๋อวี้ เงียบสงัดไปทั้งผืนไม่ว่าขุนนางหรือราษฎร ทั้งหมดล้วนลืมตาอ้าปากค้าง สีหน้าตกตะลึงพรึงเพริดภายในจดหมายนิรนามล้วนเป็นความจริงทุกประโยคเดิมทีสำนักศึกษาคือแดนสวรรค์สั่งสอนให้ความรู้คนบัดนี้กลับกลายเป็นสถานที่ปกปิดความชั่วสกปรกโสมมกระดูกขาวเหล่านี้ คล้ายกำลังพูดออกมาสองคำ...กินคน!ฮ่องเต้หวู่ปวดใจอย่างมาก เดินโงนเงนมาที่หน้าหีบ มองซากศพภายใน“ฝ่าบาท ระวังพิษจากศพพ่ะย่ะค่ะ...”เว่ยซวินยื่นผ้าเช็ดหน้าปักลายให้ เอ่ยปากร้องเตือนฮ่องเต้หวู่กลับโบกมือ ไม่ได้รับไว้ สายตาจับจ้องกระดูกขาวภายในหีบ ไม่พูดจาอยู่นานก็เหมือนที่หลี่หลงหลินพูดกระดูกส่วนใหญ่เป็นของเด็กหนุ่ม ร่างกายกำลังเจริญเติบโต แต่กลับไม่อาจเติบโตจนสำเร็จได้ไม่แปลกใจเพราะบัณฑิตที่มาขอเรียนที่สำนักศึกษาส่วนใหญ่เป็นเด็กหนุ่มอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีส่วนอดีตซิ่วไฉที่สอบไม่ผ่านครั้งแล้วครั้งเล่า หัวใจแหลกสลายจนเย็นชา ไม่อยู่ศึกษาที่สำนักศึกษาต่อ แต่เลือกกลับไปเรียนหนักที่บ้านเกิดทว่า ภายในกระดูกเหล่านี้ยังมีกระดูกของเด็กอายุราวเ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค