LOGINตอนที่2
หญิงสาวผู้เมามาย
พอหมดแก้ว ก้ามปูก็ชนแก้วกับเพื่อนๆอีกและยกดื่มที่เดียวหมดเหมือนแก้วแรก จนเพื่อนๆ ต้องร้องห้าม แต่หญิงสาวก็ไม่ฟัง
“ไหวๆ ไม่ต้องกลัวว่าต้องแบกฉันกลับบ้าน”
แค่เสียงพูดยังไม่เหมือนเดิม แต่หญิงสาวก็ยังมั่นใจ ว่าจะกลับบ้านได้เองในคืนนี้
ไม่นานก้ามปูหญิงสาวปากแข็ง แต่คอไม่แข็งเหมือนปาก เพื่อนหันมาอีกที เธอก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะแล้ว
“เอา...คราวนี้ใครจะแบกแม่นางไปจ๊ะ เราสองคนก็เดินแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว มีหวังแบกนางไปด้วย ได้ล้มกันอยู่กลางผับแน่ๆ”
ส้มนั่งมองสภาพก้ามปู ที่ตัวอวบกว่าเธอและทรายอีก แถมตอนนี้ดูไม่มีสติจะช่วยเหลือตัวเองเลย
“เดี๋ยวพี่จัดการเอง ทั้งสองคนก็เมามากแล้วกลับบ้านเถอะ เรื่องก้ามปูไม่ต้องเป็นห่วง”
เสียงหล่อที่ดังมาจากด้านหลังของทั้งคู่ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือเสียงของพี่กวินคู่หมั้นสุดหล่อของก้ามปูเอง
“พี่กวินรู้ได้อย่างไรคะ ว่าก้ามปูอยู่ที่นี่และตอนนี้ก็กำลังลังเมา”
ทรายถามด้วยความแปลกใจ เพราะผับนี้ไม่ใช่คนน้อยๆ และโต๊ะที่กวินนั่งก็ห่างจากโต๊ะของพวกเธอไม่มีทางที่จะมองเห็นได้
“พี่เห็นเราไปเข้าห้องน้ำ จำได้ว่าเป็นเพื่อนของก้ามปู ก็เลยลองเดินตามมาดู แต่เห็นก้ามปูกำลังสนุกเลยไม่อยากเข้ามาขัด”
ชายหนุ่มชี้ไปทางส้ม หญิงสาวแอบเขินเพราะคิดว่ากวินต้องเห็นแน่ๆเลย ว่าเขาแอบถ่ายรูปเขามาให้เพื่อนๆดู
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราฝากก้ามปูด้วยนะคะ”
ส้มรีบดึงมือทรายให้เดินตาม ก่อนจะบอกเหตุผล ว่าเธอไม่กล้าสู้หน้าชายหนุ่ม
“สมน้ำหน้า ดีนะเขาไม่ว่าแกตรงๆ”
ทรายหัวเราะที่ส้มทำเป็นคิดว่าตัวเองเก่งแอบถ่ายรูปมาได้ พอถึงตอนนี้กลับมากลัวถูกคนโดนแอบถ่ายว่าเอา
วันนี้กวินพาลูกค้าที่มาจากต่างประเทศมาเที่ยว ก่อนที่จะเดินมาที่โต๊ะของสาวๆ เขาได้ให้พนักงานสาวที่มาด้วยส่งลูกค้ากลับไปแล้ว
ชายหนุ่มตัวสูงกล้ามใหญ่ประคองหญิงสาวที่เมาไม่ได้สติเดินไปที่รถของเขาที่จอดไว้ใกล้กับประตูทางออก อย่างไม่ลำบากมากนัก แต่รับรองถ้าเป็นส้มกับทราย มีหวังกลิ้งกันอยู่ข้างโต๊ะแน่ๆ
“อยากจะดื่ม ทั้งที่ตัวเองไม่เคย อยากจะตีก้นเสียจริงๆ”
สำหรับก้ามปูเธอเข้าใจว่ากวินเห็นหน้าเธอครั้งแรกก็คือในพิธีงานหมั้น แต่ความจริงแล้วชายหนุ่มแอบไปดูเธอที่มหาวิทยาลัย และคอยสังเกตสืบนิสัยใจคอของเธอ เพราะสำหรับกวินการแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เขาต้องการสืบให้แน่ชัดว่าผู้หญิงที่จะมาเป็นเจ้าสาวของเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ และจะสามารถอยู่กับเขาไปจนแก่เฒ่าได้ไหม
การที่แอบสืบมาตลอดทำให้ชายหนุ่มยอมตัดสินใจหมั้นตามความต้องการของครอบครัว และยิ่งมาเห็นหญิงสาวในสภาพนี้ เขายิ่งรู้สึกว่าเธอช่างดูน่ารัก ไม่โต อยู่ด้วยคงสนุกแน่ๆ
กวินตัดสินใจพาก้ามปูกลับไปที่บ้านของเขาและให้แม่บ้านมาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ โดยให้ใส่ชุดนอนของเขาแทนก่อน
ชายหนุ่มอดกลัวว่าผ้าปูที่นอนของเขาต้องเปื้อนอ้วกไหมคืนนี้ แต่สุดท้ายคนเมาก็เอาแต่นอนกับละเมอเท่านั้น กว่าจะถึงเช้า กวินแทบไม่ได้นอน เพราะนอนไม่หลับ ทั้งเป็นห่วง ทั้งกังวล พอทำท่าจะง่วงก็ดันต้องมาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโวยวาย ของสาวในชุดนอนที่นอนอยู่ข้างเขา
“เฮ้ย! พี่กวินทำไมก้ามปูมาอยู่ที่นี่ แล้วที่นี่คือที่ไหน ว๊าย!...ทำไมฉันใส่ชุดนี้ นี่พี่กวิน......คนฉวยโอกาส”
ก้ามปูรัวคำถามแบบที่ไม่ต้องการได้คำตอบ เพราะเธอไม่ยอมเว้นจังหวะเลย กวินก็ได้แต่ยืนขำยิ่งเพิ่มความโมโหให้หญิงสาวเข้าไปใหญ่
“ขำอะไรหนักหนา ทำไมถึงได้ฉวยโอกาส ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย”
“ทีเมื่อคืนไม่เห็นพูดแบบนี้เลย พี่นี่ทั้งดิ้น ทั้งร้อง ก้ามปูก็ไม่หยุด พี่ก็เลยต้องยอม”
ชายหนุ่มยิ่งพูดยั่วโมโหมากเท่าไหร่ หญิงสาวก็เสียงดังโวยวายมากเท่านั้น จนเสียงดังไปถึงข้างล่าง กรณ์กับมณีได้ยินด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องนอนของลูกชายคนเล็ก
“มีอะไรกัน กวินนี่ลูกพาผู้หญิงที่ไหนมานอนที่บ้านเรา”
มณีส่งเสียงมาก่อนที่ตัวจะมาถึงห้องนอนของลูกชาย เขารู้ว่ามันคือเสียงของผู้หญิง ด้วยความโมโหคิดไปเองว่ากวินคงพาผู้หญิงมานอนที่ห้องแน่ๆ จึงส่งเสียงถามแบบโมโหออกไป
“ผู้หญิงแถวนี้แหละครับ” ชายหนุ่ตอบแบบยิ้มๆ
“หนูก้ามปู นี่มันอะไรกัน ป้างงไปหมดแล้ว หนูมาอยู่ในห้องนี้และยังใส่เสื้อผ้าของกวินอีก หมายความว่าเมื่อคืน....”
มณีลากเสียงเพราะไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดี ถึงจะดูไม่น่าเกลียด
“เมื่อคืนผมเจอก้ามปูเมาหลับอยู่ที่ผับ เพื่อนๆเขาก็เลยบอกให้ผมช่วยจัดการที เพราะทั้งสองคนนั้นก็เมาเหมือนกันแต่พอกลับบ้านได้ เสร็จแล้วผมก็พามาที่ห้อง เพราะกลัวพากลับบ้านไป เธอจะโดนคุณอาดุเอา แต่พอมาถึงที่ห้อง ก้ามปูก็... ”
คราวนี้กวินลากเสียงบ้าง จนหญิงสาวหน้าแดงไปหมด ทั้งมณีและกรณ์ต่างก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“สงสัยงานแต่งงาน คงต้องจัดให้เร็วที่สุด อาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปกินข้าวกัน ไม่ต้องคิดมากนะป้ากับลุงรักหนูเหมือนลูกอยู่แล้ว เราจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน”
เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองคนออกจากห้องไป ก้ามปูก็ใช้หมอนวิ่งไล่ตีกวินไปรอบห้องด้วยความโมโห หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะทำอย่างที่ชายหนุ่มพูดจริงๆ แต่ด้วยหลักฐานเธอก็ไม่รู้จะเถียงว่าอะไร
เมื่อไล่ตีจนเหนื่อย คราวนี้ก้ามปูก็นั่งลงที่เตียงนอน สีหน้าจากโมโหก็เปลี่ยนเป็นดูเศร้าทันที
“เป็นอะไรเมื่อกี้นี้ยังบ้าคลั่งอยู่เลย ตอนนี้เป็นเศร้าเสียแล้ว”
กวินนั่งลงข้างๆหญิงสาวเพราะเขาเดาใจเธอไม่ออกเลยว่ากำลังเป็นอะไร
“พ่อต้องเสียใจแน่ๆเลย ที่ฉันทำตัวแย่แบบนี้ ไม่รู้จักรักษาเกียรติของตัวเอง พี่กวินเป็นผู้ชายคงไม่เข้าใจหรอก”
หญิงสาวโผเข้ากอดชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ ร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร จนกวินเริ่มลังเล ว่าเขาจะบอกความจริงดีไหม ว่าเธอกับเขาไม่ได้มีอะไรกัน แต่พ่อกับแม่เขาคงโทรไปบอกพ่อของก้ามปูแล้วแน่ๆ สุดท้ายวันใดวันหนึ่งก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี กวินจึงเลือกที่จะยอมเป็นคนโกหก
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb







