บทที่ 25
นอนด้วยกันอีกครั้ง
เพ่ยเหนียงทำงานคล่องแคล่ว นอกจากงานบ้าน นางยังทำอาหารได้หลายอย่าง
มื้อค่ำวันนั้น ฉินหรูจึงไม่ต้องเข้าครัวทำอาหารเอง
พอจู่ๆ ก็กลายเป็นคนว่างงาน บอกตามตรงว่ารู้สึกเบื่ออยู่บ้าง
เฟิงหยางไม่แบ่งแยกฐานะ สำหรับลุงหม่า จั่นเถิงและซินเหมียว ทั้งสามเป็นเหมือนกับคนในครอบครัว ดังนั้นทุกคนจึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน
พอกินมื้อค่ำอิ่มแล้ว ฉินหรูกับเจ้าตัวเล็กเข้าห้องอาบน้ำล้างตัว
ตอนนี้นางกับลูกยังสวมเสื้อผ้าตัวเก่าที่นำมาเอง พอซินเหมียวเห็นชุดที่พวกนางสวม ฝ่ายนั้นก็พูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“ฮูหยิน ข้าสัพเพร่าไม่ได้เตรียมชุดไว้ให้ท่านกับคุณชายน้อย พรุ่งนี้เช้าพวกเราไปซื้อของเข้าเรือน และเสื้อผ้าชุดใหม่ของฮูหยินกับคุณชายน้อยด้วยกันนะเจ้าคะ”
ฉินหรูคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่จึงปลอบใจซินเหมียวไปว่า “แค่เสื้อผ้า จะซื้อเมื่อไรก็ได้” หลังจากเงียบไปสักครู่ นางก็ถามซินเหมียวเพิ่มเติม “ว่าแต่ พวกเจ้ากลับมาถึงเมืองฉางกันตั้งแต่เมื่อไรหรือ”
“สองวันก่อนเจ้าค่ะ” ซินเหมียวตอบ “บ้านหลังนี้ ท่านแม่ทัพสั่งให้พี่จั่นเถิงล่วงหน้าเข้าเมืองมาเตรียมไว้ก่อน ยังมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้ตระเตรียมเจ้าค่ะ”
“กระทันหันมากจริงๆ”
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเตรียมข้าวของเข้าเรือนไม่ทัน
“ท่านแม่ทัพอยากเจอหน้าฮูหยินเร็วๆ พอใกล้จะถึงเมืองฉาง ท่านแม่ทัพรีบแยกตัวออกมาจากกองทัพทหาร แล้วมุ่งหน้ามารับฮูหยินทันที” ซินเหมียวพูดพลางยิ้ม
ได้ยินแบบนี้ ฉินหรูอดรู้สึกเขินไม่ได้ มือที่กำลังผูกเสื้อให้อาเหยาพลันหยุดชะงักไปด้วย
“ท่านแม่?”
อาเหยาเอียงหัวเล็กน้อย ดวงตาแป๋วแหววของเด็กน้อยมองมารดาด้วยความสงสัย
ฉินหรูดึงสติกลับมา บอกเจ้าตัวน้อยว่า “แม่จะรีบผูกเสื้อให้เจ้าเดี๋ยวนี้”
แต่งตัวให้ลูกชายเสร็จ ฉินหรูจูงมืออาเหยาเดินไปที่ห้องของเขา ตอนนั้นเอง จู่ๆ ซินเหมียวก็ร้องขึ้น
“อ๊ะ!”
เท้าของนางหยุดกึก ก่อนจะหันมาถาม
“อะไรหรือ”
“ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ห้องของคุณชายน้อยยังเตรียมไม่เสร็จ คืนนี้ฮูหยินกับคุณชายน้อยคงต้องพักที่ห้องนอนใหญ่แล้ว” พูดพลางทำหน้ารู้สึกผิดอีกครั้ง
ฉินหรูไม่อยากให้ซินเหมียวผู้ทุ่มเทต้องลำบากใจจึงบอกกลับไปว่า “ไม่เป็นไร เจ้ายุ่งมาทั้งวัน ข้าเข้าใจดี”
“ขอบคุณฮูหยิน”
“ท่านแม่ นอนด้วยกัน”
อาเหยาเงยหน้ามาพูดกับท่านแม่
“จ๊ะๆ นอนด้วยกัน”
ได้ยินแบบนั้น เจ้าตัวเล็กก็ยิ้มกว้าง
“ท่านพ่อด้วยหรือ”
เออ...
การมีพ่อคือความใฝ่ฝันของอาเหยา
บางครั้งที่ฉินหรูพาลูกเข้าเมือง อาเหยาได้เห็นเด็กรุ่นเดียวกับเขามีพ่อคอยจูงมือ
เจ้าตัวเล็กยังเคยถามนางว่า ‘ท่านพ่อของอาเหยาล่ะ?’
