อวี้หยางกอดนางแน่นกว่าเดิม เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ความรักจะทำให้มีความสุข จนเอ่อล้นออกมาเช่นนี้ เพียงแค่มีนางอยู่ในอ้อมกอด เขาก็ไม่ต้องการสิ่งใดไปมากกว่านี้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ เขายังมีบางเรื่องที่ยังปิดบังนางอยู่ และมิอาจบอกตอนนี้ได้
“อวี้หยาง ไม่ว่าท่านจะเป็นใครมาจากที่ใด ข้าก็หาได้สนใจไม่ ขอเพียงท่านอยู่ข้างกายข้าตลอดไป ได้หรือไม่”
เพียงแค่นางเอ่ยขึ้น ก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันที เขามาที่นี่เพื่อต้องการให้นางพาเข้าวัง และจะได้สืบหาข่าวของกบฏเมืองชิงโจว บัดนี้เขากับจิ่นหลงก็ทำภารกิจเกือบสำเร็จแล้ว เหลือก็เพียงแต่ ถอนกำลังออกจากวังหลวงเสิ่นตู และจากไป….
“คืนนี้ดึกมากแล้ว เจ้าก็เหนื่อยมาก นอนเถอะ ฝนหยุดตกแล้ว”
“ท่านจะไม่ทิ้งข้าไป ใช่หรือไม่”
“หากยังมีแรงพูดเช่นนี้ ข้าจะจูบเจ้าจนกว่าเจ้าจะยอมนอน”
“คิดว่าข้ากลัวคำขู่นั้นของท่านหรือ”
“องค์หญิงโลภเกินไปแล้ว”
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะนอน”
อันหลินหลับไปหลังจากนั้นไม่นาน แต่คนที่กอดนางอยู่กับเริ่มครุ่นคิดบางอย่าง จนทำให้นอนไม่หลับ บัดนี้เขาได้ก้าวข้ามผ่านเส้นกั้นต้องห้ามที่ขีดเอาไว้เอง ซึ่งมีจ้าวอันหลินเป็นผู้ทำลายกำแพงหนาของเขา ลงไปจนหมดสิ้น
เดิมทีคิดว่า เพียงแค่นอนกับนางสักครั้งคงจะไม่เป็นไร ขอเพียงสืบข่าวได้ก็จะจากไปโดยไม่รู้สึกผิด
นึกไม่ถึงว่ากบฏของชิงโจว จะติดต่อกับคนในวัง กว่าเขาจะสืบตามจนเจอเบาะแส ก็เกือบสองเดือน ความผูกพันที่เริ่มก่อตัวนี้ ยากจะหักห้ามใจได้ อีกทั้งเขาพึ่งจะมารู้วันนี้เองว่า นางเป็นสตรีพรหมจรรย์ ที่ไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน
‘เช่นนี้คงต้องเปลี่ยนแผนใหม่เสียแล้ว ข้าจะต้องรีบกลับไปชิงโจว เพื่อจะได้จัดการเรื่องที่เหลือ อันหลินเจ้ารอข้าก่อนนะ ข้าจะกลับมาหาเจ้า พร้อมกับสินสอดเพื่อสู่ขอเจ้า’
เขาจุมพิตไปที่หน้าผากมนอีกครั้ง ก่อนจะรีบลุกจากเตียงขององค์หญิง และกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง
ห้องนอนอวี้หยาง
“ท่านอ๋อง”
“จิ่นหลง เกิดอะไรขึ้น!”
“พวกเราคาดการณ์ผิด อ้ายต้านเฟิงมิได้เพียงแค่สมคบคิดกับเจ้ากรมพิธีการ เขายังมีกองทัพลับอยู่ที่นี่ด้วย คนของเราถูกล่อเข้าไปที่ซ่องโจรหลังเขา คิดว่าจะจับมันได้ ที่ไหนได้มันกลับให้กองทัพลับที่เหลือซุ่มโจมตี กระหม่อมจึงรีบกลับมาทูลแจ้ง ท่านอ๋อง ตอนนี้คงต้องเรียกกำลังเสริมที่อยู่ชายแดนเข้ามาแล้ว”
“กะทันหันยิ่งนัก อ้ายต้านเฟิงเจ้าคนชั่ว! คิดไม่ถึงว่าจะยังมีแผนชั่วร้ายเช่นนี้อยู่ เจ้าบาดเจ็บมากหรือไม่”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ พวกเราไหวตัวทัน และถอยออกมาได้ก่อน ส่วนคนที่บาดเจ็บ ตอนนี้กลับไปซ่อนตัวที่หอหรูเยว่แล้ว จะให้ส่งข่าวไปที่ชิงโจวเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งข่าวไปทันที ให้กองทัพทลายเมฆาของข้า ออกมาที่จุดนัดพบตามแผน อีกสามวันข้าจะตามไป”
“ท่านอ๋องจะหาเหตุผลใด ออกจากวังได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ามีวิธี เจ้ารีบไปรอที่นอกเมืองก่อน ตอนนี้อย่าให้ผู้ใดสงสัยได้ อ้ายต้านเฟิง ข้าจะสังหารมันด้วยตัวข้าเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อแจ้งรายงานด่วนเสร็จแล้ว จิ่นหลงก็รีบกลับไปทันที อวี้หยางไม่คิดว่าเรื่องราวจะยุ่งยากขึ้นมาเช่นนี้ ตอนนี้เขาจะต้องรีบจัดการเรื่องตรงหน้าเสียก่อน แต่จะบอกเช่นไรให้นางเข้าใจ
“ใช่แล้ว ยังมีอีกคนที่ช่วยข้าได้!”
วันถัดมา
เมื่ออันหลินตื่นขึ้นมา ก็พบกับเตียงที่ว่างเปล่า ไม่คิดว่าอวี้หยางจะทิ้งนางไปแต่เช้าเช่นนี้ นางรู้สึกโมโห เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบเขา
“นี่มันมิได้แตกต่างกับคืนทั่ว ๆ ไปเลยนี่! ข้าคิดว่าเขาจะปฏิบัติตัวดีขึ้นเสียอีก”
“องค์หญิงท่านตื่นแล้วหรือเพคะ”
“เจาอิน”
“ให้ตายเถอะ เมื่อคืนนี้ท่านเมาถึงเพียงนี้เลยหรือเพคะ หากไม่ทราบว่าท่านสังสรรค์จนดื่มหนัก ข้าคิดว่ามีโจรบุกรุกเสียอีก”
“อะไรนะ…”
เมื่อนางมองดูรอบ ๆ ก็พบว่า สภาพห้องนอนไม่เหมือนเดิม แต่มิใช่ฝีมือคนร้ายจากไหนแต่อย่างใด แต่เป็นนางกับอวี้หยาง ที่ใช้ทุกที่ในห้องบรรทมเป็นเตียง และสนามรักที่ดุดัน ทั้งขอบหน้าต่าง โต๊ะกลางและเตียงนอน เมื่อนึกขึ้นมาได้นางก็ยิ้มหน้าแดงออกมา
“องค์หญิง ท่านไม่สบายหรือเพคะ ว้าย! แย่แล้ว!”
“เจ้าเสียงดังไปทำไมกัน มีอะไร”
“คะ คอของท่าน เหตุใดมีรอยแดง องค์หญิงหรือว่าท่านจะแพ้สุรา แย่แล้วต้องรีบตามซานกงกง”
“เจาอินไม่ต้อง!”
“แต่ว่า”
“นี่มิใช่ผื่นแพ้อะไร ข้าก็แค่… ถูกแมลงกัดน่ะ เมื่อคืนนี้ดื่มมากไปหน่อย ยุงก็เลยกัด เจ้าไปเตรียมน้ำอุ่นจัดให้ข้าที ข้าอยากจะแช่น้ำลอยดอกไม้เสียหน่อย”
“ไม่เป็นอะไรแน่นะเพคะ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกน่า ว่าแต่… อวี้หยางเล่า เจ้าเห็นเขาหรือไม่”
“ไม่เห็นเลยเพคะ ตั้งแต่ช่วงเช้าซานกงกงบอกว่า เห็นคุณชายอวี้เดินออกจากตำหนัก แต่ไม่ทันได้ถามว่าจะไปที่ใดแน่ จึงไม่ทราบเพคะ”
“อะไรนะ ออกไปจากตำหนักหรือ คงมิได้ไปที่หอหรูเยว่หรอกกระมัง หากจะกลับก็ต้องแจ้งข้าก่อนสิ”
“องค์หญิง ท่านมิใช่ว่ากำลังโกรธคุณชายอวี้อยู่หรือเพคะ เมื่อวานนี้ท่านไล่เขาไปเองนะเพคะ”
“ช่างเถอะ ข้าอยากแช่น้ำแล้ว เจ้ารีบไปเตรียมน้ำเร็วเข้า”
“เพคะ”
อวี้หยางกลับมาที่ตำหนักในตอนบ่าย ซึ่งทำให้องค์หญิงไม่พอใจอย่างมาก เพราะเขาหายไปโดยมิได้บอกกล่าว เมื่อเดินเข้ามาก็พบกับซานหูที่รออยู่
“ซานหู แล้วอัน…เอ่อ องค์หญิงเล่า”
“คือว่าแบบนี้นะคุณชายอวี้ นี่ท่านไปที่ใดมาตั้งแต่เช้า จนป่านนี้พึ่งจะกลับมา องค์หญิงโกรธจนไม่ยอมเสวย และยังไม่ยอมออกจากห้องตั้งแต่เช้า”
“อะไรนะ ข้าก็แค่… ไม่คิดว่านางจะมีแรงตื่นเร็วเช่นนี้”
“เอ๋… ท่านพูดจาแปลก ๆ นะ ปกติองค์หญิงก็ดื่มหนักบ้าง แต่ก็ไม่เคยตื่นสายเลยนะ”
“คือข้า…”
“เอาเถิด ๆ ถึงอย่างไรก็กลับมาแล้ว ท่านก็ไปหานางทีเถอะ ข้ากับเจาอินพูดจนเหนื่อยแล้ว”
“ไม่เป็นไร เช่นนั้นท่านมีอะไรก็ไปทำเถอะ ส่วนเรื่ององค์หญิง ข้าจัดการเองไม่ต้องห่วง”
“เช่นนั้นก็ดี ๆ ข้ามีธุระอีกมากมายจะต้องสะสาง รอก็แต่ให้ท่านมานี่แหละ ปวดหัวไปหมด โอ๊ย เด็ก ๆ มาเร็ว รีบมาช่วยข้ายกของ เอาไปไว้ที่เรือนด้านหลัง”
""ขอรับ""
ซานหูเดินออกไปแล้ว เขาจึงรีบไปที่ห้องขององค์หญิงทันที ตอนนี้แม้แต่เจาอินก็ไม่ได้อยู่ข้างกายนาง เพราะอันหลินบอกว่าอยากอยู่คนเดียว นางจึงไปช่วยซานหูเก็บของที่ด้านหลัง เมื่อมาถึงหน้าห้องขององค์หญิง เขาก็ไม่รอเคาะประตู แต่เปิดเข้าไปเลย นางนั่งอยู่ริมหน้าต่าง และมองออกไปข้างนอก
“อันหลิน”
“ท่าน! นี่ท่านไปไหนมา”
นางหันมาดีใจเมื่อเห็นเขา แต่ก็รีบหุบยิ้ม และหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว ที่นางไม่ขยับตัว ก็เพราะขยับไม่ค่อยไหวนั่นเอง จึงได้แต่นั่งอยู่กับที่ และไม่อยากอาหาร เขาอมยิ้มและเดินมาด้านหลังนางพร้อมกับสวมกอด
“ปล่อยข้านะ ไม่ต้องมาจับ”
“ขอโทษที่ออกไปแต่เช้า โดยมิได้บอกเจ้า พอดีว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อยที่ต้องจัดการน่ะ”
“เรื่องด่วนงั้นหรือ หากว่าสำคัญมากก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องมาสนใจข้า”
“องค์หญิงงอนหรือ”
อันหลินไม่อยากจะยอมรับ เพียงผ่านค่ำคืนแรก เขาก็ทิ้งนางไปกลางดึก เช่นนี้จะมิให้นางโกรธได้อย่างไร อีกอย่างนางกำลังนั่งคิดว่า ควรทำเช่นไรดี แม้ว่าในวังจะมีตำรับยาพิเศษ ที่ระงับการตั้งครรภ์ แต่ทว่านางก็ไม่อยากจะใช้
“คิดไม่ถึงว่า ข้าห่างองค์หญิงไปไม่กี่ชั่วยาม ก็คิดถึงข้าเสียแล้ว”
“ใครคิดถึงท่านกัน ท่านมัน…อื้อ”
เขาหันมาจูบนาง และรวบตัวอันหลินขึ้นมาอุ้มทันที อันหลินรู้สึกว่าตัวลอยขึ้นมา จึงเผลอโอบรัดรอบคอเขาแน่นด้วยความตกใจ
“ท่านจะทำอะไรน่ะ ตกใจหมดเลย”
“ทำอย่างที่เจ้ากำลังคิด ข้าออกไปทำธุระเพียงไม่กี่ชั่วยาม รู้หรือไม่ว่าข้าเองก็คิดถึงเจ้ามากเพียงใด”
“พูดจาเรื่อยเปื่อย ท่านก็แค่กลัวว่าข้าจะโกรธ และไม่ยอมคุยด้วยเท่านั้น ปล่อยข้าลง”
“แน่นอนต้องปล่อยแน่ แต่มิใช่ที่นี่ แต่เป็นบนเตียง ข้าจะบอกเจ้าว่าคิดถึงเจ้ามากแค่ไหน คิดถึงจนอยากทำให้เจ้าลุกไม่ขึ้นเลยล่ะองค์หญิง”
ท่านอ๋องอุ้มพระชายา เข้าไปด้านในห้องนอน ซึ่งอยู่ด้านในสุด วันนี้จะไม่มีผู้ใดรบกวนทั้งคู่ เพราะจิ่นหลงและคนอื่น ๆ ถูกสั่งมาก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากเตรียมเครื่องเสวยและน้ำอุ่น บ่าวไพร่ทุกคนถูกสั่งให้อยู่นอกจวนหลักทั้งหมด “อ๊ะ เตียงอุ่นจัง”“แน่นอนว่าทุกอย่าง ล้วนถูกจัดเตรียมเอาไว้ รวมถึง…”ไหสุราดอกท้อของนาง ซึ่งอยู่ในตะกร้าที่เต็มไปด้วยช่อดอกไม้ในสวน ถูกนำมาวางไว้ข้างเตียง“สุราดอกท้อของข้า”“แม่นมแอบเอามาให้ข้า เจ้าเป็นคนหมักด้วยตัวเอง อย่างไรข้าก็ต้องลอง แต่ว่าตอนนี้ข้ายังไม่อยากลองสุรา แต่อยากรักเจ้าก่อน ให้สมกับที่รอคอยช่วงเวลานี้มานาน”ท่านอ๋องบรรจงประทับจุมพิต อ่อนหวานละมุนกว่าครั้งใดให้นาง และเริ่มเกลี่ยไปทั่วริมฝีปาก ก่อนจะเริ่มรุกเร้า รุนแรงและโหมกระหน่ำดุจกลองศึกที่คึกขึ้นมาไฟปรารถนาเริ่มแผดเผา จนเร่าร้อนไปทั่วทั้งจวน มือหนาปาดป่ายทุกอย่างที่ขวางหน้าออก ผิวขาวเนียนละเอียดของพระชายาตรงหน้า ยั่วหัวใจเกินจะกลั้นอารมณ์ดิบเถื่อนที่อัดอั้น และมิได้ระบายหลายวันนี้ออกมาหมดสิ้น“อ๊าา…เบาหน่อยเพคะ อ๊ะ!!”นางร้องเมื่ออวี้หยางเริ่มขบเม้ม ไปตามเรือนกายทุกส่วนที่เขาเข้าถึง นิ้วเริ่มสอดเข้า
แต่วันนี้เขาไม่ยอมให้นางเดินออกไปเฉย ๆ อีกแล้ว มือหนาดึงแขนนางเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้มีโอกาสเดินออกจากห้องเสวยไป“แต่วันนี้ถึงอย่างไร ก็คงจะให้เจ้าปฏิเสธไม่ได้”"ปล่อยข้านะ!"“ยอมพูดกับข้าแล้วงั้นหรือ นึกว่าจะวางท่าเป็นองค์หญิงนานกว่านี้เสียหน่อย จ้าวอันหลิน ข้ารู้ว่าข้าทำผิดต่อเจ้า แต่โกรธและลงโทษข้านานขนาดนี้ น่าจะพอแล้วกระมัง”“ปล่อยข้าลง”“ปล่อยแน่แต่มิใช่ตอนนี้”“ท่านจะทำอะไร ปล่อยข้าลงนะ!”“หากเจ้ายังดิ้นอยู่ ข้าจะจูบเจ้าจนกว่าจะเลิกโวยวาย ดูสิว่าคนในตำหนัก จะมีผู้ใดกล้าเข้ามาช่วยเจ้าบ้าง”เขาหันมาคาดโทษนาง สายตาเอาจริงของเขา ทำให้นางเงียบไปทันที และหันหน้าหนีแทนที่จะโวยวาย อวี้หยางนึกอยากพานางกลับขึ้นห้องและจัดการนางเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่นั่นมันคงจะผิดจากแผนการที่เขาวางเอาไว้เมื่อจับนางขึ้นบนหลังม้าได้ ก็รีบควบอาชาคู่กายออกจากตำหนักไปทันที เขาไม่ลืมที่จะสวมเสื้อคลุมให้นางและดึงหมวกมาปรกหน้าให้“ทางที่ดีอยู่เฉย ๆ จนกว่าจะถึงดีกว่า หากไม่อยากให้ข้าต้องแวะลงโทษเจ้าไปตลอดทาง ต่อหน้าชาวเมืองชิงโจว”“คนเผด็จการ!”“แม้ว่าเจ้าจะมองข้าว่าเป็นเช่นนั้น แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นสามีข
“แม่นมเชิญว่ามาเถอะ ท่านนั่งลงก่อนสิ”ท่านอ๋องพยุงแม่นมจินเดินมานั่ง ในเวลาเช่นนี้เขาก็คงจะพึ่งพาได้แต่นางเท่านั้น“ท่านอ๋องทรงทราบหรือไม่ว่า เพียงเพื่องานในวันนี้ พระชายาลงทุนลงแรงทำสิ่งใดเพื่อพระองค์ไปบ้าง”“ข้า… รู้แต่ว่านางบอกให้ข้ากลับเร็ว ๆ เพื่อจะได้มาฉลองด้วยกัน”“เช่นนั้นหม่อมฉันจะบอกให้ พระชายาใช้เวลาก่อนหน้านี้ สั่งของมาเพื่อจะหมักสุราชั้นเลิศ เพื่องานในวันนี้โดยเฉพาะ สุราดอกท้อนั่น ถูกหมักอยู่ในห้องเครื่องมาเกือบสองเดือน วันนี้เพื่อให้สุรามีกลิ่นหอมมากกว่าเดิม นางตื่นแต่เช้ามืด ออกมาเก็บดอกไม้ในสวน เพื่อไปหมักรวมกับไหสุราในห้องเครื่อง ให้มีกลิ่นหอมสดใหม่ของดอกไม้ รอให้พระองค์มาชิม แต่สิ่งที่พระองค์ทำ…”“ข้า….”“นับตั้งแต่พระชายามาอยู่ที่นี่ น้อยครั้งนักที่จะเอ่ยถึงเรื่องของแคว้นอวิ๋น วันนี้นางพึ่งจะพูดเรื่องที่นั่นขึ้นมา และเป็นเพียงครั้งเดียวที่นางเล่าให้พวกเราฟัง ว่าอยู่ที่นั่น นางมีความสุขมากเพียงใด พระองค์ทราบหรือไม่ ว่านี่มันคือสัญญาณของสิ่งใด”“ท่านว่าอย่างไรนะ นี่นางพูดถึงเรื่องที่เสิ่นตูด้วยงั้นหรือ”“ถูกต้องเพคะ พระชายาไม่เคยบ่นว่าคิดถึงเสิ่นตู ไม่เคยพูดจาน่าเบื่อ
อันหลินรีบเดินออกมาเรียกสาวใช้ ให้จัดเตรียมน้ำล้างหน้า ส่วนนางรีบเตรียมชุดให้ท่านอ๋อง เพื่อจะได้สวมเข้าวังไปประชุมราชสำนักแต่เช้า ทุกครั้งนางจะเป็นคนแต่งตัวให้เขา วันนี้ก็เช่นกัน“เสร็จแล้วเพคะ”“อันหลิน”สาวใช้รีบเก็บของ และเดินออกมาจากห้องทันที จิ่นหลงทำหน้าที่ปิดประตูเมื่อพวกนางพากันเดินออกมา “ท่านพี่ จะสายแล้วนะเพคะ”“เมื่อครู่นี้ข้ายังจูบเจ้ายังไม่เต็มที่เลย ขออีกนิดได้หรือไม่”“ท่านช่างเอาแต่ใจตัวเองเสียจริง”“วันนี้เจ้าบอกเองว่าเป็นวันคล้ายวันเกิดของข้า เช่นนั้นข้าก็ขอเอาแต่ใจตัวเองสักวัน มิได้หรือ”สุดท้ายนางก็ต้องยอมให้เขาจูบ ท่านอ๋องมิได้จูบเพียงอย่างเดียว พระองค์ถอดชุดของพระชายาออกจนเกือบหมด หรงอวี้หยางพรมจูบไปทั่วทั้งเรือนกายของนาง ภารกิจเร่งด่วนนี้ทำให้ทั้งสองตื่นเต้นมากกว่าเดิม เมื่อต้องรีบร้อนเพราะมีเวลาเพียงไม่นาน “อ๊ะ ท่านพี่ อ๊าา!!!”“เจ้าเบาเสียงลงหน่อย แม้ว่าในห้องนอนจะกว้าง แต่หน้าห้องยังมีองครักษ์ กับจิ่นหลงรออยู่”“ท่านซนเหลือเกิน ปล่อยข้าเถิดเพคะ อ๊ะ!!”“เจ้าก็ยังคงปากแข็งเช่นเดิม”“อื้อ…อวี้หยาง เสียวมาก อ๊าา”เขาจับนางคุกเข่าและนั่งหันหลัง เมื่อสอดเข้าไปสุด
ตำหนักท่านอ๋อง / ชิงโจวหลังจากงานอภิเษก ท่านอ๋องก็พาพระชายาเดินทางกลับชิงโจว เมื่อเข้าสู่ชิงโจวก็ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งในสายตาจ้าวอันหลิน ถือว่างานต้อนรับในครั้งนี้ แทบจะใหญ่พอ ๆ กับงานอภิเษกของนางที่เสิ่นตูเลยด้วยซ้ำไป“ยิ่งใหญ่สมกับเป็นเจ้าแคว้นเสียจริง”“องค์หญิง เอ๊ย! พระชายาเพคะ ที่ชิงโจวนี้ดูคึกคักกว่าเสิ่นตูของเรามากเลยนะเพคะ ผู้คนมากมายมารอต้อนรับพระองค์กับท่านอ๋อง ร้านค้ากับตลาดก็ดูเหมือนจะใหญ่กว่าที่เสิ่นตู”“เจาอิน ไม่ทันไรเจ้าก็จะหาเรื่องเที่ยวแล้วหรือ”“พระชายาละก็”ไม่นานรถม้าก็หยุดลงที่หน้าตำหนัก ซึ่งจุดประทัดเป็นทางยาวเพื่อรอรับเสด็จทั้งคู่ ท่านอ๋องเดินลงจากม้า และเดินมารับจ้าวอันหลิน ซึ่งนั่งอยู่ในรถม้าเข้ามาในเมือง“พระชายา พวกเราถึงตำหนักแล้ว”“ท่านพี่”รอยยิ้มของอันหลิน ทำให้เขามั่นใจว่านางยังสุขภาพจิตใจดีอยู่ เดิมทีเขากลัวว่า นางจะตระหนกและไม่คุ้นเคยกับเมืองชิงโจว เพราะก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ นางร้องไห้อยู่ร่วมเจ็ดวัน เพราะคิดถึงเสด็จพ่อ และคนอื่น ๆ ในเสิ่นตู แต่ครั้งนี้องค์ไท่จื่อ ให้เจาอินและซานหูติดตามมาปรนนิบัตินางที่ชิงโจวด้วย อันหลินจึงไม่รู้สึ
“ไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องเข้าเฝ้าเสด็จพ่อแล้ว ท่านอย่าลืมสิ”“ข้าหาได้ลืมไม่ แต่เจ้านี่สิ บ่ายเบี่ยงมิให้ข้ารักเจ้าเช่นนี้ จะให้ข้าคิดเช่นไรดีเล่า”“ข้าไม่อยาก… เผลอทำให้แผลท่านเปิดอีก เช่นนั้น…”“ข้าจะจับเจ้ามัดเอาไว้ เพียงเท่านี้เจ้าก็ทำร้ายข้ามิได้แล้ว”“ไม่เอา! ท่านจะทำเกินไปแล้ว”“เช่นนั้นก็ได้ อย่างไรเสียตอนนี้ก็ไม่ได้รีบ รอให้ข้าหายดีเสียก่อน ค่อยรังแกเจ้าทบต้นทบดอกก็ดีเช่นกัน”“เหตุใดเอานิสัยพ่อค้าหน้าเลือด มาใช้กับข้าเช่นนี้กันเล่า”“ช่วยไม่ได้นี่ ก็เจ้ามาห้ามข้าเอง เอาเถอะ ๆ ก็แค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น ข้าไม่ใจร้ายเช่นนั้นหรอก เจ้าเตรียมพร้อมที่จะไปชิงโจวกับข้าแล้วหรือยัง"“ข้าเตรียมตัวแล้วเพคะ อีกอย่างพี่ใหญ่บอกว่า ชิงโจวกับเสิ่นตูมิได้อยู่ไกลกันมาก ม้าเร็ววิ่งเพียงสามคืนก็ถึง หากเป็นขบวนรถม้า วิ่งไม่เกินห้าวัน ห่วงก็แต่เสด็จพ่อ”“ที่นี่มีหานเซียวดูแลฝ่าบาทอยู่ ข้าสัญญากับเจ้า หากว่าที่เสิ่นตูต้องการความช่วยเหลือ หรือว่าเจ้าอยากจะกลับมาเยี่ยมฝ่าบาท ข้าจะไม่ห้ามเจ้าเลย ดีหรือไม่”“ขอบพระทัยเพคะ”อวี้หยางดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่น หลังจากพายุผ่านไป กว่าเขาจะได้นางมาครอบครอง ก็ใช้เวลาไ