สิบนาทีต่อมา ขวัญชนกเดินออกจากบริษัทเพียงลำพัง เพราะธวัชชัยมีงานด่วนต้องจัดการซึ่งเป็นคำสั่งโดยตรงจากเจ้านาย หญิงสาวเกือบจะผ่านประตูด้านหน้าของอาคารแล้วเชียว แต่เธอต้องหยุด เพื่อหลีกทางให้กับนางแบบสาวชื่อดังสองคนที่เดินยิ้มแย้มหัวเราะกันมา แต่พอเห็นหน้าเธอ กลับทำหน้าบึ้งเหมือนคนขับถ่ายไม่ออกทั้งคู่
พวกเธอหยุดตรงหน้าขวัญชนก
“สวัสดีค่ะ พี่แพรว พี่ดาว” เธอยกมือไหว้ พร้อมทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส เป็นมิตร แต่สองสาว กลับไม่รับไหว้ แถมยังเชิดหน้า ส่งสายตาหยามหยันอีกต่างหาก
“คนนี้เหรอ ที่จะได้เป็นแบรนแอมบาสเดอร์คนใหม่ของเจ้าสัว”
แพรวพิศกำลังพูดถึงบริษัทเจ้าของแบรนด์ชุดชั้นในระดับโลกของเมืองไทย ตำแหน่งที่มีชื่อเธออยู่ในโผด้วยเช่นกัน หากแล้วข่าววงในรั่วไหลออกมาว่ามันกำลังจะตกเป็นของนางแบบหน้าใหม่ที่เพิ่งจะย่างเท้าเข้าวงการ และยังมีงานไม่มากมายอะไร
“คงใช่” ดาวหรือดารกาจ้องมองขวัญชนกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ด้วยสายตาเหยียดหยามดูถูก อย่างเปิดเผย “ไม่น่าเชื่อ เจ้าสัวจะเสี่ยงเอาเด็กบ้านนอกคอกตื้อไม่เป็นงานไปทำงานสำคัญของบริษัท แบรนด์ระดับโลกเชียวนะ สงสัยหุ้นจะตกก็คราวนี้แหละ”
ขวัญชนกถามตัวเองว่าเธอควรจะตอบโต้รุ่นพี่สองคนนี้หรือไม่ แน่ล่ะ ถ้าเธออยากมีศัตรูเพิ่ม เธอก็ควรจะตอบโต้โดยทันที แต่ถ้าเธอไม่อยากมีเรื่องในตอนนี้ เธอควรจะเงียบเข้าไว้ ส่วนถ้าไม่อยากมีศัตรูจริงๆ เธอก็แค่เดินออกจากวงการนี้ไปและปฏิเสธงานที่เจ้าสัวอเนก เสนอมาให้ เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง
“หรือว่าข่าวลือจะเป็นจริง” แพวพิศหัวเราะเสียงเล็กๆเหมือนแม่มด “ข่าวเน่าเหม็นโฉ่”
“ก็อาจเป็นไปได้นะ เดี๋ยวนี้พวกนางแบบหน้าใหม่เดินแบบแป๊บๆก็มีรถเบ๊นซ์ป้ายแดงขับกันเป็นแถว แถมยังได้อยู่คอนโดหรูหราราคาสิบล้าน หรือไม่ บางคนเก่งหน่อย ก็ได้ทั้งบ้าน ได้ทั้งรถ แถมยังได้งานเรื่อยๆด้วย”
ดารกาพูดกระแนะกระแหนแล้วเดินเฉียดหัวไหล่ของขวัญชนกอย่างตั้งใจ “น่าขยะแขยงพวกใช้เต้าปลอมๆแข็งๆและของเก่าๆเน่าๆเหม็นๆหากิน อีกไม่นาน พอหมดสภาพ ก็จะหายไปจากวงการ”
“เพราะอะไรรู้ไหมจ๊ะขวัญชนก”
หญิงสาวเจ้าของชื่อไม่ได้ตอบเลยว่ารู้หรือไม่รู้ เธอยังคงเป็นผู้ฟังที่ดีและเป็นแมวเชื่องที่ฟังสองสาวพูดเสียดสีและดูถูกตนเองไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา เธอแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ทนฟังสองสาวพ่นเชื้อโชคใส่อยู่ได้ เธอเดาเอาว่าเธออาจค่อยๆเริ่มผลิตภูมิต้านทานมากขึ้นเมื่อเข้ามาอยู่ในวงการนี้
แม้เพียงหนึ่งเดือนจะน้อยนิด แต่ถ้านับชั่วโมงและวินาทีที่เธอต้องอดทนและอดกลั้นกับการอิจฉาริษยา การโกรธเกลียดและหมั่นไส้อย่างไร้เหตุผลจากคนอาชีพเดียวกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เธอคิดว่ามันก็นานพอสมควรนะ กับเด็กสาวคนหนึ่งที่เคยแต่ทำงานใช้แรงงานงกๆที่ต่างจังหวัด
“เพราะคนที่เป็นโสเภณีในคราบนางแบบ ไม่มีใครอยากสนับสนุนหรอกจ๊ะ” สองสาวหันมองหน้ากันแล้วหัวเราะร่วนชอบใจ พวกเธอกำลังท่องบทละครอะไรอยู่รึเปล่านะ สองสาวเดินจากไปอย่างอารมณ์ดีมีความสุขที่ได้ดูถูกคน
ขวัญชนกมองตามสองนางแบบชื่อดังไปด้วยความเวทนาใจมากกว่าเจ็บใจ
“โสเภณีในคราบนางแบบ” เธอนึกขำ หากใครก็ตามประพฤติเช่นนั้น คงไม่ใช่เธอเป็นแน่
หญิงสาวออกจากบริษัท ขึ้นรถแท็กซี่ ตรงไปยังคลินิกหมอแห่งหนึ่ง เธอตั้งใจจะไปตรวจร่างกายให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้โดนกระทำย่ำยี่จริงๆ แต่พอไปถึงคลินิก แล้วได้เจอหน้าของคุณหมอผู้ทำการรักษา เธอกลับอึ้งจนพูดไม่ออก
“ขวัญ!” คุณหมอเจ้าของคลินิกคือรุ่นพี่ของเธอสมัยเรียนมัธยม อัคราเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับธวัชชัย และเป็นคนที่เธอเคยแอบรักอย่างหัวปักหัวปำ แต่แล้วก็ต้องอกหักดังเป๊าะ เพราะชายหนุ่มดันมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ซึ่งเป็นลูกสาวของเศรษฐีรายหนึ่งในจังหวัด
“ขวัญใช่ไหม ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
ขวัญชนกทำหน้าแทบไม่ถูก “พี่อ้น!”
“สวยขึ้นเยอะเลย จำแทบไม่ได้ ขวัญเปลี่ยนไปเยอะเลย” ทั้งท่าทางและการแต่งตัว ไม่เหมือนขวัญชนกที่ดูสดใสและน่ารักเหมือนสมัยวัยรุ่น แต่เธอในภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่โตเต็มตัว ก็ไม่ได้น่ารักน้อยลง เธอสวย สง่าและเซ็กซี่จนนำสายตาของทุกคนไปได้ “พี่รู้มาว่าขวัญเข้าวงการใช่ไหม”
“รู้มาจากใครคะ อ้อ...พี่ลูกเป็ด”
“ในไลน์กลุ่มน่ะ แล้วนี่ขวัญมาหาหมอใช่ไหม ไม่สบายเหรอ”
หญิงสาวยิ้มไม่เต็มปาก เธอควรจะขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วอ้าขาให้เขาตรวจภายในดีไหม ???
ไม่ได้ !!! อายเขาตาย เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าเธอแอบชอบเขาอยู่ แม้ว่าเธอไม่เคยบอกเขาตรงๆก็ตาม
“คือ...ขวัญ รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ เหมือนไมเกรนจะขึ้น แต่ตอนนี้หายแล้วค่ะ”
“หายแล้วเหรอ ไม่เอา ยังไงก็ต้องตรวจ เดี๋ยวพี่ตรวจให้”
ขวัญชนกไม่อาจปฏิเสธคุณหมอหนุ่มรูปหล่อได้ เธอยอมให้เขาตรวจวินิจฉัยโรคและสั่งยาตามอาการที่เขาตรวจพบซึ่งเป็นเพียงอาการไข้เล็กน้อยเท่านั้น หากตามปกติธรรมดา ปวดหัวตัวร้อนนิดๆหน่อยๆแบบนี้ เธอนอนสักพักก็สามารถเยียวยาร่างกายของตัวเองได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาหาหมอ ไม่จำเป็นต้องกินยาให้เสียเวลา
“ต่อไปถ้าขวัญมีปัญหาอะไร มาหาพี่นะ”
“ทุกปัญหาเหรอคะ” เธอแกล้งเย้าเขาเล่น
เขายิ้มอบอุ่น “ทุกปัญหาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแค่เรื่องสุขภาพหรอกนะ พี่ยินดีเป็นที่ปรึกษาให้ขวัญทุกเรื่องเลย”
“พี่อ้นใจดีเหมือนเมื่อก่อนเลยนะคะ ว่าแต่ตอนนี้แต่งงานรึยังคะ”
“แต่งแล้ว”
“ดีใจด้วยนะคะ” ขวัญชนกยิ้มแย้มยินดี เธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความรักที่เธอเคยมอบให้รุ่นพี่คนนี้ได้จางหายไปตามกาลเวลาเสียแล้ว “แล้วมีลูกรึยังคะ”
“ยัง”
“ทำไมล่ะคะ แต่งงานแล้วก็ต้องมีลูกสิ พี่อ้นฉลาด ส่วนแฟนพี่ก็สวย ลูกต้องออกมาน่ารักและฉลาดแน่ๆ”
“พี่หย่าแล้ว”
หญิงสาวอ้าปากค้าง “ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก พอดีตอนหย่าไม่ได้เชิญใครมาร่วมงานด้วยน่ะ เลยไม่มีใครรู้” หมอหนุ่มแสร้งพูดตลกกลบเกลื่อนความทุกข์ใจ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงสดใสเหมือนเดิม “เอาเป็นว่า ตอนนี้พี่เป็นหมอประจำตัวขวัญแล้วนะ ต่อไป ขวัญต้องมาหาพี่หมอคนนี้เท่านั้น ตกลงนะ”
ขวัญชนกตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์สามี ทว่า โทรศัพท์เครื่องนั้นดังลั่นอยู่ในบ้านนี่เอง เธอหันไปมองต้นเสียง ถึงได้เห็นว่ามันวางอยู่บนโซฟาตัวยาว“โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป” เธอเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว เมื่อนึกถึงสันดานของสามีที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เขามันประเภทเจ้าชู้ไม่เลือกกินเสียด้วย ป่านนี้อาจไปนอนกกอยู่กับสาวๆคนไหนก็ได้ “อย่าบอกนะว่าแอบไปตั้งแต่ตอนดึก”คิดแล้วก็เจ็บใจจัด รีบกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด เตรียมตัวออกข้างนอก“คอยดูนะ ถ้าจับได้ว่าคุณนอกใจฉัน ฉันจะเลิกกับคุณทันทีเลย”หญิงสาวไม่รอรีให้เสียเวลา เธอออกจากบ้านหลังสวย แล้วมุ่งสู่อพาร์ตเม้นต์ของชายหนุ่ม ที่ๆเขาเช่าทิ้งไว้สำหรับอยู่อาศัยขณะเรียนหนังสือ ตั้งแต่กลับมาบอสตันเมื่อต้นสัปดาห์ก่อน จนถึงตอนนี้ เธอยังไม่ได้ไปเหยียบที่นั่นเลยสักครั้ง เขาอ้างว่ายังไม่ได้จ้างแม่บ้านมาทำความสะอาด กลัวเธอจะสูดฝุ่นเข้าปอด เดี๋ยวกระทบถึงลูก“จอมทัพ!!!” เธอเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คุณไม่ได้ตายดีแน่!!!”ขวัญชนกโบกรถแท็กซี่อย่างร้อนรน เมื่อเข้าไปนั่งที่เบาะหลังแล้ว เธอบอกจุดหมายปลายทางให้โชว์เฟอร์รับทราบอย่างละเอียดยิบ จากนั้นรถก็วิ่งฉิวทิ้งห่างบ้านพักห
บอสตัน...ในวันที่สายฝนเย็นฉ่ำโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย“ทะเลที่นี่ เวลาฝนตกก็สวยไปอีกแบบนะ”“แต่คุณสวยกว่าอีก”“อย่ามาปากหวานหน่อยเลย”“ก็มันเรื่องจริงนี่” ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานใหญ่ในบ้านพักตากอากาศหลังสวยริมทะเล โดยชายหนุ่มสวมกอดหญิงสาวจากด้านหลัง ขณะท้องสาวนูนขึ้นเล็กน้อย “เมียของผม ทั้งสวย ทั้งน่ารัก แถมยังเซ็กซี่ไปทั้งตัว นี่ขนาดท้องอยู่นะ สาวๆที่นี่สู้คุณไม่ได้สักคน”“สู้ไม่ได้ หมายความว่าไงคะ” เจ้าหล่อนปลดมือของชายหนุ่มออก แล้วเหลียวหน้ากลับมามอง ด้วยตาดุเข้ม “หรือว่า แอบกลับไปทบทวนความหลังกับสาวๆของคุณมา”“อย่าหาเรื่องน่า ตั้งแต่มานี่ต้นสัปดาห์ที่แล้วจนถึงวันนี้ ผมก็อยู่กับคุณตลอด ระแวงไม่เข้าเรื่อง”“ไม่เข้าเรื่องยังไง คนอย่างคุณก็รู้ๆกันอยู่” เจ้าหล่อนทำปั้นปึ่ง เดินผละมาที่โต๊ะอาหาร ซึ่งมีชุดชงชาและกาแฟวางอยู่ เธอรินชาใส่ถ้วย ควันพวยพุ่ง หอมฟุ้งไปทั้งบ้านจอมทัพเดินตามมากอดแล้วจูบภรรยาอย่างโหยหาและเอาใจ“อย่าหงุดหงิดเลยนะ เดี๋ยวส่งผลไปถึงลูก มันไม่ดี”“ไม่รู้สิคะ สงสัยจะเป็นเพราะโฮโมน”“ผมอยากให้ลูกชายของผมเป็นเด็กอารมณ์ดีนะ”“รู้ได้ไงว่าลูกชาย”“คนที่สองต้องลูกชายอยู่แล้
‘ไม่จริง’“เรื่องนี้คุณแม่กุลธิดาของผมทราบเรื่องดีครับ เพราะท่านอยู่ในเหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์”จอมทัพหันมามองเธอด้วยสายตาผิดหวัง เธอตั้งสติแล้วลงจากเวทีมาหาเขา โผเข้ากอดเขาแล้วสะอื้นฮึกฮัก นักข่าวพากันกระหน่ำถ่ายรูปไม่หยุด“จอมยังไม่ตาย แม่ดีใจเหลือเกิน จอมหายไปไหนมาลูก ทำไมมาเอาป่านนี้”ชายหนุ่มผละจากอ้อมกอดของมารดาเลี้ยง ด้วยท่วงท่าเย็นชา ไร้เยื่อใย“ขอบคุณที่คุณแม่เลี้ยงดูผมมานะครับ”กุลธิดารู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เธอเองที่เป็นคนทำลายความรักความเชื่อใจของผู้ชายคนนี้จนหมดสิ้น“จอม...”“ผมรักคุณแม่นะครับ ถึงแม้คุณแม่จะไม่เคยรักผมเลยก็ตาม”“จอม...ไม่จริงลูก”“พอเถอะครับคุณแม่ พอซะทีเถอะ!!!”กุลธิดาอึ้งจนพูดไม่ออก“คิดว่าแม่ไม่เสียใจเหรอที่เห็นลูกตาย...”ชายหนุ่มหัวเราะทั้งน้ำตา หันมองหน้ามารดาเลี้ยงด้วยหัวใจที่แตกสลาย “ผมรู้หมดแล้วครับ ว่าแม่ทำอะไรลงไปบ้าง และตอนนี้หลักฐานทุกอย่างก็อยู่ที่ตำรวจหมดแล้วด้วย ทุกคดี รวมทั้งคดีบงการฆ่าผมด้วย!”ทุกคนที่ได้ยินต่างพากันตกใจกับข่าวนี้ ก่อนจะจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันมันปาก ขณะกุลธิดาปากคอสั่น ร้องบอกทุกคนว่าสิ่งที่จอมทัพพูดนั้นไม่ใช่เรื่องจ
“ไม่ได้”เขาแสร้งทำเป็นหูเพี้ยน ก้มเข้าหาเธอแล้วประกบริมฝีปากบนเนื้อปากอิ่มแสนรั้นจนแนบแน่น“อือ...”ริมฝีปากร้ายจูบอย่างอ่อนโยนเพียงชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนจะถอนออกมาอย่างแสนเสียดาย“อ่า...มีความสุขจัง...งานนี้ถึงโดนตบก็ยอม”“คุณจอม!” เธอหน้าแดงก่ำเพราะความเขิน รีบหันมองรอบกาย เพราะกลัวพ่อแม่จะเห็นเข้า “คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย”“ผมรักคุณนะ”เขาบอกรักเธอตลอดเวลาจนเธอเริ่มหมดความตื่นเต้นไปแล้ว...อย่างนั้นหรือ...ไม่เลย...ไม่ว่าเขาจะบอกรักเธอสักกี่ครั้ง เธอก็ยังตื่นเต้นได้ทุกครั้งสิน่า“พูดอยู่ได้ น่าเบื่อ”“ผมจะรีบกลับมานะ”“ดูแลตัวเองด้วย”“ว่าไงนะ” เขาได้ยินแล้ว แต่อยากได้ยินอีก เพราะมันทำให้เขามีความสุขแทบบ้า “คุณว่าไงนะขวัญ”เธอไม่อยากพูดอีก มันเสียศักดิ์ศรี แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว“อย่าไปทำอะไรบุ่มบ่ามล่ะ คิดจะทำอะไรก็ต้องรอบคอบ มีสติ ห้ามประมาทเด็ดขาด”เขาคว้ามือเธอไปจับแน่น “คุณเป็นห่วงผมเหรอ”“ก็...คุณจะไปหาเงินมาสร้างโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ ฉันก็แค่ห่วงผลประโยชน์ของคนที่เกาะ” เธอรู้จากหมอทินกรมาสักพักแล้ว เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลขนาดเล็กบนเกาะพันดาว ที่เขาเป็นเจ้าของเงินทุนแล