นางไม่เคยปิดบังอาเหยาเรื่องพ่อของเขา จะคอยตอบลูกเสมอว่า ‘พ่อของเจ้าเป็นทหาร ปกป้องบ้านเมือง’
แน่นอนว่า เด็กวัยสามขวบไม่รู้ว่าอะไรคือทหาร อะไรคือการรับใช้ชาติ รู้เพียงว่าเขายังมีพ่อ รอพ่อกลับมา
ตอนที่เฟิงหยางกลับมา ในใจของอาเหยาดีใจมาก แต่ก็ระแวงเพราะเจ้าตัวน้อยเพิ่งเคยเจอหน้าพ่อครั้งแรก
คืนก่อนที่ได้นอนด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก แม้จะต้องเบียดเสียดบนเตียงคับแคบ แต่สำหรับเจ้าตัวเล็กที่โหยหาความรักจาก ‘พ่อ’ ย่อมรู้สึกอบอุ่น
ฉินหรูมองแววตาคาดหวังของอาเหยา ทันใดนั้น หัวใจของนางพลันบีบรัด
“ใช่จ๊ะ ท่านพ่อของเจ้าก็จะนอนด้วย”
“นอนด้วยกัน!” ปากเล็กๆ ของอาเหยายิ้มกว้างอย่างสดใส
เห็นแบบนั้น ฉินหรูทำได้เพียงพยักหน้ายิ้ม
พอฉินหรูกับอาเหยาเข้าห้องนอนใหญ่ ซินเหมียวก็ขอตัวกลับไปพักผ่อน
ผ่านไปเพียงครู่ เฟิงหยางก็เข้ามาในห้อง เขาสวมแค่ชุดกลางสีขาว ซ้ำยังผูกปมเพียงลวกๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
สาบเสื้อที่แยกออกจากกัน เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าอกและหน้าท้องที่เป็นลอน เขาตอนนี้ต่างจากเมื่อสี่ปีก่อนสิ้นเชิง ทั้งดูหนักแน่น ทรงพลัง น่าเกรงขาม
ฉินหรูมองรูปร่างบึกบึนของสามีด้วยความตื่นเต้น
ดวงตาคมเข้มเหลือบมองฉินหรูที่นอนบนเตียง ริมฝีปากบางเผยอเล็กน้อยเหมือนกำลังจะพูดอะไร แต่แล้ว จู่ๆ เสียงของอาเหยาก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ท่านพ่อ”
“พ่ออยู่นี่”
เขาเดินมาหยุดข้างเตียง ยื่นมือลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกชาย
“นอน...”
มือเล็กป้อมของเจ้าตัวน้อยตบลงบนที่นอนข้างๆ ดวงตาของอาเหยาเริ่มหรี่ปรือคล้ายจะหลับอยู่แล้ว
เฟิงหยางมองลูกายด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู ก่อนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงฝั่งนอก
เมื่อพ่อแม่อยู่พร้อมหน้า อาเหยาดีใจมาก ถึงกับยิ้มอย่างสุขใจ
เจ้าตัวเล็กจับมือของท่านพ่อกับท่านแม่วางทับบนพุงนุ่มนิ่มของตน
“นอนด้วยกัน”
“จ๊ะๆ นอนด้วยกัน” ฉินหรูตอบ
จังหวะนั้นเอง มือใหญ่ของชายหนุ่มแตะสัมผัสกับมือของนาง ไม่เพียงแค่นั้น เขาสอดนิ้วเข้าระหว่างนิ้วของนางด้วย
“ทะ ท่าน”
“หือ?” เฟิงหยางส่งเสียงถามอย่างไขสือ
“ดูเหมือนอาเหยาจะคุ้นเคยกับท่านแล้ว” นางเปลี่ยนเรื่อง
“อืม” เขาตอบสั้นๆ
เมื่อไม่มีใครกล่าวอะไรต่อ บรรยากาศในห้องก็เงียบกริบ
ไม่นานนัก เจ้าตัวน้อยก็หลับสนิท ตอนนั้นเอง เฟิงหยางปล่อยมือจากมือที่ประสานกับมือของนาง แล้วชักมือกลับไป
“เจ้า...ทำไมยังรอข้า”
ท่ามกลางความมืด เสียงทุ้มเอ่ยถาม คำถามนั้นเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจอยู่หลายส่วน
“ชั่วชีวิตนี้ ข้ามีสามีแค่คนเดียว ถ้าไม่รอท่าน แล้วจะให้ข้ารอใคร”
“...”
เฟิงหยางไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ทว่าท่ามกลางความมืด มุมปากของเขากลับผุดรอยยิ้ม
“กลับกันแล้ว ข้าความถามท่าน”
“เรื่องอะไร”
“ท่านหน้าตาดีขนาดนี้ หน้าที่การงานก็มั่นคงแล้ว ไม่มีผู้หญิงอื่นจริงๆ หรือ”
หลังจากฉินหรูถามคำถามนั้นออกไป นางได้ยินเสียงชายหนุ่มพลิกตัวนอนตะแคง ภายในห้องค่อนข้างมืด แต่นางกลับสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา
“เจ้าอยากให้ข้ามีอนุ”
“ไม่ใช่สักหน่อย!”
พอโพล่งออกไป นางถึงรู้ตัวว่าตนใส่อารมณ์หึงหวงลงไปในน้ำเสียง
ระหว่างที่นางรู้สึกอาย ทำอะไรไม่ถูก
ตอนนั้นเอง เสียงทุ้มของเฟิงหยางดังขึ้นอีกครั้ง
“เจ้ายังรอข้า แล้วข้าจะลืมเจ้าได้อย่างไร”
บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ
บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่
บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน
บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น
บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ
บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม