"ไปจัดของเหล่านั้นมาเร็ว หลินไท่ไท่ไม่ใช่ว่าเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวจนเติบใหญ่มาหรอกหรือ?" ฟู่จาวหนิงบอกกับสืออี "เอาไปป้อนนางเสียหน่อย"พรวด!"ฮ่าๆๆ!""พระชายาอ๋องเจวี้ยนนี่จะร้ายกาจไปหน่อยไหม?"คนที่มุงอยู่รอบๆ พ่นพรวดออกมา มีคนหัวเราะ และมีคนถลึงตาโต มีคนกลับรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงร้ายกาจเสียจริงและด้วยประโยคนี้ นางยังบิดไปทางด้านนั้นได้อีก?แต่ว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังรุ้สึกว่าตระกูลหลินทำเกินไปแล้ว ฟู่หลินซื่อหายสาบสูญไปสิบกว่าปี เป็นหรือตายก็ไม่รู้ พูดได้ว่าในฐานะแม่แท้ๆ ไม่เคยได้มาดูแลฟู่จาวหนิงเลยสักวันฟู่จาวหนิงใช้ชีวิตอยู่กับท่านปู่ก็ลำบากอยู่แล้ว หลินไท่ไท่ในฐานะยาย ก็ไม่เคยจะมาช่วยเหลือนางแม้แต่น้อย ตระกูลหลินไม่เคยไปเยี่ยมเยือนตระกูลฟู่เลย เรื่องนี้ทุกคนล้วนรู้กันดีตอนนี้พอรู้ว่าคนในบ้านกลายเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ก็คิดจะเอาบุญคุณที่ชุบเลี้ยงฟู่หลินซื่อมาคำนวณที่ตัวฟู่จาวหนิง หน้าไม่อายเสียเหลือเกิน?คนบางส่วนที่รู้ตื้นลึกหนาบางก็ยังพูดความใจดำกับความไร้ยางอายของคนตระกูลหลินให้คนข้างๆ ฟังด้วย"ข้าทำไมถึงจำได้ว่า เพราะก่อนหน้านี้แม่ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนหน้าตางดงามมาก ดังน้นบ้านตร
"แล้วก็ ข้าเพิ่งตรวจสอบจนกระจ่าง แม่ของข้าไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของหลินไท่ไท่ ตอนนั้นนางพาลูกสาวกลับมาบ้านนาง ระหว่างทางเกิดเรื่องขึ้น จนลูกสาวหายไป จากนั้นนางจึงเก็บแม่ของข้ากลับไป ปลอมตัวเป็นลูกสาวของนาง หลายปีมานี้ คนตระกูลหลินเองก็น่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว ไม่เช่นนั้นจะมาไม่สนใจเรื่องเป็นตายร้ายดีของแม่ข้าได้อย่างไรกัน?""อะไรนะ? ที่แท้แม่ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของหลินไท่หรือนี่? " มีคนร้องขึ้นมาอย่างตกตะลึง"เช่นนั้นก็ไม่แปลกแล้ว ถ้าเป็นญาติกันจริง จะปฏิบัติตัวเช่นนี้ด้วยได้อย่างไร?""ฟู่จาวหนิง" ฮูหยินใหญ่หลินหน้าเปลี่ยนสี สองมือเท้าสะเอวร้องขึ้นมา "เจ้าคนเนรคุณ! เจ้าไม่อยากจะเคารพบรรพบุรุษ ก็อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระ! ราชวงศ์เอาคนอย่างเจ้าไปเป็นพระชายาได้อย่างไรกัน? เจ้ามันกิ้งก่าได้ทอง หลังจากปีนขึ้นตัวอ๋องเจวี้ยนก็สะบัดญาติจนๆ ทิ้ง เจ้ามันไม่ซื่อสัตย์ พวกเราจะไปจวนทางการร้องเรียนเจ้า!""สืออี"ฟู่จาวหนิงเพิ่งร้องออกมา สืออีก็หิ้วหลินอันเล่อไปข้างหน้าฮูหยินใหญ่หลิน ยกมือตบฉาดไปที่นาง"ไม่เคารพต่อพระชายา กำเริบเสิบสานนัก!"และฝ่ามือนี้ก้ตบจนฮูหยินใหญ่หลินลงไปพับกับพื้น
ตระกูลหลินวุ่นวายเสียขนาดนี้ ฟู่จาวหนิงไม่สนใจที่นางเอาเรื่องนี้พูดออกมา ก็เพราะจะมาขีดเส้นอย่างชัดเจนกับตระกูลหลินญาติแบบนี้นางเองก้ไม่อยากจะมีหรอกกลับมาถึงบ้านตระกูลฟู่ นางกลับพบว่าเซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวทั้งสองคน เดินวนเวียนอยู่ที่ประตู"น้าสะใภ้รอง"ฟู่จาวหนิงรีบลงรถม้า เดินตรงไปหาพวกนางเซี่ยซื่อพอเห็นนางดวงตาก็รื้นแดงขึ้นหลินอันห่าวเองก็มองนางอย่างน่าสงสาร "พี่หญิงจาวหนิง"ฟู่จาวหนิงเห็นพวกนางแต่ละคนหิ้วห่อผ้าเก่าๆ อยู่ใบหนึ่ง จึงเข้าไปจูงมือหลินอันห่าว "เข้ามาก่อนแล้วค่อยคุยกัน"เซี่ยซื่อเช็ดน้ำตาเดินเข้าไปในบ้านตระกูลฟู่ป้าจงส่งชาผลไม้มาให้พวกนาง"อันห่าว ลองชิมดู นี่คือชาผลไม้ที่ข้าทำเอง พวกเจ้าน่าจะยังไม่เคยดื่ม"หลินอันห่าวน่าจะกระหายแย่แล้ว ยกขึ้นดื่มลงไปอึกใหญ่ชาผลไม้อุ่นๆ มีรสชาติเปรี้ยวหวานหน่อยๆ อร่อยมาก แก้กระหายได้เป็นอย่างดี แตกต่างกับชาที่พวกนางเคยดื่มมาก่อนอย่างสิ้นเชิงดวงตาหลินอันห่าวเปล่งประกายขึ้นมาทันที "อร่อยจัง""ใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ ลูบหัวนางเซี่ยซื่อเองก็ดื่มไปแก้วหนึ่ง วางแก้วลงก็เอ่ยชมฟู่จาวหนิงขึ้นคำหนึ่ง "จาวหนิง เจ้านี่เก่ง
"ที่น่าโมโหดที่สุดคือพ่อของอันห่าว" เซี่ยซื่อสองตาแดงเถือก มองไปทางหลินอันห่าว "อันห่าว ให้เสี่ยวเถาพาเจ้าไปล้างหน้าล้างตาหน่อยดีไหม?"หลินอันห่าวลุกขึ้นยืน ก้มหน้าก้มตาเดินตามเสี่ยวเถาออกไปฟู่จาวหนิงมองแผ่นหลังนาง ใจเต้นขึ้นมา "น้าสะใภ้รอง อันห่าวทำไมถึงดูอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย?""ข้าก็ไม่กล้าพูดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ต่อหน้านาง! แต่คนคนนั้นคือพ่อแท้ๆ ของนาง!"เซี่ยซื่อปิดหน้าร้องไห้ขึ้นมา"จาวหนิง ข้าเองก็ไม่อยากจะพูดขึ้นมา เพราะพวกเขาคิดจะบีบให้ข้าส่งอันห่าวไปพักด้วยกันในจวนอ๋องเจวี้ยนกับเจ้า พวกเขาบอกว่าเจ้าดีกับอันห่าวมาก จะต้องรับปากแน่"ฟู่จาวหนิงตั้งตัวไม่ทันไปพักหนึ่ง "จะเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนมาทำไมกัน?์"เพราะอะไรคิดจะเข้าเข้ามาพักในจวนอ๋องเจวี้ยน?เซี่ยซื่อสะอื้น "พวกเขายังสอนด้วยว่าหลังจากเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วให้คิดหาวิธีเข้าใกล้อ๋องเจวี้ยน พวกเขาบอกว่าถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคนนอก ให้เจ้ามาเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ไม่มาสนใจตระกูลหลิน ถ้าให้อันห่าวกลายเป็นหญิงสาวของอ๋องเจวี้ยน พวกเขาก็จะกลายเป็นคนของอ๋องเจวี้ยนอย่างแท้จริงแล้ว อ๋องเจวี้ยนเองก็สามารถดูแลพวกเขาได้ บ้านตระกูลหลิน
ฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็ยืนยันความหมายของเซี่ยซื่อแล้ว"น้าสะใภ้รองท่านอย่าพูดเช่นนี้เลย ก่อนหน้านี้ข้ากับท่านปู่เองก็ได้รับความช่วยเหลือจากท่านมาเช่นกัน ท่านกับอันห่าวมาพักที่บ้านตระกูลฟู่ก่อนเถิด หลังจากคนพวกนั้นย้ายออกไป บ้านตระกูลฟู่ตอนนี้ก็ว่างเปล่าเสียเหลือเกิน ห้องหับเองก็มากมี ให้ท่านกับอันห่าวมาอยู่ด้วยก็ยังเหลือเฟือ""จริงหรือ?" เซี่ยซื่อคิดไม่ถึงเลยว่านางยังไม่ทันพูดออกมาอย่างชัดเจน ฟู่จาวหนิงก็เอ่ยปากให้พวกนางเข้ามาอยู่เสียแล้วนางดีใจจนน้ำตาหลั่งออกมาอีกครั้ง"แต่ว่าจาวหนิง พวกเราตอนนี้ไม่ได้เป็นญาติกันแล้วนะ""เอาอย่างนี้ เมื่อครู่ข้าก็พูดเรื่องนี้ที่บ้านตระกูลหลินไปแล้ว ข้าบอกเรื่องที่แม่ของข้าไม่ใช่คนตระกูลหลิน และขีดเส้นแบ่งกับบ้านตระกูลหลินไปแล้ว ดังนั้นข้ากับตระกูลหลินจึงไม่มีความเกี่ยวข้องใดกันอีก เขาไม่ใช่น้าเขยรองของข้า ท่านเองก็ไม่ใช่น้าสะใภ้รองของข้า ข้าก็จะมองอันหาวเป็น้องสาวคนหนึ่ง เปลี่ยนคำเรียกท่านเป็นน้าเซี่ยแล้วกัน""ตอนที่แม่ของข้าอยู่ที่ตระกูลหลินยังไม่ได้ออกเรือนท่านคงดีกับนางมากแน่ๆ ดังนั้นท่านก็เป็นพี่เลี้ยงของแม่ข้าเถิด น้าเซี่ยกับอันห่าวอยู่ที่บ้านต
เซี่ยซื่อปาดน้ำตาออกไปยืนอยู่ในเรือนตระกูลฟู่ นางรู้สึกว่าหมอกควันในใจล้วนสลายไปแล้วฟู่จาวหนิงช่วยชีวิตนางกับอันห่าวสองแม่ลูกไว้แล้วจริงๆผู้เฒ่าฟู่หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ก็อดก่นด่าตระกูลหลินขึ้นมาไม่ได้ ช่างไร้ค่าเสียจริง!เขาไม่ได้มีความเห็นอะไรกับการจัดวางของฟู่จาวหนิง ยิ่งไปกว่านั้นยังดีใจมากอีกด้วย ที่ในบ้านมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยเขาจึงดีใจมากเซี่ยซื่อกับอันห่าวไม่เหมือนคนอกตัญญูละโมบโลภมากอย่างพวกของผู้เฒ่าฟู่รองเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นจาวหนิงตอนเกิดมาก็ไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างกาย น่าจะมีเรื่องผู้หญิงผู้หญิงอีกมากมายที่ไม่มีใครพูดได้ หลังจากนี้มีเซี่ยซื่ออยู่ก็คงดีขึ้นเยอะเซี่ยซื่อกับอันห่าวจึงพักอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่สิ่งที่ทำให้คนตกตะลึงก็คือ อันห่าวกับเฮ่อเหลียนเฟยกลับเข้ากันได้ดี นางไม่กลัวเฮ่อเหลียนเฟยเลย แล้วยังพูดเรื่องน่าสนใจในเมืองหลวงให้เขาฟังอีกด้วย"ช่วงนี้คนของจวนทางการกำลังหาคนอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังหาคนแก่คนหนึ่งอยู่หรือเปล่า หลายวันก่อนข้าเห็นคนแก่ที่มาจากภายนอกคนหนึ่ง บาดเจ็บ แล้วมาเป็นลมล้มพับอยู่ที่ประตูหลังบ้านตระกูลหลิน ข้ายกน้ำมาให้เขาชามหนึ่ง แล
ฟู่จาวหนิงพาเซี่ยซื่อ พาสืออีสือซานไปยังสถานที่นั้นถ้าหากไม่มีเซี่ยซื่อนำทาง ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าใกล้ๆ บ้านตระกูลหลินจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย ดูแล้วเหมือนสถานที่รกร้างแห่งหนึ่งที่ถูกบ้านของผู้คนบางส่วนล้อมเอาไว้ ต้นไผ่หลายกอเองก็แน่นขนัดมาก มีถนนหินแตกๆ ที่ตะไคร่น้ำยื่นเข้ามาอีกด้วยด้านในมีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง ข้างบ่อน้ำมีแผ่นหินปูไว้ระเกะระกะ ดูแล้วลื่นๆ มันๆ แต่ก่อนน่าจะมีหญิงสาวมาซักเสื้อผ้ากันที่นี่บ่อยครั้ง"แต่ก่อนมีคนไม่น้อยที่มาที่นี่ตักน้ำกับซักล้างสิ่งของ แต่ว่าสองปีมานี้ บ่อน้ำนี้ก็แห้งไปอย่างประหลาด จะตักน้ำก็เปลืองแรง ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครมาแล้ว" เซี่ยซื่อตอบ"น้าเซี่ย ท่านอยู่บนรถไม่ต้องลงมา เฉินซานรออยู่ที่นี่ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ถูกต้องเจ้าก็ขับรถม้าออกไปเลย"ช่วงสายัณห์แล้ว ที่นี่มีป่าไผ่ ดังนั้นแสงจึงค่อนข้ามมืดทึม ด้านในดูแล้วก็ครึ้มขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงไม่ได้เตรียมให้เซี่ยซื่อตามเข้าไป"จาวหนิง เจ้าจะเข้าไปเองหรือ?" เซี่ยซื่อกังวลหน่อยๆ ถ้าอันห่าวบอกว่าชายชราคนนั้นซ่อนตัวอยู่ในนี้จริง ก็อธิบายได้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่คนที่จวนทางการตามหาอยู่ แล้วจะเป็นคนเลวหรือไม่กัน?
สืออีกับสือซานสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนดูตกตะลึงหน่อยๆ พวกเขาถึงแม้จะคาดเดาไว้บ้างแล้ว รู้สึกว่าคนที่ซ่อนอยู่ที่นี่จะต้องเป็นผู้นำตระกูลฮู่ แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะร้องเรียกขึ้นมาตรงๆ"ข้าคือฟู่จาวหนิง พระชายาของเซียวหลันยวน"ฟู่จาวหนิงขานตัวตนฐานะตนเองออกมาด้านในไม่มีการเคลื่อนไหวใด"ก่อนหน้านี้ท่านพบกับสาวน้อยคนหนึ่ง นางส่งยาให้กับท่าน ยานั้นคือยาที่ข้าสกัดมาเอง ถ้าหากท่านบาดเจ็บ ยาวันนั้นถ้ากินหมดก็น่าจะดีขึ้นมากแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ตอนนี้จะยังไออยู่ แต่เมื่อครู่ข้าได้ยินท่านข่มอาการไอเสียงต่ำ น่าจะเพราะบาดเจ็บไปไม่น้อย"พอสิ้นเสียงคำพูดฟู่จาวหนิง ด้านในก็มีเสียงไอออกมาเป็นชุดตอนนี้น่าจะข่มไม่อยู่แล้ว"ท่าน ท่าน แค่กๆๆ""ผู้นำตระกูลฮู่ ถ้าหากไม่ว่าอะไร ข้าจะเข้าไปแล้ว แค่ข้าคนเดียว"ฟู่จาวหนิงยกเท้าเดินเข้าไปในห้องมีเตียงไม้ตัววหนึ่ง ด้านบนวางป้ายสุสานหลายป้ายวางไว้ด้านในมุม มีคนชราพิงกำแพงอยู่ ด้านล่างมีเสื้อฟางอยู่สามผืนเขาพิงอยู่ตรงนั้นตัวสั่นระริก ใบหน้ามีแต่ฝุ่นธูป มองหน้าตาไม่ออก แต่เส้นผมขาวโพลน ดูแล้วน่าจะอายุอานามไม่น้อยเสื้อผ้าของเขาย
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