บทที่ 15
เรื่องของชาติก่อน
วันที่สองและวันที่สามของการอยู่ร่วมกับสามี ฉินหรูรวบรวมความกล้า เข้าไปทำความรู้จักเสิ่นหยาง แม้เรื่อง ‘คืนแรก’ เขาจะทำให้นางหวาดกลัวมากก็ตาม แต่นั่นก็เพื่อให้นางอยู่ในบ้านเสิ่นได้อย่างราบรื่น
เท่าที่ได้คุยกับเสิ่นหยาง เหมือนว่าเขาจะเป็นคนพูดน้อย(มาก) พูดอะไรหรือถามอะไร เขาจะตอบกลับมาแค่ “อืม” เท่านั้น
ฉินหรูรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่าโมโหนัก
และด้วยเหตุนี้ นางจึงไม่พยายามทำความรู้จักกับเสิ่นหยางอีก
โดยไม่ได้สังเกตเห็นเลยสักนิด แววตาของเสิ่นหยางเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดตลอดเวลา
ตกกลางคืน พอคิดว่าต้องนอนร่วมเตียงกับเขา ทั้ง ‘ไอ้นั่น’ ที่ทำให้เจ็บเหมือนร่างกายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ต้องเข้ามาอยู่ในร่างของนางอีกครั้ง นางที่นอนด้านในสุดของเตียง ขดตัวนอนคุดคู้อย่างหวาดระแวง เห็นชัดเลยว่ากำลังหวาดกลัวเขามาก เสิ่นหยางจึงไม่ได้แตะต้องฉินหรูอีกเลย
เช้าวันที่สี่ ในที่สุดเสิ่นหยางก็ยอมคุยกับนางเป็นประโยคยาวๆ
“พรุ่งนี้ข้าต้องออกเดินทาง ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องลำบากมาตลอด”
“หะ!” ได้ยินประโยคนั้น ฉินหรูร้องเสียงหลง ทั้งไม่เข้าใจทั้งรู้สึกโมโห “ท่านจะไปไหน ไปกี่วัน ทำไมเพิ่งจะมาบอก ข้าต้องเดินทางไปด้วยหรือไม่”
เสิ่นหยางเบิกตามองฉินหรูเหมือนงุนงงและตกใจไม่ต่างกัน
“พวกเขาไม่ได้บอกเจ้าหรือ”
“บอกอะไร หมายความว่ายังไง” น้ำเสียงของนางเริ่มสั่นเครือ ถึงจะกลัวเขาอยู่บ้าง ทว่าชั่วดีอย่างไรนางกับเขาก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่นางกลับไม่รู้เรื่องของเขาเลยสักนิด
เสิ่นหยางเม้มปาก สักครู่หนึ่งถึงตอบกลับมา “ข้าต้องเข้าร่วมกองทัพ ไปเป็นทหารรับใช้ชาติ”
ฉินหรูสูดหายใจลึกหลังได้ยินคำตอบ ลำคอตีบตัน ในอกก็จุกไปหมด
“ทหาร? ท่านบอกว่าจะไปเป็นทหารหรือ”
“ใช่”
“หมายความว่าเขาจะไม่กลับมาข้าแล้วใช่หรือไม่”
นางพึมพำกับตัวเอง
เสิ่นหยางย่นหัวคิ้ว ยังไม่ทันได้เข้าสนามรบ ภรรยาก็แช่งเขาเสียแล้วหรือ
แคว้นเหลียงกับแคว้นเป่ยจิงทำสงครามแย่งดินแดนกันอยู่เนืองๆ ฮ่องเต้มีราชโองการให้แต่ละบ้านส่งผู้ชายที่มีอายุสิบห้าปีขึ้นไป แต่ไม่เกินหกสิบปีเข้าร่วมกองทัพ ถึงอย่างนั้นก็มีข้อยกเว้นในบางกรณี เพื่อที่แต่ละบ้านจะได้มีทายาทสืบสกุล
หมู่บ้านหน่านหลี่ที่ฉินหรูอาศัยอยู่ เมื่อสองปีก่อนก็มีคนเข้าร่วมกองทัพเหมือนกัน ข่าวคราวล่าสุดที่รู้ ชายคนนั้นตายในสนามรบอย่างกล้าหาญ แม้ได้รับคำสรรเสริญ ทว่าเบื้องหลังของเกียรติยศที่กินไม่ได้ คือความทุกข์ยากของภรรยากับลูกน้อยสองคน
นางไม่ต้องการคำสรรเสริญ นางต้องการชีวิตที่มั่นคง กินอิ่มนอนหลับสบาย ได้สวมเสื้อผ้าสวยๆ ใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำไมความฝันของนางถึงพังทลายไม่เป็นชิ้นดีแบบนี้ด้วยเล่า!
“ข้า...จะกลายเป็นหม้ายหรือ”
นางพูดกับตัวเองอีกครั้ง สักพัก ก็ปรี่เข้าไปทุบสามีพร้อมกับโวยวายยกใหญ่
เสิ่นหยางยืนนิ่ง ปล่อยให้ภรรยาตัวน้อยทุบตีต่อไป
“ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ทำไม…ข้าไม่น่าแต่งงานกับท่านเลย ข้ามันโง่” ฉินหรูร้องไห้อย่างหนักขณะทุบสามีที่เพิ่งรู้จักกันเพียงสามวัน
“ขอโทษ” เขาทำได้แค่พูดคำนั้นซ้ำๆ ด้วยสีหน้าลำบากใจ
หลังจากเสิ่นหยางออกเดินทางพร้อมกับบ่าวรับใช้แก่ๆ ที่ขาเป๋ ฉินหรูอยู่ในบ้านเสิ่นถูกแม่เลี้ยงของเสิ่นหยางที่ชื่อหนิงลี่กดขี่ข่มเหง ใช้งานนางเยี่ยงทาส
พื้นเพนิสัยของฉินหรูแม้ว่าจะอวดดีอยู่บ้าง แต่ฉินหรูก็รู้ว่าหากตนไม่ยอมเปลี่ยนตัวเอง นางจะต้องอยู่ในบ้านเสิ่นอย่างยากลำบาก
พอคิดได้แบบนั้นนางก็เริ่มประจบสอพลอหนิงลี่ แม้ยังมีการกดขี่ข่มเหงอยู่เนืองๆ แต่ไม่หนักหนาเหมือนอย่างตอนแรก
ในที่สุดวันเวลาก็ล่วงเลยมาอีกสี่เดือน
ฉินหรูพบว่ารอบเดือนของนางยังไม่มา พอลองถามแม่ครัวที่มีลูกสี่ นางถึงรู้ว่าตนตั้งครรภ์ลูกของเสิ่นหยาง
แวบนั้น ฉินหรูเกิดความลำพองใจ
‘ในที่สุดก็ถึงทีของข้าแล้ว!’
มากน้อยอย่างไร เสิ่นหยางก็เป็นคุณชายใหญ่ของบ้าน เด็กในท้องยังเป็นหลานคนแรก อย่างน้อยหนิงลี่ตัวแสบต้องดีกับนางสักนิด
ด้วยคิดว่าจะเอาลูกมาเป็นเหตุผลของการอยู่อย่างสบายในบ้านเสิ่น เย็นวันนั้น ฉินหรูก้าวอาดๆ เข้ามาหาหนิงลี่ถึงเรือน ประกาศว่าตนตั้งท้องลูกของเสิ่นหยาง
“ท้องหรือ” หนิงลี่เลิกคิ้วทวนคำ
“เจ้าค่ะ ท่านแม่ เด็กคนนี้เป็นหลานคนแรกของบ้านเสิ่น” ฉินหรูเชิดหน้าพูดกับหนิงลี่ ซึ่งโดยปกติ นางจะต้องก้มหัวเมื่ออยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หนิงลี่ก็หัวเราะเสียงเย็น
“ฮะๆๆ”
ฉินหรูงุนงง ทั้งไม่พอใจกับเสียงหัวเราะนั้น
มีอะไรน่าขำกัน
“ยินดีกับพวกเจ้าด้วย รอเดี๋ยวนะ...ไม่สิ เจ้ามานั่งตรงนี้ก่อน มาเร็วเข้า” หนิงลี่กวักมือเรียกฉินหรูให้มานั่งข้างๆ ทันทีที่นางนั่งลง อีกฝ่ายก็ว่าต่อ “ข้าจะให้บ่าวไปเลือกของขวัญให้กับหลานคนแรก นั่งรอก่อน”
ฉินหรูไม่รู้เลยว่าฉากหน้าที่ยิ้มแย้มของหนิงลี่ ในอกนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
หลังจากนั้น หนิงลี่เรียกบ่าวรับใช้คนสนิทของนางให้เข้ามา
“ไฉ่ไฉ่”
“เจ้าคะ นายหญิง”
“ลูกสะใภ้คนโตของข้าตั้งครรภ์แล้ว เจ้าไปช่วย...ไปเลือกของรางวัลมาให้นางที”
สองนายบ่าวสบตากันแวบหนึ่ง สักพัก ไฉ่ไฉ่ก็ตอบ “เจ้าค่ะ” ก่อนจะหมุนปลายเท้าออกจากห้อง
ฉินหรูดีใจมาก ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ นางไม่เคยได้รับของขวัญจากบ้านเสิ่นสักชิ้น
แต่ถึงอย่างนั้น พอมองรอยยิ้มของหนิงลี่กลับรู้สึกสังหรณ์แปลกๆ
ผ่านไปนาน ไฉ่ไฉ่ก็เข้ามาพร้อมกับถุงเงิน และน้ำแกงบำรุงครรภ์
ฉินหรูรับถุงเงิน แต่น้ำแกงถ้วยนั้นกลับวางทิ้งเอาไว้
“ทำไมไม่รีบดื่มน้ำแกงเล่า ตอนข้าท้องเซียวอวี้ ข้าก็ดื่มน้ำแกงนี้เหมือนกัน” หนิงลี่เร่งเร้า รอยยิ้มของนางดูใจดีกว่าทุกที จนทำให้รู้สึกว่ามันดูไม่ปกติ
“ข้ายังไม่หิว อยากนอนมาก ข้าต้อง...”
พูดได้เพียงเท่านั้น ไฉ่ไฉ่ที่มายืนข้างหลังของฉินหรูตอนไหนไม่รู้ จับแขนทั้งสองข้างของนางแล้วยึดไว้ข้างหลัง ฉินหรูขยับไม่ได้ ไม่กล้าเคลื่อนไหวรุนแรงด้วยเพราะกลัวจะแท้งลูก
หนิงลี่คว้าถ้วยน้ำแกงขึ้นมาจากโต๊ะ
“จะทำอะไร!”
หนิงลี่ยิ้มชั่วร้ายพร้อมกับยื่นมือบีบคางฉินหรู ซ้ำยังรั้งให้เงยหน้าขึ้น ก่อนจะกรอกน้ำแกงใส่ปากของนาง
ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา นางรู้สึกเจ็บที่ท้องน้อย
“ทำไมข้าเจ็บท้อง ท่านแม่ ชะ ช่วยด้วย”
หนิงลี่เบ้ปาก ตะคอกใส่นาง “ขอร้องข้าไปก็เปล่าประโยชน์ นังโง่!”
สีหน้าของฉินหรูทั้งตะลึงทั้งสะเทือนอารมณ์
“ทะ ทำไม...”
“ความจริงแล้ว ข้าแค่อยากให้เสิ่นหยางได้ลิ้สลองความสุขก่อนไปสบาย เลยหาเจ้าสาวมาแต่งงานด้วย อ้อ...ข้าลืมถาม คืนแรกของพวกเจ้าคงเร่าร้อนมากใช่หรือไม่ ต้องขอบคุณข้านะ หากข้าไม่ใส่ดอกลำโพง(มีฤทธิ์ปลุกกำหนัด)ในน้ำชา เสิ่นหยางคงไม่มีวันแตะต้องตัวเจ้า”
“นังสารเลว”
ถึงจะเจ็บท้องจนเหงื่อแตกพลั่กๆ แต่ฉินหรูก็กัดฟันด่ากลับไป
หนิงลี่หัวเราะอย่างไม่รู้สึกรู้สา “ตอนแรกข้าตั้งใจจะเก็บเจ้าไว้เป็นบ่าวส่วนตัว แต่ในเมื่อเจ้าท้องลูกของไอ้เด็กนั่น ตอนนี้รีบๆ ไสหัวออกไป”
ไฉ่ไฉ่ทำหน้าที่บ่าวไม่ขาดตกบกพร่อง พอเจ้านายว่าจบ นางก็ลากตัวฉินหรูออกเรือนทันที
“นางสารเลว หนิงลี่! เจ้ากล้าหรือ เด็กในท้องข้าเป็นลูกของเสิ่นหยาง คุณชายใหญ่ของบ้าน...ปล่อยข้า อย่ามาจับ!” เด็กสาวทั้งกรีดร้องทั้งโวยวาย ความเคียดแค้นชิงชังสุ่มเต็มอก หากก็ทำอะไรไม่ได้ นางปวดท้องน้อยมาก ปวดเหมือนมีเครื่องในจะหลุดออกมา ทำได้เพียงก่นด่าพร้อมกับถูกลากตัวออกจากบ้านเสิ่น “นังสารเลว นังชั่ว ข้าสาบานว่าจะแก้แค้นเจ้า หากกลายเป็นผีก็จะตามหลอกหลอนเจ้า”
หลังจากเดินโซซัดโซเซกลับบ้านฉิน ฉินหรูจำล้มหมดสติ จำอะไรไม่ได้อีกเลย
หลายเดือนต่อมา พอคลอดลูกได้ไม่ถึงเดือน ฉินหรูขโมยเงินทั้งหมดในบ้าน หนีออกจากเข้าเมืองฉาง ชีวิตหลังจากนั้นก็ยังคงอยู่ในวังวนของการแก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น กว่าจะไต่ขึ้นมาเป็นสาวใช้ส่วนของคุณชายตระกูลใหญ่แห่งหนึ่ง
ทว่า...ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเรื่องราวของชาติก่อน
และในชาตินี้ นางไม่ยอมให้ตนต้องพบจบอันแบบเดิมอีกแล้ว
บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ
บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่
บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน
บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น
บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ
บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม