Share

บทที่ 25 ยั่วยุ

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-22 22:35:50

โม่ชิงเยว่จ้องมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยโกรธแค้นและชิงชังบนใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความพึงพอใจ ยามนี้สิ่งที่นางต้องการก็คือทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีโทสะมากที่สุดยิ่งมีโทสะมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีต่อนางมากเท่านั้น

“เหตุใดข้าจึงจะไม่กล้าเล่าเจ้าคะ ข้าทนเสแสร้งมาถึงสามปี ประสบกับความยากลำบากมาตั้งเท่าไหร่ท่านย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ข้าเคยป่วยจนเกือบตายมาแล้วเสียด้วยซ้ำก็เพราะอยากจะเอาชนะใจท่าน แต่ยามนี้ข้ารู้แล้วว่าตัวข้านั้นโง่เขลา หวังใช้ความดีเอาชนะใจสามี ใช้ความกตัญญูขอความเมตตาจากท่าน แต่พอใกล้ตายขึ้นมาข้าจึงพึ่งจะคิดได้ว่าข้าคิดผิด เหตุใดจะต้องเอาชนะใจเขาด้วยเล่าในเมื่อข้าเองก็ไม่ได้มีใจให้เขา เหตุใดจะต้องขอความเมตตาจากท่านในเมื่อต่อให้ข้าตายไปท่านก็ไม่มีวันที่จะมอบความเมตตาให้” โม่ชิงเยว่เอ่ยออกมาตามที่ใจคิดแล้วจึงได้เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ยามนี้โอกาสของข้ามาถึงแล้ว ในเมื่อท่านและบุตรสาวของท่านคิดจะเล่นงานข้าให้ถึงตาย ข้าก็ควรจะตอบแทนท่านให้มากสักหน่อย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ร้อง เฮอะ! แล้วส่ายหน้า

“เจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้ จำที่ท่านผู้บัญชาการเยี่ยเอ่ยเตือนเจ้าไม่ได้หรือ ถึงอย่างไรข้าก็มีศักดิ์เป็นแม่สามีของเจ้า หากเจ้าล่วงเกินข้าก็ย่อมจะเท่ากับว่าเจ้าอกตัญญู ถึงยามนั้นไม่ใช่แค่เพียงเจ้าที่ได้รับผลกระทบ แต่ลูกๆ ของเจ้าที่ถูกเลี้ยงดูโดยคนอกตัญญูเช่นเจ้าจะได้รับการยอมรับจากผู้อื่นได้อย่างไร” คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้โม่ชิงเยว่ส่ายหน้าในทันที

“ข้าทำอะไรท่านไม่ได้ก็จริง แต่อำนาจการดูแลจวนแห่งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็เหมาะสมที่จะอยู่ในการดูแลของข้า ท่านแม่! ท่านชรามากแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เลอะเลือนมอบหมายให้อนุอย่างสุ่ยอี้โหรวมาดูแลจวนแทนข้าผู้เป็นภรรยาเอก ยามนี้ยังเลอะเลือนคิดจะใส่ร้ายป้ายสีข้าอีก อืม ไม่รู้ว่าถ้าหากทางสกุลสุ่ยรู้เรื่องนี้เข้าจะคิดโยงไปถึงเรื่องที่สุ่ยอี้โหรวถูกจับได้ว่ามีชู้หรือเปล่านะ ท่านแม่ท่านคิดว่าจวนสกุลสุ่ยจะคิดได้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วสุ่ยอี้โหรวอาจจะถูกคนวางแผนเล่นงานอย่างที่ข้าเองก็เกือบจะถูกวางแผนเล่นงานเช่นกัน”

"ข้าไม่ได้เล่นงานนาง เป็นนางต่างหากที่ทำตนเอง" เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ส่ายหน้าพลางยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องมองนางครู่หนึ่งแล้วก็ชี้หน้านางด้วยความโกรธเคือง

“หรือว่าจะเป็นเจ้า! เจ้าวางแผนเล่นงานนางใช่หรือไม่”

“ท่านแม่อย่าได้ใส่ความข้าสิ เป็นท่านมิใช่หรือที่สั่งให้คนตัดเส้นเอ็นมือเส้นเอ็นเท้าของนาง เอ๋ หรือว่าแท้จริงแล้วอาจจะเป็นบุตรสาวของท่านก็ได้นะ ดูจากที่นางลงมือฆ่าคนได้ง่ายดายขนาดนั้น อืม… จะต้องเป็นนางแน่ๆ ชุ่ยเหมยเจ้าไปส่งข่าวที่กรมอาญาให้ข้าทีว่าแท้จริงแล้วสุ่ยอี้โหรวอาจจะถูกซ่งเหวินหนิงวางแผนเล่นงานเพื่อหมายเอาชีวิตของนางก็ได้” เมื่อมาชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ส่ายหน้าในทันที

“อย่านะ! เจ้าห้ามทำเช่นนั้นนะ เพียงเท่านี้หนิงเอ๋อของข้าก็หมดอนาคตแล้วเจ้าอย่าได้บีบคั้นให้นางไม่เหลือทางรอดเลย” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยพลางหลั่งน้ำตาออกมา

“แล้วท่านเล่าในยามที่ลงมือเคยเหลือทางรอดให้ผู้อื่นหรือไม่ ข้าเองก็อยากจะลองเลียนแบบท่านดู บีบคั้นให้นางอับจนหนทางให้มากที่สุด” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายหน้ากรีดร้องออกมาครั้งหนึ่งแล้วก็กระอักโลหิตออกมา นางยกมือขึ้นมาชี้หน้าโม่ชิงเยว่ด้วยสายตาอาฆาตแล้วก็หมดสติไป

“ใครก็ได้ไปตามหมอมาดูอาการของฮูหยินผู้เฒ่าหน่อย” โม่ชิงเยว่เอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา เฉินมามาจึงได้หันไปสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างกายของนางในทันที

“เจ้าไปตามท่านหมอมา” เมื่อสาวใช้ออกไปแล้วเฉินมามาก็หันมาเอ่ยถามโม่ชิงเยว่ด้วยน้ำเสียงกังวล

"ท่านไม่กลัวว่าท่านหมอจะตรวจพบว่ายาที่ฮูหยินผู้เฒ่าดื่มมีปัญหาหรือเจ้าคะ"

“หึหึ เจ้าวางใจเถอะยาสงบใจถ้วยนั้นก็แค่ยาบำรุงเลือดลมธรรมดาเพียงเท่านั้น แต่เพราะท่านแม่ฉุนเฉียวง่ายถูกข้ายั่วโทสะเพียงนิดก็ฉุนเฉียวแล้ว เลือดลมก็เลยตีกลับจนเป็นเช่นนี้” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้เฉินมามาพลันเข้าใจในทันทีว่าที่แท้แล้วโม่ชิงเยว่ก็ตั้งใจยั่วยุให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีอารมณ์ที่ไม่คงที่นั่นเอง นางทอดถอนใจออกมาแล้วเดินไปนำกุญแจห้องเก็บสมบัติที่ฮูหยินผู้เฒ่าเก็บเอาไว้มาให้โม่ชิงเยว่

“พอฮูหยินผู้เฒ่าอาการดีขึ้นแล้วเจ้าไปอยู่กับนางที่เรือนคิมหันต์ก็แล้วกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินข้าจะคอยดูแลเจ้าเป็นอย่างดี ขอเพียงเจ้าอย่าปล่อยให้นางมากวนข้าก็พอแล้ว” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้เฉินมามาก็รับคำโดยไม่กล้าเอ่ยถ้อยคำใดออกมาอีก

แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็มีคนนำท่านหมอเข้ามาในจวน โม่ชิงเยว่จ้องมองท่านหมอผู้นั้นด้วยความประหลาดใจด้วยท่านหมอผู้นี้ไม่เพียงอายุน้อยแต่รูปร่างหน้าตาและการแต่งกายของเขาดูแตกต่างจากท่านหมอทั่วไป ซึ่งลักษณ์นี้ของท่านหมอไม่น่าจะใช่หมอที่คนอย่างฮูหยินผู้เฒ่าจะยินยอมให้รักษาอาการป่วยของนางแน่

“ไม่ทราบว่าท่านหมอมาจากไหนกันหรือ เท่าที่ข้าจำได้ท่านหมอที่คอยดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเป็นประจำมีอายุมากกว่านี้มิใช่หรือ” คำถามของโม่ชิงเยว่ทำให้ท่านหมอผู้นั้นนิ่งงันไปครู่หนึ่งแล้วเขาจึงได้ชี้ไปที่คนผู้หนึ่งที่ติดตามเขามาทางด้านหลัง

“เป็นคนผู้นั้นตามให้ข้ามาดูอาการของฮูหยินผู้เฒ่าจวนนิ่งอันโหว” คนที่ท่านหมอผู้นั้นชี้ไปก็คือองครักษ์หน้ากากเหล็กขององค์ชายรอง ซึ่งเป็นคนที่เฉินมามาลักลอบไปส่งข่าวให้นางกับชุ่ยเหมยได้รู้ว่าเขาคือท่านโหวของจวนนี้ ซ่งเหวินจิ้งผู้เป็นสามีของนาง

“ให้ท่านหมอเข้าไปดูแลอาการของฮูหยินผู้เฒ่าก่อนเถิด ท่านหมอผู้นี้เป็นคนที่องค์ชายรองทรงไว้วางพระทัยเป็นอย่างมาก เขาถือว่าเป็นท่านหมอที่มีฝีมือมากทีเดียว” เมื่อซ่งเหวินจิ้งที่อยู่ภายใต้หน้ากากเอ่ยกับนางเช่นนี้โม่ชิงเยว่จึงไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งท่านหมอผู้นั้นอีก

ยามที่ท่านหมอเข้าไปตรวจอาการของฮูหยินผู้เฒ่าโม่ชิงเยว่ก็ยืนรออยู่หน้าห้องโดยมีซ่งเหวินจิ้งยืนอยู่ด้วย ทั้งเฉินมามาและชุ่ยเหมยหันไปส่งสายตาให้กันแล้วจึงได้พาสาวใช้คนอื่นๆ ออกไปจากเรือนทิ้งให้โม่ชิงเยว่และซ่งเหวินจิ้งอยู่ด้วยกันตามลำพัง

“ฮูหยิน แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะปฎิบัติกับฮูหยินไม่ดี แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นท่านย่าของลูกๆ ของท่าน” คำพูดขององครักษ์หน้ากากเหล็กทำให้โม่ชิงเยว่แค่นหัวเราะออกมา

“นางไม่เคยคิดว่าพวกเขาเป็นหลาน” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งนิ่งงันไป คนทั้งคู่ยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นท่านหมอที่สวมชุดขาวราวกับเทพเซียนก็เดินเข้ามารายงานกับซ่งเหวินจิ้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เดิมอวัยวะภายในก็ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว หยินหยางไม่สมดุล เลือดลมตีกันยุ่งเหยิงไปหมด พอมีเหตุให้สภาวะทางอารมณ์และจิตใจไม่มั่นคงทำให้ร่างกายรับไม่ไหว ข้าขอบอกตามตรงว่าต่อให้ตื่นขึ้นมาได้ก็คงไม่อาจจะเหมือนเดิมแล้ว”

“ท่านหมอเมิ่ง ท่านหมายความว่าอย่างไร” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้ท่านหมอผู้นั้นส่ายหน้า

“ต่อให้เป็นอาจารย์ของข้ามาด้วยตนเองก็คงไม่อาจจะรักษาได้แล้ว ยามนี้ข้าทำได้แค่เพียงเหนี่ยวรั้งลมหายใจเอาไว้ให้ได้เพียงเท่านั้น แต่สติการรับรู้ของนางไม่มีทางคืนกลับมาเหมือนเดิมได้แล้ว” เมื่อเอ่ยจบท่านผู้นั้นก็เดินจากไปทิ้งให้ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งอยู่กับที่ส่วนโม่ชิงเยว่กลับเดินออกไปออกคำสั่งกับเฉินมามาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“พวกเจ้ามาเคลื่อนย้ายฮูหยินผู้เฒ่าไปที่เรือนคิมหันต์” คำพูดของนางทำให้เฉินมามานิ่งงันไป

“แต่อาการของฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่ดีขึ้นเลยนะเจ้าคะ” คำพูดของเฉินมามาทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมาแล้วหันไปจ้องมองซ่งเหวินจิ้งผ่านหน้ากากเหล็กด้วยสายตาท้าทาย

“ยามที่ข้าต้องไปอยู่ที่เรือนเหมันต์เหตุใดจึงไม่มีคนมาโต้แย้งเช่นนี้กันบ้างนะ ส่งออกไป! เอาไว้ท่านโหวกลับมาเมื่อไหร่ค่อยให้เขาไปรับมารดาของเขากลับมาที่เรือนแห่งนี้ด้วยตนเอง” เมื่อเอ่ยจบโม่ชิงเยว่ก็เดินจากไปทิ้งให้ซ่งเหวินจิ้งจ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปความอ่อนใจ เขาเดินติดตามนางไปแล้วเอ่ยกับนางเสียงเบา

“ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าข้าคือผู้ใด เช่นนั้นขอให้เจ้าเห็นแก่หน้าข้าอย่างน้อยให้ท่านแม่ของข้าได้อยู่รักษาตัวที่เรือนแห่งนี้ก่อนได้หรือไม่” คำพูดของเขาทำให้โม่ชิงเยว่ร้อง เฮอะ ออกมา

“ในเมื่อท่านกล้าขอข้าก็กล้าให้ แต่ขอบอกท่านเอาไว้ตรงนี้ว่าหากนางอาการดีขึ้นเมื่อไหร่ข้าจะส่งนางไปที่เรือนคิมหันต์แน่”

“โม่ชิงเยว่ ที่ท่านแม่ของข้าเป็นเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะเจ้ายั่วยุให้นางมีโทสะมิใช่หรือ ยามนี้นางเป็นถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังไม่คิดจะปล่อยวางอีกหรือ”

“ข้าไม่มีทางปล่อยวาง เพราะฉะนั้นทางที่ดีท่านโหวควรจะรีบกลับมาเขียนหนังสือหย่าให้ข้าเสีย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็ส่ายหน้k

“ต้องขอโทษด้วยแต่ข้าหย่าขาดจากเจ้าไม่ได้จริงๆ” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วจึงหันไปสั่งทุกคนในเรือนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักแน่น

“ทุกคนจงฟังให้ดี หากพวกเจ้าผู้ใดกล้าละเลยไม่ดูแลฮูหยินผู้เฒ่าให้ดี ยามที่ท่านโหวกลับมาหัวของพวกเจ้าเป็นได้หลุดจากบ่าแน่” เมื่อเขาเอ่ยจบก็หันไปจ้องมองโม่ชิงเยว่อีกครั้งแล้วจึงได้เดินออกจากจวนโหวไป โดยทิ้งให้โม่ชิงเยว่จ้องมองตามหลังเขาอย่างมีโทสะ…

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 40 ปิดล้อมจวนสกุลสุ่ย

    ยามที่ขบวนแห่โลงศพของสุ่ยอี้หรงเคลื่อนผ่านไปแล้ว โม่ชิงเยว่จึงได้หันมาทางบุตรชายและบุตรสาวของตนเอง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเจอกับขบวนแห่เช่นนี้พวกเขาจึงได้จ้องมองด้วยความสนใจ“อย่าได้มองอีกเลย เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นเรื่องธรรมดา” โม่ชิงเยว่เอ่ยกับลูกๆ ของนางด้วยน้ำเสียอ่อนโยน ซึ่งเด็กๆ ก็พยักหน้าแล้วหันไปให้ความสนใจกับของเล่นในร้านค้าอีกครั้ง“เขาคือคนที่สังหารสุ่ยอี้หรงเองกับมือ ข้าขอเตือนเจ้าว่าเหยียนเซียวไม่ใช่คนที่เจ้าควรจะข้องแวะด้วย” เสียงกระซิบของคนที่มายืนข้างหลังทำให้โม่ชิงเยว่กะพริบตาแล้วจึงได้ยิ้มออกมา“เหตุใดวันนี้ใต้เท้าจึงได้ออกมาเดินเที่ยวเล่นได้” คำถามของนางทำให้สายตาทุกคู่จ้องมองไปที่เขา ชายหนุ่มที่มีหน้ากากโลหะบนใบหน้าย่อมจะดูแปลกตาในสายตาของผู้อื่น“ข้ามาทำงานแต่บังเอิญเห็นฮูหยินเข้าก็เลยแวะเข้ามาทักทาย” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยแล้วจ้องมองบุตรสาวและบุตรชายที่กำลังจ้องมองเขาด้วยแววตาที่ฉายความสนใจ เขาจึงได้ย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับสายตาของเด็กๆ แล้วเอ่ยกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน“คุณหนูและคุณชายอยากได้ของชิ้นไหนบอกข้าได้เลยนะ อืม หุ่นไม้ตัวนั้นดีไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 39 สาสม

    แม้ว่าในใจจะกล่าวโทษตนเองที่ก่อนหน้านี้ทั้งโง่เขลาและอ่อนแอ แต่ส่วนลึกของใจโม่ชิงเยว่ก็ยังอดรู้สึกกล่าวโทษซ่งเหวินจิ้งไม่ได้ ดังนั้นการนิ่งเฉยของนางอาจจะดูเหมือนว่านางให้โอกาสเขาแต่โม่ชิงเยว่ก็ยังคงไม่อาจจะให้อภัยเขาได้ดังที่ซ่งเหวินจิ้งต้องการ นางจึงไม่ได้ละทิ้งเป้าหมายของตนเอง นางไม่ต้องการพึ่งพาผู้ใดและไม่ต้องการที่จะเฝ้ารอคอยและร้องขอความเมตตาจากผู้อื่นอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่สะสางธุระภายในจวนเสร็จเรียบร้อยแล้วนางจึงได้เตรียมตัวที่จะออกไปสำรวจตลาดด้วยตนเอง“ท่านแม่ให้ข้าสองคนติดตามไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ” ซ่งจื่อเหยาเอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าโม่ชิงเยว่และชุ่ยเหมยเตรียมตัวที่จะออกจากจวนเสร็จแล้ว“ท่านแม่พวกข้าสองคนไม่ค่อยจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาภายนอกสักเท่าไหร่ ท่านให้ข้าและพี่หญิงติดตามท่านออกไปด้วยได้ไหมขอรับ” เมื่อซ่งจื่อเยว่เอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็นิ่วหน้า แต่เมื่อคิดได้ว่านางไม่ค่อยจะได้พาลูกๆ ออกไปเที่ยวข้างนอกเลยสักครั้งนางจึงได้ยินยอมพยักหน้าแล้วตอบตกลงลูกทั้งสองไป“พวกเจ้าจะติดตามแม่ไปด้วยก็ได้แต่จงจำเอาไว้ว่าถ้าหากพวกเจ้าดื้อรั้นไม่ฟังคำของแม่ แม่จะส่งพวกเ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 38 ขอโทษ

    ยามที่โม่ชิงเยว่ได้รับข่าวการสิ้นชีวิตของสุ่ยอี้หรงนางก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อคิดถึงว่าสกุลบัณฑิตอย่างสกุลเหยียนย่อมไม่อาจจะรับสะใภ้ที่แปดเปื้อนกลับสกุลได้อยู่แล้วนางจึงได้แต่ทอดถอนใจออกมา ซื่อจื่อกั๋วกงเหยียนเซียวผู้นี้ก่อนที่นางจะแต่งงานนางเคยได้พบกับเขาอยู่หลายครั้ง ทั้งดูสูงส่งภูมิฐานสง่างามและเข้าถึงได้ยาก เนื่องจากเขาอยู่ในสกุลบัณฑิตผู้สูงศักดิ์ส่วนนางอยู่ในสกุลของแม่ทัพที่หยาบกระด้างย่อมไม่มีเรื่องใดให้ข้องแวะกันได้อยู่แล้ว“อยากจะเข้าก็เข้ามา จะยืนอยู่ด้านนอกนั่นให้ยามจับได้หรือไร ข้ายังไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าลักลอบนัดแนะให้บุรุษเข้ามาหาตอนที่สามีไม่อยู่หรอกนะ” เสียงของโม่ชิงเยว่ทำให้คนที่ยืนจ้องมองนางอยู่ตรงระเบียงทอดถอนใจออกมาแล้วจึงได้เดินเข้ามาในห้องผ่านประตูระเบียง“ที่เจ้ากำลังทำอยู่ไม่ใช่การเชื้อเชิญให้บุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้องของเจ้าหรอกหรือ” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า แต่โม่ชิงเยว่กลับไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับเขานางชี้ไปที่ประตูระเบียงแล้วจึงได้เอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ถ้าเช่นนั้นท่านเข้ามาทางไหนก็เชิญกลับไปทางนั้นได้เลย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 37 โจรป่า

    เสียงขยับไหว เสียงหอบหายใจและเสียงร้องครวญครางที่ดังเล็ดลอดออกมาจากด้านในของรถม้า ทำให้เสี่ยวเหยาผู้เป็นสาวใช้ของสุ่ยอี้หรงวุ่นวายใจจนต้องเดินไปเดินมารอบๆ รถม้า ส่วนคนขับรถม้าและผู้ติดตามคนอื่นๆ ยามนี้ได้พากันถอยออกไปเพื่อเว้นระยะห่างจากรถม้าแล้ว แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ทุกสายตาที่จ้องมองมาที่รถม้ากลับเต็มไปด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลนทั้งสิ้น ยามนี้เสี่ยวเหยาได้แต่คิดว่าเจ้านายของนางจะต้องถูกคนเล่นงานแล้วแน่ๆ แม้ว่าจะคาดเดาได้แล้วแต่นางก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดียามนี้นางจึงได้แต่เฝ้าวนเวียนอยู่รอบๆ รถม้า เพื่อรอให้เจ้านายของนางได้สติกลับคืนมาเสียงฝีเท้าม้าหลายตัวที่ถูกควบขี่มาทางด้านนี้ทำให้เสี่ยวเหยารีบหันไปออกคำสั่งกับองครักษ์ที่ยืนห่างออกไปให้รีบไปปิดทางเอาไว้ไม่ให้คนเหล่านั้นเข้ามา องครักษ์เหล่านั้นก็รีบไปดำเนินการตามคำสั่งของนางในทันที แต่เมื่อเห็นว่าคนที่กำลังมาเป็นผู้ใดทุกคนก็ต่างมีสีหน้าลนลานจนคนบนหลังม้ารีบเร่งรุดมายังจุดที่รถม้าที่จอดเอาไว้ในทันที“ฮูหยินเป็นอะไร เหตุใดจึงได้มาจอดรถม้าอยู่แถวนี้” คำถามของซื่อจื่อจวนไหวกั๋วกงเหยียนเซียวทำให้เสี่ยวเหยาตัวสั่นงันงกด้วยความหว

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 36 เล่นงานสุ่ยอี้หรง

    หลังจากเกิดเรื่องที่งานเลี้ยงน้ำชาในจวนสกุลสุ่ย สุ่ยเม่าเจ้ากรมพิธีการของแคว้นเหลียนก็ถูกตามตัวกลับมาที่จวนอย่างเร่งด่วน เมื่อเขาเข้าไปในโถงหลักของสกุลก็เห็นว่าในยามนี้ฮูหยินและบุตรสาวทั้งสองของเขากำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้านายท่านผู้เฒ่าผู้เป็นบิดาของเขาอยู่ เขาจึงรีบเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าบิดาของเขาเพื่อแสดงออกถึงความสำนึกผิดในทันที“ท่านพ่อเรื่องในวันนี้พวกนางล้วนทำเต็มที่แล้ว แต่เพราะเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นทำให้แผนการที่วางเอาไว้เสียหาย” คำแก้ตัวของสุ่ยเม่าทำให้นายท่านผู้เฒ่าสกุลสุ่ยตวาดออกมาในทันที“เหตุสุดวิสัยหรือเจ้าลองสอบถามบุตรสาวและภรรยาของเจ้าให้ดีว่าแท้จริงแล้วเป็นเหตุสุดวิสัยหรือเป็นเพราะความโง่เขลาของพวกนาง หากบุตรสาวของเจ้าไม่โง่เขลาจนทำแผนการที่วางเอาไว้ของข้าแตกป่านนี้ข้าก็คงจะสามารถทำให้ชื่อเสียงขององค์ชายรองด่างพร้อยได้ดังที่ข้าเคยรับปากกับองค์ชายใหญ่เอาไว้แล้ว ถึงยามนั้นเรื่องการแต่งงานของลูกสาวคนเล็กของเจ้าก็คงจะสามารถคว้าตำแหน่งพระชายาเอกขององค์ชายใหญ่เอาไว้ได้ดังที่ข้าหมายมั่นปั้นมือเอาไว้” คำพูดของนายท่านผู้เฒ่าทำให้สุ่ยเม่าก้มหน้าลงเพื่อปิดบังสีหน้าของตนเอง“ท่านพ่

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 35 ลงมือกับสกุลสุ่ย

    เมื่อสุ่ยฮูหยินเห็นว่าโม่ชิงเยว่ทรุดลงไปเช่นนี้ก็ได้แต่คิดในใจว่ายาคงจะออกฤทธิ์แล้ว เพียงแต่การที่พิษออกฤทธิ์ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่รู้ว่าเป็นผลดีหรือว่าผลเสียต่อสกุลสุ่ยของนางกันแน่ นางจึงได้เอ่ยแก้ตัวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังแม้ว่าในใจจะสั่นไหวมากเพียงใดก็ตาม“นิ่งอันโหวฮูหยินอย่าได้เข้าใจผิด ชาถ้วยนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอันใดส่วนสาเหตุที่ท่านสิ้นไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะไม่คุ้นชินต่อการออกมาข้างนอกจวนหรือเปล่า” คำพูดของสุ่ยฮูหยินทำให้โม่ชิงเยว่แสร้งลืมตาขึ้นมาแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการกล่าวหา“ข้าหาใช่คนร่างกายอ่อนแอเช่นนั้น สุ่ยฮูหยินเสียทีที่ข้าไว้ใจจึงได้ยินดีมาที่นี่ตามคำเชิญของท่าน คิดไม่ถึงว่าสกุลสุ่ยของพวกท่านจะข้างนอกสุกใสแต่ภายในเน่าเหม็น เมื่อก่อนข้าก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดสุ่ยอี๋เหนียงในจวนข้าที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจึงได้มีพฤติกรรมต่ำช้าเลวทรามเช่นนั้น ที่แท้ก็เป็นเพราะจวนแห่งนี้มีสภาพแวดล้อมที่ต่ำตมเช่นนี้นี่เอง ชุ่ยเหมยเก็บชาถ้วยนั้นมาข้าจะนำไปให้กรมอาญาตรวจสอบ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้สาวใช้ของสุ่ยฮูหยินก็รีบขัดขวางชุ่ยเหมยในทันที แต่กลับ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 34 ราคะกำจาย

    สายตาที่ปิดบังอารมณ์เอาไว้ไม่มิดของสุ่ยอี้หรงทำให้โม่ชิงเยว่ลอบสังเกตสีหน้าของสุ่ยฮูหยินในทันที นางแอบเห็นว่าสาวใช้สองนางที่อยู่ข้างกายของสุ่ยฮูหยินหายไปจึงได้หันไปส่งสายตาให้ชุ่ยเหมยซึ่งชุ่ยเหมยก็พยักหน้ารับเพื่อส่งสัญญาณว่านางรับรู้แล้ว โม่ชิงเยว่จึงได้หันไปส่งมอบรอยยิ้มให้กับบรรดาสตรีที่อยู่ในบริเวณงาน สาวใช้ที่ติดตามติดตามนางมาต่างก็แยกย้ายกันไปมอบถุงหอมให้แก่บรรดาสตรีที่มาเป็นแขกภายในงาน ชุ่ยเหมยจึงใช้จังหวะที่เดินไปมอบถุงหอมเร้นกายไปยังทิศที่สาวใช้ข้างกายของสุ่ยฮูหยินเดินจากไป“ถุงหอมเหล่านี้ล้วนได้รับการปักลวดลายจากช่างปักที่มากฝีมือของสกุลเจียง ส่วนเครื่องหอมที่อยู่ด้านในเป็นเครื่องหอมที่ข้าลงมือปรุงเองกับมือ หวังว่าทุกท่านคงจะไม่รังเกียจของขวัญชิ้นนี้ของข้า” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางยิ้มออกมาซึ่งบรรดาสตรีที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงต่างก็ลังเลที่จะรับถุงหอมจากสาวใช้ของนางแต่เมื่อท่านหญิงเจียหลีรับเอาไปแล้วเอ่ยชื่นชมออกมาทำให้สตรีหลายคนรับเอาไว้ มีเพียงคนของสกุลสุ่ยและบรรดาที่สตรีที่สนิทสนมกับสกุลสุ่ยเพียงเท่านั้นที่ไม่กล้ารับถุงหอมเอาไว้ปฏิกิริยาเช่นนี้ทำให้โม่ชิงเยว่ลอบยิ้มออกมา ด้วยนาง

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 33 งานเลี้ยงสกุลสุ่ย

    จวนสกุลสุ่ยสมแล้วที่เป็นจวนสกุลเดิมของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ไม่เพียงกว้างขวางและใหญ่โตภายในจวนยังได้รับการตกแต่งอย่างดี สวนหินและสวนไม้ดอกสามารถโอ้อวดผู้คนได้อย่างภาคภูมิใจ โม่ชิงเยว่ที่ได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านในยังอดรู้สึกชื่นชมการตกแต่งจวนของจวนสกุลสุ่ยไม่ได้ยามนี้สิ่งที่ในใจของนางกำลังคิดอยู่ก็คือนางรู้แล้วว่าเพราะเหตุใดสุ่ยอี้โหรวจึงได้คิดว่าตนเองสูงส่งถึงเพียงนั้น จวนของนางหรูหราถึงขั้นนี้แล้วจวนโหวที่ได้รับการดูแลโดยคนแกคร่ำครึอย่างแม่สามีของนางจะสามารถเทียบเคียงกับสกุลสุ่ยได้อย่างไรกันเล่า การที่บุตรสาวที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกเช่นสุ่ยอี้โหรวยอมลดตัวแต่งออกจากจวนไปเป็นอนุ หากไม่ใช่เพราะความรักอันโง่เขลาก็คงเป็นเพราะสกุลสุ่ยมีแผนการที่ไม่ค่อยจะดีนักต่อจวนโหวแล้ว เพราะต่อให้สุ่ยอี้โหรวมีใจต่อซ่งเหวินจิ้งจริงหากผู้อาวุโสในสกุลสุ่ยไม่พยักหน้าแล้วสุ่ยอี้โหรวจะแต่งเข้าไปเป็นแค่เพียงอนุในจวนโหวได้อย่างไร“คารวะนิ่งอันโหวฮูหยิน เชิญท่านติดตามข้ามาทางนี้เจ้าค่ะ” เด็กสาวรูปร่างอรชร ใบหน้ามีความคล้ายคลึงกับสุ่ยอี้โหรวถึงเจ็ดแปดส่วน แต่ความอ่อนเยาว์และรอยยิ้มอันสดใสของนางทำให้ความงามของ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 32 แผนการในใจ

    ยามที่ชุ่ยเหมยได้พบกับหรงมามาเดิมทีนางก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใดด้วยรู้ดีว่าโม่ชิงเยว่ต้องการคนที่สามารถไว้ใจได้มาคอยช่วยดูแลอยู่ข้างกาย แต่เมื่อได้รู้ว่าหรงมามาได้รับการแนะนำมาจากผู้ใดทำให้นางอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้จนต้องสอบถามโม่ชิงเยว่ออกมาตามตรง“ในเมื่อนางเป็นคนที่ท่านโหวพามา แล้วฮูหยินก็ยังยินดีที่จะให้นางมาอยู่ข้างกายอีกหรือเจ้าคะ” คำถามของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่พยักหน้า“เขาจะมาไม้ไหนข้าเองก็อยากจะรู้ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องไปที่สกุลสุ่ยแล้ว ข้ากำลังขาดคนข้างกายที่จะคอยแนะนำเรื่องการคบค้าสมาคมกับบรรดาสตรีที่อยู่ในเรือนหลังของบรรดาขุนนางชั้นสูงพอดี เจ้าก็รู้ว่าเมื่อก่อนเพราะท่านแม่ชาติกำเนิดไม่สูง อีกทั้งท่านพ่อก็ไม่ได้ถือกำเนิดในแวดวงเดียวกันกับชนชั้นสูงเหล่านั้น ข้าจึงแทบจะไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของบรรดาสตรีที่เป็นชนชั้นสูงของแคว้นเหลียนดังเช่นบุตรสาวของแม่ทัพคนอื่นๆ เลย” โม่ชิงเยว่เอ่ยออกมาพลางจ้องมองด้านนอกหน้าต่างด้วยรอยยิ้มแล้วจึงได้เอ่ยต่อ“คนสกุลสุ่ยมีแผนการเช่นไรกับข้า ตัวข้าเองก็อยากจะรู้เช่นกัน คิดจะเหยียบย่ำข้าเพื่อแก้แค้นให้สุ่ยอี้โหรวหรือว่าคิดจะใช้ข้าเป็นข

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status