อวี้หยางกอดนางแน่นกว่าเดิม เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ความรักจะทำให้มีความสุข จนเอ่อล้นออกมาเช่นนี้ เพียงแค่มีนางอยู่ในอ้อมกอด เขาก็ไม่ต้องการสิ่งใดไปมากกว่านี้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ เขายังมีบางเรื่องที่ยังปิดบังนางอยู่ และมิอาจบอกตอนนี้ได้
“อวี้หยาง ไม่ว่าท่านจะเป็นใครมาจากที่ใด ข้าก็หาได้สนใจไม่ ขอเพียงท่านอยู่ข้างกายข้าตลอดไป ได้หรือไม่”
เพียงแค่นางเอ่ยขึ้น ก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันที เขามาที่นี่เพื่อต้องการให้นางพาเข้าวัง และจะได้สืบหาข่าวของกบฏเมืองชิงโจว บัดนี้เขากับจิ่นหลงก็ทำภารกิจเกือบสำเร็จแล้ว เหลือก็เพียงแต่ ถอนกำลังออกจากวังหลวงเสิ่นตู และจากไป….
“คืนนี้ดึกมากแล้ว เจ้าก็เหนื่อยมาก นอนเถอะ ฝนหยุดตกแล้ว”
“ท่านจะไม่ทิ้งข้าไป ใช่หรือไม่”
“หากยังมีแรงพูดเช่นนี้ ข้าจะจูบเจ้าจนกว่าเจ้าจะยอมนอน”
“คิดว่าข้ากลัวคำขู่นั้นของท่านหรือ”
“องค์หญิงโลภเกินไปแล้ว”
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะนอน”
อันหลินหลับไปหลังจากนั้นไม่นาน แต่คนที่กอดนางอยู่กับเริ่มครุ่นคิดบางอย่าง จนทำให้นอนไม่หลับ บัดนี้เขาได้ก้าวข้ามผ่านเส้นกั้นต้องห้ามที่ขีดเอาไว้เอง ซึ่งมีจ้าวอันหลินเป็นผู้ทำลายกำแพงหนาของเขา ลงไปจนหมดสิ้น
เดิมทีคิดว่า เพียงแค่นอนกับนางสักครั้งคงจะไม่เป็นไร ขอเพียงสืบข่าวได้ก็จะจากไปโดยไม่รู้สึกผิด
นึกไม่ถึงว่ากบฏของชิงโจว จะติดต่อกับคนในวัง กว่าเขาจะสืบตามจนเจอเบาะแส ก็เกือบสองเดือน ความผูกพันที่เริ่มก่อตัวนี้ ยากจะหักห้ามใจได้ อีกทั้งเขาพึ่งจะมารู้วันนี้เองว่า นางเป็นสตรีพรหมจรรย์ ที่ไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน
‘เช่นนี้คงต้องเปลี่ยนแผนใหม่เสียแล้ว ข้าจะต้องรีบกลับไปชิงโจว เพื่อจะได้จัดการเรื่องที่เหลือ อันหลินเจ้ารอข้าก่อนนะ ข้าจะกลับมาหาเจ้า พร้อมกับสินสอดเพื่อสู่ขอเจ้า’
เขาจุมพิตไปที่หน้าผากมนอีกครั้ง ก่อนจะรีบลุกจากเตียงขององค์หญิง และกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง
ห้องนอนอวี้หยาง
“ท่านอ๋อง”
“จิ่นหลง เกิดอะไรขึ้น!”
“พวกเราคาดการณ์ผิด อ้ายต้านเฟิงมิได้เพียงแค่สมคบคิดกับเจ้ากรมพิธีการ เขายังมีกองทัพลับอยู่ที่นี่ด้วย คนของเราถูกล่อเข้าไปที่ซ่องโจรหลังเขา คิดว่าจะจับมันได้ ที่ไหนได้มันกลับให้กองทัพลับที่เหลือซุ่มโจมตี กระหม่อมจึงรีบกลับมาทูลแจ้ง ท่านอ๋อง ตอนนี้คงต้องเรียกกำลังเสริมที่อยู่ชายแดนเข้ามาแล้ว”
“กะทันหันยิ่งนัก อ้ายต้านเฟิงเจ้าคนชั่ว! คิดไม่ถึงว่าจะยังมีแผนชั่วร้ายเช่นนี้อยู่ เจ้าบาดเจ็บมากหรือไม่”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ พวกเราไหวตัวทัน และถอยออกมาได้ก่อน ส่วนคนที่บาดเจ็บ ตอนนี้กลับไปซ่อนตัวที่หอหรูเยว่แล้ว จะให้ส่งข่าวไปที่ชิงโจวเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งข่าวไปทันที ให้กองทัพทลายเมฆาของข้า ออกมาที่จุดนัดพบตามแผน อีกสามวันข้าจะตามไป”
“ท่านอ๋องจะหาเหตุผลใด ออกจากวังได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ามีวิธี เจ้ารีบไปรอที่นอกเมืองก่อน ตอนนี้อย่าให้ผู้ใดสงสัยได้ อ้ายต้านเฟิง ข้าจะสังหารมันด้วยตัวข้าเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อแจ้งรายงานด่วนเสร็จแล้ว จิ่นหลงก็รีบกลับไปทันที อวี้หยางไม่คิดว่าเรื่องราวจะยุ่งยากขึ้นมาเช่นนี้ ตอนนี้เขาจะต้องรีบจัดการเรื่องตรงหน้าเสียก่อน แต่จะบอกเช่นไรให้นางเข้าใจ
“ใช่แล้ว ยังมีอีกคนที่ช่วยข้าได้!”
วันถัดมา
เมื่ออันหลินตื่นขึ้นมา ก็พบกับเตียงที่ว่างเปล่า ไม่คิดว่าอวี้หยางจะทิ้งนางไปแต่เช้าเช่นนี้ นางรู้สึกโมโห เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบเขา
“นี่มันมิได้แตกต่างกับคืนทั่ว ๆ ไปเลยนี่! ข้าคิดว่าเขาจะปฏิบัติตัวดีขึ้นเสียอีก”
“องค์หญิงท่านตื่นแล้วหรือเพคะ”
“เจาอิน”
“ให้ตายเถอะ เมื่อคืนนี้ท่านเมาถึงเพียงนี้เลยหรือเพคะ หากไม่ทราบว่าท่านสังสรรค์จนดื่มหนัก ข้าคิดว่ามีโจรบุกรุกเสียอีก”
“อะไรนะ…”
เมื่อนางมองดูรอบ ๆ ก็พบว่า สภาพห้องนอนไม่เหมือนเดิม แต่มิใช่ฝีมือคนร้ายจากไหนแต่อย่างใด แต่เป็นนางกับอวี้หยาง ที่ใช้ทุกที่ในห้องบรรทมเป็นเตียง และสนามรักที่ดุดัน ทั้งขอบหน้าต่าง โต๊ะกลางและเตียงนอน เมื่อนึกขึ้นมาได้นางก็ยิ้มหน้าแดงออกมา
“องค์หญิง ท่านไม่สบายหรือเพคะ ว้าย! แย่แล้ว!”
“เจ้าเสียงดังไปทำไมกัน มีอะไร”
“คะ คอของท่าน เหตุใดมีรอยแดง องค์หญิงหรือว่าท่านจะแพ้สุรา แย่แล้วต้องรีบตามซานกงกง”
“เจาอินไม่ต้อง!”
“แต่ว่า”
“นี่มิใช่ผื่นแพ้อะไร ข้าก็แค่… ถูกแมลงกัดน่ะ เมื่อคืนนี้ดื่มมากไปหน่อย ยุงก็เลยกัด เจ้าไปเตรียมน้ำอุ่นจัดให้ข้าที ข้าอยากจะแช่น้ำลอยดอกไม้เสียหน่อย”
“ไม่เป็นอะไรแน่นะเพคะ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกน่า ว่าแต่… อวี้หยางเล่า เจ้าเห็นเขาหรือไม่”
“ไม่เห็นเลยเพคะ ตั้งแต่ช่วงเช้าซานกงกงบอกว่า เห็นคุณชายอวี้เดินออกจากตำหนัก แต่ไม่ทันได้ถามว่าจะไปที่ใดแน่ จึงไม่ทราบเพคะ”
“อะไรนะ ออกไปจากตำหนักหรือ คงมิได้ไปที่หอหรูเยว่หรอกกระมัง หากจะกลับก็ต้องแจ้งข้าก่อนสิ”
“องค์หญิง ท่านมิใช่ว่ากำลังโกรธคุณชายอวี้อยู่หรือเพคะ เมื่อวานนี้ท่านไล่เขาไปเองนะเพคะ”
“ช่างเถอะ ข้าอยากแช่น้ำแล้ว เจ้ารีบไปเตรียมน้ำเร็วเข้า”
“เพคะ”
อวี้หยางกลับมาที่ตำหนักในตอนบ่าย ซึ่งทำให้องค์หญิงไม่พอใจอย่างมาก เพราะเขาหายไปโดยมิได้บอกกล่าว เมื่อเดินเข้ามาก็พบกับซานหูที่รออยู่
“ซานหู แล้วอัน…เอ่อ องค์หญิงเล่า”
“คือว่าแบบนี้นะคุณชายอวี้ นี่ท่านไปที่ใดมาตั้งแต่เช้า จนป่านนี้พึ่งจะกลับมา องค์หญิงโกรธจนไม่ยอมเสวย และยังไม่ยอมออกจากห้องตั้งแต่เช้า”
“อะไรนะ ข้าก็แค่… ไม่คิดว่านางจะมีแรงตื่นเร็วเช่นนี้”
“เอ๋… ท่านพูดจาแปลก ๆ นะ ปกติองค์หญิงก็ดื่มหนักบ้าง แต่ก็ไม่เคยตื่นสายเลยนะ”
“คือข้า…”
“เอาเถิด ๆ ถึงอย่างไรก็กลับมาแล้ว ท่านก็ไปหานางทีเถอะ ข้ากับเจาอินพูดจนเหนื่อยแล้ว”
“ไม่เป็นไร เช่นนั้นท่านมีอะไรก็ไปทำเถอะ ส่วนเรื่ององค์หญิง ข้าจัดการเองไม่ต้องห่วง”
“เช่นนั้นก็ดี ๆ ข้ามีธุระอีกมากมายจะต้องสะสาง รอก็แต่ให้ท่านมานี่แหละ ปวดหัวไปหมด โอ๊ย เด็ก ๆ มาเร็ว รีบมาช่วยข้ายกของ เอาไปไว้ที่เรือนด้านหลัง”
""ขอรับ""
ซานหูเดินออกไปแล้ว เขาจึงรีบไปที่ห้องขององค์หญิงทันที ตอนนี้แม้แต่เจาอินก็ไม่ได้อยู่ข้างกายนาง เพราะอันหลินบอกว่าอยากอยู่คนเดียว นางจึงไปช่วยซานหูเก็บของที่ด้านหลัง เมื่อมาถึงหน้าห้องขององค์หญิง เขาก็ไม่รอเคาะประตู แต่เปิดเข้าไปเลย นางนั่งอยู่ริมหน้าต่าง และมองออกไปข้างนอก
“อันหลิน”
“ท่าน! นี่ท่านไปไหนมา”
นางหันมาดีใจเมื่อเห็นเขา แต่ก็รีบหุบยิ้ม และหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว ที่นางไม่ขยับตัว ก็เพราะขยับไม่ค่อยไหวนั่นเอง จึงได้แต่นั่งอยู่กับที่ และไม่อยากอาหาร เขาอมยิ้มและเดินมาด้านหลังนางพร้อมกับสวมกอด
“ปล่อยข้านะ ไม่ต้องมาจับ”
“ขอโทษที่ออกไปแต่เช้า โดยมิได้บอกเจ้า พอดีว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อยที่ต้องจัดการน่ะ”
“เรื่องด่วนงั้นหรือ หากว่าสำคัญมากก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องมาสนใจข้า”
“องค์หญิงงอนหรือ”
อันหลินไม่อยากจะยอมรับ เพียงผ่านค่ำคืนแรก เขาก็ทิ้งนางไปกลางดึก เช่นนี้จะมิให้นางโกรธได้อย่างไร อีกอย่างนางกำลังนั่งคิดว่า ควรทำเช่นไรดี แม้ว่าในวังจะมีตำรับยาพิเศษ ที่ระงับการตั้งครรภ์ แต่ทว่านางก็ไม่อยากจะใช้
“คิดไม่ถึงว่า ข้าห่างองค์หญิงไปไม่กี่ชั่วยาม ก็คิดถึงข้าเสียแล้ว”
“ใครคิดถึงท่านกัน ท่านมัน…อื้อ”
เขาหันมาจูบนาง และรวบตัวอันหลินขึ้นมาอุ้มทันที อันหลินรู้สึกว่าตัวลอยขึ้นมา จึงเผลอโอบรัดรอบคอเขาแน่นด้วยความตกใจ
“ท่านจะทำอะไรน่ะ ตกใจหมดเลย”
“ทำอย่างที่เจ้ากำลังคิด ข้าออกไปทำธุระเพียงไม่กี่ชั่วยาม รู้หรือไม่ว่าข้าเองก็คิดถึงเจ้ามากเพียงใด”
“พูดจาเรื่อยเปื่อย ท่านก็แค่กลัวว่าข้าจะโกรธ และไม่ยอมคุยด้วยเท่านั้น ปล่อยข้าลง”
“แน่นอนต้องปล่อยแน่ แต่มิใช่ที่นี่ แต่เป็นบนเตียง ข้าจะบอกเจ้าว่าคิดถึงเจ้ามากแค่ไหน คิดถึงจนอยากทำให้เจ้าลุกไม่ขึ้นเลยล่ะองค์หญิง”
ศพของเซินลี่หง ถูกส่งกลับไปที่สกุลเซิน พร้อมกับหนังสือแจ้งเรื่องความผิดวินัยกองทัพ ซึ่งทางสกุลเซินเองก็มิได้มีข้อโต้แย้งอันใด พวกเขาเหมือนจะทราบชะตากรรมของนาง ก่อนที่จะกลับมาถึงชิงโจวเสียด้วยซ้ำไป เพราะท่านอ๋องไม่เคยปล่อยให้ผู้ใด ละเมิดกฎกองทัพทลายเมฆามาก่อน“ท่านอ๋อง ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นก็ดี สั่งให้ออกเดินทางในอีกสองวัน ข้าจะต้องไปถึงเสิ่นตูภายในเจ็ดวัดนี้”“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”จิ่นหลงเดินออกไปแล้ว หลังจากรายงานทุกอย่างให้ท่านอ๋องทราบ ก่อนหน้านี้เขานึกรำคาญเซินลี่หงนักหนา เพราะระหว่างเดินทาง นางทำเหมือนกับว่า ตัวเองเป็นชายาท่านอ๋องเสียเองคอยสั่งการผู้อื่นจนทุกคนเอือมระอา แต่เมื่อเห็นนางตายต่อหน้า เขาก็นึกเสียดายฝีมือของนาง แต่ก็คิดว่าท่านอ๋องมิได้ทำเกินกว่าเหตุ เป็นนางเองที่ทำให้ตัวเอง เดินมาถึงจุดนี้“พวกเจ้ารีบเตรียมของ ท่านอ๋องสั่งให้ออกเดินทาง ในอีกสองวันข้างหน้า”""ขอรับ""หรงอวี้หยางนั่งอยู่ในห้องหนังสือ เขาลูบไปที่หน้าท้องซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกอาวุธลับ ของพวกกบฏชั่ว จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะอาวุธนั้นมีพิษ ตอนนี้แม้ว่าแผลจะหายสนิทแล้ว แต่เขาก็มักจะเผลอไปจ
“เอาเถอะเสี่ยวจิ่น ตอนนี้อาการท่านอ๋องก็มิได้หนักหนามาก รองแม่ทัพเซินมีใจให้ท่านอ๋องมานาน แต่ข้าก็คิดไม่ถึงว่า นางจะกล้าขัดคำสั่งกองทัพ ลอบมาหาท่านอ๋องถึงที่นี่ ทำให้ศัตรูไหวตัวทัน จนทำร้ายท่านอ๋องเข้า”“โชคดีที่มีกองทัพขององค์ไท่จื่อของเสิ่นตูช่วยเอาไว้ จึงจับคนที่เหลือของอ้ายต้านเฟิงได้”“ท่านอ๋องบาดเจ็บคราวนี้ หากอาการดีขึ้น คงต้องรีบส่งกลับชิงโจว เพื่อรักษา อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว”“ว่าอย่างไรนะ แต่ว่าท่านอ๋องกับองค์หญิง”“เรื่องชีวิตของท่านอ๋องสำคัญกว่า แม้ว่าข้าจะรักษาแผลให้ท่านอ๋องได้ แต่ก็ต้องหมั่นดูอาการ ที่นี่ไม่สะดวกเจ้าก็เห็น หากเกิดเหตุการณ์เช่นเมื่อครู่อีก ครั้งนี้ข้าคงช่วยไม่ได้แล้ว อีกอย่างในอาวุธนั่นมีพิษ ยาที่รักษาพิษได้อยู่ที่เมืองชิงโจว อย่างไรก็ต้องกลับไปรักษาที่นั่น" “เช่นนั้นข้าจะรีบส่งรายงาน ไปที่กองทัพขององค์ไท่จื่อของเสิ่นตู จะให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้ว่า ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัส”“เจ้ารีบไปจัดการเถอะ”“ท่านหมอ แล้วจะต้องพาท่านอ๋องกลับไปเมื่อใด” บัดนี้กบฏถูกท่านอ๋องสังหารแล้ว เรื่องชายแดนก็นับว่าพระองค์จัดการได้อย่างยอดเยี่ยม ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ ส่งจดหมายเพื่อขอบคุ
“องค์หญิง ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าจะไม่ดื่มนี่เพคะ”“ตอนนี้ข้าอยากจะดื่มแล้ว ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ยานี้ไม่ได้มีผลอะไรกับการตั้งครรภ์ในวันข้างหน้าหรอก เจ้าไม่มั่นใจวิชาแพทย์ของข้าหรอกหรือ”“มิใช่เช่นนั้นนะเพคะ เพียงแต่ข้าคิดว่าองค์หญิง กับคุณชายอวี้”“ข้ากับเขาทำไมหรือ นี่เจ้าคงจะไม่คิดว่า ข้าจะเลือกเขาเป็นราชบุตรเขย ให้กับเสด็จพ่อหรอกนะ แม้ว่าเขาจะหน้าตาดี มีความรู้มาก อีกอย่างก็เป็นบุรุษที่ข้าพาเข้าวังมา และทำให้ทะเลาะกับเสด็จพ่อไปครั้งหนึ่ง แต่ก็น่าแปลกที่หลังจากนั้น เสด็จพ่อก็ไม่ต่อว่าข้าอีกเลย คงเป็นเพราะรู้สึกผิดที่ตบข้ากระมัง”“องค์หญิง”“เอาล่ะข้าจะเข้านอนแล้ว เจ้าก็ดับไฟเสียเถอะ”“เพคะ”สองวันถัดมา / หอหรูเยว่ “องค์หญิงเพคะ คนของหอหรูเยว่มาแล้วเพคะ”“ให้เข้ามาเถอะ”“เพคะ”ซานหูนำคนของหอหรูเยว่เข้ามาเข้าเฝ้า จิ้งมาม่าและผู้ติดตามอีกคนเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวในหอหรูเยว่ ด้วยสีหน้ามิใคร่สู้ดีเท่าใดนัก“ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ”“จิ้งมาม่า ท่านรู้หรือไม่ว่า ข้ามาที่นี่เพราะเหตุใด”“เอ่อ คือว่าหม่อมฉันก็พอทราบเพคะ เพียงแต่ว่า”“เจ้าทราบงั้นหรือ ไหนลองว่ามาสิ ว่าที่เจ้าทราบนั่นคือสิ่งใด”จิ
“โอ๊ย! ท่านออกไม่ได้นะ”“ปล่อยข้านะ!”เขาสะบัดแขนนางออก และรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที พร้อมกับกุมหน้าท้อง ที่เริ่มมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด“หยุดเขาไว้เร็วเข้า รีบเรียกหมอมา”“ขอรับ”อวี้หยางรีบวิ่งไป แต่ผู้คนมากมายในคืนนี้ล้วนสวมหน้ากาก ซึ่งเป็นประเพณีของงานเทศกาลที่นี่ เขามองหานางท่ามกลางผู้คน แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา ตอนนี้จมูกเขาเริ่มไม่ได้กลิ่น สายตาก็เริ่มพร่ามัวแต่เมื่อวิ่งลงไปด้านล่าง ตรงโต๊ะก่อนถึงทางออก เขาก็เห็นหน้ากากที่ถูกถอดเอาไว้ ในนั้นเปียกไปด้วยน้ำตา เมื่อเขาหยิบขึ้นมาก็พบว่ามันเป็นของนางอย่างแน่นอน น้ำตาที่ไหลเอ่อออกมา คงจะเจ็บปวดมาก เมื่อเห็นว่าเขาอยู่กับสตรีอื่น“อันหลิน…”“อวี้หยาง! เร็วเข้ารีบพยุงเขาขึ้นไป!”“ขอรับ”อวี้หยางยังกอดหน้ากากของนางเอาไว้แน่น ก่อนที่สติทั้งหมดของเขาจะดับวูบลงไป พร้อมกับบาดแผลที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้อะไรอีกเลย….“องค์หญิง! ท่านอยู่ที่นี่จริงด้วย ท่านร้องไห้หรือเพคะ”“เปล่า ข้าก็แค่หลงทาง พอดีเจอหอหรูเยว่ก็เลยจำทางได้ เจอพวกเจ้าก็ดีแล้ว กลับกันเถอะข้าเหนื่อยแล้ว”“เอ่อ เช่นนั้นกระหม่อม จะเรียกรถม้ามารับที่นี่”“ไม่ต้อง ไ
“ก็ได้ ข้ารับปากท่าน”อวี้หยางกอดนางแนบแน่น ยากเหลือเกินที่จะทำใจคลายอ้อมกอดนี้ออกไป แต่ภารกิจที่เหลือ ยังต้องการเขาไปดำเนินการให้จบ ในเมื่อตอนนี้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่ขั้นสุดท้ายเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็จะรีบจัดการเรื่องของแคว้นและ…จ้าวอันหลิน“ข้าไปนะ”“เดี๋ยวก่อน”อันหลินเดินไปที่โต๊ะ และหยิบบางอย่างออกมา มันเป็นถุงหอมที่นางแอบทำเอาไว้นานแล้ว เดิมทีก็คิดว่าจะเก็บเอาไว้เอง แต่นับตั้งแต่อวี้หยางเข้ามาในตำหนัก นางก็เริ่มหัดเย็บปักสิ่งนี้ขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยชอบงานเหล่านี้เลย“นี่เป็นถุงหอมที่ข้าเย็บเอง ท่านเอาไปสิ”อวี้หยางมองถุงหอมที่ผูกพู่สีแดงอยู่ ในนั้นมีกลิ่นที่คุ้นจมูกของเขา ซึ่งเป็นกลิ่นที่นางมักจะใช้อยู่เป็นประจำ เขารับและดึงมาสูดกลิ่นทันที“สิ่งนี้จะเป็นตัวแทนเจ้า จะได้เหมือนมีเจ้าอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลา ขอบใจมากนะอันหลิน”“ท่านชอบก็ดีแล้ว ข้าไม่ถนัดงานปักเย็บ ก็เลยทำได้เพียงแค่นี้ มิได้ปักอะไรเอาไว้”“ขอเพียงเป็นสิ่งที่เจ้าให้ อย่างไรก็มีค่าสำหรับข้าเสมอ”นางกอดเขาอีกครั้ง ไม่คิดมาก่อนเลยว่า เพียงแค่เขาบอกว่าจะกลับหอหรูเยว่เพียงไม่กี่วัน กลับทำให้นางรู้สึ
“เดี๋ยวก่อนสิ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน ท่านไปที่ไหนมากันแน่ แล้วจู่ ๆ ทำไมจึงมีเรื่องด่วนเข้ามาเล่า”“ข้าก็อยากจะบอกนะ แต่ว่าตอนนี้อย่าพึ่งพูดจะได้ไหม ซานหูกับเจาอินออกไปข้างนอก เรามีเวลาไม่นานเท่าใด หากอยากรู้ข้าจะบอก แต่คงต้องหลังจากนี้ก่อน”“อ๊ะ อวี้หยางคนผีทะเล…อื้อ เบาหน่อยสิมันยังช้ำอยู่เลย”“ข้าจะอ่อนโยน”“อื้อ…อ๊าา”เมื่อปลดชุดนางออกได้ เขาก็ไม่รอที่จะให้นางขัดขืน และเริ่มดึงชุดของตัวเองออกด้วยเช่นกัน เมื่อตอนเข้ามาเขาลงกลอนแน่นหนา แต่คิดว่าช่วงเวลานี้ คงไม่มีใครกล้ามายุ่งกับทั้งสองเป็นแน่“อ๊าา เบาหน่อยสิ ดูดเสียงดังไปแล้ว ท่านอดอยากมาจากไหน อ๊าา”นางต่อว่าเขา แต่ก็กอดศีรษะของเขาแน่น เมื่ออวี้หยางดูดดึงหน้าอกของนาง พร้อมกับใช้นิ้วสอดเข้ามากลางร่องศึก ที่พึ่งพักไปได้ไม่กี่ชั่วยาม“อ๊าา อวี้หยาง ช่วยด้วย!”เขารู้ว่านางอ่อนไหวมากขนาดไหน เพียงแค่ถูกเล้าโลมนิดหน่อยนางก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว แน่นอนว่าเขาเองก็เช่นกัน ช่วงเวลากลางวันที่เห็นเรือนร่างนางชัดเจนเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาแทบคลั่งตาย“ฮึก! อึ๊ยย!!”"เจ็บอยู่หรือไม่"นางส่ายศีรษะเป็นคำตอบ เมื่อเช้านางแช่น้ำอุ่นเพื่อคลายกล้ามเนื้อไปแล้ว