รสรักที่นางมิเคยได้ลิ้มลอง เมื่อท่านแม่ทัพเริ่มลาดเลื้อยนิ้วสากไปตามเรือนร่างของนาง และหยุดที่ปทุมคู่สวยอีกครั้ง นางก็รู้แล้วว่าถึงเวลาแล้ว“อย่าเกร็งมาก ข้าจะค่อย ๆ เข้าไป”“เจ้าค่ะ ข้าจะพยายาม”เพียงแค่แท่งร้อนที่ทั้งใหญ่และดุดันนั้นสอดเข้ามา หลินอิงก็เริ่มจิกนิ้วมาที่ไหล่กว้างของเขา นางรู้สึกเจ็บและประหม่าเล็กน้อย แต่เขาก็มิได้ทำให้นางทรมานอยู่นาน เพราะหลังจากความเจ็บในสัมผัสแรก จากนั้นทั้งคู่ก็หลงลืมวันเวลาอยู่บนเตียงอุ่น ท่ามกลางเสียงร่ำร้องฉลองชัยชนะในคืนนี้“อื้อ…ทะ ท่านพี่ อื้อ”จูบหนักแน่นและพร้อมจะดูดกลืนนางได้ทั้งตัว ถูกส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่า หลินอิงแทบจะรับศึกรักนี้ไม่ไหวแล้ว หลังจากที่เขาจับนางเปลี่ยนท่า ยกขาขึ้นพาดบ่า จับให้นอนตะแคงโดยมีเขาสวมกอดอยู่ด้านหลัง แรงกระแทกมาแต่ละครั้งหนักแน่นและดุดันสมกับเป็นขุนศึกผู้กล้า เสียงลมหายใจร้อนรดมาที่ซอกคอ ตามด้วยริมฝีปากเย็นที่ฝังแน่นตามลงมา“ข้า…อ๊าาา ท่านพี่เจ้าคะ”มีเพียงเสียงลมหายใจแหบต่ำของเขาเป็นคำตอบ ว่านางยังพักไม่ได้ หากเขาไม่อนุญาต ร่างบางเกร็งตัวขึ้นอีกครั้ง เขาส่งนางไปถึงฝั่งนับครั้งไม่ถ้วน แต่ตัวเขาเองพึ่งจะคำรามออกม
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจ เว่ยหยางหันไปมองที่ยอดเขาซึ่งเขาเคยพานางมา และเขาก็เห็นว่าผู้ที่ยิงธนูช่วยเขาเมื่อครู่นี้ มิใช่ทหารของเขาอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเล็งได้ตรงจุดแต่กำลังก็มิได้ทำให้ฆ่าคนตายได้ แค่หยุดพวกเขาเอาไว้ได้เท่านั้น“เมิ่งหลินอิง เจ้านี่อยู่เฉยไม่ได้เลยจริง ๆ”ค่ายทหารเมื่อกองทัพเริ่มทยอยเข้ามาในค่ายทหาร แม่ทัพหลิวก็ถูกนำมาที่กระโจมเพื่อทำแผลทันที หลินอิงวิ่งเข้ามาหลังจากที่ท่านหมอทำแผลให้เขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว“จากนี้คงต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลและใส่ยาเช้าเย็น อาการอย่างอื่นไม่มีอะไรหนักหนามากขอรับ”“ขอบคุณท่านหมอ”เมื่อหมอและคนอื่น ๆ ออกไปแล้ว เพราะเย็นนี้มีงานเลี้ยงฉลองที่ชนะศึก และทุกคนจะได้กลับบ้าน จึงทำให้ไม่มีใครอยากจะอยู่แต่ในกระโจม หลินอิงเดินเข้ามา และมองไปที่เว่ยหยางซึ่งนั่งอยู่ที่เตียง“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านหมอบอกข้าว่าแผลที่ไหล่ของท่านไม่ลึกมาก แค่ใส่ยาก็หาย”“วันนี้เจ้าไปไหนมา”“ข้า…”“อย่าได้คิดจะโกหกข้าเชียว กุนซือเผิงช่วยเจ้าไม่ได้หรอกนะ”“ท่านโกรธข้าหรือ”“เจ้าไม่รู้หรือว่ามันอันตราย หากว่ามิใช่กองทัพของข้าแล้วละก็”“แต่ที่นั่นทั้งสูงและปลอดภัย กองทัพที่เหลือ
วันถัดมา“ท่านแม่ทัพ ท่านมั่นใจแล้วหรือที่จะ เอ่อ…”“กุนซือ ท่านคิดว่าแผนการนี้มีอะไรต้องแก้ไขงั้นหรือ หากว่าท่านมีแผนการอื่น ที่ดีกว่าแผนที่ฮูหยินขอข้าเสนอมา ก็พูดออกมาได้เลย”“แม้ว่าจะดูรอบคอบ แต่จะทำอย่างไรถึงจะให้ศัตรูเชื่อว่าเรื่องนี้มิใช่กลลวง”“เรื่องนั้นง่ายมาก เราต้องปล่อยข่าวออกไป และให้พวกเขาปล้นเสบียงไปก่อนครั้งหนึ่ง จากนั้นเขาจะเชื่อข่าวเรื่องนี้ทันที”“อะไรนะ เราต้องเสียเสบียงให้ข้าศึกก่อนงั้นหรือ ท่านแม่ทัพนี่มันจะไม่เสี่ยงไปสักหน่อยหรือ”นางกองหวังพูดขึ้นมา เมื่อรู้ว่าต้องใช้เสบียงจริงในการหลอกล่อ เขาก็เกิดกลัวขึ้นมา แต่กุนซือเผิงอิ้งกลับตบพัด และหันมายิ้มให้กับแม่ทัพหลิวและฮูหยิน“จะตกปลา หากไม่ใช้เหยื่อก็คงไม่ได้ปลาใหญ่ ข้าเข้าใจแผนการของฮูหยินแล้ว นี่ช่างเป็นการพลิกกลยุทธ์ทางการค้ามาใช้กับกองทัพได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”“ขอบคุณท่านกุนซือ เช่นนั้นแผนการที่เหลือเราก็เร่งวางแผนกันได้แล้วสินะ”“แน่นอนขอรับ”“เช่นนั้นข้าออกไปก่อน”“ไม่ต้องหรอก เจ้าเป็นคนคิดแผนนี้ได้ แน่นอนว่าย่อมมีสิทธิ์ที่จะรู้แผนการทั้งหมด มาเถอะ”แม่ทัพหลิวโอบเอวนางมาที่โต๊ะซึ่งมีแผนที่อยู่ พวกเขาใช้เว
เสียงทุ้มต่ำของหลิวเว่ยหยาง ทำให้นางจำได้ในทันที นางทิ้งกระบอกและมองเขาชัด ๆ อีกครั้ง จื่อรั่วถูกสั่งให้ออกไปรอข้างนอก หลังจากยืนตกตะลึงไปกับน้ำที่สาดออกมาโดนทั้งคู่ “ทะ ท่านแม่ทัพ!”"ข้าเอง"นางโผเข้ากอดเขาในทันที เว่ยหยางได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของนางก็รู้ว่าที่จริงแล้ว ฮูหยินของเขากลัวมากเพียงใด อีกอย่างตัวนางที่สั่นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด“ข้าเองหลินอิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“ตะ ตัวท่านเปียกไปหมด ข้าขอโทษ ข้าคิดว่าท่านเป็น…เป็น…”“เจ้าใจเย็นก่อน ข้าไม่เป็นอะไรทั้งนั้นเจ้าอย่าตกใจ เดิมทีแค่คิดจะแวะมาหาเจ้าเท่านั้น แต่ดูท่าตอนนี้คงต้องเปลี่ยนชุดเสียแล้ว”หลินอิงรีบหันไปเตรียมชุดใหม่ให้เขา ระหว่างที่แม่ทัพหลิวเดินไปอาบน้ำที่ห้องด้านหลัง เมื่อเดินออกมาก็เห็นหลินอิงวางชุดใหม่ให้เขา นางกำลังสาละวนทำบางอย่างอยู่ข้างนอก เมื่อเขาเปลี่ยนชุดเสร็จจึงได้เห็นหมั่นโถวที่พึ่งนึ่งออกมาใหม่ ๆ กับหมูแดดเดียวที่แค่เห็นก็รู้สึกน้ำลายสอ“นี่เจ้าเตรียมให้ข้าหรือ”“เจ้าค่ะ ในครัวมีแป้งเหลืออยู่นิดหน่อย ข้าก็เลยรีบไปนึ่งมาให้ ท่านรีบกินก่อนเถอะ”เขานั่งลงและเริ่มกินอีกครั้ง ศึกที่ยืดเยื้อมาหลายวันทำให้เ
“รอบ ๆ ค่ายหรือ แล้วจะไม่เป็นอันตรายหรือเจ้าคะ”“ไม่หรอก รอบ ๆ บริเวณนี้มีทหารอารักขา อีกอย่างที่นี่เป็นเขตของเยี่ยนตู ไปกันเถอะ”“เจ้าค่ะ”นางเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย เมื่อเดินออกมาจื่อรั่วก็ถูกสั่งให้เตรียมม้า เขาก็เตรียมมาสองตัว แม่ทัพหลิวจึงหันมาบอกเขาอีกครั้ง“แค่ตัวเดียวก็พอ ไม่ต้องตามข้าไปหรอก สั่งให้คนเฝ้าที่นี่ดี ๆ ก็พอ”“ขอรับ”จื่อรั่วแอบยิ้ม เมื่อเห็นท่านแม่ทัพและฮูหยิน ที่เอาแต่เดินก้มหน้าเพราะเขาบอกว่าจะใช้ม้าแค่ตัวเดียว นางถูกเขาจูงมือไปที่ม้าตัวโปรดของเขาเอง ก่อนจะอุ้มนางขึ้นไปนั่งและตามขึ้นไปอย่างชำนาญ“จับเอาไว้ให้แน่น แต่อย่าไปดึงแผงคอมันแรงเล่า หากมันเจ็บเดี๋ยวจะวุ่นวาย”“เจ้าค่ะ”เสียงที่กระซิบอยู่ข้างกกหู ยิ่งทำให้หลินอิงรู้สึกวูบวาบจนหมดแรง เขาพานางขี่ม้าออกจากค่าย ตรงไปยังเชิงเขาข้าง ๆ ค่าย ซึ่งแต่เดิมค่ายทหารก็อยู่บนเนินเขาอยู่แล้ว เพื่อมองเห็นศัตรูได้ในระยะไกล เมื่อขึ้นเขาไปอีกไม่นานก็ถึงยอดเขาที่มีต้นไม้ใหญ่และต้นน้ำที่ไหลผ่านด้านหลังค่ายทหาร “สวยมากเลย”“คิดอยู่แล้วว่าเจ้าต้องชอบที่นี่ ข้าเองก็ชอบมาที่นี่เวลาที่ต้องการคิดอะไรบางอย่าง”“ท่านมีอะไรที่คิดไม่ต
“ท่านอย่าโทษคนอื่น เรื่องนี้ข้าคิดเอาไว้ตั้งแต่ที่มาแล้ว เหตุใดท่านจึงต้องห้ามด้วย”“แม้ว่าก่อนหน้านี้ที่เจ้าเดินทางมา จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเจ้าขนส่งเสบียง แต่ขากลับไปเจ้าคิดหรือว่าข่าวจะไม่เล็ดลอดออกไป”“ข้า… ไม่ทันคิดเรื่องนี้ แต่ข้ามีอาวุธ มีคนคุ้มกันข้าขี่ม้าเป็นแล้วก็…”“เหลวไหล! คิดว่าเพียงเท่านี้จะรักษาชีวิตเจ้าได้อย่างนั้นหรือ ช่างโง่เขลายิ่งนัก”หลินอิงนิ่งไปเมื่อเขาพูดเช่นนี้ แม้จะรู้ว่าเขาพูดออกมาก็มีความจริงที่นางคิดไม่ถึง แต่ที่สุดแล้วเขามีทางเลือกจะใช้วิธีพูดที่ดีกว่านี้ได้ แต่กลับไม่ทำ“หลินอิง ข้า…ไม่ได้ตั้งใจ”“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจที่ท่านพูดแล้ว หากเป็นเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่านจะสั่งการเถิดเจ้าค่ะ ข้าหิวแล้ว”“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ไปกินข้าวก่อน เสร็จแล้วจะได้มานอนพักผ่อน เจ้าเหนื่อยมาหลายวันแล้ว”นางลุกขึ้นทันที เขาจะเดินมาจับตัวนาง แต่หลินอิงเดินเลี่ยงออกมาทันที เป็นครั้งแรกที่เว่ยหยางรู้สึกเจ็บปวดเมื่อถูกนางเมินเฉย แต่พอนึกย้อนกลับไปก็พอจะเข้าใจที่นางโกรธ“วันนี้มีเนื้อกินแล้ว เจ้ากินมาก ๆ หน่อยร่างกายจะได้อบอุ่น”“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ระหว่างทางข้าเองก็ไม่ได้อดถึงขนาดขาดแคลนอา