“ผมจะกลับไปกรุงเทพฯสักพักนะ”เขามาบอกเธอที่บ้านในตอนบ่ายของวันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังถักเสื้อไหมพรมตัวที่หกให้ลูกของเธออยู่ที่หลังบ้าน“ก็ไปสิ ไม่จำเป็นต้องมาบอกฉันหรอก”เธอไม่หันมามองเขาด้วยซ้ำตอนที่พูดออกมา น้ำเสียงของเธอแข็งกระด้าง ไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ถือสาหาความหรอก เขารู้ว่าเธอยังโกรธและไม่ให้อภัยเขา แม้เวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา เขาจะพยายามเอาอกเอาใจเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็ทำเป็นมองไม่เห็น“ผมจะไปสะสางปัญหาที่บริษัท แล้วก็จะไปให้ปากคำเพิ่มเติมเรื่องคดีของคุณด้วย อีกไม่นานคนร้ายตัวจริงจะได้รับผลกรรมที่ทำไว้กับคุณแล้วนะ คุณสบายใจได้”“ทุกวันนี้ฉันก็สบายใจดี การที่ไม่ต้องไปสู้รบปรบมือกับใคร ไม่ต้องไปแก่งแย่งแข็งขันกับใคร มันทำให้ฉันค้นพบความสุขที่แท้จริง”“ผมดีใจนะที่คุณมีความสุข” เขาเดินมานั่งลงข้างๆกับเธอ มองเธอด้วยสายตาล้นเอ่อไปด้วยรัก เวลานี้ท้องของเธอเห็นชัดมากแล้ว จนเธอต้องสวมชุดคลุมท้องเพื่อให้คล่องตัวขึ้น“ทำไมเสื้อผ้าของลูกมีแต่สีหวานๆ”“ก็ลูกฉันเป็นผู้หญิงนี่นา”“จริงเหรอ!” เขาได้ยินก็ตื่นเต้นแทบคลั่ง เกือบจะคว้าเธอมากอดให้ชื่นใจแล้ว หากไม่โดนสายตาพิฆาตเสียก่อน“นี่ผมก
“หมอ...หมอ...” หมอชราพูดออกมาแทบไม่ออก “หมอฝันจะเห็นสิ่งนี้มาตลอด แต่หมอไม่มีปัญญาจะทำ”“ไม่จริงครับ หมอมีปัญญาจะทำ แต่หมอรอผมอยู่ และตอนนี้ผมก็มาแล้วไง...นี่แหละคือโชคชะตาของผม”“ขอบคุณนะ ที่เห็นคุณค่าของคนที่นี่”“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณทุกคนที่นี่...ความจริงผมเกิดความคิดนี้ขึ้นมา ก็เพราะว่าอีกไม่นานนี้ ลูกของผมจะคลอดที่นี่ ผมเลยอยากทำอะไรเพื่อคนที่ผมรักด้วย”“ไม่ต้องห่วงนะ หมอจะทำคลอดลูกของคุณให้ดีที่สุด และเด็กคนนี้จะภูมิใจที่ได้มีพ่ออย่างคุณ”“ผมก็หวังเช่นนั้นครับ...”หวังว่าเขาจะได้ทำอะไรเพื่อลูกน้อยของเขาที่กำลังจะคลอดในอีกสี่เดือนข้างหน้า แม้ไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่พ่อที่รักเขาอย่างสุดหัวใจ แต่การได้รู้ว่าเขายังปลอดภัยและแข็งแรงดี นั่นก็คงจะเพียงพอให้หัวใจของเขาได้มีแรงเดินต่อ“ตกลงหนูท้องกับใคร”กุลธิดาเค้นถามหญิงสาวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ หลังจากที่เจ้าหล่อนพูดบางสิ่งที่ทำให้เธอปวดหัวไม่หาย“ไม่รู้สิคะ หนูจำไม่ได้”“จำไม่ได้เลยเหรอว่านอนกับใครบ้าง”สิริวิไลทำหน้าขัดใจ “จะจำไว้ทำไมคะ ก็แค่สนุกๆ ไม่ได้จริงจังสักหน่อย จะซีเรียสทำไมคะ เพราะถึงยังไง ลูกของหนูก็ต้องเป็นลูกของคุณจอมทัพ