แชร์

ตอนที่หนึ่ง

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-26 21:32:50

เดือนสามในเมืองหลวง ลมวสันต์พัดผ่าน อากาศอบอุ่นจนเรียกได้ว่าร้อนยิ่ง กาลเวลาไม่เคยรั้งรอผู้ใด เพียงช่วงเวลาราวกะพริบตา อวิ๋นซือก็แต่งเข้าตระกูลหลันมาจะครบรอบเป็นปีที่สองแล้ว

นางมีความสุขตามอัตภาพ เป็นฮูหยินใหญ่ที่ดูแลทุกข์สุขของบรรดาภรรยาน้อยให้สามีตนเอง หลันชิงแสดงความรักใคร่ ห่วงใย และให้เกียรตินางเสมอต้นเสมอปลาย อีกทั้งฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งเป็นแม่สามีก็มอบความเอ็นดูให้ เรียกได้ว่าอวิ๋นซือนั้นมีครบทุกสิ่งที่ภรรยาเอกคนหนึ่งควรจะได้รับ

ทั้งความรักและอำนาจในการดูแลคฤหาสน์จากสามี ทั้งความเอ็นดูและความพึงพอใจของแม่สามี เนื่องจากอวิ๋นซือมักออกงานเลี้ยงต้อนรับกับหลันชิงบ่อยครั้ง ยิ่งทำให้บรรดาฮูหยินตระกูลอื่นล้วนชื่นชมและริษยาในวาสนาของนาง แต่นางมักบอกคนเหล่านั้นในใจอย่างสงสารเสมอ

‘เชื่อเถอะว่าพวกเจ้าทุกคนคงไม่อยากเป็นเยี่ยงข้าหรอก เพราะมีครบทุกอย่างนั้นหมายถึงฮูหยินรองและเหล่าอนุในเรือนหลังด้วยน่ะสิ’

หลันชิงสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านจากบิดา ที่บุกเบิกเส้นทางการค้าจนตระกูลหลันก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในด้านนี้ อำนาจเงินตราบวกกับเส้นสายทางการค้าในมือ แม้แต่ขุนนางใหญ่ในราชสำนักยังต้องดูสีหน้า และนั่นทำให้เขามิเคยขาดสตรีอุ่นเตียง

ในคฤหาสน์นอกจากอวิ๋นซือที่เป็นฮูหยินใหญ่ ยังมีฮูหยินรอง และฮูหยินสามสี่ห้า อีกทั้งอนุที่มีมากกว่าบิดาของนางเป็นเท่าตัว ไม่รวมบรรดาสาวงามที่หลายคนส่งมาเอาใจ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่เคยปฏิเสธอันใด

ผู้คนจึงเล่าลือกันปากต่อปากว่า เรือนหลังของนายท่านหลันเป็นแหล่งรวมสาวงามชั้นยอด ที่แม้แต่เชื้อพระวงศ์ก็ยังทาบไม่ติด

อวิ๋นซือยิ้มขณะที่เอนหลังพิงเก้าอี้เพื่อพักสายตาจากสมุดบัญชีที่กำลังตรวจด้วยอิริยาบถผ่อนคลาย ริมฝีปากบางหยักยิ้มในมุมที่พอดิบพอดีอย่างที่เคยฝึกมานับครั้งไม่ถ้วน ก็เพื่อเอาใจบุรุษคนสำคัญ

แน่นอนว่านางต้องเอาอกเอาใจสวมบทบาทฮูหยินใหญ่ผู้รักใคร่เทิดทูนสามีซึ่งเป็นดั่งท้องฟ้าให้แนบเนียนที่สุด และหลันชิงเองก็พอใจมากจริงๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนหวานปานสายน้ำเย็น เขาเองก็อารมณ์ดีขึ้นมา

“เหนื่อยอย่างนั้นหรือ”

นิ้วเรียวที่เห็นข้อนิ้วชัดเจนลูบไล้หน้าผากมนแผ่วเบา ปัดผมปอยหนึ่งขึ้นให้ น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลที่แฝงแววอ่อนโยนระคนห่วงใยเอ่ยถาม

“หากเหนื่อยนักก็ให้อาเต๋อไปจัดการเถิด เจ้าจะได้ไม่ลำบาก”

อาเต๋อที่เขาพูดถึงก็คือพ่อบ้านที่คอยดูแลทุกอย่าง อวิ๋นซือยิ้มรับแต่ไม่ได้เอ่ยปากอันใด ให้คนอื่นทำแล้วนางก็ต้องมานั่งตรวจอีกรอบอยู่ดีน่ะหรือ นอกจากงานไม่ลดแล้วยังเพิ่มเติมคือต้องเสียเวลาสั่งกันไปมา

บางทีก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า เหตุไฉนบางคราสามีผู้ชาญฉลาดของนางจึงใช้การกระทำที่โง่งมเช่นนี้แสดงออกถึงความห่วงหา หรือว่าบรรดาเมียคนอื่นของเขาจะชื่นชอบความห่วงใยจอมปลอมเหล่านี้ จนมองข้ามเหตุผลและความเป็นจริงไปได้

“ท่านพี่น่าจะสะสางงานอยู่ที่ลั่วหยางมิใช่หรือ” นางเงยหน้าขึ้นสบตากับฝ่ายตรงข้าม เสียงใสเอ่ยคำพูดเย้าหยอก

“ข้าเร่งทำทุกอย่างเพื่อกลับมาหาฮูหยินอย่างไรเล่า”

คนถูกเย้าหยอดคำหวานตอบกลับ ทว่าผู้เริ่มกลับนึกถึงคำพูดของบ่าวในคฤหาสน์ที่ซุบซิบกันเมื่อหลายวันก่อน อนุคนใหม่ที่ขุนนางผู้หนึ่งส่งมานั้นงดงามมาก

เร่งทำทุกอย่างเพื่อกลับมาหาฮูหยิน... คนไหนเล่า

เงาบุรุษในเรือนอนุคนใหม่ที่บังเอิญผ่านไปเห็นเมื่อสองสามวันก่อนนี้ เป็นนางเองที่ตาฝาดใช่หรือไม่

หรือเขามีพี่ชายฝาแฝด

แม้ในใจรู้เท่าทัน ทว่าอวิ๋นซือเพียงยกยิ้มอย่างยินดี ไม่คิดทำตัวฉลาด แสดงว่ารู้เรื่องที่อีกฝ่ายปกปิด เขาให้เกียรตินางสมฐานะ เช่นนั้นนางก็จะทำตัวให้สมตำแหน่งตามที่เขาว่าจ้าง

หลันชิงก้าวเข้ามารั้งร่างบางไว้หลวมๆ ประคองภรรยาให้ขยับตาม ก่อนจะก้มหน้าลงบอกนางให้กินอาหารพร้อมกัน พลางสั่งให้บ่าวจัดสำรับขึ้นโต๊ะได้เลย ยามที่มาถึงโต๊ะกินข้าว ทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมไว้พร้อมสรรพ ของบนนั้นล้วนเป็นของชอบของนางเสียสิ้น

“ข้าสั่งแม่ครัวให้ทำของโปรดเจ้าทั้งนั้น ซือเอ๋อร์ เจ้าผอมลงไปมากนัก ข้าเห็นแล้วให้ปวดใจ”

อา... สามีของนางช่างอ่อนโยนเหลือเกิน ทั้งที่เขาต้องเป็นฝ่ายบริการเมียมากมายขนาดนี้ ยังสามารถเอาใจใส่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เรียกว่าหาที่ติมิได้เลย

อีกทั้งยังดีกับเมียทุกคนอย่างเท่าเทียม!

หลังอาหารมื้อเย็นจบลง อวิ๋นซือที่ตาปรือก็เอนกายพิงอกกว้าง ช่วงนี้ใกล้ถึงงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า นางที่เป็นฮูหยินใหญ่ต้องดูแลเรือน จึงงานยุ่งจนสายตัวแทบขาดเพราะความเหน็ดเหนื่อย

หลันชิงนั่งเป็นเพื่อนภรรยาเงียบๆ อดทนต่อความชาที่แขนเพราะถูกนางทับ เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้สายตา หญิงสาวก็เอื้อมมือขึ้นไปไล้ข้างแก้มสากอย่างแผ่วเบา

“หากเหนื่อยนักก็ให้อาเต๋อไปจัดการ เห็นเจ้าอ้อนล้าเช่นนี้ข้ารู้สึกเป็นห่วงยิ่ง”

อวิ๋นซือไม่สนใจคำถาม “เกือบเดือนแล้วนะท่านพี่”

ไม่ว่าจะเป็นเพราะงานรุมเร้า เพิ่งเดินทางกลับจริงหรือเท็จ แต่การที่นางไม่ได้ใกล้ชิดกับเขาเกือบเดือนนั่นคือเรื่องจริง และเมื่ออีกฝ่ายมาเพื่อมอบความสุขให้ นางก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธอันใด เพราะอย่างน้อยก็ยังดีกว่าใช้บริการนายโลมมิใช่หรือ

ดวงตาคมฉายแววอ่อนโยนทอประกายแสงเข้มวูบหนึ่ง เขากับนางต่างรู้ดีถึงความหมายของประโยคเมื่อครู่ ใบหน้าหล่อเหลาลดต่ำลงมาจนริมฝีปากหยักจดไหล่บาง อาภรณ์ที่ปกคลุมลื่นหลุด แทบจะพร้อมกับฟันขาวที่กดลงบนเนื้อนวล จากนั้นจึงค่อยผ่อนแรงลง หันมาใช้ปลายลิ้นร้อนตวัดตามร่องรอยที่สร้างไว้อย่างชำนาญ

...ชักจูงและเล้าโลม

อวิ๋นซือรู้สึกวูบวาบไปทั่วกาย ความเจ็บแปลบที่ไหล่กลายเป็นความรัญจวน นางเงยหน้ารับจุมพิตดุดันและโต้ตอบกลับอย่างเร่าร้อน

สองร่างกอดก่ายกันตามสัญชาตญาณ ร่างบางถูกกดลงบนเตียงหนานุ่ม บทรักดุเดือดเสียจนนางเก็บเสียงครางไม่อยู่ ลมหายใจติดขัดขาดหายเป็นห้วง ภาพคนที่อยู่ข้างบนพร่าเลือน

ท่ามกลางสติที่รางเลือน นางปล่อยให้ตนเองจมดิ่งลงสู่ความปรารถนาอย่างเต็มใจ

เช้าวันใหม่ อวิ๋นซือตื่นขึ้นด้วยความเมื่อยล้า นางนอนลืมตาฟังเสียงลมหายใจคนข้างกายเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไม่ให้มีเสียง เมื่อเห็นว่าหลันชิงไม่มีทีท่าว่าจะตื่น นางจึงเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่วางตรงข้างเตียงขึ้นมาสวม แล้วไล่เก็บบรรดาเสื้อผ้าที่กองเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น

ถุงหอมสีเดียวกับท้องฟ้าร่วงหล่นจากอาภรณ์ในมือ นางหยิบขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด เห็นด้ายถักเป็นรูปนกยวนยางคลอเคลีย อวิ๋นซืออ่านกลอนที่ถูกลงเข็มไว้อย่างพิถีพิถัน แล้วก็นิ่งงันไปชั่วครู่ใหญ่

‘วอนขอรักแท้ที่มั่นคง เพียงหนึ่งยวนยางยืนยงจนแก่เฒ่า’

กลอนตัดพ้อเช่นนี้หลันชิงยังพกติดตัว เกรงว่าอนุคนใหม่คงมีระดับชั้นที่ไม่ธรรมดาในใจนายท่านเสียแล้ว หญิงสาวครุ่นคิดเงียบๆ แล้วจึงยัดถุงหอมใบนั้นกลับเข้าไปดังเดิม จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ฮูหยินใหญ่”

พอเห็นนางปรากฏกาย เสี่ยวอิงกับเสี่ยวหยวน สาวใช้คนสนิทก็ก้าวเข้ามาทำความเคารพ ใบหน้ามีแววหนักอกหนักใจ

“เกิดอะไรขึ้น”

“อนุซิ่วกับอนุหมิ่นทะเลาะกันเจ้าค่ะ พวกนางลงไม้ลงมือกันแล้วพลาด ทำให้โดนของขวัญที่ฮูหยินใหญ่เตรียมไว้ให้ฮูหยินผู้เฒ่าแตกเจ้าค่ะ”

ของขวัญชิ้นนั้นคือรูปสลักเทพธิดาหมากูรำอวยพร ทำจากแก้วเจียระไนล้ำค่าที่ต้องสั่งทำโดยเฉพาะ ซึ่งอวิ๋นซือทุ่มเทในการสั่งช่างฝีมือดีสลักขึ้นเป็นพิเศษเพื่อมอบให้แก่แม่สามีในวันเกิดอันใกล้นี้

ของสำคัญขนาดนั้นย่อมถูกจัดเก็บไว้อย่างดี ทว่าพวกนางก็ยังอุตส่าห์เข้าไปตบตีกันจนเกิดเรื่องได้ ต้องบอกมีความสามารถหรือดันทุรังดีเล่า แต่เกรงว่าคงจะไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่เอ่ยมาเป็นแน่

คาดว่าเรื่องที่นายท่านหลันกลับถึงคฤหาสน์แล้วตรงมาค้างอ้างแรมกับฮูหยินใหญ่ทันที คงจะเข้าหูพวกนางกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ถึงได้ถ่อไปตบตีกันให้ของขวัญของตนเสียหายเล่นเช่นนี้

“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ แล้วเรื่องของขวัญ...”

เสี่ยวอิงถามอย่างหนักใจ อีกไม่กี่วันจะถึงวันงานแล้ว เวลาน้อยนิดแค่นี้จะไปหาอะไรดีๆ มาทดแทนได้กัน

“ไม่ต้องวุ่นวายไป ในหีบสินเดิมของข้ามีรูปสลักพระโพธิสัตว์ที่แกะด้วยไม้จันทน์หอม เจ้าเอาไปทำความสะอาดให้ดี คราวนี้อย่าให้เกิดเหตุได้อีก”

ไม้จันทน์หอมเก่าแก่สลักรูปพระโพธิสัตว์สวยงาม นับเป็นของล้ำค่าหายากที่ไม่ธรรมดา นางแต่งเข้าสกุลหลันมาเกือบสองปี แม่สามีนับว่าปฏิบัติกับนางด้วยดี ดังนั้นอวิ๋นซือจึงมิอาจละเลยได้

ทว่าส่วนนั้นก็เป็นเรื่องของส่วนนั้น ดวงตาสีนิลฉายแววเย็นชายามที่ออกคำสั่ง “เสี่ยวหยวน เจ้าไปตามอาเต๋อมาพบข้า”

หลันชิงใช้นางเป็นโล่ดึงความสนใจจากอนุซิ่วกับอนุหมิ่น เพียงเพื่อจะปกป้องสตรีคนใหม่สินะ แน่นอนว่าเขาเป็นท้องฟ้า ย่อมไม่อาจทำสิ่งใดกับอีกฝ่ายได้ แต่ไม่ใช่ว่านางจะยอมเจ็บตัวเปล่าๆ นี่นา

เมื่อมีอำนาจก็ต้องใช้ อวิ๋นซือเรียนรู้หลักการนี้จนขึ้นใจ...

ไม่นานอาเต๋อก็ก้าวเข้ามาในห้อง เขายืนค้อมกายพร้อมกับเอ่ยถามจุดประสงค์ของคนตรงหน้าอย่างนอบน้อม แม้ต่อหน้านายท่านและฮูหยินผู้เฒ่า อีกฝ่ายจะสวมบทบาทเป็นสตรีอ่อนหวานก็ตาม แต่พ่อบ้านรู้ดีว่าตัวตนของนางนั้นซับซ้อนไม่แพ้เจ้านายของเขาสักนิด

“อย่างที่ข้าบอก พ่อบ้านเต๋อคิดว่าควรลงโทษพวกนางอย่างไร”

เมื่อฟังความจบอาเต๋อก็พลันเหงื่อซึม เขาเป็นเพียงพ่อบ้าน ไหนเลยจะกล้าล่วงเกินสตรีของเจ้านาย แต่ถ้าบ่ายเบี่ยง คนตรงหน้าย่อมมีโทสะเป็นแน่ แม้ว่าเกือบสองปีที่ผ่านมาอวิ๋นซือจะไม่เคยแสดงอาการมีโทสะให้เห็น แต่พ่อบ้านก็ไม่ปรารถนาจะเห็นมันอยู่ดี

“ตามกฎตระกูล อนุตบตีกันสร้างความวุ่นวาย ต้องถูกโบยหลังยี่สิบทีขอรับ”

ใบหน้างดงามนิ่วลงอย่างไม่เห็นชอบ “นางเป็นอนุของท่านพี่ จะให้ลงโทษเยี่ยงนั้นก็น่าสงสารแย่ ผู้หญิงเปรียบเสมือนดอกไม้ ชอกช้ำง่าย” เสียงใสกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย

อาเต๋อก้มหน้าพลางลอบกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าประโยคเมื่อครู่ของฮูหยินใหญ่คล้ายไม่จริงใจเอาเสียเลยล่ะ

“เอาแบบนี้แล้วกัน ลงโทษโบยตีคงจะหนักเกินไป ใกล้งานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วแท้ๆ พวกนางยังกล้าก่อความวุ่นวาย อีกทั้งการทำลายของขวัญย่อมเป็นลางไม่ดี ประกาศออกไปว่าอนุซิ่วกับอนุหมิ่นกระทำตนไม่เหมาะสม ทำของขวัญวันเกิดเสียหายถือเป็นเรื่องใหญ่ ให้พวกนางไปถือศีลกินเจที่วัดสองเดือนเพื่อสร้างกุศลให้ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นการชดเชย”

อาเต๋อฟังแล้วรู้สึกหนาวเยือก เขารับคำพลางถอยออกมา ฮูหยินใหญ่ช่างร้ายกาจ แม้การลงโทษโบยยี่สิบทีอาจจะหนัก แต่ถ้าให้เลือก สองคนนั้นต้องยอมถูกโบยมากกว่าเป็นแน่

เพราะสองเดือนผ่านไป นายท่านจะยังจำพวกนางได้หรือไม่ก็มิอาจรู้ได้ แต่สองอนุนั่นจะไม่รับคำก็คงไม่ได้ ด้วยอีกฝ่ายยกมาทั้งเรื่องโชคลางและสร้างบุญให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่าขนาดนี้ ต่อให้เป็นนายท่านก็ยังไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้านด้วยซ้ำไป

แต่จะไปโทษใครได้เล่า ก็ต้องโทษพวกนางเองนั่นละที่หาญกล้าท้าทายคนที่ไม่ควร ก็จงสำนึกผิดกับตนเองไปเถอะ

เพียงแต่เกรงว่าคงจะไม่ทันเสียแล้ว...

พวกนางไม่ควรลืมไปเลยจริงๆ ว่าคนที่ตัวเองคิดเล่นงานนั้นเป็นฮูหยินใหญ่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮูหยินใหญ่   ตอนที่ยี่สิบ

    ยามเหม่ามาเยือน รอบด้านเริ่มสว่างรำไร แว่วเสียงสกุณาขับขาน แสงสีส้มสาดส่องตรงขอบฟ้า ไล่สีสว่างขึ้นเรื่อยๆร่างสูงในอาภรณ์สีดำตัวยาวก้าวผ่านสวนดอกไม้ละลานตา ขาเรียวเหยียบย่างก้าวสู่ด้านในตัวเรือน สายตามองตรงไปยังประตูห้องนอนเขม็งที่หน้าห้องมีร่างสาวใช้คนสนิทของอวิ๋นหานอยู่สองคน พวกนางมองบุรุษผู้มาพร้อมกลิ่นอายเย็นชาด้วยสายตาตื่นตระหนก แต่ยังคงพยายามทำหน้าที่ขัดขวางอีกฝ่ายไว้“หลีกไป! ข้ามีธุระต้องคุยกับคนข้างใน ไม่มีเวลามาวุ่นวายกับพวกเจ้าหรอก” ฉิงเหวินฟู่เอ่ยขณะที่ดวงตาฉายความหงุดหงิด เขาไม่ใช่คนรักหยกถนอมบุปผาก็จริง แต่การจะให้ทำร้ายสตรีนั้นหาใช่นิสัยไม่ เพราะเหตุการณ์ที่เรือนรับรองของอวิ๋นซือเมื่อครู่พาให้อารมณ์ขุ่นมัวมิใช่น้อย การแสดงออกในยามนี้จึงดุดันและแฝงแววข่มขวัญยิ่งจงเหมยกับจงหมิงมองหน้ากัน ดวงตามีแววตกใจพาดผ่าน ไฉนคุณชายฉิงผู้นี้จึงพูดเหมือนรู้ว่านายท่านหลันอยู่ด้านในกันเล่า“คุณชายโปรดรั้งเท้า คุณหนูของพวกเรากำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง ชายหญิงมิอาจใกล้ชิดจนเกินงาม ขอท่านโปรดให้เกียรติด้วย”เป็นจงเหมยที่เอ่ยปากขึ้น นางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทราบอะไรมา แต่ถ้าใครรู้ว่าคุณหนูร่วมห้องกับ

