หลี่หลงหลินมีสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าไม่มีทางล้อเล่นกับพี่สะใภ้สี่แบบนี้แน่! ตอนนี้มีทางเดียวคือ ต้องขอให้พี่สะใภ้สี่ออกโรงช่วยเหลือพี่สะใภ้สาม เร่งวิจัยและพัฒนาน้ำหอมดอกไม้ออกมาให้เร็วที่สุด!” “ไม่เพียงแต่จะทำให้เหล่าสนมในวังหลังพอใจเท่านั้น!” “แต่ยังสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้อีกมากมายอีกด้วย!” แม้ว่าภายนอกหลิ่วหรูเยียนจะดูอ่อนโยน แต่ภายในใจนางเป็นหญิงสาวที่กังวลเรื่องบ้านเมืองและประชาชนมาก! ไม่อย่างนั้น นางคงไม่ชอบบทกวีชายแดน และรักไคร่ชอบพอแม่ทัพที่ฆ่าศัตรูเพื่อประเทศชาติหรอก “ตกลง!” “หม่อมฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!” หลิ่วหรูเยียนตอบตกลงทันที หลี่หลงหลินทิ้งสูตรน้ำหอมดอกไม้ไว้ให้หลิ่วหรูเยียนและซุนชิงไต้ได้ศึกษา เมื่อเขากลับไปที่ห้อง ก็นอนไม่หลับ ได้แต่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง เพราะมัวคิดหาวิธีรับมือกับโรคมาลาเรียที่กำลังแพร่ระบาด จนกระทั่งฟ้าสางโดยไม่รู้ตัว ในเวลานี้ ก็มีคนมาเคาะประตูเบาๆ แล้วน้ำเสียงหวานก็ดังมาจากข้างนอก “องค์ชาย ท่านตื่นหรือยัง?” เสียงของพี่สะใภ้สี่หรือ? หลี่หลงหลินสะดุ้ง จากนั้นรีบลุกขึ้นแต่งตัว เปิดประตูออกไป ก็เห็นหลิ่วหรู
“กลัวตายหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงรู้สึกตัวขึ้นทันที ดวงตาจ้องมองหลี่หลงหลินด้วยความสับสน “ข้าเพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกว่ามีคนกลัวตายในบ้านตัวเอง!” หลี่หลงหลินเป็นองค์ชาย เติบโตในพระราชวังต้องห้ามมาตั้งแต่เด็ก พระราชวังก็คือบ้านของเขาจริงๆ หลี่หลงหลินยิ้มอย่างขมขื่น “เจ้าไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ไม่รู้ถึงความโหดร้ายและอันตรายในวังหลัง!” เมื่อพูดจบ หลี่หลงหลินก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาให้ซูเฟิ่งหลิงฟังอย่างละเอียด “อะไรนะ? ไทฮองไทเฮาและเสด็จแม่ของท่านป่วยเป็นโรคมาลาเรีย เกือบเอาชีวิตไม่รอด!” “อะไรนะ? ท่านตบหน้าฉินกุ้ยเฟยต่อหน้าธารกำนัล?” “อะไรนะ? ท่านสงสัยว่าฉินกุ้ยเฟยเป็นต้นเหตุ?” ซูเฟิ่งหลิงฝึกทหารม้าอยู่ที่เขาประจิมตลอด ไม่คิดว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในวัง พอได้ฟังแล้วก็ตกตะลึง หลี่หลงหลินพยักหน้า ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “สถานการณ์ซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิด! เสด็จพ่ออนุญาตให้ข้าสืบสวนเรื่องนี้แล้ว! หากข้าสืบพบอะไรขึ้นมา ทั้งวังหลังและขุนนางคงต้องสั่นสะเทือน!” “ถ้าข้าเข้าวังคนเดียว อาจจะตายได้โดยที่ไม่รู้สาเหตุ!” ซูเฟิ่งหลิงตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหานี้ จึงรี
ซึ่งนี่ถือว่าหายากมากในบรรดาฮ่องเต้ในสมัยโบราณ! หลี่หลงหลินโค้งคำนับ “เสด็จพ่อ! ไม่ต้องให้คนอื่นพูด ลูกก็ยินดีที่จะมอบสูตรยาให้! เพียงแต่ว่า ยานี้มีชื่อว่าต้นจินจี้น่า เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ปลูกในต่างแดนเกรงว่าภายในอาณาจักรต้าเซี่ยจะมีน้อยมาก!” “และลูกบังเอิญพบว่าที่ตำหนักฉางเล่อมีต้นจินจี้น่าอยู่ต้นหนึ่ง!” ฮ่องเต้หวู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ต้นจินจี้น่า? ต่างแคว้นมีของวิเศษเช่นนี้ด้วยหรือ? โอ้ เราจำได้แล้ว! ต้นที่ตำหนักฉางเล่อเป็นของที่ทูตต่างแดนส่งมา มีเพียงต้นเดียวเท่านั้น!” หัวใจของหลี่หลงหลินจมดิ่งลง ต้นจินจี้น่า มีแค่ต้นเดียวในตำหนักฉางเล่อจริงๆ! แย่แล้ว! หลี่หลงหลินพูดขึ้นด้วยความหวังริบหรี่ “บางทีอาจจะมีต้นจินจี้น่าอยู่ในหมู่ประชาชน! ขอเสด็จพ่อทรงออกพระราชโองการ ประกาศขอซื้อในราคาสูง! แม้จะมีเพียงต้นเดียวหรือสองต้น ก็สามารถช่วยชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนได้!” ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “อนุญาต!” หลี่หลงหลินพูดต่อ “เสด็จพ่อ แม้แต่ในวังก็ยังมีโรคมาลาเรียระบาด! ในหมู่ประชาชนเกรงว่าจะแพร่กระจายไปแล้วด้วย! ลูกขอให้เสด็จพ่อส่งคนไปทำความสะอาดคูน้ำ จัดการน้ำเสีย กำจัดยุงลาย!” “โด
จวนธรรมดาหลังหนึ่ง ราคาแค่สามถึงห้าหมื่นตำลึงเท่านั้น เช่นเดียวกับจวนของเชื้อพระวงศ์อย่างองค์ชายหก แต่ของตู้เหวินยวนนั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีของต้าเซี่ย มีอำนาจล้นฟ้า ที่พักของเขาจึงหรูหราโอ่อ่า แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตร มีศาลาและเรือนต่างๆ สวยงามมาก ไม่แพ้พระราชวังเลย อย่าว่าแต่หนึ่งล้านตำลึงเลย ต่อให้เพิ่มเป็นสามเท่าหรือห้าเท่า ตู้เหวินยวนก็ไม่มีทางขาย “องค์ชายเก้า!” ตู้เหวินยวนยิ้มแห้งๆ “จวนของข้า ไม่ได้มีมูลค่ามากขนาดนั้น...” หลี่หลงหลินเยาะเย้ย “ไม่เป็นไร! เงินที่ขาด ข้าจะช่วยออกให้ใต้เท้าตู้เอง!” สีหน้าของตู้เหวินยวนเปลี่ยนไป “แบบนั้นก็เกรงใจแย่...” หลี่หลงหลินยิ้มอย่างอารมณ์ดี “เพื่อประชาชน ข้าเสียเปรียบเล็กน้อยจะเป็นอะไรกันล่ะ!” ตู้เหวินยวนได้แต่ด่าในใจ เจ้าเสียเปรียบเล็กน้อย แต่ข้าจะเสียหายหนักมาก! ฮ่องเต้หวู่ที่อยู่บนบัลลังก์มังกร เริ่มหมดความอดทน “ท่านตู้ แพ้ก็ต้องยอมรับ ทำไมถึงได้เรื่องมากนัก! ให้เวลาเจ้าสามวัน จะเอาเงินออกมา หรือยกจวนให้เจ้าเก้า!” “เรื่องนี้ก็เอาตามนัแหละ!” “เลิกเข้าเฝ้า!” ฮ่องเต้หวู่ไม่ให้โอกาสตู้เหวินยวน
แพทย์หลวงในสถาบันแพทย์หลวง จริงๆ แล้วก็เหมือนกับพ่อครัวหลวงในห้องครัวหลวง ต่างก็ให้ความสำคัญกับชาติกำเนิดที่ใสสะอาด บริสุทธิ์ ต้องสืบเชื้อสายมาจากตระกูล! อาชีพใดก็ตาม หากสืบทอดกันมา ขาดการแข่งขัน ไม่ช้าก็เร็วย่อมตกต่ำ! ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าแพทย์หลวงอยู่แต่ในวังตลอดทั้งปี จะได้รักษาโรคให้สนมสักกี่ครั้งกัน? วันๆ เอาแต่อ่านตำราแพทย์โบราณ มันจะมีประโยชน์อะไร? แพทย์แผนจีนเป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยประสบการณ์ แต่เหล่าแพทย์หลวงกลับขาดประสบการณ์อย่างมาก จึงกลายเป็นหมอที่ไร้ความสามารถ รู้จักแต่ท่องจำ ไม่รู้จักการประยุกต์ใช้ จ่ายยาอะไร ยาอะไรก็ไม่ได้ผล! รักษาโรคอะไร โรคอะไรก็ไม่หาย! ไม่แปลกที่ฮ่องเต้หวู่ไม่ไว้ใจแพทย์หลวง ยอมทนป่วย ดีกว่ากินยาที่พวกเขาสั่งให้ ที่จริงแล้ว ฮ่องเต้หวู่เล็งเห็นฝีมือทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของซุนชิงไต้แล้ว อยากให้นางเข้าวัง มารักษาโรคให้เหล่าสนม โดยเฉพาะไทฮองไทเฮา ที่มีอายุมากแล้ว เจ็บป่วยได้ง่ายๆ ให้ซุนชิงไต้รักษา ฮ่องเต้หวู่ก็วางใจ แต่สำหรับหลี่หลงหลิน นี่ไม่ต่างอะไรกับการถูกแย่งคน! “เสด็จพ่อ!” “เกรงว่าแบบนี้จะไม่ได้!” หลี่หลงหลินครุ่น
ฮ่องเต้หวู่ดวงตาเป็นประกาย แสดงความคิดเห็นว่า “สำนักศึกษาแพทย์หรือ? ให้ซุนชิงไต้เป็นอาจารย์ สอนหมอให้มีมากขึ้น? เป็นความคิดที่น่าสนใจ! แต่ทำไมต้องเป็นผู้หญิง? ผู้ชายไม่ได้หรือ?” ในความคิดของฮ่องเต้หวู่ มีหมอผู้หญิงเพียงไม่กี่คนก็พอ! ส่วนซุนชิงไต้เป็นข้อยกเว้น เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว การเป็นหมอต้องใช้แรงกาย! หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยยิ้ม “ผู้หญิงใจละเอียดอ่อน และในสนามรบ สามารถปลอบประโลมจิตใจทหารได้! นอกจากนี้ การที่ผู้หญิงเป็นหมอ ยังสะดวกในการเข้าวัง รักษาโรคให้เหล่าสนม!” เขตพระราชฐานชั้นใน ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าออกได้ตามใจชอบ โดยเฉพาะผู้ชาย! กล่าวได้ว่า นอกจากฮ่องเต้ และองค์ชายแล้ว ใครก็ตามที่เข้าไปในเขตพระราชฐานชั้นใน ถือเป็นข้อห้ามอย่างยิ่งใหญ่! รวมถึงแพทย์หลวงด้วย! ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “แล้วเจ้าจะรับประกันความจงรักภักดีของพวกนางได้อย่างไร?” สิ่งที่เขากังวล ไม่ใช่แค่ฝีมือทางการแพทย์ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือความจงรักภักดี หากมีมือสังหารแฝงตัวอยู่ในหมู่แพทย์หญิงเหล่านี้ คงจะเป็นเรื่องวุ่นวาย! หลี่หลงหลินตอบอย่างไม่ลังเล “เหมือนกับองครักษ์เสื้อแพร ต้องมีประวัติครอบครัวท
