งานเลี้ยงวันนี้ ขุนนางที่ประจำการอยู่ฉีเฟิงล้วนเข้าร่วม เพื่ออวยพรให้ผิงชินอ๋อง ขุนนางบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสหายของผิงชินอ๋องคือฮ่องเต้ ทว่าเหมียวเจียงกลับรู้และคงวางแผนมาอย่างดี เพราะกวางหมิงจับนางกำนัลห้องเครื่องของผิงชินอ๋อง ที่กำลังวางยาในอาหารได้คาหนังคาเขา
หากว่าพวกเขาไม่รู้มาก่อน ว่าจะเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารและได้ทำการป้องกันไว้ คนของเหมียวเจียงคงกระทำการใหญ่นี้สำเร็จ กวางหมิงปราดเข้าไปจับหญิงสาวคนนั้นกดไว้แนบพื้น ก่อนจะส่งสายตาให้ทหารของตนมาควบคุมตัวนางไว้
“คิดลอบสังหารผิงชินอ๋อง ห้องเครื่องของพวกเจ้าหนีโทษตายอย่างไรก็หนีไม่พ้น” กวางหมิงกวาดตามองผู้คนในห้องเครื่องด้วยสีหน้าเย็นชา
“ใต้เท้าข้าน้อยไม่รู้เรื่อง นางกำนัลคนนี้พ่อบ้านฉางไปซื้อตัวมาเมื่อสองวันก่อน เพราะคนของเราไม่พอ พวกข้าน้อยมีสิบชีวิต ก็ไม่กล้าปองร้ายท่านอ๋องหรอกขอรับ” หัวหน้าพ่อครัวเอ่ยชี้แจง
“ทำงานของพวกเจ้าต่อไป อย่าให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก เพราะถ้ามีครั้งที่สอง พวกเจ้าทุกคนอย่าหวังว่าจะรอดไปได้เหมือนครั้งนี้” กวางหมิงข่มขู่คนเสียงเยือกเย็น ก่อนหันกลับมามองสตรีคนนั้นแล้วสั่งการ “ค้นพิษบนตัวนางทุกซอกทุกมุม อย่าให้ฆ่าตัวตายได้ รอท่านแม่ทัพมาสอบถามด้วยตนเอง”
พอรองแม่ทัพกวางออกไป พ่อครัวใหญ่ก็ตรวจสอบพิษ ในอาหารคาวหวานทุกจานด้วยตัวเอง ไม่ให้หลุดรอดสายตาไปได้แม้แต่จานเดียว คนที่ยกอาหารเข้างานเลี้ยงก็เป็นนางกำนัลเก่าแก่ที่ไว้ใจได้เท่านั้น เขาไม่กล้าใช้งานคนเข้ามาใหม่อีก เพราะกลัวว่าหัวจะหลุดจากบ่าแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว จึงเคร่งครัดและจริงจังอย่างมาก
กวางหมิงลอบจับตามองอยู่ครู่ใหญ่ ก็กลับเข้างานเลี้ยงไปรายงานหวู่ไฉตง ตอนที่เขาเข้ามา ระบำที่องค์ชายแห่งเหมียวเจียงเตรียมมา ก็เริ่มทำการแสดง โดยมีองค์หญิงแห่งเหมียวเจียงร่วมแสดงด้วย
หวู่ไฉตงและกวางหมิงมองหน้ากัน ก่อนจะหันมาสนใจระบำ เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ตรงหน้า ระบำเริ่มขึ้นและจบลงในเวลาต่อมา ยังไม่มีเหตุการณ์น่าหวาดหวั่นใดเกิดขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าองค์ชายแห่งเหมียวเจียงเห็นถึงความผิดปกติจึงยังไม่คิดลงมือ
องค์หญิงแห่งเหมียวเจียงยอบกายคำนับอย่างอ่อนช้อย เมื่อการแสดงสิ้นสุดลง นางส่งยิ้มเขินอายให้ผิงชินอ๋องแล้วเดินไปหาพี่ชาย
หวู่ไฉตงจับตามององค์หญิงอยู่ตลอด ทำให้เขาเห็นบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงยืนขึ้นทันใด
ในขณะนั้นเององค์หญิงแห่งเหมียวเจียง ก็พุ่งเข้าหาว่านจิ่วซิ่นและโจวกังเต๋อ โดยมีมีดสั้นเป็นอาวุธในมือ
ระหว่างที่หวู่ไฉตงเข้าไปช่วยว่านจิ่วซิ่น นางระบำทั้งหมดก็กรูเข้าหาผิงชินอ๋องและฮ่องเต้
เหตุการณ์ครั้งนี้ คล้ายคิดกำจัดทีเดียวให้สิ้น น่าแปลกตรงที่ โจวกังเต๋อและว่านจิ่วซิ่นก็เป็นหนึ่งในคนที่จะถูกสังหาร
หวู่ไฉตงส่งสายตาให้กวางหมิงที่บั่นคอมือสังหารอยู่อีกด้าน พลางพุ่งเข้าหาองค์หญิงแห่งเหมียวเจียงราวภูตผีก็ไม่ปาน เขายังไม่ทันเข้าถึงตัวว่านจิ่วซิ่น โจวกังเต๋อก็ใช้ร่างกายบังมีดสั้นให้นางเสียก่อน ไม่รอให้องค์หญิงแห่งเหมียวเจียงตั้งตัวได้ กระบี่ของหวู่ไฉตงก็แทงจากด้านหลังของนาง ทะลุมาด้านหน้าในตำแหน่งของหัวใจ อย่างไร้ความปรานี
กวางหมิงส่งสัญญาณเรียกคนที่แฝงตัวอยู่ออกมาพร้อมสั่งการ “จับเป็น”
หวู่ไฉตงดึงข้อแขนว่านจิ่วซิ่น ให้มาอยู่ข้างกายตน เมื่อเห็นท่าทีห่วงใย ที่นางมีต่อชายอื่น ก็กัดฟันข่มใจไม่ให้ลงกระบี่กับคนบางคน ที่ยังแย้มยิ้มอ่อนโยน “แผลแค่นั้นเขาไม่ตายหรอก”
“นี่เป็นหลักฐานการคบค้าศัตรูของนายอำเภอเผิง” กวางหมิงกล่าว พลางยื่นจดหมายที่นายอำเภอเผิงใช้ติดต่อพวกเหมียวเจียงให้ผู้ตรวจการซุน “ข้ามีพยานบุคคลด้วย ใต้เท้าข้าขอเบิกตัวพยาน”“เบิกตัวพยานบุคคล”กวางหมิงชี้ไปที่สตรีคนแรกที่เดินเข้ามา “นางเป็นคนวางยาในจวนท่านเจ้าเมือง” หญิงสาวที่ถูกนำตัวเข้ามา คือคนที่วางยาพิษในอาหาร ที่ห้องเครื่องจวนเจ้าเมืองผู้ตรวจการซุนจับจ้องพยานด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเอ่ยถาม “ผู้ใดสั่งเจ้าสังหารท่านเจ้าเมือง”หญิงผู้นั้นมีท่าทีลนลาน มองไปทางนายอำเภอเผิงเมื่อพบเข้ากับสายตาเยียบเย็นก็ก้มหน้าลงมุมปากนายอำเภอเผิงยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะใช้มือปิดมุมปากด้วยความเจ็บใจ เหมือนจะมีเลือดซึมออกมาอีกแล้ว อ้าปากทีไรเป็นต้องน้ำตาไหลทุกที ดีที่แก้แค้นหวู่ไฉตงได้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นเขาคงอกแตกตายเด็กสาวคนนี้หวาดกลัวเขา ย่อมไม่กล้าพูดความจริงอยู่แล้ว นายอำเภอเผิงยิ้มกรุ้มกริ่มในใจหญิงสาวที่วางยาพิษในห้องเครื่อง ถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินคับแคบที่ค่ายทหาร นางย้อนคิดไปถึงชั่วยามก่อน ในขณะที่จิตใจกำลังสับสน เงาร่างอ้วนท้วนก็เข้ามาประชิดตัว ลำคอของนางรู้สึกถึงความเย็นของโลหะขึ้นมาทันใด “ถ้าเจ้าใ
“ปิดคดีการลอบสังหารท่านเจ้าเมือง คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังได้รับโทษแล้ว” ผู้ตรวจการซุนเอ่ยปิดคดีว่านจิ่วซิ่นหัวใจบีบแน่น ยามได้ยินว่าหวู่ไฉตงสิ้นใจแล้ว นางไม่เข้าใจ คนที่เพิ่งพบและรู้จักกัน เหตุใดจึงมีผลกับหัวใจนางเช่นนี้ ก่อนเขาจะสิ้นใจ มองนางด้วยสายตาห่วงใยหรือนางกับเขาจะรู้จักกันมาก่อน “เรื่องก่อนหน้าที่เจ้าล่วงเกินข้า ข้ายกโทษให้เจ้าแล้วนะแม่ทัพหวู่” ว่านจิ่วซิ่นเอ่ยทั้งน้ำตาไหล นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำตาไหลได้อย่างไร ความเศร้าแทรกซึมสู่ก้นบึ้งหัวใจ คล้ายเสียของสำคัญบางอย่างไป แต่นางกับท่านแม่ทัพหาได้รู้จักกันมาก่อน ความรู้สึกพวกนี้คืออะไรกันแน่กวางหมิงควบม้ามาอย่างเร่งรีบ ผ่าฝูงชนเข้าไปในที่ว่าการ หลังจากได้รับมอบหมาย