เข้าสู่ระบบราชครู กู่เทียนหลง ชายชราผู้นี้ภายนอกอาจดูเป็นปราชญ์ผู้ชาญฉลาดและเปี่ยมไปด้วยความภักดีต่อราชสำนัก แต่แท้ที่จริงแล้ว เขาก็เป็นเพียงตาแก่ขี้อิจฉาผู้หนึ่ง ทว่า... ความอิจฉาและลิ้นสองแฉกของเขา กลับเป็นอาวุธที่ทำให้เขาไต่เต้าสู่จุดสูงสุดของขุนนางในวังหลวง
หากกล่าวถึงผลงานที่โดดเด่นที่สุดของชายชราผู้นี้ คงต้องย้อนกลับไปเมื่อ ห้าสิบปีก่อน...
ในยุคนั้น ตระกูลเยี่ย เป็นหนึ่งในตระกูลขุนศึกคู่บัลลังก์ แข็งแกร่งทั้งทางอำนาจและกำลังพล พวกเขาเป็นดั่งเสาหลักที่ค้ำจุนราชสำนัก ทว่า... กู่เทียนหลงกลับมองว่าตระกูลนี้เป็นภัยต่ออำนาจของเขา
ด้วยลิ้นที่ช่ำชองในการปลุกปั่น เขาเป่าหูฮ่องเต้พระองค์ก่อน ให้เชื่อว่า ตระกูลเยี่ย กำลังวางแผนก่อกบฏ เมื่อความหวาดระแวงถูกจุดขึ้นในใจของจักรพรรดิ พระองค์จึงมีราชโองการลับให้ ฆ่าล้างตระกูลเยี่ยทั้งหมด
ในค่ำคืนที่โชคชะตาแปรเปลี่ยน...
เลือดของตระกูลเยี่ยนองไปทั่วทั้งจวน ชายชราได้แต่มองดูเงียบ ๆ ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เขารู้ดีว่า เมื่อไร้เงาตระกูลขุนศึกคู่บัลลังก์ ตำแหน่งราชครูของเขาจะมั่นคงตลอดกาล
แต่... ยังมีบางคนที่สามารถหลบหนีออกมาได้
เหล่าผู้รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ในครั้งนั้น กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดิน บางคนเปลี่ยนชื่อแซ่ ลบเลือนอดีตเพื่อความอยู่รอด พวกเขาซ่อนตัว รอคอยวันเวลาที่จะกลับมาอีกครั้ง
และในที่สุด... กาลเวลาผ่านไปหลายสิบปี
ลูกหลานของตระกูลเยี่ยที่กระจัดกระจาย เริ่มกลับมาใช้แซ่เยี่ยอีกครั้ง...
ราวกับพายุที่ก่อตัวขึ้นช้า ๆ แต่พร้อมจะโหมกระหน่ำ
แม่ทัพซุนเทาไม่รู้ตัวเลยว่าชายชราผู้เป็นเสาหลักของบ้านเมืองกำลังหมายหัวเขาอยู่ ความโดดเด่นของซุนเทาในช่วงเวลานี้เริ่มทำให้ไฟอิจฉาของกู่เทียนหลงลุกโชนขึ้นอย่างช้าๆ ความสำเร็จและความกล้าหาญของซุนเทาในสนามรบ ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับและยกย่องจากทั้งในราชสำนักและในหมู่ขุนนาง แต่สิ่งเหล่านี้กลับเป็นภัยต่ออำนาจของกู่เทียนหลง ชายชราผู้นี้เริ่มมองว่า ซุนเทาคืออุปสรรคที่จะทำให้เขาสูญเสียอำนาจไป
ภายในจวนใหญ่ของราชครูในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด กลุ่มขุนนางผู้ภักดีต่อราชครูกำลังประชุมลับกันอยู่ในห้องลึกที่ไม่มีใครล่วงรู้ ถึงแม้แสงไฟจากโคมจะส่องสว่างอยู่ทั่วทุกมุม แต่บรรยากาศในห้องกลับเต็มไปด้วยความกังวลและความระแวดระวัง
“ท่านราชครู... ท่านคิดที่จะจัดการแม่ทัพซุนเทาอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?” หนึ่งในขุนนางผู้ร่วมประชุมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “พลังฝีมือของเขานั้นไม่ธรรมดาเลยนะ ท่านคิดว่าพวกเราจะสามารถรับมือกับเขาได้หรือ?”
ความตึงเครียดปกคลุมห้องนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง หากการวางแผนครั้งนี้ผิดพลาด นั่นหมายถึงจุดจบของพวกเขาทั้งหมด ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะขยับตัวไปไหน พวกเขาทุกคนรู้ดีว่า แม่ทัพซุนเทาเป็นบุคคลที่แข็งแกร่ง หากเผชิญหน้ากับเขาในสนามรบ พวกเขาคงไม่สามารถยืนหยัดได้
ราชครู กู่เทียนหลงยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก ท่าทางของเขาแสดงออกถึงความมั่นใจในแผนการของตัวเอง เขานั่งนิ่งอยู่ในเก้าอี้ไม้เก่า พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยแผนการและความคาดหมายที่ร้ายกาจ
“เหอ เหอ แค่นี้พวกเจ้าก็หลัวหรือ?” เสียงของเขาแหบต่ำและเต็มไปด้วยความลับอันมืดมน “ชายผู้นี้ขึ้นชื่อในเรื่องความหลงใหลในกาม ข้าจะใช้จุดอ่อนนี้เล่นงานมันเอง”
ราชครู กู่เทียนหลง เขาหมุนกระบี่ในมือไปมาอย่างรอบคอบ ในดวงตาแฝงไปด้วยความคิดลึกซึ้งที่ไม่มีใครเข้าใจ ว่ากำลังวางแผนการอะไรอยู่ ซึ่งแผนการนี้ถือเป็นจุดสำคัญในการทำลายแม่ทัพซุนเทา และเขารู้ดีว่า ไม่สามารถพลาดได้แม้แต่เพียงครั้งเดียว
“ไป... ไปตามหาหญิงสาวที่เหมาะสม” เสียงของราชครูดังขึ้นเบา ๆ แต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด "หญิงสาวที่มีความงดงามจับใจ… ที่สามารถทำให้แม่ทัพซุนเทาหลงใหลในทันที" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ พยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะรีบออกไปตามคำสั่ง ราชครูตั้งใจจะใช้หญิงสาวเหล่านี้เป็นเหยื่อล่อ เพื่อดึงดูดความสนใจของซุนเทา และทำให้เขาตกอยู่ในกับดักที่เขาเตรียมไว้อย่างแนบเนียน
“พวกนางจากย่านโคมแดงต่างเมืองจะเหมาะที่สุด” กู่เทียนหลงกล่าวต่อเบา ๆ ในใจเต็มไปด้วยแผนการร้ายกาจ เขารู้ว่าหญิงสาวเหล่านี้มีความสามารถในการแสดงละครได้อย่างสมบทบาท
เวลาผ่านไปไม่กี่วัน ลูกน้องของราชครู กู่เทียนหลงกลับมาพร้อมหญิงสาวสี่ถึงห้าคนที่มีความงามจับใจ ตามคำสั่งของท่านราชครูเพื่อให้ท่านได้เลือกผู้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแผนการครั้งนี้ ร่างบางของพวกนางยืนเรียงรายอยู่ตรงหน้าชายชราผู้มีดวงตาที่คมกริบ ราชครูมองพวกนางทีละคนด้วยสายตาที่ไม่เคยละสายตาจากไป เขาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่า ใครคือหญิงสาวที่มีความงดงามที่สุดและจะสามารถทำให้แผนการของเขาสำเร็จลุล่วงไปได้
ในที่สุดสายตาของกู่เทียนหลงก็หยุดนิ่งเมื่อเขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาพวกนาง ร่างบางที่ยืนอยู่ตรงกลาง เปลือกตาหยักยิ้มเล็กน้อย ร่างกายงดงามเสน่ห์ที่น่าหลงใหลทุกกระเบียดนิ้ว ทำให้ชายชราหยุดคิดเพียงเสี้ยววินาทีและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจ
“ข้าเลือกเจ้า ต่อไปนี้เจ้าจะมาเป็นหลานสาวของข้า เมื่องานเสร็จเมื่อไหร่ เจ้าจะสุขสบายไปทั้งชาติ” เสียงของราชครูหนักแน่น หญิงสาวที่ถูกเลือกยิ้มรับคำเสนอด้วยความอ่อนหวานและท่าทางนอบน้อม “ขอบคุณเจ้าค่ะ นายท่าน” เสียงของนางหวานล้ำและเย้ายวนราวกับเสน่ห์ที่สามารถทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินต้องหลงใหล ความงามและเสน่ห์ของนางยิ่งทำให้สายตาที่แก่ชราของกู่เทียนหลงต้องสะท้านหวั่นไหวในหัวใจ เขารู้ว่าหญิงสาวนี้จะเป็นส่วนสำคัญในแผนการของเขา
ส่วนหญิงสาวที่ไม่ได้รับเลือกก็ถูกส่งตัวกลับไป โดยที่ไม่มีใครได้กล่าวคำใด ๆ
หลังจากที่ราชครู กู่เทียนหลงเลือกหญิงสาวผู้โชคดีเป็นเหยื่อล่อในแผนการของเขาแล้ว เขาก็เริ่มฝึกฝนหญิงสาวนางนั้นอย่างเข้มงวด เพื่อให้เธอดูเหมาะสมที่สุดในการปลอมแปลงเป็นหลานสาวของเขา
ราชครูรู้ดีว่าหญิงสาวจะต้องมีท่าทางและมารยาทที่สมบูรณ์แบบ เพื่อที่จะสามารถกลบเกลื่อนตัวตนที่แท้จริงและทำให้ซุนเทาหลงเชื่อในตัวนางอย่างไม่สงสัย ท่าทางอ่อนหวาน, มารยาทเรียบร้อย, การเดินและการพูดต้องดูเหมือนผู้ดีมีศักดิ์ศรีจากตระกูลขุนนาง
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







