“อือ ยะ...อย่ามาทำแบบนี้นะ ถ้าไม่ปล่อยจะคุยกันได้ยังไง เป็นถึงอ๋องใหญ่ ใช่ไหม อ๋องใหญ่”
“อือ...ข้าเป็นอ๋องใหญ่ จวนสิบสี่ และที่นี่ก็จวนข้า และเจ้าก็มาโผล่ที่นี่ ฉะนั้นต่อไปนี้เจ้าคือของข้า เป็นสมบัติของข้า”
ว้าย!
“ปล่อยนะ ไอ้อ๋องใหญ่จอมหื่น” ซู่หลิงเถียนดิ้นเมื่อถูกยกอุ้มขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ด้วยความกลัวตกก็กอดรั้งไหล่หนาของเขาไว้
หึหึ
อ๋องใหญ่ทำเพียงแค่ยิ้มขำในลำคอแล้วก้าวเดินยาวๆ กลับไปยังเตียงที่นอนก่อนหน้านี้พร้อมกับเหวี่ยงร่างเล็กที่ยกอุ้มลงไปกับเตียง
ตุ้บ!
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะจ้าวซ่านลู่” เธอบอกเขาพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นเมื่อตั้งตัวได้ก็มองหาทางเอาตัวรอดอีก แต่พอได้มองสบสายตาดุดันเด็ดเดี่ยวของชายตรงหน้าแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลาย เมื่อรู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองข้ามมาอยู่อีกภพอีกมิติหนึ่งของโลก แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง หรือนี่คือความฝัน เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเคลื่อนตัวไปหาคนที่ยืนอยู่ปลายเตียงแล้วยกมือขึ้นตวัดเต็มแรงใส่หน้าของอีกฝ่าย
เผียะ!
หน้าอ๋องใหญ่หันไปตามแรงตบแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เขากัดกรามแกร่งแน่นแล้วหันมาเอาเรื่องกับแม่นางแสนงาม แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร นางก็ถามเขาก่อน
“นะ...นายเจ็บไหม”
“เจ็บ” เขาตอบสั้นๆ ส่วนซู่หลิงเถียนก็ไม่ได้ซักถามต่อ เพราะดูสีหน้าแล้วคงเจ็บจริงนั่นแหละ แสดงว่าไม่ได้ฝัน นี่คือความจริง
“แล้วเจ้าตบหน้าข้าทำไมเถียนเถียน”
“ก็ฉันนึกว่าตัวเองฝันเลยตบหน้าท่านดู”
“ฝันงั้นเหรอ เจ้าโง่รึเปล่าเถียนเถียน จะฝันได้ยังไง และเจ้าแทนตัวเองแปลกๆ จนข้างงหมดแล้วว่าเจ้าพูดอะไรกันแน่เถียนเถียน ว่าแต่ตุนหวงของเจ้าอยู่แห่งหนใด อยู่ไกลจากแคว้นหยวนของข้ารึไม่” แม้จะรู้สึกโกรธและขุ่นเคืองที่หญิงงามตบหน้า เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าลงไม้ลงมือกับเขาเลยสักครั้ง แต่ก็เก็บความขุ่นเคืองไว้ในอกเมื่อหน้าตาใสซื่อเหมือนคนหลงทางของซู่หลิงเถียนทำให้เขาโต้ตอบไม่ลง
“ไกลมาก ตอนนี้ฉัน...ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะกลับไปที่นั่นได้ยังไง แต่กระจกนั่น...กระจกนั่นมันเหมือนกระจกที่ห้องของข้าเลย” เธอชี้มือไปยังกระจกที่ตัวเองไปยืนหลบซ่อนอยู่ข้างหลังก่อนหน้านี้
“กระจกนั่นเหรอ ข้าเพิ่งได้มาเมื่อวานนี้ แล้วมันจะเหมือนของเจ้าได้ยังไงเถียนเถียน” อ๋องใหญ่มองตามแล้วก็หันมาถามอย่างสงสัย แล้วก็นึกถึงเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นมา เพราะเขาเองก็เห็นนางในกระจกก่อนที่นางจะมานอนอยู่บนเตียงเขาเหมือนกัน
“จริงๆ นะ มันเหมือนกระจกของฉัน และ...” เธอเงียบไปเมื่อไม่รู้ว่าจะพูดดีไหมว่าเมื่อวานเธอเองก็เห็นเขาสะท้อนในกระจกเหมือนกัน
“เจ้าเงียบทำไมเถียนเถียน” อ๋องใหญ่ถามคนงามตรงหน้าที่ขมวดคิ้วใช้ความคิดอยู่
“คือว่า...”
“ว่าอะไรเถียนเถียน”
“ก็เมื่อวานฉัน ข้าเห็นท่านในกระจกก่อนจะนอน และภาพที่เห็นก็เป็นภาพของท่านกับผู้หญิงคนหนึ่งบนเตียงนี้ และกำลัง...” เธอหยุดพูดก้มหน้าม้วนอาย
“หืม! เจ้าเห็นข้ากับสนมของข้าสินะ” เขารู้เลยว่านางเห็นตัวเองตอนไหน
อือ!
เธอพยักหน้าตอบ แม้ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่น่าจะใช่สนมของเขา
“และรู้อะไรไหมเถียนเถียน เมื่อวานข้าก็เห็นเจ้าในกระจกเหมือนกัน เจ้านอนหลับบนเตียงและในห้องก็ไม่คุ้นตา มันเหมือนไม่ใช่ที่นี่”
“ก็แน่ล่ะ ก็นั่นปัจจุบัน แต่ที่นี่คืออดีต” เธอรีบตอบสวนเขาทันที
“เจ้าพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ”
“ไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ ตอนนี้ฉัน ข้าออกไปจากที่นี่ได้ไหม?”
“เจ้าจะไปไหน และชุดของเจ้าคงไม่เหมาะจะออกไปจากที่นี่แน่ เดี๋ยวข้าจะให้เด็กรับใช้มาดูแลเจ้า และห้ามดื้อห้ามหนี เพราะทหารของข้าจะเฝ้าประตูไว้”
“แล้วท่านจะไปไหนจ้าวซ่านลู่”
“ข้าจะไปพบเสด็จพ่อในวัง”
เขาตอบสั้นๆ แล้วก็เดินจากไปทันที ส่วนซู่หลิงเถียนก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังของชายที่เพิ่งรู้จักจนเขาหายลับไปจากการมองเห็น ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วถอนหายใจแรงๆ กลิ้งไปมา ก่อนจะลุกขึ้นไปดูกระจกโบราณอีกครั้ง มันต้องมีอะไรแน่ เพราะเมื่อวานมันมีแสงออกมา และเมื่อวานเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือจะเกิดการหักเหของแสงทำให้เธอฝันแบบนี้ หรือไม่ก็ทะลุมาอีกมิติหนึ่ง
“โอ๊ย! ปวดหัว! อะไรกันเนี่ย เถียนเถียน” เธอยกมือกุมขมับตัวเองพร้อมกับมีคนเดินเข้ามาหา และก็ไม่ต้องเดาอะไร เมื่ออีกฝ่ายเรียกเธอว่า ‘คุณหนู’ คงเป็นคนที่จ้าวซ่านลู่ให้มาดูแลเธอแน่นอน
เมื่อบ้านเมืองสงบ หน้าด่านนอกก็สงบ ตอนนี้ชู่เอ๋อก็ตั้งครรภ์ได้สามเดือน และท่านหญิงหมิงเทียนก็เช่นกัน ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่นั้นมา ท่านหญิงหมิงเทียนก็แวะเวียนมาที่จวนอ๋องตู้บ่อยๆ “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อเอ่ยเรียกพระสวามีที่เพิ่งกลับมาจากด่านหน้าเมือง และคล้อยหลังตู้เหลียงเฉิงก็คือบิดาของนาง “ท่านพ่อ” “ชู่เอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง ท่านอ๋องตู้บอกว่าเจ้าแพ้ท้องยังมิหาย” ชู่เว่ยเอ่ยถามบุตรสาวที่ตอนนี้อวบอิ่มกว่าแต่ก่อนเพราะเจ้าตัวเล็กในครรภ์ “ก็เพลียเจ้าค่ะท่านพ่อ กินอะไรก็อาเจียน” นางเอ่ยตอบบิดาของนางที่เดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆ นาง “ก็อย่างที่ท่านอาจารย์เห็นนั่นแหละ ข้าล่ะสงสารชู่เอ๋อที่ต้องมาลำบากเพราะลูกของข้า หากเป็นไปได้ข้าอยากแพ้ท้องแทนนาง” ตู้เหลียงเฉิงเอ่ย “ท่านอ๋องตู้ก็...มิลำบากหรอกเพคะ หม่อมฉันทนได้
“ชู่เอ๋อ”ตู้เหลียงเฉิงรีบวิ่งไปหาพระชายาที่นั่งคุกเข่ากับพื้นทันที พร้อมกับผลักทหารสองนายที่ยืนขนาบข้างนางออก “ชู่เอ๋อ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้” อ๋องหนุ่มรีบแก้มัดที่มือและผ้าที่ปิดปากนางออกอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไม่ทำโทษพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าทำตามคำสั่งของท่านหญิง ไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะตัดหัวพวกเจ้า” เมื่อให้อิสระแม่ยอดดวงใจแล้วเขาก็หันมาตวาดเสียงแข็งใส่ทหาร และทหารทั้งสองก็รีบไปอย่างรวดเร็วด้วยรู้ดีว่าท่านอ๋องตู้เป็นคนเลือดเย็น “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อโอบกอดชายคนรักแน่น “ปลอดภัยแล้ว ต่อจากนี้เราจะอยู่ด้วยกัน จักไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกชู่เอ๋อของพี่” เขาดันนางออกห่างพร้อมพรมจูบดวงหน้างามแล้วมาหยุดที่แก้มนวลเนียนที่ฟกช้ำ “ใครทำเจ้าชายาข้า” “หม่อมฉันโดนท่านหญิงหมิงเทียนตบเพคะ” นางตอบเสีย
ภาพที่ตู้เหลียงเฉิงตวัดดาบตัดหัวของมู่เหลียงเฉิงทำให้หลิงหลิงสาวใช้ของท่านหญิงหมิงเทียนแทบก้าวขาไม่ออก ความโหดเหี้ยมของท่านอ๋องตู้นั้นสังหารพี่ชายเพียงดาบเดียว หลิงหลิงก้าวเท้าออกมาจากที่ซ่อนของตัวเองเดินเข้าไปหาท่านอ๋องตู้ที่กำลังจะเดินไปทางม้าของท่านอ๋อง “เจ้าหลิงหลิง คนของท่านหญิงหมิงเทียนนี่” เขามองไปทางคนที่เดินตัวสั่นมาทางตนเองพร้อมเอ่ยถาม “เพคะท่านอ๋องตู้ หม่อมฉันมาส่งข่าวเพคะ” “ข่าวอะไรของเจ้า” “ท่านหญิงหมิงเทียนให้หม่อมฉันมาทูลท่านอ๋องตู้ว่าตอนนี้พระชายาชู่เอ๋อนั้นอยู่กับท่านหญิงที่ตำหนักเพคะ” นางเอ่ยเสียงสั่นเบาในลำคอ “ขอบใจเจ้าที่มาบอกข้า หากเจ้าไม่มาบอก ข้าคงตามหาพระชายาแบบไร้จุดหมาย” น้ำเสียงเข้มห้าวเอ่ยพร้อมกับเหวี่ยงตัวโหนขึ้นหลังม้า “ฟ่านตง เจ้าเข้าไปในวังหลวงก่อน เราจะไปหาพ
ฮือ!เสียงหอบเหนื่อยของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกับสองเท้าหยุดวิ่งเมื่อคิดว่าหนีมาไกลจนปลอดภัยแล้ว แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อมีดาบยื่นมาจากด้านหลังจ่อที่ลำคอของนาง“คิดเหรอว่าจะหนีรอด หากไม่มีเจ้า ท่านพี่อ๋องตู้ก็คงเลือกข้าเป็นพระชายา” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับเจ้าของต้นเสียงเดินมาหยุดตรงหน้านาง ชู่เอ๋อมองเจ้าของน้ำเสียงเล็กแหลมน่าเกลียดด้วยความเดือดดาล แต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อที่คอมีดาบจ่ออยู่“ทหารจับตัวมันไป” ท่านหญิงหมิงเทียนเอ่ยสั่งทหารของตนเองให้จับชู่เอ๋อและหลันหลงพร้อมสั่งมัดมือมัดปากของทั้งสองก่อนจะพาขึ้นรถม้าตัวเอง“อือ...ยัยท่านหญิง อ่ะ...อื้อ” แล้วเสียงชู่เอ๋อก็หลุดหายไปในลำคอเมื่อมีผ้าปิดปากเผียะ!“ตอนนี้ชีวิตของเจ้าอยู่ในกำมือข้า นังชู่เอ๋อ” มือเล็กตวัดตบหน้าของชู่เอ๋อก่อนจะเดินขึ้นรถม้าตัวเองไปแล้วชู่เอ๋อและสาวใช้ก็ถูกทหารของนางลากดึงขึ้นรถม้าตามหลังไป และทันทีที่ทุกคนขึ้นมาบนรถม้าแล้ว รถม้าก็เคลื่อนตัวไปทันที“หลิงหลิง เจ้าไปดักรอที่หน้าจวนอ๋องตู้เพื่อส่งข่
“ลุย!” ตู้เหลียงเฉิงร้องสั่งทหารของตัวเองและเหล่าแม่ทัพของตัวเองให้บุกโจมตีกบฏในยามเช้ามืดเฮ!เสียงทหารและเสียงม้าศึกได้วิ่งควบบุกเข้าโจมตีค่ายของกบฏด้วยความห้าวหาญ เสียงดาบดังกระทบกันหนักหน่วงพร้อมเสียงร้องโหยหวนของกบฏและทหารที่พลาดพลั้งเสียท่าเพล้ง! ฉัวะ! เพล้ง! ฉัวะ! เสียงคมดาบกระทบกระทั่งกันพร้อมเสียงร้องทรมานของผู้เสียท่า“ท่านอ๋องตู้มิต้องห่วงทางนี้ ท่านนำทหารของเราไปในเมืองจับกุมท่านอ๋องมู่เถอะพ่ะย่ะค่ะ” เสียงเข้มทุ้มของแม่ทัพใหญ่ชู่เว่ยเอ่ยดังขึ้น“งั้นทางนี้ข้าฝากท่านอาจารย์ด้วย ข้ากับฟ่านตงจักไปจับท่านอ๋องมู่ก่อนที่ทางนั้นจะไหวตัวทัน”“พ่ะย่ะค่ะ” ชู่เว่ยรับคำแล้วควบม้าไปร่วมต่อสู้กับทหารคนอื่น“ตามข้ามาฟ่านตง และพวกเจ้าด้วย” เสียงเข้มเอ่ยเหี้ยมพร้อมควบม้าวิ่งไปอีกทางทันที โดยมีฟ่านตงและเหล่าทหารศึกควบม้าวิ่งตามเขาไปกุก กุดุดุก กุดุมู่เหลียงเฉิงไม่รู้เลยว่าตอนนี้ค่ายลับของตัวเองได้ถูกตู้เหลียงเฉิงปราบ
ปึก! เสียงประตูปิดแนบสนิทพร้อมกับเพลิงกามสวาทได้เริ่มบรรเลงขึ้น เมื่อเสื้อผ้าอาภรณ์ของชู่เอ๋อถูกปลดเปลื้องออกด้วยมือของพระสวามี ตู้เหลียงเฉิงปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางยอดรักและของตนออกทิ้งแล้วอุ้มนางไปยังเตียงนอนนุ่มที่อยู่ห่างจากหน้าประตูมิไกลนัก “อ่ะ...อื้อ ท่านอ๋องตู้ ท่าน...อ่า...ท่านกำลังแกล้งหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” ตอนนี้ชู่เอ๋อรู้แล้วว่าแท้จริงแล้วพระสวามีหาได้เกรี้ยวโกรธตัวเองไม่ “หึหึ...ข้าแกล้งอันใดเจ้ายอดรักของข้า” ปากหนาที่เคลื่อนไล้จูบขบเม้มลำคอระหงผละออกมาเอ่ยถามนางในดวงใจ “ก่อนหน้านี้ท่านมิได้โกรธหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” หึหึ เขาทำเพียงขำตอบ และนั่นก็ยิ่งทำให้ชู่เอ๋อรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อโดนอ๋องตู้ร้อยเล่ห์หลอกอีกครั้ง “ท่านมันคนร้อยเล่ห์”&nbs