Masukหวู่ไฉตงส่ายหัว อย่าบอกนะว่าอ้อมกอดที่เขาคิดว่าเป็นของมารดาจะเป็นของนาง
กวางหมิงขมวดคิ้ว “นางบาดเจ็บจะไปที่ไหนได้ ข้าชักจะห่วงแล้วสิ”
“นางอาจหนีไปแล้วก็ได้ พอพบอันตรายก็ทิ้งข้าไว้กลัวตายสิไม่ว่า...” หวู่ไฉตงค่อนแคะ
“หากนางเป็นคนเช่นนั้น คงไม่เอาตัวเองบังกระบี่ให้เจ้าหรอกนะ ครั้งนี้เจ้าเป็นหนี้ชีวิตนางทำตัวดี ๆ กับนางหน่อย รีบออกตามหาสิมัวนิ่งอยู่ได้ ต่อไปก็อย่าดื่มให้มากสุรานะ รู้รึไม่ว่าถ้าซิ่นเอ๋อร์ไปไม่ทันเจ้าก็เหลือแต่ชื่อแล้ว” กวางหมิงเหลืออด จึงสั่งสอนผู้บังคับบัญชาที่เขาเห็นเป็นน้องชายแท้ ๆ ไปยกใหญ่
เจ้านี่อายุน้อยกว่าเขาสามปี ย่อมยังเป็นเด็กในสายตาเขา
อาจจะทำเกินหน้าที่ไปบ้าง ทว่าก็หวังดีกับหวู่ไฉตงไม่ใช่หรือ อยากจะโกรธก็โกรธไป สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงทั้งนั้น เมื่อเห็นว่าหวู่ไฉตงนิ่งไม่ขยับเขาจึงเดินหาคนบริเวณใกล้ ๆ แล้วตะโกนเรียก “ซิ่นเอ๋อร์...อยู่แถวนี้รึไม่”
จนแล้วจนรอดหาอยู่ถึงสองวันก็หาว่านจิ่วซิ่นไม่พบ พบเพียงหยกพกประจำกาย ตกอยู่ไม่ไกลจากจุดที่หวู่ไฉตงนอนอยู่ เสบียงที่เตรียมมาล้วนแจกจ่ายออกไปจนหมดแล้ว ขืนยังหาต่อไปได้หิวตายกันพอดี
“ไม่ต้องหาแล้วมีคนพานางไปเจ้าดูรอยเท้านั่น” ความจริงหวู่ไฉตงสังเกตเห็นนานแล้ว เขาแค่ไม่อยากพูดจึงนั่งรอต่อไป รอจนหิวไส้แทบขาด ถ้าไม่พูดอีก ได้อดข้าวตายแน่ “กลับค่ายถ้านางยังไม่ตายประเดี๋ยวก็กลับมาเอง”
คำสั่งแม่ทัพไม่มีผู้ใดกล้าขัด กวางหมิงเห็นว่าเป็นไปได้สองทางคือ หนึ่งมีคนช่วยนางไว้ สองศัตรูพาไป และถ้าศัตรูพาไปต้องเคลื่อนไหวแน่ กลับไปรอฟังข่าวก็ดีเหมือนกัน
เขาภาวนาขอให้เป็นอย่างแรกและขอให้ว่านจิ่วซิ่นกลับมาอย่างปลอดภัยด้วยเถิด
สองเดือนต่อมาว่านจิ่วซิ่นก็กลับมาที่จวนแม่ทัพ “ฮูหยิน...ท่านแม่ทัพเรียกนางคณิกามาเต็มโถงรับรองอีกแล้วขอรับ” พ่อบ้านฉีก้มหน้ารายงาน
“เข้าใจแล้วเดี๋ยวข้าไปจัดการเอง” ว่านจิ่วซิ่นรู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมา นางหายไปนานเพียงนี้เขาไม่คิดตามหา ยังมีเวลาเรียกนางคณิกามาเพลิดเพลินถึงจวนอีก
ดีจริง ๆ สามีของนาง
เมื่อเดินมาถึงโถงรับรองว่านจิ่วซิ่นก็ตวาดใส่หญิงคณิกาทั้งหลาย “ไสหัวออกไปให้หมด”
สีหน้าเรียบนิ่งของรองแม่ทัพว่านทำเอาสาวงามทั้งหลายเย็นวูบที่แผ่นหลัง เร่งรีบเดินเร็วออกจากตรงนั้น
ครั้งหนึ่งเคยมีคนขัดคำสั่งรองแม่ทัพหญิงที่เป็นถึงฮูหยินท่านแม่ทัพ คนผู้นั้นถูกจับโบยจนถึงแก่ชีวิต โหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้ ใครจะกล้าต่อกรกับรองแม่ทัพหญิงอีก
บุปผางามทั้งหลายวิ่งป่าราบหนีเอาชีวิตรอด
ว่านจิ่วซิ่นมองตามหลังสตรีที่วิ่งออกจากห้องโถงไป นับว่าพวกนางว่าง่าย ไม่เหมือนนักฆ่าคนนั้นที่ไล่อย่างไรก็ไม่ไป นางจึงลงมือเชือดไก่ให้ลิงดูสั่งโบยจนตาย เพื่อไม่ให้สตรีใดแฝงตัวมาลอบสังหารเขาได้อีก
ผู้คนว่านางโหดเหี้ยมอำมหิต ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังความอำมหิตของนางคือการปกป้องคนที่นางรัก
หวู่ไฉตงเมามากจนคิดว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าคือภาพในความฝัน “เจ้าอีกแล้ว ข้าควรลงโทษเจ้าอย่างไรดี” ชายหนุ่มปราดเข้าไปกระชับเอวคอดกิ่วดึงเข้าหาตัว แล้วจ้องใบหน้างดงามด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิม “หืม บอกมาสิ” เขาโน้มหน้าลงไปใกล้นางจนได้กลิ่นหอมอ่อนที่พาให้ใจสั่น
ว่านจิ่วซิ่นไม่เคยถูกมองแบบนี้มาก่อน ความเย็นชาและรังเกียจในแววตาของเขาเปลี่ยนไป ทำให้นางใจเต้นแรง นางชอบเขา ชอบเขามาห้าปีแล้ว ทว่าเขาไม่ชอบนางถึงขั้นเคียดแค้นชิงชังคิดสังหาร
การแต่งงานของนางกับเขาในครั้งนั้น เป็นนางใช้อำนาจจากตราบัญชาการบังคับเขา ที่เขายอมแต่งกับนางเพราะมีตราคำสั่งทหารของท่านอาเยว่ซินประทับอยู่ด้วย
‘สังหารท่านพ่อยังไม่พอ เจ้ายังปลอมแปลงคำสั่งทหารของท่านพ่อ เอาตราบัญชาการครึ่งหนึ่งไปจากข้า เจ้ามันไร้ยางอายสิ้นดี อย่าคิดว่าใช้คำสั่งท่านพ่อบังคับข้าแต่งงาน แล้วเจ้าจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ ว่านจิ่วซิ่นเจ้าอย่าได้หวัง ทุกอย่างของข้าไม่มีวันยกให้คนอย่างเจ้า โดยเฉพาะหัวใจข้า รู้แบบนี้แล้วยกเลิกงานแต่งนี้เสีย’
‘ไฉตงเด็กดี เจ้าจะขัดคำสั่งบิดาเจ้าหรือ เช่นนี้ก็มอบตราบัญชาการอีกครึ่งให้ข้าซะ เจ้าไม่แต่งก็ได้แต่ตำแหน่งแม่ทัพต้องเป็นของข้านะ เห็นรึไม่นี่เป็นตราประทับของท่านอาเยว่ซิน’
‘เจ้า...ข้าเกลียดเจ้า ว่านจิ่วซิ่น ข้าเกลียดเจ้า ไสหัวไปจากตระกูลข้า’
ผ่านมาสามปีแล้วระหว่างนางกับหวู่ไฉตงไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา เขามองนางเป็นศัตรูคู่แค้นที่พร้อมจะแทงข้างหลังตลอดเวลา ต่างจากเวลานี้ลิบลับ
“ท่านแม่ทัพดูให้ดีข้าไม่ใช่หญิงคณิกาพวกนั้น...” ว่านจิ่วซิ่นพยายามเรียกสติเขา
แม่ทัพหนุ่มกระชับรอบเอวบางแน่นขึ้น จากนั้นก็โน้มตัวไปจุมพิตริมฝีปากนุ่มอย่างอ่อนโยน ในห้วงแห่งฝันนี้เขาสามารถทำทุกอย่างได้ตามใจ หากแต่เมื่อตื่นขึ้นมา นางก็กลายเป็นศัตรู ที่เขาต้องแก้แค้นไม่มีวันให้อภัยได้ เขาไม่อยากตื่นจากฝันนี้เลย
จุมพิตที่นุ่มนวลค่อย ๆ เร่งเร้ารุนแรงขึ้น ว่านจิ่วซิ่นที่มีใจให้อยู่แล้วขัดขืนเพียงเล็กน้อยก็ปล่อยกายปล่อยใจไปตามความต้องการของตัวเอง บางทีพรุ่งนี้ความห่างเหินของนางกับเขาอาจถูกค่ำคืนนี้ทำลายลงก็ได้
“เจ้านี่นะ ผลักภาระเก่งที่สุด” กวางหมิงชี้หน้าหวู่ไฉตงด้วยรอยยิ้มรุ่งเช้าของวันใหม่กวางหมิงและชิงหลันตกอยู่ในสภาพตาเป็นหมีแพนด้า เขาอยากจะบ้าตาย เหมียนเหมียนเด็กดีของเขา เหมือนทหารออกรบที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและง่วงนอนนางให้เขาเป็นม้าพานางเดินทางไกลทั้งคืน ส่วนชิงหลันก็เป็นท่านแม่ที่ต้องทำอาหารให้นางกิน“ท่านพี่ข้าว่าพวกเรามีลูกคนเดียวก็พอว่าหรือไม่” ชิงหลันรู้สึกเหนื่อยเกินไป ถ้าจะมีเด็กหลาย ๆ คนมาเล่นกับนางแบบนี้ทุกวัน“ข้าเองก็ว่าเช่นนั้น” กวางหมิงถอนหายใจ แต่พอคิดอีกที มีลูกคนเดียวแล้วถ้าภรรยาไม่ให้ร่วมห่อเขาก็ซวยนะสิ “ไม่ได้ข้าจะเลี้ยงพวกเขาเอง เจ้าไม่ต้องเหนื่อยข้าสัญญา” จู่ ๆ กวางหมิงก็รู้สึกว่ากำลังขุดหลุมฝังตนเอง เมื่อพูดคำเหล่านี้กับภรรยาหลายคืนมานี้หวู่ไฉตงราวม้าศึกไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เคี่ยวกรำว่านจิ่วซิ่นเกือบรุ่งสางทุกวัน เช้ามาว่านจิ่วซิ่นกระดิกตัวแทบไม่ได้ แต่หวู่ไฉตงกลับกระปรี้กระเปร่าไม่มีท่าทีอ่อนแรงเลยสักนิดเวลาหนึ่งเดือนเต็มที่หวู่ไฉตงตั้งใจเสกน้องชายให้หวู่เหมียนเหมียน“ไฉตงข้ารู้สึกเหม็นเจ้าไปไกล ๆ ข้าหน่อย” ว่านจิ่วซิ่นโกงคออาเจียน เพราะกลิ่นสามมีเหม็นจนน
ชิงหลันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “รองแม่ทัพว่านแม้ ท่านจะจะลืมอดีตไปสิ้น แต่ความผูกพันของพวกเราท่านกลับไม่ลืม ข้าคิดถึงท่านมากคิดถึงท่านเหลือเกิน” ชิงหลันกอดตอบว่านจิ่วซิ่น ก่อนที่สามีของนางจะเข้ามาประคอง“ไม่ร้องนะน้องหญิงเดี๋ยวบุตรของเราจะขี้แยเหมือนเจ้าไม่รู้ด้วยนะ” กวางหมิงเอ่ยปลอบ แต่เขาก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่ไหวเช่นกัน เขาดีใจกับหวู่ไฉตงและว่านจิ่วซิ่นที่ฝ่าฟันอุปสรรคมานานัปการ ทั้งสุข ทั้งทุกข์ สุดท้ายก็ยังให้โอกาสกันและกัน แก้ไขสิ่งผิดพลาดจนมีความสุขได้อย่างวันนี้“เจ้าเป็นถึงแม่ทัพ ถ้าลูกเจ้าขี้แยก็เพราะพ่ออย่างเจ้าทำเป็นตัวอย่าง เหมียนเหมียนลูก นี่คือท่านลุงกวางหมิงและท่านป้าชิงหลันเจ้ามาทักทายท่านลุงท่านป้าหน่อย”เหมียนเหมียนน้อยเดินเข้าไปใกล้แล้วยอบกายคำนับ “เหมียนเหมียนคารวะท่างลุง ท่างป้า”กวางหมิงลูบศีรษะหลานสาว ที่ใบหน้าคล้ายหวู่ไฉตงราวกับแกะ “เหมียนเหมียนเด็กดีรับอั่งเปาจากลุงไปแล้วจะเอาไปทำอะไร” เขาถามเหมียนเหมียนน้อยเมื่อยื่นซองแดงไปให้“ข้าจะเอาไปซื้อย้องชายมาขี่ม้าเป็นเพื่อนเจ้าค่ะ”ทุกคนในที่นั้นต่างพากันหัวเราะ ที่เหมียนเหมียนน้อยจะใช้เงินซื้อน้องชาย กวางหมิงหัวเราะลั่นเมื
ว่านจิ่วซิ่นและหวู่ไฉตงยิ้มแล้วมองหน้ากัน “เหมียนเหมียนเด็กดีให้ท่านลุงเป่าอุ้มเจ้าไปไหม ท่านแม่เจ้าเจ็บขาเพราะปลาชน พ่อจะอุ้มท่านแม่เจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”“เจ้าค่ะท่างพ่อ” เหมียนเหมียนน้อยตอบตกลงอย่างว่าง่าย เมื่อจินเป่ามาอุ้มคุณหนูน้อย เด็กหญิงก็พูดเสียงดัง “ท่างยุงเป่า ปลาใหญ่ไม่มีจริง ท่างพ่อท่างแม่หลอกข้า ดูผมท่างแม่สิเจ้าคะมีใบไม้ติดด้วย ท่างแม่ไม่ได้จับปลาสักหน่อย คงมานอนพักเอาแรงต่างหาก”จินเป่าเคาะจมูกคุณหนูยิ้มๆ แล้วมองไปทางนายท่านที่มีท่าทีนิ่งเฉย แต่พอมองไปทางฮูหยินที่หน้าแดงก่ำพลางปัดใบไม้ที่ศีรษะทิ้ง ก็รู้ทันทีว่าเขานั้นคาดเดาได้แม่นยำ “ไปขอรับคุณหนู ท่านลุงโม่ย่างปลาสุกแล้ว”ว่านจิ่วซิ่นชกอกหวู่ไฉตงแผ่วเบา เมื่อเขาอุ้มนางขึ้นมา “เพราะเจ้า” เพราะเขาคนเดียวทำให้นางตกอยู่ในสภาพก้าวขาไม่ออกหวู่ไฉตงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะพาฮูหยินของเขาขึ้นจากน้ำไปเปลี่ยนอาภรณ์ “ร้องออกมาก็พอแล้ว ต่อไปอย่ากัดตัวเองอีก”“ท่านไม่อายแต่ข้าอาย” ว่านจิ่วซิ่นใบหน้าแดงก่ำเมื่อหวู่ไฉตงทายาตรงรอยฟัน ที่นางกัดตนเองกลั้นเสียงครางไว้“ต่อไปข้าจะไล่จินโม่จินเป่าไปให้ไกล รวมถึงเหมียนเหมียนด้วย” หวู่ไฉตงเอ่ยห
ว่านจิ่วซิ่นรู้สึกเสียวเกินบรรยาย นางถูกเขาจับเอวยกขึ้นโขดหิน“เจ็บไหม” หวู่ไฉตงเอ่ยถามก่อนจะมุดหน้าลงไปกลางบุปผา ที่แย้มรอรับเหล่าภมรมาดูดเกสร หลังจากได้คำตอบจากภรรยารักว่าไม่เจ็บว่านจิ่วซิ่นครางถี่ เมื่อลิ้นร้อนของสามีรัวอยู่ในร่องชื้นแฉะของนาง “ไฉตงข้าไม่ไหวแล้ว” นางเอ่ยเสียงค่อยก่อนจะหลั่งน้ำพิสุทธิ์ออกมาอย่างน่าอาย เขากลับไม่รังเกียจกลืนกินน้ำของนางพลางดูดเลีย ทำให้ว่านจิ่วซิ่นเสียวแทบสิ้นใจเขาจับเอวนางยกลงน้ำ แล้วให้นางหันหลังท้าวโขดหิน ก่อนจะสอดใส่ทางด้านหลัง แล้วเริ่มบดสะโพกใส่นางอย่างเชื่องช้า แต่หนักหน่วง ว่านจิ่วซิ่นเสียวจนแทบกรีดร้องแต่นางต้องกัดฟันไว้ เพราะไม่ไกลจากนางและหวู่ไฉตง มีเสียงบุตรสาวหัวเราะสนุกสนานกับการจับปลาอยู่หวู่ไฉตงกระแทกจากเชื่องช้าเป็นเร็วถี่ น้ำบริเวณนั้นกระเพื่อมไหว แตกกระเซ็น เขายิ่งกระแทกแรงขึ้น แรงขึ้นพร้อมหลุดเสียงครางสุขสมออกมา“ท่างพ่อเจ้าค่ะ กงนั้นมีปลาใหญ่ดิ้นแรงหรือ” หวู่เหมียนเหมียนหันไปสนใจ บริเวณหลังโขดหิน ที่บิดามารดาจับปลาอยู่ น้ำแตกกระจายขนาดนั้น ปลาต้องตัวใหญ่แน่เลย นางหันมาหาจินเป่า “ท่านยุงข้าอยากไปจับปลากะท่างพ่อ”หวู่ไฉตงได้ยินเ
“เหมียนเหมียนเด็กดีเปลี่ยนชุดก่อนแล้วแม่จะพาเจ้าเล่นน้ำ” ว่านจิ่วซิ่นบอกกล่าวหวู่ไฉตงและจินโม่จินเป่า ก่อไฟนำเสบียงมาทำอาหาร หวู่ไฉตงทำไข่ตุ๋นให้บุตรสาว แต่บุตรสาวร้องอยากกินปลา เขาและจินเป่าจึงต้องเปลี่ยนชุดลงไปจับปลา“ยุงเป่า เหมียนเหมียนอยากจับด้วย” เหมียนเหมียนน้อย ชอบความตื่นเต้นโลดโผน เล่นน้ำกับท่างแม่ไม่สนุก นางต้องให้ท่างยุงเป่าพาเล่น“คุณหนูอยากจับปลากับข้าน้อยใช่รึไม่ขอรับ” จินเป่าเอ่ยถาม“ยูกต้อง”บางคำเหมียนเหมียนน้อยก็ยังพูดไม่ชัด ซึ่งนั่นทำให้นางยิ่งน่ารักน่าเอ็นดู “คุณหนูรอตรงนั้นนะขอรับ เดี๋ยวลุงไปรับ”“เหมียนเหมียนไม่เล่นกับแม่ แล้วแม่จะเล่นน้ำกับใครล่ะลูก” ว่านจิ่วซิ่นแสดงท่าทีน้อยใจ แก้มป่องพองคล้ายเหมียนเหมียนน้อยมาก“โอ๋ ๆ ท่างแม่ไม่ต้องน้อยใจ เหมียนเหมียนจะบอกให้ท่างพ่อมาเล่นด้วย” เสียงใสราวนกแก้วพูดเจี๊ยวจ๊าวปลอบใจมารดา หากแต่ใจนั้นไปอยู่กับท่างยุงเป่าแล้วหวู่ไฉตงเดินลงน้ำมาหาว่านจิ่วซิ่น ก่อนจะเอ่ยกระซิบข้างหู “อยากตรงนี้ได้หรือไม่” พลางยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อสบตากับภรรยา“อยากอะไรของท่าน” ว่านจิ่วซิ่นมองค้อน เขาไม่เห็นหรือว่าที่ตรงนี้โล่งแจ้ง มีทั้งจินโม่ จินเป่
ว่านจิ่วซิ่นรัวลิ้นบนยอดอกของหวู่ไฉตง แล้วชักมือขึ้นลงเร็วถี่ ไม่นานของเหลวอุ่นร้อนก็พ่นออกมาเต็มฝ่ามือของนาง พร้อมกับเสียงครางที่ฟังแล้วทำให้ว่านจิ่วซิ่นรู้สึกขนลุกขนพอง “ชอบไหม” นางเอ่ยถามหวู่ไฉตงใบหน้าแดงระเรื่อ ไม่คิดไม่ฝันว่าเวลาตนเองมีอารมณ์ราคะ จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนได้ช่ำชองเพียงนี้“ชอบมาก อาซิ่นข้ารักเจ้านะ” หวู่ไฉตงบอกรัก ก่อนจะอุ้มร่างบอบบางของว่านจิ่วซิ่นไปวางที่เตียง เมื่อครู่นางจัดการเขาจนอ่อนระทวยบนพื้น ครั้งนี้เขาขอเป็นฝ่ายให้ความสุขกับนางบ้าง แต่จะทำบนพื้นไม่ได้หวู่ไฉตงปลดสายคาดเอวว่านจิ่วซิ่นออก แล้วเริ่มจุมพิตบดขยี้ริมฝีปากนางอย่างเร่าร้อน เขาอดทนอดกลั้นมานานเกินไปจึงกินนางราวกับเสือที่หิวโหยว่านจิ่วซิ่นมิได้ขัดขืน นางจูบตอบอย่างร้อนแรงไม่แพ้กัน ในห้องเต็มไปด้วยเสียงหอบเหนื่อย เสียงกระแทก และเสียงครางจินโม่และจินเป่า เลี้ยงคุณหนูน้อยผ่านมาทางห้องนายท่าน เมื่อได้ยินเสียงที่เรียกความสนใจของคุณหนู ก็รีบพาคุณหนูไปเล่นกับเสด็จยายและเสด็จลุง พวกเขาทั้งสองดีใจยิ่ง ที่นายท่านเอาชนะใจฮูหยินสักทีโจวกังเต๋อยังเสียวสันหลังไม่หาย ตอนเห็นว่านจิ่วซิ่นมองนางคณิกาด้วยสายตาเย็นเยีย