  • ฮูหยินใหญ่   ตอนที่สิบเก้า

    หมับ!มือแกร่งของใครบางคนยื่นมาคว้าคอเสื้อผู้ที่อยู่ข้างบน พลางออกแรงดึงรั้งคุณชายรองสกุลซูให้ออกห่างจากร่างด้านล่าง ดวงตาผู้มาใหม่ทอประกายวาวโรจน์ สีหน้าของเขาดำคล้ำทั้งยังแผ่กลิ่นอายเกรี้ยวกราดอวิ๋นซือไม่สนใจมองผู้มาใหม่ เมื่อเห็นซูเจี่ยนถูกหิ้วห่างออกไป ปิ่นที่ถืออยู่ในมือพลันพุ่งเข้าใส่เบ้าตาซ้ายของเขาทันทีที่มีโอกาสคนผู้นี้บีบคั้นนางจนเกือบต้องปลิดชีวิตตนเอง ไม่เอาคืนอีกฝ่ายในยามนี้จะไปทำยามไหน“อ๊าก!!!”เสียงร้องของคุณชายซูดังลั่นเรือนรับรอง เลือดแดงฉานทะลักไหลราวกับเป็นน้ำตาสีโลหิต แม้อวิ๋นซือจะเป็นคนลงมือเอง แต่ก็ยังมีใบหน้าซีดขาวด้วยความตกใจ เพราะแต่เดิมนางหาได้เคยทำอะไรแบบนี้ไม่อย่าว่าแต่อวิ๋นซือจะตกใจเลย ร่างสูงในอาภรณ์สีดำที่อยู่ตรงนั้นก็ตะลึงเช่นกัน เมื่อเห็นการลงมือที่เฉียบขาดของสตรีตรงหน้าชายหนุ่มเหวี่ยงคนในมือลงบนพื้นทันควัน จากนั้นจึงก้มลงหยิบผ้าห่มผืนใหญ่ที่ตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมาคลุมศีรษะอีกคนจนมิด ก่อนจะลากร่างที่กรีดร้องอยู่ข้างเตียงมาจัดการใกล้ๆ หน้าประตูเสียงหมัดเสียงเท้าดังกระทบเนื้อ อวิ๋นซือยังคงนั่งนิ่งตัวสั่นอยู่ใต้ผืนผ้า นางมองความมืดที่แสงสว่างเข้าไม่ถึ

  • ฮูหยินใหญ่   ตอนที่สิบแปด

    หลังกลับจากงานเลี้ยง อวิ๋นซือที่รู้สึกล้าจนไม่อยากทำอะไรก็ปล่อยให้สาวใช้ทั้งสองปรนนิบัติตัวเองเพื่อเปลี่ยนชุดเข้านอนนางมองด้านนอกที่ยังมืดสนิทพลางกล่าวไล่คนสนิทไปพักผ่อน เสี่ยวอิงกับเสี่ยวหยวนยามแรกยังดื้อดึงที่จะเฝ้าหน้าห้อง แต่พอคิดถึงว่าอีกเดี๋ยวนายท่านคงจะกลับมา จึงยอมพากันจากไปพักผ่อนอวิ๋นซืออมยิ้มบางๆ นางฟังเสี่ยวอิงเอ่ยกำชับด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงแล้วให้ขบขัน เด็กสาวเมื่อวันวานกลายเป็นยายแก่ขี้บ่นในวันนี้เสียแล้ว กาลเวลาช่างเปลี่ยนผู้คนเสียจริง ร่างบางคว้าเสื้อคลุมมาสวมตามคำเตือน รอจนอีกฝ่ายปิดประตูเรียบร้อยจึงได้ก้าวมาหยุดยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง แววตาสีนิลเข้มขึ้นจนลึกล้ำเสียงไก่ขันแว่วมาตามสายลม บอกเวลาแทนคนเคาะโมงยามได้ดี อวิ๋นซือเลิกรอคอยใครบางคนแล้วหันกลับไปขึ้นเตียงบอกแล้วอย่างไรเล่าว่ากำแพงที่ฐานไม่ดี ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องพังทลาย...แสงไฟจากในห้องดับลงไปแล้วพร้อมกับอวิ๋นซือที่เริ่มง่วงงุน นางปรือตามองข้างกายที่ว่างเปล่า มือเล็กขยับลูบบนผืนผ้าที่เย็นเฉียบ ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยให้ความง่วงงุนเข้าครอบงำผ่านไปเนิ่นนานขอบฟ้าเริ่มสว่างไม่ดำสนิท ร่างสูงของบุรุษผู้หนึ่งพลันปรากฏกายขึ

  • ฮูหยินใหญ่   ตอนที่สิบเจ็ด

    ฉิงเหวินฟู่มองใบหน้าเล็กที่ยามนี้แดงก่ำอย่างเฉยชา เห็นซูลี่หลินมีท่าทีอับอาย นางเกาะกุมแขนญาติผู้พี่ไว้แน่น ดวงตาคู่สวยคลอน้ำใสเต็มหน่วยตา ท่าทางกิริยาล้วนน่าถนอม ผู้คนในงานล้วนให้ความเห็นใจ พวกเขามาร่วมงานฉลองครั้งนี้ ก็เพราะสกุลตระกูลซูปล่อยข่าวออกไปเรื่องการหมั้นหมายของคุณหนูซูกับคุณชายตระกูลสกุลฉิงแทนที่จะได้เห็นภาพยินดีของงานมงคล กลับได้เห็นบุรุษอกสามศอกกลั่นแกล้งสาวน้อยผู้น่าสงสารแทนเสียนี่ฉิงเหวินฟู่ยังคงนั่งเฉย ไม่เอ่ยปากหรือไม่พูดคุยกับผู้ใด วางตนอยู่เหนือเรื่องราวทั้งมวล เขาเคยสัญญาหรือว่าจะตบแต่งอีกฝ่าย ที่ยินยอมมาก็เพื่อเผื่อว่าจะทำให้ตาแก่ที่คฤหาสน์พอใจได้บ้างทว่าปู่ของเขาหาใช่คนแก่แก่ธรรมดาเหมือนใครที่ไหน แค่เห็นท่าทีเสแสร้งแกล้งทำนั่นก็ ขี้คร้านจะไล่ฟาดหลังตนแทบไม่ทันน่ะสิแต่งภรรยาทั้งทีใครจะอยากได้สตรีที่ตีสองหน้าทั้งวี่ทั้งวันกัน เขาฉิงเหวินฟู่ไม่ใช่นายโรงละครงิ้ว จะได้ชื่นชอบดูการแสดงตลอดเวลา อีกทั้งต่อให้เป็นก็ไม่เอาคนที่ด้อยฝีมือด้อยจนเห็นได้ชัดอย่างนี้แน่นอนอวิ๋นซือมองซูลี่หลินที่มีท่าทีเสียใจจนหลันชิงต้องประคองออกไปพลางส่ายศีรษะหัว คุณชายฉิงผู้นี้ช่างไม่รักห

  • ฮูหยินใหญ่   ตอนที่สิบหก

    ฮูหยินใหญ่ของพวกนางเปลี่ยนไป!เสี่ยวอิงกับเสี่ยวหยวนบอกตัวเองซ้ำๆ พวกนางพากันมองภาพคนงามออดอ้อนพลางเย้าหยอกบุรุษข้างกายด้วยกิริยาอ่อนหวาน ถึงขนาดดวงตาแข็งค้าง นั่นคือเจ้านายของพวกนางจริงหรือ ไม่ใช่ผู้อื่นปลอมตัวมาแน่นะอวิ๋นซือไม่รับรู้ถึงความในใจของคนสนิท นางทำเพียงยิ้มหวานจนถึงดวงตา ปล่อยให้สามีโอบประคองร่างตนเองไว้ในวงแขน พลางหลับตาพริ้มเมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนประทับลงตรงหว่างคิ้ว“อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของเจ้าแล้วนี่”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นข้างหูชวนให้วาบหวาม นางทำเพียงพยักหน้ารับพร้อมด้วยท่าทีเอียงอาย ผู้เป็นสามีมองกิริยาเก้อเขินด้วยความเอ็นดู พลางตัดใจไม่แกล้งภรรยาของตนต่อ“ใช่เจ้าค่ะ ต้นเดือนสิบก็จะถึงวันครบรอบสิบเจ็ดปีของน้อง” ร่างบางตอบเสียงหวาน ทุกการกระทำล้วนสื่อถึงความรักใคร่ผู้ชายของตนอาอิ้นที่ยืนรอรับใช้อยู่ด้านนอกเห็นแล้วยังอดยิ้มตามไม่ได้ มาลั่วหยางคราวนี้ถือว่าไม่เสียเที่ยวจริงๆ ในที่สุดนายท่านกับฮูหยินใหญ่ก็เข้าใจกันได้เสียที“อือ... ปีก่อนไม่ได้เตรียมตัว มอบให้เจ้าเพียงของขวัญทั่วไป ปีนี้ฮูหยินอยากได้สิ่งใด สามีจะไปหามามอบให้เจ้า แม้ดวงเดือนหรือดวงดาวพี่ก็คว้ามาให้เจ้า

  • ฮูหยินใหญ่   ตอนที่สิบห้า

    ดรุณีน้อยนางนั้นสวมอาภรณ์สีชมพู กิริยาน่ารักสดใส ใบหน้างดงาม มีเค้าคล้ายอวิ๋นซือไม่น้อย เจ้าตัวพูดคุยกับหลันชิงด้วยท่าทางสนิทสนมพอเสี่ยวอิงเห็นก็พลันตกใจจนต้องเอ่ยขึ้น “เอ๊ะ! นั่นคุณหนูรองนี่เจ้าคะ นางมาลั่วหยางได้อย่างไร”อวิ๋นซือมองอยู่ไม่นานก็รั้งสายตากลับ ผละมานั่งให้เสี่ยวหยวนจัดการผมที่เปียกชื้นของตัวเอง มุมปากยังคงอมยิ้มตามความเคยชินทำไมจะมาไม่ได้เล่า ฮูหยินสามหลิงจีแห่งจวนเสนาบดีกรมคลังกับซูฮูหยินเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกนางสนิทสนมกันมาแต่ไหนแต่ไร ไม่แปลกหากอวิ๋นหานจะใช้โอกาสนี้มาร่วมงานเพื่อจะได้พบหน้าบุรุษที่นางใฝ่หาครั้นเห็นสามียังคงมีสีหน้าอ่อนโยนนุ่มนวลกับรอยยิ้มหวานของผู้เป็นน้องสาวร่วมบิดา อวิ๋นซือก็อดยิ้มบ้างไม่ได้ จริงอยู่ที่หลันชิงไม่ใช่ขุนนางมีอำนาจ แต่เขาคือพ่อค้าที่มีเงิน และบิดาของนางก็คือคนที่ต้องการมันมากที่สุดเกือบสองปีที่ผ่านมา หลันชิงเสียเงินส่วนนี้ให้ท่านพ่อของนางไปไม่น้อย จวนเสนาบดีกรมคลังไม่ต่างจากเปลือกหอยที่ข้างนอกคงอยู่ดี แต่ข้างในนั้นกลวงโบ๋ เพราะความมือใหญ่ใจเติบของบิดา เกรงว่าอีกฝ่ายคงเริ่มไม่ไว้ใจนาง และคงกังวลว่าขุมทรัพย์เยี่ยงหลันชิงจะหลุดมือ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status