ให้ไปกวาดล้างบ่อนวอนเฉาเมื่อชั่วยามที่แล้ว พอหวู่ไฉตงสอบถามนักโทษแล้วพบเบาะแส ก็มาสั่งเขาทันทีให้ไปสืบเรื่องนี้รองแม่ทัพหนุ่มกระโดดลงหลังม้า กระบอกตาร้อนผ่าวครั้นได้เห็นสภาพสหายที่อาภรณ์ย้อมด้วยโลหิตสีแดงฉานเขามาช้าเกินไป ช้าจนช่วยท่านแม่ทัพไว้ไม่ทัน ตอนนี้เขามีหลักฐานเอาผิดคนบงการแล้ว “เหตุใดเจ้าไม่รอข้าก่อนไฉตง” กวางหมิงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขาสะอื้นไห้จนไหล่สั
“ในเมื่อเจ้าทุกข์ใจ ไยจึงสั่งประหารเขา” ฮ่องเต้วัยกลางคน ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าอายุ เอ่ยถามอนุชาเสียงอ่อนโยน“เขาทำผิด กระหม่อมมิอาจละเว้น เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวได้ อีกอย่างหลักฐานก็มัดตัวเขาจนดิ้นไม่หลุด” ผิงชินอ๋องเอ่ยด้วยท่าทีกลัดกลุ้ม“ที่เจ้าพูดก็ถูก เช่นนั้นก็อย่าเสียใจเลยเป็นเขาที่มักใหญ่ใฝ่สูงหาเรื่องใส่ตัวเอง” ฮ่องเต้เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อปลอบใจอนุชา“พ่ะย่ะค่ะ” ผิงชินอ๋องตอบรับ และนั่งเงียบงันอยู่เช่นนั้น ‘เยว่ซิน ข้าขอโทษที่ปกป้องไฉตงไม่ได้อย่างที่เคยรับปากเจ้า’ เขาพร่ำขอโทษสหายรักในใจเพื่อคล้ายความรู้สึกผิดหวู่ไฉตงถูกจับไปโบยหน้าลานที่ว่าการ ผู้ตรวจการซุน คล้ายจะประจานให้ใต้หล้ารู้ความผิดของเขา ชาวบ้านมากมายต่างมุงดูและวิพากษ์วิจารณ์สายตาคมกริบลึกลับจับจ้องไปที่ผู้ตรวจการซุน ก่อนจะละสายตาออกมา แล้วทอดมองไปยังว่านจิ่วซิ่นที่ยืนดูอยู่ท่ามกลางฝูงชน ชายหนุ่มเกิดโมโหขึ้นมากะทันหันเมื่อเห็นสายตาไม่ทุกข์ไม่ร้อนของอีกฝ่าย เมื่อก่อนเขาก็ใช้สายตาเช่นนี้มองนางสินะ นางคงจะเอาคืนเขา แต่เหตุใดยามนี้เขาเจ็บหัวใจนักเล่าที่ถูกนางเมินว่านจิ่วซิ่น เห็นเหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผากหวู่ไฉตง
ผิงชินอ๋องมองแม่ทัพหนุ่มด้วยสายตาเฉยชา ในมือถือจดหมายสั่งการที่ผู้ตรวจการซุนนำมาให้ ลายมือในจดหมายเป็นลายมือที่เขาสอนเองกับมือ เหตุใดเขาจะจำไม่ได้ “เจ้ากับข้าเคยมีความแค้นกันรึไม่” น้ำเสียงที่เอ่ยราบเรียบไม่มีระลอกคลื่น“กระหม่อมไม่เคยมีความแค้นใดกับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” หวู่ไฉตงคำนับสองมือผสานเข้าด้วยกันก้มหน้ากล่าวด้วยความเคารพ“แล้วเหตุใดเจ้าต้องสั่งคนมาสังหารข้า ทั้งยังปล้นคนร้ายอีก” ผิงชินอ๋องเอ่ยถามเสียงราบเรียบ“เพราะกระหม่อมกลัวว่า...” คนร้ายจะถูกฆ่าปิดปาก เขาพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำ ผู้ตรวจการซุนก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ท่านอ๋องแม่ทัพหวู่จับคนไปเพื่อปิดบังอำพราง เรื่องนี้เดาไม่ยากเลย เขาไม่ได้มีหน้าที่สอบสวนเรื่องนี้ แต่รีบปล้นคน เพราะกลัวโทษพ่ะย่ะค่ะ หลักฐานก็อยู่ในมือพระองค์แล้ว ลายมือในจดหมาย เทียบกับลายมือท่านแม่ทัพแล้วเป็นลายมือเดียวกัน”หวู่ไฉตงเหลือบมองผู้ตรวจการซุน เสียดายที่ไม่ได้อัดเขา จึงทำให้เขาพูดได้คล่องปากเช่นนี้ ทั้งยังมีการเตรียมหลักฐานเท็จไว้ล่วงหน้าอีกด้วย ราวกับว่าหมายตาเป้าหมายไว้ก่อนแล้ว“เป็นเช่นนั้น กระหม่อมห้ามแล้วก็ถูกทำร้าย” นายอำเภอเผิงกล่าวฟ้องเสียงอู้อี้
จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าคนเหล่านี้สมควรได้รับ ทำชั่วย่อมได้รับผลกรรมชั่ว “แม่นางหากเจ้าบอกความจริง ข้ากับท่านแม่ทัพจะไว้ชีวิตเจ้า และกันเจ้าไว้เป็นพยาน อีกทั้งยังจะคุ้มครองความปลอดภัยของคนที่เจ้าห่วงด้วย…ห่วงของเจ้าคงไม่ใช่แค่ตัวเองใช่รึไม่ เจ้าก็รู้หากคนร้ายไม่ถูกจับ คนที่เจ้าห่วงใยก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน”“พวกท่านจะคุ้มครองเราได้จริงหรือเจ้าค่ะ แม่ข้า แม่ข้าตกอยู่ในอันตราย” หนึ่งในคนร้ายหญิงที่พุ่งเข้าใส่ฮ่องเต้เอ่ยด้วยท่าทีหวาดกลัวว่านจิ่วซิ่นมองไปที่หวู่ไฉตงเพื่อให้เขาตอบรับ ทว่าชายคนนั้นกลับไม่พูดสิ่งที่นางต้องการ ยืนกอดอกมองนางอยู่ได้ นางจึงตอบเสียเอง “แน่นอน”หญิงสาวที่ถูกจับมองไปทางหวู่ไฉตง นางรู้ว่าคนที่มีอำนาจสั่งการไม่ใช่สตรีที่พูดคุยกับนางอยู่หวู่ไฉตงพยักหน้าให้หญิงสาวคนนั้น เป็นการรับปาก หญิงสาวจึงเริ่มเล่าสิ่งที่ตนรู้ออกมา“ข้าไม่รู้ว่าคนที่สั่งการเบื้องหลังคือใคร แต่เกี่ยวข้องกับบ่อนวอนเฉา”“ไม่เคยได้ยินมาก่อน” หวู่ไฉตงพึมพำออกมาเขาอยู่ฉีเฟิงมาตั้งแต่เด็ก ชื่อบ่อนวอนเฉาไม่เคยเฉียดกรายเข้าหูให้ได้ยินเลย“ที่แห่งนี้ลึกลับซับซ้อน คนที่จะเข้าบ่อนได้ต้องมีป้ายสมาชิก ตอนข้าเข้า
หวู่ไฉตงยิ้มเย็น ถ้าปล่อยตาเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้สืบสวน คงได้มาเพียงแพะเท่านั้น “นายอำเภอเผิงกลัวสิ่งใดกันแน่ ข้าแค่อยากเข้าไปฟังด้วยเท่านั้น”“ข้าจะกลัวสิ่งใดกัน เพียงแต่การปฏิบัติหน้าที่ของข้าไม่อาจให้คนนอกยื่นมือเข้ายุ่งได้” นายอำเภอเผิงต่อปากต่อคำไม่ลดละหวู่ไฉตงมุมปากกระตุก “ข้าอยากได้คนดูสิใครจะกล้าขวาง”หน็อยแน่!! เจ้าเด็กคนนี้นี่หัวรั้นไม่เบา “ท่านแม่ทัพกล้าก็ลองดู” นายอำเภอเผิงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง กับเด็กที่มีแต่ตำแหน่ง ไม่มีผลงานคนนี้ เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย“ข้ากล้าอยู่แล้ว” หวู่ไฉตงชกเข้าที่ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มแรง“เจ้า...เจ้า...ข้าจะรายงานท่านอ๋อง” นายอำเภอเผิงริมฝีปากสั่นระริก ทั้งเนื้อทั้งตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ กล้าดีนักนะเจ้าเด็กเหลือขอ ไว้เขารายงานท่านอ๋อง เจ้าเด็กนี่ต้องได้รับโทษสถานหนัก ที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงาน เขาไม่ยอมเด็ดขาดเจ้าเด็กบ้าฟันข้าแทบหลุด!! ข้าจะ...ข้าจะเอาคืนแน่หวู่ไฉตงไม่เพียงไม่หยุดทำร้ายคน ยังเดินเข้าหาอย่างเชื่องช้า แล้วชกซ้ำตรงจุดเดิม ทำให้นายอำเภอเผิงลนลานถอยหนีจนล้มลงพื้น ขดตัวใช้มือสองข้างปกป้องศีรษะไว้อย่างหวาดกลัวครั้นเห็นดังนั้นห