น้ำลึกเกินไป! ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม”แล้วท่านจะทำยังไงต่อ?” หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ “คนอื่นทำร้ายเสด็จแม่ของข้า ข้าจะนิ่งเฉยได้อย่างไร? แต่เสด็จพ่อกลับมีท่าทีเช่นนี้! เพียงลำพังตัวข้าคนเดียว อยากจะสืบสวนเรื่องนี้ในวังหลัง ก็ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์!” “เอาล่ะ ไปที่ตำหนักฉางเล่อก่อน ไปพบเสด็จแม่ของข้า อย่างน้อยก็ช่วยเตือนนาง” ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า “อืม! ทำได้แค่นี้แหละ!” ในเวลานี้ เสียงแหลมคมกฌดังขึ้นด้านหลังหลี่หลงหลิน “องค์ชายเก้า รอสักครู่!” หลี่หลงหลินหันกลับไป เห็นขันทีชราในชุดปักลายหม่างเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน “เว่ยกงกง มีอะไรจะชี้แนะหรือ?” เว่ยซวินลดเสียงลง “ฮ่องเต้ให้ข้ามาบอกท่าน! ที่จริงแล้ว พระองค์ก็อยากสืบสวนคดีนี้เช่นกัน แต่...ฮองเฮาอยากให้เรื่องเงียบๆ ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย!” หลี่หลงหลินใจเต้นแรง “ฮองเฮาหรือ?” เว่ยซวินพยักหน้า และเอ่ยว่า “อีกอย่าง! เรื่องที่ท่านให้ข้าสืบ มีเบาะแสแล้ว! ในวังหลังทั้งหมด สถานที่ที่มียุงน้อยที่สุดคือตำหนักจิ่นซิ้วของฉินกุ้ยเฟย!” พูดจบ เว่ยซวินก็หันหลังกลับไป หลี่หลงหลินยืนนิ่งอยู่กับที่ในหัวรู้สึกสับสนเล็กน้อย ห
หลี่หลงหลินเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “เสด็จแม่ ตามที่ท่านพูดมา ฉินกุ้ยเฟยควรจะตั้งใจจัดการกับหลู่ฮองเฮาสิ! ทำไมต้องสร้างศัตรูไปทั่ว แล้วยังรังแกพระองค์อีก?” หลินกุ้ยเฟยมีนิสัยอ่อนโยน ไม่ชอบเป็นศัตรูกับใคร ในวังหลัง นางเป็นคนที่ไม่ค่อยโดดเด่น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยแย่งชิงความโปรดปราน ทำไมฉินกุ้ยเฟยต้องรังแกนาง? หรือว่าสู้กับหลู่ฮองเฮาไม่ได้ เลยมาลงที่สนมคนอื่น? หลินกุ้ยเฟยส่ายหัว “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน! บางที ฉินกุ้ยเฟยอาจจะชอบตำหนักฉางเล่อและดอกไม้ใบหญ้าพวกนี้มากก็ได้!” เหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้น แม้แต่หลินกุ้ยเฟยเองก็ยังไม่เชื่อ หลี่หลงหลินถามต่อ “แล้วฮองเฮาล่ะ? นางมีนิสัยเช่นไร?” หลินกุ้ยเฟยส่ายหัว “แม่ก็ดูไม่ออก! แต่ฮองเฮาเป็นคนดี มีความสามารถ รู้จักคำนึงถึงภาพรวม! นางจัดการวังหลังอันกว้างใหญ่แห่งนี้ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย!” “ยกเว้นฉินกุ้ยเฟยที่ชอบก่อเรื่อง” “สนมคนอื่นๆ ก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข!” คำนึงถึงภาพรวม! เมื่อหลี่หลงหลินได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกถึงบางอย่าง หรือว่าฮองเฮาไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เพียงเพราะคำว่าคำนึงถึงภาพรวมหรือ? มีความเป็นไปได้สูงมาก! หลู่
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค