Mag-log in“โสโครกสิ้นดี!” วูล์ฟเริ่มสวมวิญญาณมัจจุราชในชั่วพริบตา วาจาร้ายกาจที่หลุดออกมาจากปากหยักของเจ้าชายในฝันทำให้มะลิร้อยต้องกัดปากแน่น น้ำตาคลอเบ้า นึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาครามครัน เขาทั้งหยิ่งยโส ถือตัว ปากจัด ขี้หงุดหงิด และโมโหร้าย แถมพ่อเจ้าประคุณยังตั้งแง่รังเกียจเธอตั้งแต่แรกจนน่าเศร้าใจ จากที่ได้ประจักษ์มาถึงสองครั้งสองคราในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้สาวน้อยเริ่มแน่ใจแล้วว่าวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน คงไม่ใช่สุภาพบุรุษอย่างที่เธอวาดภาพไว้ในวิมาน และมันก็อาจจะถึงเวลาที่เธอต้องเลิกหลงรูปจูบเงาพ่อเทพบุตรจำแลงเสียที ทว่าเสียงหนึ่งในใจกลับแย้งขึ้นอย่างฉับไวว่า…ถ้ามันทำได้ง่ายๆ แบบนั้นก็ดีน่ะสิ แต่หัวใจเจ้ากรรมหลงรักเขาไปแล้วนี่ให้ทำไงได้
“เอาไปขัดสีฉวีวรรณสักหน่อยก็สะอาดแล้วค่ะ” นางเดือนแขเอ่ยแทรกขึ้น หากแต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจ นัยน์ตาดุดันยังคงจ้องหน้านางซินตัวน้อยเขม็ง
“นังหนู…เธออายุเท่าไหร่แล้ว หย่านมแม่หรือยังถึงคิดจะมีผัวตั้งแต่เด็ก” ในเวลาที่กำลังเดือดจัดเช่นนี้เขาดูพาลพาโลไปหมด แม่สาวน้อยเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินวาจาหยามหมิ่น อีกทั้งเจ็บปวดและอดสูระคนกัน
“โอ๊ย! นังมะลิมันไม่เด็กแล้วค่ะ เป็นสาวสะพรั่งเชียวล่ะ” เมื่อเห็นว่าหลานสาวเอาแต่ยืนทื่อจนน่าหยิกให้เนื้อเขียว ผู้เป็นป้าก็โพล่งขึ้นอย่างไร้มารยาท
“หุบปาก! ผมไม่ได้ถามคุณ” เขาตวาดกร้าวจนอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกหน้าซีดเผือด ก่อนจะตวัดสายตาอำมหิตชวนขนหัวลุกมาจ้องใบหน้าแม่สาวน้อยที่กำลังตกเป็นจำเลยเขม็ง
“ว่าไงล่ะ ฉันถามว่าเธออายุเท่าไหร่แล้วแม่หนูสกปรก”
“เอ่อ…” ท่าทางดุดันน่าประหวั่นพรั่นพรึงพานให้สาวน้อยควานหาเสียงตัวเองไม่เจอเอาซะดื้อๆ
“ตอบ!” เจ้าของน้ำเสียงกระด้างทว่าเฉียบขาดเร่งรัดให้ได้อย่างใจ ท่าทีอึกอักและตื่นกลัวจนเกือบลนลานราวกับเขาเป็นยักษ์เป็นมารยิ่งทำให้พ่อหนุ่มเลือดร้อนรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านจนอยากจะอาละวาดให้ลั่น
“สะ…สิบเก้าค่ะ”
“บัดซบ! เด็ก! นรก!” วูล์ฟสบถอย่างหัวเสียสุดๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาแกมดุดัน
“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมถึงริอ่านอยากมีผัวจนตัวสั่น”
“เอ่อ…ฉันไม่…” เธอขยับปากหมายจะเอ่ยปฏิเสธแต่ขากรรไกรเจ้ากรรมกลับไม่อยากทำงานเสียอย่างนั้น และนั่นก็เป็นการเปิดโอกาสให้คนโอหังได้เหยียบย่ำซ้ำเติมด้วยวาจาเจ็บแสบอีกครา
“เเน่ใจเหรอว่าเด็กอย่างเธอจะทนรองรับอารมณ์ฉันไหว” วาจาขวานผ่าซากทำให้มะลิร้อยอ้าปากค้าง หน้าร้อนวาบ อับอายจนอยากจะเเทรกแผ่นดินหนี เธอไม่นึกเลยว่าพ่อเทพบุตรในฝันจะกลายเป็นคนกักขฬะไม่ให้เกียรติผู้หญิงได้อย่างร้ายกาจถึงเพียงนี้ และในวินาทีถัดมาสาวน้อยก็ต้องตัวเกร็งและหลับตาปี๋ เมื่อเขาจงใจก้มลงมากระซิบวาจาหยาบโลนชิดใบหูขาวสะอาด ให้พอได้ยินกันแค่สองคน “ตัวเล็กๆ เเบบนี้โดน ‘เอา’ ทีคงสลบเป็นวันๆ”
“โอ๊ย…เด็กสิคะดี สมัยนี้ผู้ชายเขาก็อยากได้เมียเด็กเอ๊าะๆ กันทั้งนั้น” แล้วนางเดือนแขก็หาช่องว่างสอดแทรกเสียงอันน่ารำคาญขึ้นมาจนได้
วูล์ฟกระแทกลมหายใจยาวเหยียด พร้อมกลอกตาไปมาอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน ก่อนจะตอบโต้ด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้หัวใจ
“อย่าเอามาตรฐานของคนอื่นมาใช้กับผม อีกอย่างบ้านผมก็ไม่ใช่สถานสงเคราะห์ที่จะเปิดต้อนรับยัยเด็กกะโปโล มอมเเมม ขาดสารอาหาร และแสนสกปรกนี่ อ้อ…แล้วก็บอกตรงๆ ว่าสารรูปอย่างนี้ผมเอาไม่ลง” วูล์ฟชัดเจน เฉียบขาด เเละไม่ไว้หน้าใครเเบบนี้เสมอ
สาวน้อยถึงกับสะอึกในความรังเกียจขยะเเขยงเต็มกระเเสเสียง ความน้อยเนื้อต่ำใจไหลบ่าท่วมท้นไปทั้งกาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดความผิดหวัง เสียใจ และเจ็บปวด จนอยากจะปล่อยโฮออกมา
“แต่ถ้าคุณไม่เอานังมะลิไปเป็นเจ้าสาวแทน คุณก็จะไม่ได้อะไรจากเราเลยนะคุณวูล์ฟ”
“ระยำ! คุณกล้าขู่ผมงั้นเหรอ!” อภิมหาเศรษฐีหนุ่มเค้นเสียงขุ่นคลั่ก ระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความเดือดดาลเหลือคณา ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสะดุ้งเฮือก ใบหน้าซีดเผือด
“ผมไม่ได้ขู่ คุณก็รู้ว่าเราไม่เหลืออะไรเลย” โรเบิร์ตโต้กลับเสียงสั่นระริก
“เอานังมะลิไปเถอะค่ะ รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง มันเป็นกุลสตรีนะคะ งานบ้านงานเรือนทำเป็นหมดทุกอย่าง แถมใช้ให้ทำอะไรมันก็ไม่เกี่ยงอีกค่ะ”
“หึ…เพราะคิดอย่างนี้สินะ พวกคุณถึงได้ยัดเยียดให้เด็กในบ้านแต่งงานแทนลูกสาว ฉลาดดีนี่ แต่ขอโทษทีเถอะ…ผมต้องการ ‘เมีย’ ไม่ใช่ ‘คนใช้’ ที่เอาไว้รองมือรองเท้า” วูล์ฟแค่นยิ้มหยัน
“นังมะลิไม่ใช่คนใช้นะคะ มันเป็นหลานสาวของเรา แต่จะว่าไปแล้วเมียหรือคนใช้มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วก็ต้องคอยปรนนิบัติสามีอยู่ดี” เดือนแขยังไม่ยอมถอดใจง่ายๆ ก็แน่ล่ะหนทางไหนที่จะทำให้ตนและสามีไม่ต้องใช้หนี้นางก็พร้อมจะทำหมดแหละตอนนี้
“ไม่นะคะคุณป้า มะลิไม่แต่งงานแทนพี่เบลล่านะคะ” ครั้นทนไม่ไหวนางซินผู้แสนอาภัพก็เอ่ยค้านเสียงสั่นเครือ ก่อนที่จะโดนผู้เป็นป้าตวาดลั่น
“หุบปากของแกซะนังมะลิ! ฉันสั่งให้แกแต่งแกก็ต้องแต่ง!”
“คุณป้า…ได้โปรดเถอะค่ะ”
“เอ๊ะ…นังนี่! ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าห้ามมีปากมีเสียง ห้ามขัดคำสั่ง นึกถึงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่ฉันเลี้ยงดูแกมาตั้งแต่เล็กจนโตซะบ้างสิ” พอได้ยินถ้อยคำลำเลิกบุญคุณ มะลิร้อยก็อยากจะสวนกลับนักว่า ไม่ใช่เพราะสำนึกในบุญคุณของอีกฝ่ายหรอกเหรอที่ทำให้เธอสงบเสงี่ยมเจียมตัว และยอมก้มหัวให้คนในบ้านพอร์ตแมนเหยียบย่ำตั้งแต่เล็กจนโต หากแต่สิ่งที่เอื้อนเอ่ยออกมากลับไม่ใช่สิ่งที่ใจคิด
“มะลิไม่เคยลืม แต่นี่มัน…”
“ถ้าแกไม่เคยลืม ก็ต้องไม่มีคำว่าแต่ สงบปากสงบคำแล้วทำตามคำสั่งฉันซะ”
“ใช่ เราเลี้ยงดูแกมาตั้งแต่เล็กจนโต แกก็สมควรจะตอบแทนเราบ้าง” นายโรเบิร์ตกล่าวเสริมภรรยาทันควัน
พฤติกรรมของสองผัวเมียทำให้วูล์ฟรู้สึกสมเพชเเละรังเกียจคนทั้งคู่จนเเทบจะสำรอกออกมา ก่อนจะเอ่ยแทรกเสียงเข้มเจือดุดัน
“พอๆ หยุดดราม่าเสียที มันน่ารำคาญ!”“แสดงว่าคุณยอมแต่งงานกับนังมะลิแล้วใช่ไหมคะ” น้ำเสียงของนางเดือนแขฟังดูลิงโลดอย่างออกนอกหน้า การตีความหมายเข้าข้างตัวเอง ทำให้ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะให้กับความโง่เขลาเบาปัญญาของอีกฝ่ายยิ่งนัก “ผมไม่สนผู้หญิงหน้าไหนทั้งสิ้น โดยเฉพาะยัยเด็กกะโปโลแสนสกปรกนี่ และคนที่จะเข้าพิธีวิวาห์กับผมในวันพรุ่งนี้จะต้องเป็นอิซาเบลล่า เจ้าสาวของผมจะต้องเป็นอิซาเบลล่าเท่านั้น เข้าใจไหม!” เสียงห้าวกระด้างเอ่ยอย่างเฉียบขาดถึงแก่น “แต่ยัยเบลล่าหนีไปแล้วนะคะ คุณปล่อยให้เธอไปมีความสุขกับคนที่เธอเลือกเถอะค่ะ อีกอย่างงานแต่งก็จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว ยังไงก็ตามตัวยัยเบลล่าไม่ทันหรอกค่ะ เอานังมะลิไปเป็นเจ้าสาวแทนเถอะนะคะ” นางเดือนแขพยายามโน้มน้าวจิตใจอีกฝ่ายอย่างสุดความสามารถ ความจริงที่วิ่งเข้ามากระแทกใจโครมใหญ่ทำให้วูล์ฟตัวแข็งทื่อ กรามแกร่งที่ประดับอยู่ตรงโหนกแก้มขบกันจนเป็นสันนูน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาสามารถจัดการกับชีวิตของตัวเองได้อย่างง่ายดายเพียงแค่พลิกฝ่ามือ แต่ตอนนี้เขากลับกำลังจนปัญญาอย่างน่าโมโห เพราะไม่สามารถไปตามลากคอว่าที่เจ้าสาวเฮงซวยมาเข้าพิธีวิวา
“โสโครกสิ้นดี!” วูล์ฟเริ่มสวมวิญญาณมัจจุราชในชั่วพริบตา วาจาร้ายกาจที่หลุดออกมาจากปากหยักของเจ้าชายในฝันทำให้มะลิร้อยต้องกัดปากแน่น น้ำตาคลอเบ้า นึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาครามครัน เขาทั้งหยิ่งยโส ถือตัว ปากจัด ขี้หงุดหงิด และโมโหร้าย แถมพ่อเจ้าประคุณยังตั้งแง่รังเกียจเธอตั้งแต่แรกจนน่าเศร้าใจ จากที่ได้ประจักษ์มาถึงสองครั้งสองคราในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้สาวน้อยเริ่มแน่ใจแล้วว่าวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน คงไม่ใช่สุภาพบุรุษอย่างที่เธอวาดภาพไว้ในวิมาน และมันก็อาจจะถึงเวลาที่เธอต้องเลิกหลงรูปจูบเงาพ่อเทพบุตรจำแลงเสียที ทว่าเสียงหนึ่งในใจกลับแย้งขึ้นอย่างฉับไวว่า…ถ้ามันทำได้ง่ายๆ แบบนั้นก็ดีน่ะสิ แต่หัวใจเจ้ากรรมหลงรักเขาไปแล้วนี่ให้ทำไงได้ “เอาไปขัดสีฉวีวรรณสักหน่อยก็สะอาดแล้วค่ะ” นางเดือนแขเอ่ยแทรกขึ้น หากแต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจ นัยน์ตาดุดันยังคงจ้องหน้านางซินตัวน้อยเขม็ง “นังหนู…เธออายุเท่าไหร่แล้ว หย่านมแม่หรือยังถึงคิดจะมีผัวตั้งแต่เด็ก” ในเวลาที่กำลังเดือดจัดเช่นนี้เขาดูพาลพาโลไปหมด แม่สาวน้อยเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินวาจาหยามหมิ่น อีกทั้งเจ็บปวดและอดสูระคนกัน “โอ๊ย! นังมะลิมันไม่
ทว่าหากเป็นผู้ใหญ่สาวน้อยจะเลือกสงบปากสงบคำเสียมากกว่า จะมีบ้างในกรณีที่อดใจไม่ไหวจริงๆ ซึ่งคนที่เธอไม่สมควรจะไปต่อกรด้วยมากที่สุด คือเเขกคนสำคัญของบ้านพอร์ตเเมนอย่างวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน ทว่าวันนี้เขากลับทำให้ความอดทนของเธอขาดสะบั้น เพราะน้ำคำว่าร้ายทำลายจิตใจ จนพลั้งปากย้อนกลับด้วยความลืมตัว และในวินาทีถัดมาสาวน้อยก็ต้องสะดุ้งเฮือกกับน้ำเสียงกัมปนาทที่สาดเข้าใส่อย่างอำมหิต “นี่เธอ!...มันจะมากไปแล้วนะแม่ตัวดี! ยัยหนูสกปรก!” เจ้าของร่างทรงพลังตวาดกร้าว นัยน์ตาวาวโรจน์ ใบหน้าคร้ามคมพลันถมึงทึง “ถ้าคุณจะพูดแค่นี้ ฉันขอตัวนะคะ” หลังจากพยายามข่มกลั้นความหวาดกลัว หญิงสาวก็เชิดหน้าเอ่ยตัดบทเสียงแข็งๆ เพราะถึงแม้จะตื่นตระหนกในความกราดเกรี้ยวของเขาจนทำอะไรแทบไม่ถูก แต่มะลิร้อยก็ยังรู้สึกผิดหวังและไม่พอใจที่อีกฝ่ายไม่ให้เกียรติเธอเลยสักนิด จากนั้นนางซินตัวน้อยก็ตั้งท่าจะก้าวจากไป ด้วยเกรงว่าหากอยู่นานกว่านั้นเธออาจจะหมดศรัทธาในตัวเขาก็เป็นได้ ถึงอย่างไรแม่สาวช่างฝันก็ยังอยากยกย่องให้อีกฝ่ายเป็นเทพบุตรในดวงใจของตนอยู่ และถ้ามันจะมีอะไ
“อย่าห้ามผมเลยนะทูนหัว พรุ่งนี้เราสองคนก็จะเเต่งงานกันเเล้ว” กลิ่นสาบสาวทำให้พ่อหนุ่มคลั่งรักโยนความเป็นสุภาพบุรุษลงนรกไปทันควัน วูล์ฟเหมือนต้องมนตร์สะกดในชั่วเสี้ยวนาที ประหนึ่งมีแรงดึงดูดบางอย่างระหว่างสาวเจ้ากับเขาในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเขายังไม่ ‘ได้’ อิซาเบลล่า เพราะยิ่งได้สัมผัสแตะต้องเรือนกายนุ่มนิ่มหอมกรุ่นมือไม้ของเขาก็ยิ่งอยู่ไม่สุข ความรู้สึกในครั้งนี้มันต่างออกไปจากทุกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้อิซาเบลล่าพยายามยั่วให้เขาชิงสุกก่อนห่ามอยู่หลายหน ทว่าวูล์ฟก็ยังอดใจไหว แต่แล้ววันนี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้น เขาเป็นบ้าอะไร! ถึงได้กระหายอยาก ‘ร่วมรัก’ กับอีกฝ่ายเสียเดี๋ยวนี้ อภิมหาเศรษฐีหนุ่มได้แต่ฉงนในความปรารถนาที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน โดยไม่นึกเอะใจเลยว่าคนที่ตนกำลังลวนลามและอยาก ‘ร่วมรัก’ ด้วยจนแทบคลั่งนั้น ที่จริงแล้วหาใช่อิซาเบลล่า พอร์ตแมน แต่อย่างใด “เเต่ฉันไม่ใช่พี่เบลล่านะคะ ได้โปรดปล่อยฉันเถอะค่ะ” วาจาที่ได้สดับตรับฟังทำให้ความปรารถนาอันร้อนรุ่มพลันอันตรธานไปในชั่วพริบตา พ่อตัวโตผละจากร่างแน่งน้อยอย่างฉับไว แล้วรีบถอยห่างออกม
ถึงแม้พ่อเทพบุตรจะไม่มองเธอแม้แต่หางตา ทว่านางซินตัวน้อยกลับจ้องอีกฝ่ายราวกับต้องมนตร์สะกด ในวินาทีแรกที่ได้เห็นหน้าวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน อีกครั้ง มะลิร้อยก็เกิดตกหลุมรักเขาอย่างมิอาจห้ามใจได้…และบางทีเธอก็อาจจะตกหลุมรักอีกฝ่ายตั้งแต่แรกเจอเสียด้วยซ้ำ บุรุษที่เพอร์เฟ็กต์ตั้งแต่หัวจรดเท้าสามารถตรึงสายตาและหัวใจของสาวน้อยได้ในคราเดียวกันอย่างน่าประหลาด ความอ่อนโยนที่ชายหนุ่มแสดงออกกับผู้ที่เธอนับถือประหนึ่งพี่สาวทำให้เขาเป็นเหมือนเจ้าชายในฝัน มะลิร้อยได้แต่แอบมองเขาอยู่ห่างๆ หวังเพียงแค่ได้ชื่นชมแต่ไม่คิดจะครอบครองเป็นเจ้าของ เพราะเธอเจียมตัวเสมอว่าตนนั้นต่ำต้อยมากแค่ไหน “ฉันขอแค่แอบมองคุณอยู่ห่างๆ แบบนี้ก็พอแล้ว…” ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา แค่ได้แอบมองเขาอยู่ห่างๆ มะลิร้อยก็สุขใจมากแล้ว มันมากพอแล้วสำหรับผู้หญิงต่ำเตี้ยเรี่ยดินประหนึ่งเศษโคลนที่โดนใครต่อใครเหยียบย่ำอย่างเธอ บางทีการแอบรักใครสักคนมันก็มีความสุข ถึงมันจะเป็นความสุขเล็กๆ แต่มันก็ทำให้เธอยิ้มได้ในทุกคราที่เผลอกระหวัดคิดไปถึงวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน…เทพบุตรเพียงหนึ่งเดียวในหัวใจดวงน้อยลึกๆ เเล้วมะลิร้อ
อันที่จริงแล้วครอบครัวพอร์ตแมนเคยมั่งคั่ง แต่ตอนนี้กลับจนกรอบ เพราะกิจการฟาร์มปศุสัตว์ประสบภัยแล้ง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล กอปรกับถูกพิษเศรษฐกิจเข้าเล่นงานอย่างต่อเนื่องมายาวนานหลายปี และที่สำคัญคือทุกคนในบ้านใช้เงินอย่างไม่รู้ค่า สุดท้ายมันก็เข้าขั้นวิกฤต จนวูล์ฟต้องยื่นมือเข้าไปช่วยด้วยการให้ว่าที่พ่อตาหยิบยืมเงินก้อนใหญ่มาพยุงกิจการฟาร์มให้ไม่ล้ม โดยตกลงกันว่าเงินส่วนนี้จะไปรวมอยู่ในค่าสินสอดของเจ้าสาว และถึงแม้ว่าตอนนี้อิซาเบลล่าจะกลายเป็นนางแบบเนื้อหอมที่มีคิวยาวเหยียดไปจนถึงต้นปีหน้า ซึ่งเป็นผลพลอยได้มาจากที่หล่อนปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเคียงข้างเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่เพื่อนสนิทของวูล์ฟต่างมองว่าสาวเจ้ายังไม่ใช่คนที่คู่ควร และพากันคัดค้านว่าเขาตกลงปลงใจเร็วเกินไปหรือไม่อย่างไร แต่วูล์ฟ แอนเดอร์ตัน เป็นคนเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ตัดสินใจรวดเร็วและเฉียบขาดแบบนี้เสมอ หากอะไรที่เขาเชื่อมั่นว่าใช่มันก็ต้องออกมาเป็นคำว่าใช่เท่านั้น! เจ้าของร่างทรงพลังมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนไม่รู้ว่าพาหนะคันหรูได้เคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านพอร์ตแมนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว







