เข้าสู่ระบบรุ่งอรุณของวันที่ฟ้าสงบ…
ยามที่แสงอาทิตย์แรกของวันสาดส่อง แม่ทัพซุนเทาผู้เป็นดั่งพายุคลั่งแห่งสนามรบลืมตาตื่นขึ้นจากนิทรา วันนี้เขาไม่ได้นอนตื่นสายเช่นเคย ดวงตาคมกริบที่มักจะแฝงไปด้วยความโอหังกลับเปล่งประกายด้วยความแน่วแน่
"วันนี้… เป็นวันดีจริง ๆ"
เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะขยับลุกขึ้นจากเตียง มองไปรอบห้องที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา แม้จะเป็นที่พักของขุนศึกผู้เกรียงไกร แต่ที่นี่ก็เต็มไปด้วยข้าวของล้ำค่า และบรรยากาศที่ดูราวกับเป็นตำหนักของขุนนางชั้นสูง
แต่เขาไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นเลยในยามนี้
เขาจัดการชำระร่างกายอย่างละเอียดกว่าทุกวัน สวมอาภรณ์ที่ประณีตและสง่างามที่สุด ชุดเกราะบางที่ปักลวดลายมังกรทองแสดงถึงอำนาจและเกียรติยศ ต่างจากชุดเกราะหนักที่เขาสวมใส่ยามออกรบ
ก่อนที่เขาจะออกจากห้อง ดวงตาของเขาหันไปมองยังมุมหนึ่งของจวน ที่ตั้งของ "คลังสรรพาวุธ"
เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นในโถงทางเดินอันเงียบสงบ ทุกย่างก้าวของแม่ทัพซุนเทาเต็มไปด้วยอำนาจดั่งราชสีห์ที่กำลังเดินเข้าสู่สมรภูมิอีกครั้ง
เมื่อเขามาถึง คลังสรรพาวุธ สถานที่เก็บรวบรวมอาวุธล้ำค่าและทรงพลังมากมายภายในจวนของตน ประตูไม้หนาหนักถูกผลักออกด้วยแรงอันมั่นคง
"หึ หึ..."
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ ดวงตาของเขากวาดมองอาวุธที่เรียงรายตรงหน้า
มีดสั้น กระบี่ หอก ดาบ และอาวุธลับต่าง ๆ ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ เขาเดินเข้าไปช้าๆ มือหนาหยิบเอาสิ่งที่ต้องการขึ้นมา สอดซ่อนไว้ตามร่างกายอย่างแนบเนียน แม่ทัพซุนเทากระชับชายเสื้อของตน ปิดบังบางสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้า ก่อนจะหันหลังเดินออกจากคลังอาวุธ
"ฮี่ ฮี่!"
เสียงม้าศึกตัวใหญ่ที่เป็นดั่งเงาของเขาส่งเสียงร้องตอบรับ เมื่อเห็นเจ้านายของมันเดินเข้ามาใกล้
ซุนเทาหยุดยืนอยู่หน้าคอกม้า สายตาของเขามองมันด้วยแววตาที่แตกต่างจากเดิมคล้ายกับกำลังบอกลามันอย่างเงียบๆ
ม้าศึกสีดำสนิทของเขาเป็นดั่งเงามัจจุราชที่เคียงข้างในทุกสนามรบ ไม่เคยหวาดกลัวต่อคมดาบหรือหอกของศัตรู แต่วันนี้…มันอาจต้องพาเขาไปสู่เส้นทางที่ไร้จุดหวนคืน
"ไปกันเถอะ... เจ้าก็พร้อมแล้วใช่ไหม?"
เขากระโดดขึ้นหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่ลมยามเช้าพัดผ่านผิวกาย
หนึ่งขุนศึก หนึ่งอาชาคู่ใจ
จุดหมายปลายทางชัดเจนอยู่ในใจ
"จวนของ ราชครู กู่เทียนหลง!"
เสียงกีบม้ากระทบพื้นหินดังก้องท่ามกลางความเงียบสงัดของรุ่งอรุณ แม่ทัพซุนเทาไม่เหลียวกลับหลังอีกต่อไป...
ยามรุ่งอรุณเพิ่งผ่านพ้น ท้องฟ้ายังคงแต่งแต้มไปด้วยสีทองอ่อน เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วไปทั่วบริเวณ แต่บรรยากาศภายในจวนของราชครูกลับเงียบสงัดคล้ายมีบางสิ่งกำลังก่อตัว บนหอสูง ราชครู กู่เทียนหลง ยืนอยู่ด้านหน้า หนวดเคราเลาไหวตามแรงลม ดวงตาที่ผ่านกาลเวลามายาวนานหรี่ลง ขณะจับจ้องไปยังเงาหนึ่งที่กำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
“หึ… ขี่ม้าด่วนมาที่จวนของข้าเพียงลำพัง…”
เขาเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ น้ำเสียงนั้นเย็นยะเยือก แต่กลับเจือแววขบขันเล็กน้อย
“มันโง่… หรือบ้ากันแน่?”
ราชครูเอ่ยคำออกมาอย่างช้าๆ ดั่งคนที่กำลังครุ่นคิดถึงตัวหมากบนกระดาน ทว่าภายใต้แววตานั้นกลับเต็มไปด้วยความคมกริบและแผนการอันลึกล้ำจากนั้นไม่นาน เขาก็หัวเราะเบา ๆ เปลี่ยนสีหน้าให้เป็นความเมตตาอันอบอุ่น ราวกับผู้เฒ่าผู้เปี่ยมคุณธรรมที่กำลังต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง
“ฮ่าฮ่า! แม่ทัพซุนเทา! ในที่สุดท่านก็มาถึงเสียที!”
เสียงของราชครูดังไปทั่วทั้งลานกว้าง คล้ายกับเป็นการบอกกล่าวให้ทุกคนรับรู้ถึงการมาของแขกคนสำคัญ
“ท่านรู้หรือไม่? หลานสาวของข้าคิดถึงท่านมากเหลือเกิน นางแทบจะรอคอยการมาเยือนของท่านอย่างใจจดใจจ่อ”
คำพูดของราชครูอ่อนโยนและเปี่ยมไมตรีจิต แต่ใครจะรู้ว่าใต้รอยยิ้มนั้นมีพิษร้ายซุกซ่อนอยู่
“ฮ่าฮ่า…!”
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้น แม่ทัพซุนเทาเองก็ยิ้มกว้าง ขณะกระโดดลงจากหลังม้าด้วยท่วงท่าที่องอาจ ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความลุ่มหลง และดวงตาทอประกายแห่งความปรารถนา
"ความงดงามของหลิงเหยา ทำให้ข้าไม่มีอันกินอันนอน…"
เขากล่าวออกมาพร้อมทอดถอนใจ
"ข้าคงต้องรบกวนท่านราชครูแล้วในวันนี้!"
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความกระสับกระส่ายและความหลงใหลที่มิอาจปิดบัง แต่หากสังเกตให้ดี ดวงตาคมของแม่ทัพซุนเทา แท้จริงแล้วมิได้มีเพียงความลุ่มหลงเพียงอย่างเดียว
“เชิญ… เชิญ… แม่ทัพซุนเทา เชิญด้านในเถิด” คำพูดของเขาเปี่ยมด้วยไมตรี แต่ในแววตากลับแฝงไว้ด้วยแผนการบางอย่างที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ แม่ทัพซุนเทาเผยรอยยิ้มกว้างก้าวเข้าไปในเรือนพักรับรอง ภายในเรือนถูกจัดแต่งอย่างหรูหรา พื้นไม้ขัดมันจนสะท้อนแสงจากโคมไฟหอมอ่อน ๆ ที่วางเรียงรายไว้ตามมุมห้อง สร้างบรรยากาศอบอุ่นและเชื้อเชิญ
"แม่ครัว! จัดเตรียมสุราและอาหารชั้นเลิศให้พร้อม!"
ราชครูออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงสุขุม ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ข้ารับใช้คนหนึ่ง ซึ่งรีบกุลีกุจอเดินออกไปจัดการโดยไว
"และอีกอย่าง…"
เสียงของเขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายราวกับกำลังซ่อนอะไรบางอย่าง
"ไปตามหลิงเหยามา"
ข้ารับใช้ก้มศีรษะรับคำสั่งแล้วรีบเดินจากไป
แม่ทัพซุนเทานั่งลงที่โต๊ะรับรอง ขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
"ฮ่าฮ่า! ท่านราชครูช่างใจกว้างเสียจริง นับว่าเป็นเกียรติของข้านัก"
เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่ก็ยังคงไม่ลดการระวังตัวลงแม้แต่น้อยราชครูยกยิ้มจาง ๆ พลางมองดูแม่ทัพซุนเทา แววตาลึกซึ้งและยากจะคาดเดา
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







