เซี่ยฟานออกมาหาเหอชิงหยางด้านนอกสำนัก ยามที่ไม่ต้องกังวลเรื่องของหวังเยี่ยนหลงแล้ว สีหน้าของเซี่ยฟานดูผ่อนคลายมากขึ้น แต่คิ้วทั้งสองข้างยังคงขมวดเข้าหากันราวกับมีอะไรบางอย่างในใจ
“อาฟาน เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ” เหอชิงหยางถามทันทีที่พบหน้ากัน เขารู้ว่าเซี่ยฟานไม่ใช่คนที่จะเล่าอะไรให้ฟังง่าย ๆ แต่เขาก็ยังคงคอยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอยู่เสมอ เขาเป็นเช่นนี้ตลอดตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา อยู่ใกล้คราใด อุ่นใจราวกับมีคนคอยอยู่เคียงข้าง
“ไม่มีอะไรหรอก” เซี่ยฟานยิ้มน้อย ๆ แทนคำตอบ พยายามผลักไสเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับหวังเยี่ยนหลงออกไป
&nb
นับตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา เซี่ยฟานก็มักจะเจอเรื่องราวแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าในแต่ละวัน เขาขังตัวเองไว้ในมุมมืดของเรือนใบไผ่ ตัวสั่นระริกทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้าใกล้ หัวใจดวงน้อยแทบจะแบกรับไว้ไม่ไหว หวังเยี่ยนหลงไม่ได้สังเกตเลยว่าร่างกายของเซี่ยฟานมีสัญลักษณ์อะไรเกิดขึ้น เดิมทีไม่ใส่ใจเซี่ยฟานอย่างไรก็ยังคงทำเช่นเดิม ที่แปลกไปจากเดิมคือเริ่มยอมรับตัวเองแล้วว่าขาดเซี่ยฟานไปไม่ได้ เพราะคิดทึกทักไปว่าเซี่ยฟานคือที่ระบายปราณมารของเขา หลังจากเสร็จกิจทุกครั้ง เขาจะสามารถกดปราณมารไม่ให้กัดกินตนเองได้ นอกจากเหอชิงหยางแล้วยังมีคนผู้หนึ่งที่รู้สึกได้ว่าเซี่ยฟานหายไป เขามักจะง่วนอยู่ในเรือนต้นสนเพื่อกลั่นโอสถตามที่บิดาสั่งเอาไว้ ครั้นจะหาเรื่องออกมา
เซี่ยฟานหวาดผวาจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมือของหวังเยี่ยนหลงที่เอื้อมโอบรอบเอวของเขาทำให้ร่างบางสะดุ้ง สองมือน้อย ๆ พยายามผลักไส แต่อ้อมแขนนั้นรัดตัวเขาแน่นกว่าเดิม “คุณชาย ข้าผิดไปแล้ว อภัยให้ข้าด้วย” “...” หวังเยี่ยนหลงตอบกลับด้วยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนโน้มตัวลงซุกไซ้ซอกคอ ไล่เลี่ยไรผมของเซี่ยฟาน แม้จะถูกมือทั้งสองข้างทึ้งดึงเส้นผมพยายามหนีเอาตัวรอด “เกะกะ” หวังเยี่ยนหลงร่ายอาคมตรึงแขนของเซี่ยฟานไว้อย่างที่เคยทำ เซี่ยฟานไร้ทางหนี ทั้งยังไม่อาจร้องเรียกให้ใครช่วยไ
“เจ้าหายหัวไปที่ใดมา” เสียงเกรี้ยวกราดของหวังเยี่ยนหลงดังขึ้นทันทีที่เห็นหน้าของเซี่ยฟาน “ข้ากำลังปลูกสมุนไพรอยู่ข้างนอกขอรับ” เซี่ยฟานบอกความจริงเขาเพียงครึ่งเดียว “คุณชายกลับมาแล้ว ข้าจะรีบไปเตรียมสำรับอาหาร น้ำอุ่นกับเสื้อผ้าชุดใหม่ให้นะขอรับ” เขาหันหลังกลับ เตรียมจะเดินออกนอกเรือนใบไผ่ ทว่า หวังเยี่ยนหลงไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นเพราะสังเกตได้ว่าสีหน้าของเซี่ยฟานดูเปลี่ยนไป คนที่ทำหน้าอมทุกข์ตลอดเวลา ครั้งนี้กลับดูแปลกตา เขาตอบตัวเองไม่ได้ว่า สิ่งนั้นเรียกว่าอะไรเพราะตัวเขาเองก็ไม่เคยได้รับมันเช่นกัน&n
เขารีบหลบหนีจากตรงนั้นเพราะรู้ว่าพลังของตนเองกำลังไม่ปกติ หากเขาควบคุมปราณมารได้ ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว แต่เวลานี้จำต้องหลบหลีกให้มากที่สุด หวังเยี่ยนหลงเดินทางรอนแรมไม่หยุดพักในหมู่บ้านใกล้สุดเพราะรู้ว่าศิษย์ของวังธาราเหมันต์จะต้องออกตามล่าตัวเขา จึงฝืนร่างกายมากกว่าที่ควรจะเป็น ครั้นคิดว่าเวลานี้ปลอดภัยแล้วก็ทรุดตัวลงใต้ต้นไม้ใหญ่ เอนหลังพิงลำต้นด้วยความเหนื่อยล้า เขาหยิบดอกกล้วยไม้น้ำแข็งขึ้นมาดู แล้วก็เก็บเอาไว้ตามเดิม ถ้ามันช่วยรักษาร่างที่ถูกโลหิตมารทำลายได้ บาดแผลของเขาย่อมรักษาได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนำมันกลับไปให้บิดาของเขาตามคำสั่ง
หมิงฮวาทรุดตัวลงกับพื้นเพราะเจ็บปวด โลหิตมารกลายเป็นหนามแหลมคอยทิ่มแทงภายในร่างกาย “เจ้าเด็กพวกนี้ บ้านอยู่ไหนก็รีบไป!” เขาตวาดใส่เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างไม่ปรานี แล้วหันมาหาหมิงฮวา “ทีนี้ก็มาถึงเรื่องของเราบ้าง” หวังเยี่ยนหลงมองหน้านาง แม้หมิงฮวาจะกำลังทรมานอยู่แต่นางก็ข่มความเจ็บปวดนั้นเอาไว้ “เจ้าต้องการอะไร” “ดอกกล้วยไม้น้ำแข็งของสำนักเจ้า” หวังเยี
ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้ของที่ต้องการเรียบร้อยแล้วหวังเยี่ยนหลงเป็นเพียงคนเดียวที่ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง วังธาราเหมันต์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแคว้นฉิน เส้นทางเดินนั้นยาวไกลและคดเคี้ยวหวังเยี่ยนหลงตัดสินใจเข้าพักบ้านน้อยหลังหนึ่งเพราะรู้สึกว่าร่างกายของตนกำลังมีบางอย่างผิดแปลกไป นับตั้งแต่ได้ฝึกฝนวิชาลับของพรรคทลายฟ้าเพื่อฟื้นฟูเส้นชีพจร เขาก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เดิมทีพอเข้าใจอยู่บ้างว่าปราณมารนั้นมีลักษณะเช่นไร บางครั้งจึงสามารถควบคุมมันเอาไว้ได้ แต่บางครั้งมันกลับย้อนมากัดกินเขาเขานึกถึงไปตอนที่อยู่กับเซี่ยฟาน เวลานั้นแม้จะทำอะไรที่ไม่เข้าใจตัวเองไปบ้างแต่กลับรู้สึกว่าเขาสามารถควบคุมปราณมารได้ดีกว่าทุกวันนี้