LOGIN“อื้อ… สุรานี้รสชาติดีนะเจ้าคะ…” นางยิ้มบางๆ ขณะจิบสุราอีกจอกโดยไม่มีทีท่าลังเล ดวงตากลมโตที่สะท้อนแสงไฟดูไร้เดียงสาอย่างที่สุด นางยื่นถ้วยกลับไปยังชายร่างอ้วนด้วยท่าทีไร้พิษภัย “ขออีกจอกเถอะนะเจ้าคะ ข้าไม่เคยลิ้มรสสุราที่หอมหวานเช่นนี้มาก่อนเลย…”
ถังเหวยหมิน ชายร่างอ้วนผู้ที่รอยยิ้มของเขาบิดเบี้ยวจนดูน่ากลัว รีบเติมสุราให้นางอีกครั้ง มือของเขาสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น สายตาปูดโปนของเขาจับจ้องอยู่ที่เรือนร่างอ่อนช้อยของหญิงสาวตรงหน้า ในใจของเขาร้อนรนด้วยความหวังและความกระสันที่กำลังพลุ่งพล่าน
“ดื่มเถอะ… ดื่มอีกเยอะๆ…” เขากล่าวด้วยเสียงแหบพร่า พยายามซ่อนอารมณ์ที่เดือดพล่านไว้ภายใต้คำพูดที่ดูหวังดี “สุรานี้ข้าจัดเตรียมมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ เจ้าจะต้องรู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกที่เจ้าไม่เคยรู้จักมาก่อน…”
เยี่ยจิงหลินยิ้มเล็กๆ นางจิบสุราต่อไปอย่างเพลิดเพลิน ท่าทีของนางช่างดูไร้เดียงสาเกินไปจนไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ หากแต่ว่าภายในใจของนางนั้นกลับเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง นางรู้ดีว่าสุรานี้ไม่ธรรมดา แม้มันจะมีกลิ่นหอมละมุน แต่ภายในมันเต็มไปด้วยสิ่งที่เจ้าอ้วนผู้นี้แอบซ่อนเอาไว้
ในทางกลับกัน ถังเหวยหมินเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย แม้หญิงสาวจะดื่มไปหลายจอกแล้ว แต่เหตุใดถึงยังไม่มีอาการร้อนรุ่มดังที่เขาคาดหวังไว้เลย? นางควรจะเริ่มรู้สึกอึดอัดและกระสับกระส่ายจนควบคุมตัวเองไม่ได้ถึงจะถูก หากแต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นใบหน้าที่นิ่งสงบของหญิงสาว ดวงตาของนางยังคงใสกระจ่าง ไม่มีวี่แววของความปรารถนาที่เกินควบคุมอย่างที่เขาหวัง
"เหตุใดมันไม่ออกฤทธิ์เสียที?" เขาพึมพำกับตัวเอง เสียงของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและความหงุดหงิด ดวงตาของเขามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา สติของเขาเริ่มตีกันในหัว ราวกับมีบางอย่างไม่ถูกต้อง
“สุรานี้ของท่านช่างหอมหวานเสียจริง…” เยี่ยจิงหลินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง นางยิ้มเล็กน้อยและวางถ้วยลงอย่างแผ่วเบา สายตาของนางยังคงดูอ่อนโยนและไร้เดียงสา แต่ในความไร้เดียงสนั้นกลับซ่อนแววตาที่เจ้าเล่ห์ไว้ลึกๆ ราวกับว่านางรู้ว่าชายร่างอ้วนผู้นี้กำลังคิดสิ่งใด
ในขณะที่ถังเหวยหมินเริ่มไม่แน่ใจในตัวเอง ความคิดชั่วร้ายก็เริ่มเข้าครอบงำเขาอีกครั้ง เขาคิดว่าแม้สุราจะไม่ออกฤทธิ์แต่ยาปลุกอารมณ์ไม่ช้าก็เร็วจะต้องส่งผลเขาแอบคาดหวังเอาไว้อยู่ภายในใจพร้อมทั้งคิดเรื่องเพ้อฝันมากมายเพื่อที่จะบดขยี้เรือนร่างของนางและเมื่อเวลานั้นมาถึงเขาในฐานะชายแก่รุ่นพ่อก็จะช่วยนางปลดปล่อย
"หึหึ... ไม่เป็นไร... เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าเอง เยี่ยจิงหลิน... ข้าจะพาเจ้าไปพบกับความสุขที่เจ้าจะไม่มีวันลืม..." เสียงของเขาแผ่วเบาราวกับคำกระซิบ แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความหื่นกระหายที่ยากจะระงับ
ดูเหมือนว่าอัครมหาเสนาบดี ถังเหวยหมิน คนนี้จะลืมคำนึงถึงสิ่งสำคัญบางอย่างไปโดยสิ้นเชิง ชายร่างอ้วนที่กำลังยิ้มร้ายกาจเพราะคิดว่าแผนการชั่วร้ายของเขากำลังดำเนินไปอย่างราบรื่นนั้น แท้จริงแล้วกลับเป็นเพียงตัวตลกในสายตาของหญิงสาวผู้นั่งอยู่ตรงหน้า
เยี่ยจิงหลิน หญิงสาวผู้มีดวงหน้างดงามเกินต้านทาน ร่างบอบบางของนางดูไร้เดียงสาในสายตาของผู้พบเห็น แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหลังรูปลักษณ์อันน่าหลงใหลนี้ นางคือผู้ใช้พลังปราณที่พรสวรรค์ของนางหาตัวจับยาก นางใช้ชีวิตในช่วงชาติก่อนผ่านความเจ็บปวดและการต่อสู้มาอย่างโชกโชน พิษร้ายแรงนับพันชนิดที่มนุษย์ทั่วไปไม่อาจต้านทาน กลับไม่อาจล่วงล้ำร่างของนางได้ เพราะพลังปราณของนางนั้นสามารถขับสลายมันได้อย่างง่ายดาย
แม้จะดื่มสุราที่ชายตรงหน้าปรุงแต่งอย่างเจ้าเล่ห์ลงไปหลายจอก ร่างกายของนางก็ยังคงนิ่งสงบเหมือนทะเลที่ไร้คลื่นลม นางรู้อยู่เต็มอกว่าขวดสุรานั้นเจือด้วยสิ่งแปลกปลอมที่ถูกผสมขึ้นเพื่อบั่นทอนจิตใจและความสามารถของนาง ทว่ามันกลับไร้ผล สิ่งที่นางกำลังทำอยู่ตอนนี้เป็นเพียงการแสร้งทำให้เจ้าอ้วนตรงหน้าตายใจ
"อื้อ… สุรานี้รสดีจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าขออีกถ้วยนะเจ้าคะ" เยี่ยจิงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนคนไร้เดียงสา ดวงตากลมโตของนางยังคงเปี่ยมด้วยความสดใส รอยยิ้มที่อ่อนโยนของนางยิ่งทำให้ถังเหวยหมินหลงระเริงไปกับภาพลวงตาที่นางสร้างขึ้น
ขณะที่นางยื่นถ้วยไปให้ชายร่างอ้วนเติมสุราให้อีกครั้ง ใต้โต๊ะที่มือของนางซ่อนอยู่ นางกลับทำสิ่งที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง นางใช้นิ้วเรียวบางหยิบเข็มเงินที่แอบพกติดตัวออกมาเงียบๆ ด้วยท่าทีที่แนบเนียนเกินกว่าจะสังเกตเห็น จากนั้นนางจิ้มเข็มลงไปที่ปลายนิ้วอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ร่างของนางนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะเดียวกันพลังปราณที่แผ่วเบาของนางก็เริ่มแผ่กระจายออกมา
เลือดเสียที่ถูกปนเปื้อนด้วยพิษจากสุราถูกขับออกมาจากปลายนิ้วหยดแล้วหยดเล่า นางปกปิดทุกการกระทำของนางไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีแม้แต่ท่าทีสะดุ้งให้เจ้าอ้วนตรงหน้าเกิดความสงสัย พลังปราณอ่อนโยนที่ไหลเวียนในร่างช่วยขจัดพิษที่หลงเหลือจนหมดสิ้น
“ดื่มอีกสิ... เจ้าจะได้รู้ว่าข้าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมาเพื่อเจ้า” ถังเหวยหมินเอ่ยพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ ที่ชวนให้ขนลุก เขายังไม่ทันรู้เลยว่าสิ่งที่เขากำลังพยายามยัดเยียดให้นางนั้นล้วนสูญเปล่า
“สุราของท่านช่างรสเลิศเกินบรรยาย... แต่ว่า...” นางหยุดเล็กน้อย ริมฝีปากที่แย้มออกเผยให้เห็นฟันขาวเรียบเสมอกัน “ท่านจะให้ข้าดื่มคนเดียว ก็น่าเสียดายนัก... สุราดีถึงเพียงนี้ ท่านอัครมหาเสนาบดีมาร่วมดื่มด้วยกันเถิดเจ้าค่ะ...”
น้ำเสียงออดอ้อนราวกับสายลมแผ่วเบาที่พัดผ่านในฤดูใบไม้ผลิ แต่กลับแฝงด้วยความมุ่งร้ายที่ถังเหวยหมินไม่อาจล่วงรู้ เขาหรี่ตาลงมองนางด้วยความลังเลชั่วครู่ ความคิดในหัวของเขาวิ่งวนวุ่นวาย เขารู้ดีถึงอานุภาพของยาที่เขาใส่ลงไปในสุรา ยานี้เป็นสุดยอดของยาปลุกกำหนัดที่เขาได้มาจากนักปรุงยาในเงามืด บอกกันว่ามันมีอานุภาพเทียบเท่าช้างศาล แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับสูงยังไม่อาจต้านทาน
แต่... หญิงสาวผู้นี้ดื่มไปถึงสี่จอกแล้ว เหตุใดถึงไม่มีทีท่าเปลี่ยนไปเลย? ร่างกายของนางยังคงสงบเยือกเย็น ไม่มีความร้อนรุ่ม ไม่มีวี่แววว่าฤทธิ์ยาแสดงผล เขาจึงเริ่มตั้งข้อสันนิษฐานว่าบางที ยาอาจเสื่อมสภาพไปเสียแล้ว
เมื่อเห็นสายตาของหญิงสาวที่มองมายังเขาพร้อมรอยยิ้มออดอ้อน ถังเหวยหมินก็หัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น “ก็ได้ๆ! ถ้าเจ้าปรารถนาจะให้ข้าร่วมดื่ม ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไรกัน?”
เขาเทสุราใส่ถ้วยของตัวเองจนเต็ม ก่อนจะยกขึ้นดื่มจนหมดในรวดเดียวด้วยท่าทีที่ดูองอาจราวกับคนใจกล้า
“ฮ่าๆๆ สุรานี้... หอมหวลนัก!” เขาเอ่ยพลางหัวเราะเสียงดัง ร่างอ้วนเตี้ยของเขาสั่นไปมาด้วยความลำพองใจ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ใบหน้าของเขากลับเริ่มเปลี่ยนไป แววตาของเขาที่เคยลุกวาวด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง กลับเริ่มลุกโชนเหมือนไฟบ้าคลั่ง
“อ่า... ทำไมร่างกายข้าร้อนรุ่มเช่นนี้... หือ?!” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น เลือดลมในร่างของเขาเริ่มสูบฉีดรุนแรงจนเขารู้สึกได้ หัวใจของเขาเต้นแรงและรวดเร็วจนแทบจะระเบิดออกมา หน้าอกของเขาเหมือนถูกไฟสุม ภายในหัวของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาอันร้อนแรงที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป
เจ้าอ้วน ถังเหวยหมิน ผู้ที่เต็มไปด้วยตัณหาและแผนชั่วร้าย ตอนนี้กลับตกเป็นเหยื่อของแผนการตัวเองโดยไม่ทันรู้ตัว ใบหน้าของเขาแดงก่ำเหมือนผลท้อในฤดูร้อน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่ง ริมฝีปากของเขาสั่นสะท้านพร้อมเสียงหอบหนักๆ
เยี่ยจิงหลินยกถ้วยสุราในมือขึ้นอย่างแช่มช้อย นางมองชายร่างอ้วนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเย็นชาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะเปลี่ยนกลับเป็นความไร้เดียงสาเหมือนเดิม “สุราดีเช่นนี้ ท่านควรจะดื่มให้มากๆ หน่อยนะเจ้าคะ...”
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







