บทที่ 24
เงินข้าก็เหมือนเงินเจ้า
ฉินหรูลูบแผ่นหลังนุ่มนิ่มของอาเหยา กล่อมเจ้าตัวเล็กจนหลับ
“ว่าแต่ ห้องนี้...คือห้องของข้ากับเฟิงหยางใช่หรือไม่?”
ฉินหรูไม่วายถามซินเหมียวด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
กระนั้น ซินเหมียวกลับเข้าใจผิด คิดว่าฮูหยินอยากรู้การจัดวางห้องต่างๆ ซินเหมียวจึงอธิบายเพิ่มว่า “ห้องนี้เป็นของท่านแม่ทัพกับฮูหยิน ห้องของคุณชายน้อยอยู่ฝั่งตรงข้าม ส่วนห้องข้ากับพี่จั่นเถิงอยู่เรือนส่วนหลัง หากฮูหยินต้องการเรียกใช้ เรียกได้ตลอดเลยเจ้าค่ะ”
“อ๋อ แล้วยังมี...เอ่อ...”
พูดได้เพียงนั้น ฉินหรูพลันเม้มปากเงียบ
“เจ้าคะ?” ซินเหมียวถามกลับด้วยสีหน้างุนงง
อาจจะฟังดูแปลกๆ หากถามว่ายังมีห้องว่างเหลือหรือไม่ ถึงอย่างไร สามีภรรยาย่อมต้องอยู่ร่วมห้องกัน
“ไม่มีอะไร”
ฉินหรูเปลี่ยนใจไม่ถาม ทั้งยังหัวเราะแห้งๆ หลังจากตอบอย่างนั้น
“ฮูหยินพักผ่อนตามสบายก่อนเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพฝากให้ข้าไปทำงานอย่างอื่นต่อ ขออภัยที่ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนคุยกับท่านนะเจ้าคะ” ซินเหมียวบอก
ฉินหรูไม่กล้ารั้งให้ซินเหมียวที่งานยุ่งอยู่ต่อ จึงพยักหน้าตอบนางว่า อืม
พอซินเหมียวออกจากห้องไปแล้ว ฉินหรูก็ปีนขึ้นมานอนบนเตียงกับลูกน้อย
วันนี้ตื่นเช้า ซ้ำยังเจอเรื่องคาดไม่ถึงตั้งมากมาย เดินทางไปกลับระหว่างเมืองกับหมู่บ้านอีกสองสามรอบ พักผ่อนหน่อยน่าจะดี
ฉินหรูปิดเปลือกตาลง ก่อนเคลิ้มหลับในที่สุด
หลังจากนางหลับได้ไม่นาน เสียงฝีเท้าของบุรุษเดินมาหยุดหน้าประตู เมื่อประตูถูกผลักให้เปิดจากข้างนอก เฟิงหยางก็ก้าวเข้ามาในห้อง
ทันทีที่เห็นภรรยากับลูกน้อยนอนบนเตียงบนกว้างด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข มุมปากของเขายกยิ้มอย่างอ่อนโยน
ชายหนุ่มเดินเข้ามานั่งบนเตียง มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มลื่นของภรรยาเบาๆ ดวงตาสีดำสนิทเต็มไปด้วยความรักใคร่
“ที่ผ่านมา ลำบากเจ้าแล้ว”
เขาพึมพำเสียงเบา
….
ตอนที่ฉินหรูตื่นขึ้นมานั้น พบว่าเจ้าตัวเล็กตื่นแล้วเช่นกัน
หญิงสาวยื่นมือออกไปลูบศีรษะเล็กๆ ของอาเหยา
“ตื่นแล้วหรือ”
อาเหยาผงกหัวหงึกหงักด้วยสีหน้างัวเงีย
“หิวหรือยัง”
อาเหยาขยี้ตาส่งเสียงตอบ “อือ”
ฉินหรูลุกขึ้นมาจัดผมและเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ทั้งของนางและของลูกน้อย ก่อนจะจูงมืออาเหยาออกมาหาซินเหมียว
เดินหาจนทั่ว แต่ก็ไม่พบ บังเอิญเห็นลุงหม่ากำลังแยกสมุนไพรอยู่หน้าเรือน ฉินหรูจึงเดินเข้าไปถาม
ลุงหม่าบอกว่าซินเหมียวกับจั่นเถิงออกไปทำธุระข้างนอก มีหลายอย่างต้องตระเตรียมคงจะกลับมาล่าช้าหน่อย
ฉินหรูก้มศีรษะกล่าวขอบคุณ จากนั้นจูงมือลูกชายเดินมาที่ครัวซึ่งอยู่หลังบ้าน
“อาเหยา เจ้านั่งรอแม่ตรงนี้ก่อน”
“อือ”
เด็กน้อยเชื่อฟังมารดา พอปีนขึ้นไปบนโต๊ะหิน เขาก็นั่งสงบเสงี่ยม
ฉินหรูเดินดูวัตถุดิบในครัว ข้าวสาร แป้งสาลี ไข่ไก่ เนื้อหมูและผัก ถือว่าไม่ขาดแคลนอาหาร ซ้ำยังทำได้หลายเมนู
ฉินหรูหันมองเจ้าตัวน้อย จังหวะนั้นกระเพาะของอาเหยาส่งเสียงร้อง จ๊อกกกก
นางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “อาเหยาอยากกินอะไรหรือ”
“บะหมี่!”
“เช่นนั้นก็ทำบะหมี่” ฉินหรูสรุป
“ทำบะหมี่หรือ”
ในตอนนั้น เสียงทุ้มของบุรุษดังหน้าประตู มองไปก็เห็นเฟิงหยางยืนอยู่
“ท่านจะกินด้วยกันหรือไม่” นางถาม
“ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
หมายความว่าจะกินด้วยสินะ
ไหนๆ ก็ทำแล้ว เช่นนั้นคงต้องเตรียมบะหมี่เผื่อทุกคนด้วย หญิงสาวคิด พร้อมกับเตรียมแป้งทำบะหมี่
“ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรง”
เฟิงหยางบอก ก่อนจะเดินเข้าครัวมา ช่วยฉินหรูจุดไฟต้มน้ำ พอเตรียมทุกอย่างไว้ให้นางเรียบร้อย เขาค่อยไปนั่งรอเงียบๆ กับลูกชาย ขณะเดียวกัน ดวงตาคมเข้มมองฉินหรูที่ลงมือทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว
ไม่นานนัก บะหมี่ก็ทำเสร็จ
ระหว่างนั่งกินบะหมี่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก จู่ๆ เฟิงหยางก็ยื่นถุงเงินมาให้นาง
“ถุงเงินเมื่อเช้านี่?”
ถุงเงินใบนี้ เขายกให้นางเมื่อเช้า แต่นางก็กัดฟันคืนเขาไป เพื่อให้เขาเห็นว่านางไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน แม้จะรู้สึกเสียดายในภายหลังก็ตาม
“เจ้าควรเก็บไว้ ใช้จ่ายเพื่อตัวเองและอาเหยา”
ไม่พูดเปล่า เขายังก้มหน้า ลูบศีรษะน้อยๆ ของลูกชายที่นั่งข้างๆ ด้วยความเอ็นดู
อาเหยายิ้มสดใสให้ชายหนุ่ม
“ข้าเป็นคนบ้านนอก ไม่เคยถือเงินเยอะ อยู่ๆ ท่านก็ให้เงินข้าตั้งขนาดนี้ ข้ากลัวว่าจะได้ใจ ลืมตัวใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย”
“เบี้ยหวัดของข้าแต่ละเดือน เจ้าจะใช้เท่าไรย่อมได้ หมดแล้วก็หาใหม่”
หะ หา!
ฉินหรูสุดจะเชื่อ
ในชาติก่อน ตอนที่ทั้งคู่กลับมาพบกันอีกครั้ง เฟิงหยางพูดน้อย แม้จะบอกให้นางกลับมาสร้างครอบครัวกับเขา แต่สีหน้ากลับไร้อารมณ์ ตรงข้ามกับเฟิงหยางในชาตินี้
หรือเป็นเพราะว่า นางซื่อสัตย์กับเขา เขาก็เลยดีกับนาง
เช่นนั้นก็ไม่เสียแรงที่นางเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียใหม่
ฉินหรูดีใจจนลืมตัว เผยยิ้มกว้าง
“เสี่ยวหรู เจ้าเป็นฮูหยินข้า เงินข้าก็เหมือนเงินเจ้า เจ้าสามารถจัดการทุกอย่างในบ้านได้ตามที่เห็นสมควร อย่าว่าแต่เงินทอง คนของข้า เจ้าออกคำสั่งกับพวกเขาได้”
“ไว้ใจข้าขนาดนั้นเลยหรือ” ฉินหรูโพล่งถาม
“ตลอดสี่ปีมานี้ เจ้าคงลำบากมาเยอะ จากนี้ข้าอยากให้เจ้ากับลูกอยู่อย่างสุขสบาย”
ระหว่างที่เฟิงหยางพูด ดวงตาของเขาสบประสานกับนางเพื่อแสดงความจริงใจ
สีหน้าของนางปิดบังความดีใจไม่มิด
ใช่ๆ นี่เป็นเรื่องที่ท่านต้องชดเชยให้ข้า
“เสี่ยวหรู”
“เจ้าคะ”
คราวนี้เขาจะให้อะไรนางอีก?
ฉินหรูคิดด้วยความดีใจ และตั้งใจฟัง ทว่า...
“บะหมี่ของลุงหม่า เดี๋ยวข้าจะยกบะหมี่ไปเอง”
เอ๊ะ คะ...แค่นี้หรือ
ฉินหรูกะพริบตาปริบๆ
ชายหนุ่มลุกขึ้น ยิ้มให้กับนางเหมือนว่าเรื่องที่ต้องคุยก็คุยจบแล้ว
เห็นอย่างนั้น นางจึงผงกศีรษะตอบเสียงเบา “อา เชิญท่านเลย...”
.....
หลังจากฉินหรูเก็บของในครัวล้างเรียบร้อย
ครู่ต่อมา ซินเหมียวกับจั่นเถิงก็กลับมา ข้างหลังของพวกเขามีหญิงสาวหนึ่งคนและเด็กชายอีกหนึ่งคน ทั้งคู่แต่งตัวมอซอ ดูก็รู้ว่าเพิ่งถูกซื้อตัวมา
หญิงสาวชื่อเพ่ยเหนียงอายุยี่สิบแปด หน้าตาเต็มไปด้วยกระ ผิวคล้ำและหยาบกร้าน นางทำงานได้ทุกอย่าง แต่เพราะรูปลักษณ์เลยไม่มีเจ้านายคนไหนอยากซื้อ นางถูกขายในราคาถูก
ด้านของเด็กชาย ชื่อว่าอาเต๋อ อายุสิบสี่ ขายตัวเองเพื่อหาเงินซื้อยารักษาแม่ที่ป่วย
ต่างฝ่ายต่างแนะนำตัวเสร็จแล้ว ก่อนจะคุยเรื่องหน้าที่ ฉินหรูบอกให้ทุกคนไปกินบะหมี่กันก่อน นางทำไว้เยอะ เหลือทิ้งก็น่าเสียดาย
ทั้งที่ฉินหรูคิดแบบนั้น แต่ทุกคนกลับทำหน้าประหลาดใจ
“ทุกคนที่ฮูหยินบอก พวกเขาด้วยหรือเจ้าคะ” ซินเหมียวถามพร้อมกับชี้ไปทางบ่าวสองคนที่เพิ่งซื้อตัวมาใหม่
ฉินหรูพยักหน้าตอบ “วัตถุดิบในครัวมีเยอะมาก ข้าคันไม้คันมือเลยเผลอทำบะหมี่ซะเยอะ พวกเจ้าไปกินกันเถอะ อีกอย่าง กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถ้าไม่กินข้าว จะเอาแรงที่ไหนมาทำงาน”
พอพูดอย่างนั้น ฉินหรูรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง บ้านหลังนี้ใหญ่กว้างขวาง แต่เฟิงหยางกลับจ้างคนงานแค่ไม่กี่คน
หรือเขาคิดจะอยู่ที่นี่แค่ชั่วคราวกัน?
ช่างเถอะ คิดไปก็ปวดหัว
บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ
บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่
บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน
บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น
บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ
บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม