Masukการเดิมพันครั้งนี้ถือเป็นการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่และตรึงเครียดที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น! มันไม่ได้เพียงแค่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินหรือเงินทอง แต่มันคือการท้าทายชีวิตของคนหนึ่งที่อาจล่มสลายภายในพริบตา ทุกการเคลื่อนไหว ทุกคำพูดในการเดิมพันนี้ล้วนเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่อาจทำให้ทุกสิ่งสูญสลายไปในชั่วขณะ
สถานที่ที่ถูกเลือกจัดการท้าทายครั้งนี้คือ โถงสุราทะเลสาบ ที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ ทะเลสาบเงียบสงบแผ่ขยายออกไป ท่ามกลางต้นไม้ที่เขียวขจีรอบๆ บรรยากาศรอบตัวน่าประทับใจอย่างมาก แต่ท่ามกลางความสงบนี้กลับแฝงไปด้วยแรงกดดันที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทุกการเคลื่อนไหวในที่นี้ทำให้เกิดความตึงเครียดที่สะท้อนออกมาในอากาศ ราวกับว่าอำนาจและชีวิตของทุกคนที่อยู่ในที่นี้กำลังถูกเดิมพันอยู่
ผู้ที่มาร่วมชมการเดิมพันในครั้งนี้ล้วนแต่เป็นขุนนางชั้นสูงและผู้มีอำนาจจากทั่วราชอาณาจักร แต่ทุกคนกลับเลือกที่จะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าของตัวเอง ทุกคนในที่นี้รู้ดีว่าการเดิมพันครั้งนี้เต็มไปด้วยความลับ และใครก็ตามที่ได้เห็นภาพนี้ก็ต้องรู้สึกถึงอันตรายที่แฝงอยู่ในการกระทำของแต่ละคน มันไม่ใช่แค่การเดิมพันในเรื่องเงิน แต่คือการทดสอบอำนาจ การพลิกผันโชคชะตา ที่อาจทำให้ทุกคนล่มจมได้
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ อ๋องฟู่หยาง กลับไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการเดิมพันครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย ท่านอ๋องที่มัวแต่ลุ่มหลงในอำนาจและสถานะของตัวเอง กลับไม่ทันได้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหรืออาจจะเป็นเพราะตัวเขาไว้ใจในบุตรชายผู้นี้มากจนเกินไปจนทำให้ท่านอ๋องหลงเลยความเคลื่อนไหวภายในตำหนักอสรพิษที่ตนเองปลุกปั้นมาทั้งชีวิต
เมื่อหีบทองจำนวนมหาศาลถูกขนเข้ามาจากทั้งสองฝ่าย ความตึงเครียดในห้องนั้นทวีความรุนแรงขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน เสียงหีบทองกระทบพื้นดังลั่น ทำให้บรรยากาศที่แสนจะเงียบสงบกลายเป็นแรงกระแทกที่สั่นสะเทือนทุกคนในห้อง ทุกสายตาจับจ้องไปที่หีบทองที่สะท้อนแสงระยิบระยับจากไฟที่ส่องเข้าไป สิ่งที่อยู่ภายในหีบเหล่านี้คือความมั่งคั่งและอำนาจมหาศาลที่จะพลิกโชคชะตาของผู้คนในพริบตา
เมื่อหีบทองถูกเปิดออก แสงสีทองที่เหลืองอร่ามจากภายในหีบแผ่กระจายไปทั่วห้อง แสงนั้นทำให้ทุกคนในห้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง ทองคำที่สะท้อนแสงระยิบระยับกระพริบเหมือนเปลวไฟ และอัญมณีต่างๆ ในหีบล้วนกระพริบแสงสะท้อนออกมาดุจดาวตก ผู้ชมต่างยืนนิ่งเกือบจะหยุดหายใจเมื่อได้เห็นสมบัติที่มีมูลค่ามหาศาลเหล่านั้น
การที่หีบทองถูกเปิดออกในทุกๆ ครั้งนั้น ยิ่งทำให้ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่ายชัดเจนขึ้น มันไม่ใช่แค่การเดิมพันธรรมดา แต่คือการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยอันตราย ความเสี่ยง และความตายที่อาจจะมาถึงได้ในทุกเมื่อ ทุกการเคลื่อนไหว ทุกการตัดสินใจล้วนมีผลต่อการพลิกผันของโชคชะตา"ข้าไม่แปลกใจเลยต่อความมั่งคั่งของตำหนักอสรพิษ แต่สิ่งที่ข้าคาดคิดไม่ถึงเลย... บุตรสาวของแม่ทัพซุนเทานางจะมั่งคั่งถึงขนาดนี้" เสียงพูดของเหล่าขุนนางชั้นสูงของราชสำนักดังขึ้นในบรรยากาศที่เงียบสงบ แต่กลับแฝงไปด้วยความกังวลและความหวาดกลัวที่ไม่อาจปิดบังได้ พวกเขาหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อได้เห็นความมั่งคั่งที่เยี่ยจิงหลินได้รับและสะสมไว้ ไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าบุตรสาวคนเดียวของแม่ทัพซุนเทา จะสามารถมีความมั่งคั่งมากมายถึงเพียงนี้ แม้ว่านางจะเป็นผู้ที่เหลือรอดจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง แต่ทรัพย์สมบัติที่นางครอบครองนั้นก็ยากที่จะเชื่อได้
การที่เห็นหีบทองและสมบัติมหาศาลเหล่านั้นสะท้อนแสงระยิบระยับทำให้เหล่าขุนนางรู้สึกถึงความไม่แน่นอนและความสงสัยในใจ พวกเขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกถึงความน่ากลัวที่ซ่อนอยู่ในตัวเยี่ยจิงหลิน ผู้คนที่สวมหน้ากากคอยพยุงตัวเองในสถานการณ์นี้ต่างพยายามที่จะไม่แสดงท่าทีออกมา ความคิดหนึ่งก็ลอยขึ้นในหัวของพวกเขา เรื่องการตายของอัครมหาเสนาบดี ถังเหวยหมิน และทรัพย์สมบัติที่หายไป ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่เชื่อมโยงกับนาง ขณะที่ความกังวลเริ่มบังเกิด พวกเขาก็เริ่มที่จะสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวขึ้นมา
เยี่ยจิงหลินนั้นไม่ใช่แค่สตรีธรรมดา ความสามารถของนางและความมั่งคั่งที่ได้รับจากครอบครัว ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคาดคิดว่าจะมีมากมายเช่นนี้ ยิ่งพวกเขาคิดลึก ก็ยิ่งรู้สึกถึงความไม่แน่ใจ และความหวาดกลัวเริ่มจะลึกซึ้งขึ้นใน
แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในสถานการณ์นี้คือ องค์ชายฟู่ซิวเหิง ผู้เดียวที่ไม่รู้สึกถึงความแปลกปลอมในความมั่งคั่งของเยี่ยจิงหลินเลยแม้แต่น้อย เขายังคงมั่นใจและมุ่งมั่นที่จะจัดการกับนางตามแผนที่เขาคิดไว้ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่อาจซ่อนอยู่เบื้องหลังความมั่งคั่งนี้ เขาหมดความสนใจในเรื่องที่ลึกซึ้งและซับซ้อนเกี่ยวกับการมีอยู่ของนาง
"พวกเราจะเริ่มวางเดิมพันครั้งละเท่าไหร่ดี? หากวางเดิมพันครั้งละเล็กน้อยก็คงดูขายหน้าไปหน่อย" องค์ชายฟู่ซิวเหิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
เยี่ยจิงหลินที่นั่งตรงข้ามเขาก็เพียงแค่ยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “ทองคำหนึ่งร้อยหีบ” คำพูดของนางทำให้บรรยากาศรอบข้างตึงเครียดขึ้นทันที ไม่เพียงแค่จำนวนที่สูงเกินคาด แต่ความเด็ดขาดในน้ำเสียงของนาง
ใบหน้าขององค์ชายฟู่ซิวเหิงถึงกับสั่นกระตุกอย่างไม่รู้ตัว หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นทันที เพียงแค่เริ่มต้นการเดิมพัน เขาก็ต้องวางเดิมพันมากถึงหนึ่งร้อยหีบทองคำ ความคิดที่ว่าเดิมพันครั้งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถควบคุมได้เริ่มแทรกซึมเข้ามาในใจขององค์ชาย
"เจ้าใจกล้าไม่เลว" แม้น้ำเสียงของฟู่ซิวเหิงจะสบายๆแต่ภายในหัวใจของเขานั้นกำลังแอบสั่นสะท้านอยู่
“หนึ่งร้อยหีบทองคำแลกกับตระกูลซุน” คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียดไปอีกขั้น นางต้องการตระกูลซุนที่ถูกยึดไปคืน
ฟู่ซิวเหิงนึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างรวดเร็ว “ย่อมได้” สำหรับเขาแล้ว ตระกูลซุนไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือสิ่งที่เขาคิดว่าจะกระทบต่อสถานะของตำหนักอสรพิษแต่อย่างใด
ในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายเริ่มตกลงเดิมพันกัน เทพพนัน จางหยูซิน ก็ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของเยี่ยจิงหลิน ส่วนตัวแทนขององค์ชายฟู่ซิวเหิงนั้นไม่ธรรมดาเช่นกัน เขาเลือกชายผู้มีฝีมือในการเล่นพนันเก่งกาจที่สุดในตำหนักอสรพิษ
"ห้ามแพ้อย่างเด็ดขาด! หากเจ้าพลาด ชีวิตของครอบครัวเจ้าทุกคนจะต้องจบสิ้นไปด้วย!" องค์ชายฟู่ซิวเหิงกระซิบคำขู่ที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและความกดดัน เขาจ้องไปที่ตัวแทนของตนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
แทนที่ตัวแทนขององค์ชายจะรู้สึกหวาดกลัวหรือสะท้านกับคำขู่ที่หนักหน่วงนั้น กลับพบว่าเขากลับยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้เขาสั่นคลอนได้ "คำว่าแพ้ไม่เคยอยู่ในความคิดของข้า องค์ชายโปรดวางใจ ข้าจะทำให้ท่านไม่รู้สึกผิดหวัง" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจราวกับว่าเขาคือผู้ที่จะกำหนดผลลัพธ์ทั้งหมดในการเดิมพันในครั้งนี้ เขาคือมือหนึ่งของบ่อน ความสามารถของชายผู้นี้นั้นเกินกว่าจะทำให้ใครกล้าคิดว่าเขาจะพลาด
"หากข้าชนะ ข้าขอเพียงรางวัลที่คู่ควร ก็แล้วกัน" คำพูดนี้แฝงไปด้วยความมั่นใจในตัวเองและดูเหมือนว่าคำพูดนี้ตัวของมันก็มีคุณสมบัติที่เพียงพอด้วย
“เจ้าวางใจเถอะหากเจ้าสามารถเอาชนะดั่งที่ปากเจ้าว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองสุราอาหารหรือแม้แต่สาวงามที่ทำให้สะท้านหวั่นไหวข้าก็สามารถจัดหาให้เจ้าได้ทั้งนั้น” องค์ชายฟู่ซิวเหิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ พร้อมทั้งจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่องเพราะตัวของเขานั้นพร้อมที่จะมองเห็นความย่อยยับของอีกฝ่ายแล้วที่กล้ามายั่วยุต่อเขา
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







