แชร์

ตอนที่เจ็ด

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-26 21:35:49

“ข้าคงประมาทเจ้าเกินไป” ฮูหยินสามแค่นเสียง ดวงตาฉายแววเกลียดชัง “ส่งเสริมให้เจ้าแต่งนายท่านหลันยังไม่สำนึก กล้าเเว้งกัดข้า”

คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย อีกฝ่ายกำลังทวงบุญคุณกับนางอย่างนั้นหรือ ทั้งที่ยามนั้นบีบจนนางต้องยินยอมแท้ๆ “ข้าก็เรียนรู้มาจากฮูหยินสามอย่างไรเล่า วิธีการใช้ร่างกายให้เป็นเครื่องมือออดอ้อนบุรุษ”

หลายคนตกใจในคำพูดเปิดเผยนั้นจนต้องเงยหน้าขึ้นมอง บางคนถึงกับเบือนหน้าหลบด้วยความอาย แต่พอหลิงจีปรายตาปรามก็ไม่มีใครกล้ามองมาอีก

“แพศยา เจ้ายอมรับแล้วสินะว่าใช้มารยาล่อลวงพี่หลันชิง”

อวิ๋นหานลุกพรวด ชี้หน้าด่าทอด้วยดวงตาแดงก่ำ

อวิ๋นซือพลันหัวเราะขบขัน น้องสาวนางไร้หัวคิดเพราะใช้ชีวิตสบายเกินไปหรืออย่างไรกัน อีกฝ่ายลืมไปแล้วกระมังว่านางกับหลันชิงเป็นอะไรกัน จะทำอันใดเกี่ยวอะไรกับตัวเอง “น้องรอง เจ้าไม่ทำความเคารพพี่สาวผู้นี้ก็ไม่ถือ แต่คำเรียกขานพี่เขยเจ้าเมื่อครู่ข้าถือ เจ้าเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว รักษากิริยาหน่อย คนจะได้ไม่เอาไปว่าว่าอยากได้ผู้ชายของข้าจนตัวสั่น”

“อวิ๋นซือ เจ้าอย่าทะนงไปนะว่าเจ้าเป็นฮูหยินสกุลหลันแล้วจะมาโอหังกับพวกข้าได้” ฮูหยินสามบันดาลโทสะไม่น้อยเมื่อเห็นสีหน้าจวนจะร้องไห้ของบุตรสาวตัวเอง น้ำเสียงเกรี้ยวกราดและกิริยาทุบโต๊ะที่โอหังถูกแสดงออกมาให้เห็น

อวิ๋นซือมองพลางแค่นเสียง ฮูหยินสามผู้หนึ่งถึงกับแสดงท่าทางเช่นนี้ต่อภรรยาเอกและบุตรสาว ต้องบอกว่าหลิงจีผู้นี้มีความกล้าหรือมารดาของนางอ่อนแอเกินไปดี อำนาจอยู่ในมือยังไม่กล้าใช้ นางคิดพลางปรายตาไปยังสตรีที่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงหัวโต๊ะ เห็นท่าทางค้อมไหล่จนหน้าจะจดพื้น อวิ๋นซือก็พลันรู้สึกอ่อนล้าวูบหนึ่ง นั่นสินะ นางคิดหวังอะไรอยู่อีก นับจากอดีตจวบจนถึงตอนนี้ สตรีตรงหน้าหาได้เคยปกป้องตนอย่างจริงจังไม่

นางในอดีตต้องเผชิญหน้ากับความเย็นชาของบิดา ถูกทำร้ายจากผู้หญิงของอีกฝ่ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ทว่าสิ่งเหล่านั้นยังไม่กรีดใจเท่ากับภาพมารดายืนก้มศีรษะขออภัยทั้งที่นางไม่ผิด

‘เคยสักครั้งไหมท่านแม่... ที่ท่านจะคิดยืนหยัดเพื่อปกป้องข้า’

สายตาผิดหวังจากบุตรสาวทำให้จางซื่อได้แต่ก้มหน้าลงต่ำ ทว่าแม้จะรู้สึกผิดเพียงใด เจ้าตัวก็ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาตอบแม้แต่น้อย หญิงสาวหลับตาลงก่อนจะกะพริบตาถี่ๆ นางยังคาดหวังอะไรอีกนะ ทั้งที่รู้ดีมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วแท้ๆ เห็นฮูหยินสามและอวิ๋นหานมองมาด้วยสีหน้าสะใจ อวิ๋นซือก็ทำเพียงส่งรอยยิ้มที่ปกปิดความรู้สึกออกมา

“ท่านก็ไม่ได้โง่นะแม่สาม ควรจะรู้ได้แล้วกระมัง ตราบใดที่ข้าอวิ๋นซือยังเป็นฮูหยินใหญ่สกุลหลัน ตำแหน่งเมียเอกที่ใฝ่ฝันของท่านก็เป็นได้แค่เรื่องตลกเท่านั้นละ น่าเสียดายนะถ้าเป็นบุตรสาวท่านที่มัดใจหลันชิงได้ มีหรือมารดาของข้าจะยังอยู่ดีแบบนี้”

เรียวปากบางอมยิ้มหวาน สายตาพราวระยับราวกับส่งคำท้าทาย ทว่ามีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่าตนเองกำลังบอกใบ้อีกฝ่าย ‘เร็วสิ รีบใช้บุตรสาวท่านให้เป็นประโยชน์เสีย ตราบใดที่ข้ายังเป็นฮูหยินใหญ่ตระกูลหลัน ฮูหยินผู้เฒ่ากับหลันชิงย่อมไม่ยอมให้ฝันนั้นเป็นจริงแน่ เพราะอย่างนั้นจงรีบใช้บุตรสาวที่พวกท่านภูมิใจผูกใจชายผู้นั้นเสีย!’

ร่างบางขยับลุกขึ้นยืน บางอย่างที่ไม่น่าพิสมัยก็ไม่ชวนให้นึกอยากอาหาร นางกลับไปนั่งกินคนเดียวที่เรือนตัวเองยังดีเสียกว่า แน่นอนว่าไร้เสียงเรียกรั้งให้กลับไป อวิ๋นซือก้าวเท้าออกจากห้องนั้นโดยมีสาวใช้คนสนิทคอยประคอง จวบจนนางเดินจากมาไกลโข หูก็ยังไร้เสียงเรียกขานของมารดา

มารดาผู้อ่อนแอและงมงายของนางวันนี้ก็ยังคงไร้ปากเสียงเช่นเดิม...

เมื่อเดินมาถึงด้านหน้าโถงรับแขก ร่างบางก็พลันหยุดชะงักเล็กน้อย เช่นเดียวกับผู้ที่เดินสวนเองก็หยุดยืนมองมายังนาง อวิ๋นซือส่งรอยยิ้มพร้อมเรียกขานอีกฝ่ายเสียงหวาน

“ท่านพ่อ”

ใต้เท้าอวิ๋นขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึม ในอดีตบุตรสาวคนนี้เรียกได้ว่าไม่เคยมีตัวตนในสายตาเขา หากไม่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหลันยืนกรานว่าต้องเป็นนางที่เป็นบุตรสาวจากภรรยาเอก เขาคงเลือกส่งหานเอ๋อร์ไปแทนแล้ว ทว่าวันนี้บุตรสาวที่เคยมองว่าไร้ค่ากลับสามารถสร้างความลำบากให้เขาได้ นับว่านางปกปิดตัวเองได้หมดจดยิ่งนัก

“เรื่องเปลี่ยนฮูหยินที่สกุลหลันยื่นมือเข้ามาสอด... เป็นเพราะเจ้าสินะ”

รอยยิ้มยังคงไม่จางหาย ใบหน้าเล็กก้มน้อยๆ ยามเอ่ยคำตอบรับ “เจ้าค่ะ”

ความโกรธของอวิ๋นจั้นแทบจะพุ่งสูงเทียมฟ้า นังลูกอกตัญญูผู้นี้นี่เองที่เป็นสาเหตุให้หลันชิงยื่นข้อเสนอเพื่อบีบบังคับเขา สารเลวยิ่ง! ช่างน่ารังเกียจไม่ต่างจากมารดาของนางแม้แต่น้อย

อวิ๋นซือมองข้ามท่าทีที่มีโทสะของบิดา และยังคงกล่าวต่ออย่างไม่แยแส

“ตราบใดที่ลูกยังเป็นฮูหยินใหญ่สกุลหลัน ตำแหน่งของท่านแม่จะเปลี่ยนมือไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจำนวนเงินที่มอบให้ท่านนำไปอุดส่วนที่โกงของหลวงมาจะหายไปทันที ท่านพ่อที่เป็นคนฉลาดย่อมรู้จักเลือกก็ลองตรองดูเอาเถิด ต่อให้ท่านไม่เปลี่ยนฮูหยินใหญ่ น้องชายก็ยังสืบทอดวงศ์สกุลได้อยู่ดี”

กล่าวจบร่างบางก็ก้าวเท้าเดิน บิดาหาใช่คนโง่งมเกินเยียวยา เขาย่อมรู้ดีว่าระหว่างผู้หญิงบนเตียงกับความช่วยเหลือจากหลันชิงอะไรสำคัญกว่ากัน นางก้าวออกมาพร้อมอีกฝ่าย เอ่ยคำร่ำลาก่อนจากมา ทว่าไร้เงาคนบางคนตามมาส่ง เรียวปากบางยกยิ้มหยันทว่างดงาม

บางครั้งมารดาของนางก็เลือดเย็นไม่น้อย ข้ามสะพานยังไม่ทันสุดก็ไม่สนใจกันเสียแล้ว

คืนนั้นที่คฤหาสน์สกุลหลัน ฮูหยินใหญ่ต้องลมเย็นหลังกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม จำต้องให้นายท่านไปค้างยังเรือนอื่น และผู้ที่โชคดีก็คืออนุเจียว เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้กันทั่ว

ทว่าในเรือนเสวี่ยของฮูหยินใหญ่กลับปรากฏร่างบอบบางที่นั่งอิงแอบเก้าอี้ ผู้ที่ใครต่างก็นึกว่าป่วยจนล้มหมอนนอนเสื่อนั้น ยามนี้กำลังเหม่อมองท้องฟ้า ขณะที่มือก็ถือจอกสุราแต่เพียงผู้เดียว

ใต้หล้านี้ทั้งกว้างและยิ่งใหญ่ เหตุไฉนกลับมิมีที่ให้ข้ายืน...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮูหยินใหญ่   ตอนที่ยี่สิบ

    ยามเหม่ามาเยือน รอบด้านเริ่มสว่างรำไร แว่วเสียงสกุณาขับขาน แสงสีส้มสาดส่องตรงขอบฟ้า ไล่สีสว่างขึ้นเรื่อยๆร่างสูงในอาภรณ์สีดำตัวยาวก้าวผ่านสวนดอกไม้ละลานตา ขาเรียวเหยียบย่างก้าวสู่ด้านในตัวเรือน สายตามองตรงไปยังประตูห้องนอนเขม็งที่หน้าห้องมีร่างสาวใช้คนสนิทของอวิ๋นหานอยู่สองคน พวกนางมองบุรุษผู้มาพร้อมกลิ่นอายเย็นชาด้วยสายตาตื่นตระหนก แต่ยังคงพยายามทำหน้าที่ขัดขวางอีกฝ่ายไว้“หลีกไป! ข้ามีธุระต้องคุยกับคนข้างใน ไม่มีเวลามาวุ่นวายกับพวกเจ้าหรอก” ฉิงเหวินฟู่เอ่ยขณะที่ดวงตาฉายความหงุดหงิด เขาไม่ใช่คนรักหยกถนอมบุปผาก็จริง แต่การจะให้ทำร้ายสตรีนั้นหาใช่นิสัยไม่ เพราะเหตุการณ์ที่เรือนรับรองของอวิ๋นซือเมื่อครู่พาให้อารมณ์ขุ่นมัวมิใช่น้อย การแสดงออกในยามนี้จึงดุดันและแฝงแววข่มขวัญยิ่งจงเหมยกับจงหมิงมองหน้ากัน ดวงตามีแววตกใจพาดผ่าน ไฉนคุณชายฉิงผู้นี้จึงพูดเหมือนรู้ว่านายท่านหลันอยู่ด้านในกันเล่า“คุณชายโปรดรั้งเท้า คุณหนูของพวกเรากำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง ชายหญิงมิอาจใกล้ชิดจนเกินงาม ขอท่านโปรดให้เกียรติด้วย”เป็นจงเหมยที่เอ่ยปากขึ้น นางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทราบอะไรมา แต่ถ้าใครรู้ว่าคุณหนูร่วมห้องกับ

  • ฮูหยินใหญ่   ตอนที่สิบเก้า

    หมับ!มือแกร่งของใครบางคนยื่นมาคว้าคอเสื้อผู้ที่อยู่ข้างบน พลางออกแรงดึงรั้งคุณชายรองสกุลซูให้ออกห่างจากร่างด้านล่าง ดวงตาผู้มาใหม่ทอประกายวาวโรจน์ สีหน้าของเขาดำคล้ำทั้งยังแผ่กลิ่นอายเกรี้ยวกราดอวิ๋นซือไม่สนใจมองผู้มาใหม่ เมื่อเห็นซูเจี่ยนถูกหิ้วห่างออกไป ปิ่นที่ถืออยู่ในมือพลันพุ่งเข้าใส่เบ้าตาซ้ายของเขาทันทีที่มีโอกาสคนผู้นี้บีบคั้นนางจนเกือบต้องปลิดชีวิตตนเอง ไม่เอาคืนอีกฝ่ายในยามนี้จะไปทำยามไหน“อ๊าก!!!”เสียงร้องของคุณชายซูดังลั่นเรือนรับรอง เลือดแดงฉานทะลักไหลราวกับเป็นน้ำตาสีโลหิต แม้อวิ๋นซือจะเป็นคนลงมือเอง แต่ก็ยังมีใบหน้าซีดขาวด้วยความตกใจ เพราะแต่เดิมนางหาได้เคยทำอะไรแบบนี้ไม่อย่าว่าแต่อวิ๋นซือจะตกใจเลย ร่างสูงในอาภรณ์สีดำที่อยู่ตรงนั้นก็ตะลึงเช่นกัน เมื่อเห็นการลงมือที่เฉียบขาดของสตรีตรงหน้าชายหนุ่มเหวี่ยงคนในมือลงบนพื้นทันควัน จากนั้นจึงก้มลงหยิบผ้าห่มผืนใหญ่ที่ตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมาคลุมศีรษะอีกคนจนมิด ก่อนจะลากร่างที่กรีดร้องอยู่ข้างเตียงมาจัดการใกล้ๆ หน้าประตูเสียงหมัดเสียงเท้าดังกระทบเนื้อ อวิ๋นซือยังคงนั่งนิ่งตัวสั่นอยู่ใต้ผืนผ้า นางมองความมืดที่แสงสว่างเข้าไม่ถึ

  • ฮูหยินใหญ่   ตอนที่สิบแปด

    หลังกลับจากงานเลี้ยง อวิ๋นซือที่รู้สึกล้าจนไม่อยากทำอะไรก็ปล่อยให้สาวใช้ทั้งสองปรนนิบัติตัวเองเพื่อเปลี่ยนชุดเข้านอนนางมองด้านนอกที่ยังมืดสนิทพลางกล่าวไล่คนสนิทไปพักผ่อน เสี่ยวอิงกับเสี่ยวหยวนยามแรกยังดื้อดึงที่จะเฝ้าหน้าห้อง แต่พอคิดถึงว่าอีกเดี๋ยวนายท่านคงจะกลับมา จึงยอมพากันจากไปพักผ่อนอวิ๋นซืออมยิ้มบางๆ นางฟังเสี่ยวอิงเอ่ยกำชับด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงแล้วให้ขบขัน เด็กสาวเมื่อวันวานกลายเป็นยายแก่ขี้บ่นในวันนี้เสียแล้ว กาลเวลาช่างเปลี่ยนผู้คนเสียจริง ร่างบางคว้าเสื้อคลุมมาสวมตามคำเตือน รอจนอีกฝ่ายปิดประตูเรียบร้อยจึงได้ก้าวมาหยุดยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง แววตาสีนิลเข้มขึ้นจนลึกล้ำเสียงไก่ขันแว่วมาตามสายลม บอกเวลาแทนคนเคาะโมงยามได้ดี อวิ๋นซือเลิกรอคอยใครบางคนแล้วหันกลับไปขึ้นเตียงบอกแล้วอย่างไรเล่าว่ากำแพงที่ฐานไม่ดี ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องพังทลาย...แสงไฟจากในห้องดับลงไปแล้วพร้อมกับอวิ๋นซือที่เริ่มง่วงงุน นางปรือตามองข้างกายที่ว่างเปล่า มือเล็กขยับลูบบนผืนผ้าที่เย็นเฉียบ ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยให้ความง่วงงุนเข้าครอบงำผ่านไปเนิ่นนานขอบฟ้าเริ่มสว่างไม่ดำสนิท ร่างสูงของบุรุษผู้หนึ่งพลันปรากฏกายขึ

  • ฮูหยินใหญ่   ตอนที่สิบเจ็ด

    ฉิงเหวินฟู่มองใบหน้าเล็กที่ยามนี้แดงก่ำอย่างเฉยชา เห็นซูลี่หลินมีท่าทีอับอาย นางเกาะกุมแขนญาติผู้พี่ไว้แน่น ดวงตาคู่สวยคลอน้ำใสเต็มหน่วยตา ท่าทางกิริยาล้วนน่าถนอม ผู้คนในงานล้วนให้ความเห็นใจ พวกเขามาร่วมงานฉลองครั้งนี้ ก็เพราะสกุลตระกูลซูปล่อยข่าวออกไปเรื่องการหมั้นหมายของคุณหนูซูกับคุณชายตระกูลสกุลฉิงแทนที่จะได้เห็นภาพยินดีของงานมงคล กลับได้เห็นบุรุษอกสามศอกกลั่นแกล้งสาวน้อยผู้น่าสงสารแทนเสียนี่ฉิงเหวินฟู่ยังคงนั่งเฉย ไม่เอ่ยปากหรือไม่พูดคุยกับผู้ใด วางตนอยู่เหนือเรื่องราวทั้งมวล เขาเคยสัญญาหรือว่าจะตบแต่งอีกฝ่าย ที่ยินยอมมาก็เพื่อเผื่อว่าจะทำให้ตาแก่ที่คฤหาสน์พอใจได้บ้างทว่าปู่ของเขาหาใช่คนแก่แก่ธรรมดาเหมือนใครที่ไหน แค่เห็นท่าทีเสแสร้งแกล้งทำนั่นก็ ขี้คร้านจะไล่ฟาดหลังตนแทบไม่ทันน่ะสิแต่งภรรยาทั้งทีใครจะอยากได้สตรีที่ตีสองหน้าทั้งวี่ทั้งวันกัน เขาฉิงเหวินฟู่ไม่ใช่นายโรงละครงิ้ว จะได้ชื่นชอบดูการแสดงตลอดเวลา อีกทั้งต่อให้เป็นก็ไม่เอาคนที่ด้อยฝีมือด้อยจนเห็นได้ชัดอย่างนี้แน่นอนอวิ๋นซือมองซูลี่หลินที่มีท่าทีเสียใจจนหลันชิงต้องประคองออกไปพลางส่ายศีรษะหัว คุณชายฉิงผู้นี้ช่างไม่รักห

  • ฮูหยินใหญ่   ตอนที่สิบหก

    ฮูหยินใหญ่ของพวกนางเปลี่ยนไป!เสี่ยวอิงกับเสี่ยวหยวนบอกตัวเองซ้ำๆ พวกนางพากันมองภาพคนงามออดอ้อนพลางเย้าหยอกบุรุษข้างกายด้วยกิริยาอ่อนหวาน ถึงขนาดดวงตาแข็งค้าง นั่นคือเจ้านายของพวกนางจริงหรือ ไม่ใช่ผู้อื่นปลอมตัวมาแน่นะอวิ๋นซือไม่รับรู้ถึงความในใจของคนสนิท นางทำเพียงยิ้มหวานจนถึงดวงตา ปล่อยให้สามีโอบประคองร่างตนเองไว้ในวงแขน พลางหลับตาพริ้มเมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนประทับลงตรงหว่างคิ้ว“อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของเจ้าแล้วนี่”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นข้างหูชวนให้วาบหวาม นางทำเพียงพยักหน้ารับพร้อมด้วยท่าทีเอียงอาย ผู้เป็นสามีมองกิริยาเก้อเขินด้วยความเอ็นดู พลางตัดใจไม่แกล้งภรรยาของตนต่อ“ใช่เจ้าค่ะ ต้นเดือนสิบก็จะถึงวันครบรอบสิบเจ็ดปีของน้อง” ร่างบางตอบเสียงหวาน ทุกการกระทำล้วนสื่อถึงความรักใคร่ผู้ชายของตนอาอิ้นที่ยืนรอรับใช้อยู่ด้านนอกเห็นแล้วยังอดยิ้มตามไม่ได้ มาลั่วหยางคราวนี้ถือว่าไม่เสียเที่ยวจริงๆ ในที่สุดนายท่านกับฮูหยินใหญ่ก็เข้าใจกันได้เสียที“อือ... ปีก่อนไม่ได้เตรียมตัว มอบให้เจ้าเพียงของขวัญทั่วไป ปีนี้ฮูหยินอยากได้สิ่งใด สามีจะไปหามามอบให้เจ้า แม้ดวงเดือนหรือดวงดาวพี่ก็คว้ามาให้เจ้า

  • ฮูหยินใหญ่   ตอนที่สิบห้า

    ดรุณีน้อยนางนั้นสวมอาภรณ์สีชมพู กิริยาน่ารักสดใส ใบหน้างดงาม มีเค้าคล้ายอวิ๋นซือไม่น้อย เจ้าตัวพูดคุยกับหลันชิงด้วยท่าทางสนิทสนมพอเสี่ยวอิงเห็นก็พลันตกใจจนต้องเอ่ยขึ้น “เอ๊ะ! นั่นคุณหนูรองนี่เจ้าคะ นางมาลั่วหยางได้อย่างไร”อวิ๋นซือมองอยู่ไม่นานก็รั้งสายตากลับ ผละมานั่งให้เสี่ยวหยวนจัดการผมที่เปียกชื้นของตัวเอง มุมปากยังคงอมยิ้มตามความเคยชินทำไมจะมาไม่ได้เล่า ฮูหยินสามหลิงจีแห่งจวนเสนาบดีกรมคลังกับซูฮูหยินเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกนางสนิทสนมกันมาแต่ไหนแต่ไร ไม่แปลกหากอวิ๋นหานจะใช้โอกาสนี้มาร่วมงานเพื่อจะได้พบหน้าบุรุษที่นางใฝ่หาครั้นเห็นสามียังคงมีสีหน้าอ่อนโยนนุ่มนวลกับรอยยิ้มหวานของผู้เป็นน้องสาวร่วมบิดา อวิ๋นซือก็อดยิ้มบ้างไม่ได้ จริงอยู่ที่หลันชิงไม่ใช่ขุนนางมีอำนาจ แต่เขาคือพ่อค้าที่มีเงิน และบิดาของนางก็คือคนที่ต้องการมันมากที่สุดเกือบสองปีที่ผ่านมา หลันชิงเสียเงินส่วนนี้ให้ท่านพ่อของนางไปไม่น้อย จวนเสนาบดีกรมคลังไม่ต่างจากเปลือกหอยที่ข้างนอกคงอยู่ดี แต่ข้างในนั้นกลวงโบ๋ เพราะความมือใหญ่ใจเติบของบิดา เกรงว่าอีกฝ่ายคงเริ่มไม่ไว้ใจนาง และคงกังวลว่าขุมทรัพย์เยี่ยงหลันชิงจะหลุดมือ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status