Share

ตอนที่ 4 สติที่ไม่หลงเหลือ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-22 10:00:52

เช้าวันรุ่งขึ้น

เซี่ยเวยลืมตาตื่นอย่างไม่รู้สึกรู้สาว่าเมื่อคืนนั้น เขากระทำสิ่งใดลงไป เขายันตัวขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบ ๆ ห้อง สภาพข้าวของกระจัดกระจาย รอยเลือดละเลงไปทั่วพื้นเรือน พอได้เห็นคนผู้หนึ่งนอนนิ่งอยู่ข้างหน้า ก็เดินเข้ามาดูด้วยความงงงวย

ครั้นขยับตัวมากกลับรู้สึกเจ็บแผลตรงศีรษะ ยิ่งได้เห็นว่าคนที่นอนตรงนั้นเป็นจางเจียก็ไม่ยี่หระ เดินออกนอกห้องไปดื้อ ๆ

หลังจากเซี่ยเวยเดินไปไกลแล้ว ทาสในเรือนสองสามคนจึงแอบมาชะเง้อมองดูที่หน้าประตูห้อง ยามปกติจะต้องเห็นจางเจียตื่นแต่เช้า หาน้ำหาข้าวให้อาฟานแล้ว แต่ยามนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา

ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาอุทานโดยไม่รู้ตัว ค่อย ๆ เดินไปหานาง

“นายท่านโหดร้ายเหลือเกิน” เสียงคนที่เกาะขอบประตูอยู่ดังขึ้น

“เจ้าลองปลุกนางดูเถิด ไม่รู้เจ็บที่ใดบ้าง” เสียงของอีกคนพูด

“อาฟานเล่า อยู่ที่ใด อยู่ข้างในหรือไม่”

เมื่อไม่มีใครกล้าเข้ามา คนที่อยู่หน้าสุดจึงอาสาไปปลุกนาง เขาเอื้อมมือแตะที่ร่างบาง “จางเจีย ได้ยินข้าหรือไม่”

ขณะที่กำลังจะเรียกนางซ้ำอีกครั้ง ฮูหยินเซี่ยก็เดินจ้ำอ้าวมาที่ห้องของจางเจีย นางเห็นสภาพของเซี่ยเวยแล้วสังหรณ์ใจ พลันเห็นร่างของจางเจียแล้วก็ต้องเก็บสีหน้าของตนเองเอาไว้

“ฮูหยิน นางไม่ตื่นขอรับ” เขาหันมารายงาน “ข้าคิดว่านาง...”

“อืม จัดการให้เรียบร้อย” ฮูหยินรู้สิ่งที่เขากำลังจะพูด พลันสายตาเหลือบเห็นกองผ้าตรงมุมห้องขยับจึงให้เขาไปดู

“เป็นอาฟานขอรับ ร่างกายมีบาดแผล เมื่อคืนนี้...”  เขาไม่ทันจะได้เล่าต่อก็เห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของฮูหยิน แม้นางจะไม่อำมหิตเท่าเซี่ยเวยแต่ก็ยังคงร้ายเงียบ

“เรื่องคืนวาน อย่าให้หลุดรอดเด็ดขาด” นางกำชับเขาอย่างเข้มงวด

“ขอรับ” เขาพยักหน้า

จากนั้นไม่นานเขาก็จัดการฝังร่างของจางเจียไว้ที่สุสาน ปักป้ายวิญญาณให้นางแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

“คนที่เท่าไหร่แล้ว...” เขาพึมพำ มองไปรอบ ๆ สุสาน

หลังเสร็จสิ้นภาระใหญ่หลวงแล้ว จึงได้หาสมุนไพรมารักษาบาดแผลให้อาฟาน เคราะห์ดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมากจึงค่อย ๆ หายในเวลาไม่กี่วัน พอตื่นขึ้นมาก็กวาดสายตามองหามารดา

“อาฟานเอ๋ย ต่อจากนี้ จะอยู่หรือตายคงต้องแล้วแต่ชะตาของเจ้าแล้วล่ะ” เสียงทาสคนหนึ่งดังขึ้น คนหลายคนต่างพากันสงสารเขาและจางเจีย เวลานี้ไม่มีมารดาคอยปกป้องจะอยู่เช่นไร

อีกฟากหนึ่งของเรือน เซี่ยเวยได้ข่าวของจางเจียจากฮูหยิน สีหน้าของเขาเปลี่ยนเล็กน้อยเมื่อคิดว่าต้องสูญเสียคนโปรดไป แต่ความคิดก็กลับมาในทันทีเพียงแค่คิดว่ายังมีหลินซินอี๋อยู่ หรือไม่เขาอาจจะไปหาพวกพ่อค้าทาสในเมืองอีกครั้ง

อาฟานกลายเป็นคนที่ไม่พูดกับใคร เอาแต่นิ่งเงียบทั้งวัน ข้าวปลาไม่กิน สายตาคอยมองหาจางเจียตลอดเวลา ใครเห็นต่างก็สงสารเวทนาแต่ทำอะไรให้มากไม่ได้

พอรออยู่ตรงนั้นทั้งวันไม่เห็นวี่แววของมารดา อาฟานจึงเริ่มเดินไปรอบเรือนทาสจนล่วงล้ำเข้าไปในเขตเรือนของเจ้านาย เซี่ยเวยที่ออกมาเดินเล่นอยู่แถวนั้นเห็นเข้าจึงเรียกเขาเข้าไปหา ไม่รู้ในใจคิดอะไรอยู่

“มานี่!” เขาสั่งเด็กน้อยหน้าตาเหลอหลา

พออาฟานเดินมาใกล้เขาจึงได้เห็นใบหน้าชัด ๆ แล้วมือน้อย ๆ ก็ยื่นออกไปขยำเสื้อของเซี่ยเวย

“แม่... แม่...” เขาพูดคำหนึ่งออกมา อาฟานอยากถามเขาเหลือเกินว่าเอาแม่ของเขาไปไว้ที่ไหน แต่กลับเรียบเรียงคำพูดไม่ได้

“เฮอะ นางไม่ใช่แม่ของเจ้าเสียหน่อย” เขาตอกกลับอาฟาน แต่อาฟานนั้นไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด “ปล่อยข้าได้แล้ว เด็กเวร!” เสียงตะคอกทำให้อาฟานผงะ ยั้งมือเอาไว้

อาฟานจ้องมองหน้าของเซี่ยเวย ทำให้ใจของเขาวูบไหวอยู่ชั่วครู่ แม้เด็กคนนี้จะหน้าตาเหมือนเขาอยู่บ้าง แต่ก็โอนเอียงเหมือนหลินซินอี๋มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาของเขา และแววตาที่จ้องมองเขาในเวลานี้ เหมือนสายตายามที่หลินซินอี๋จ้องเขาไม่มีผิด

“ออกไป!” เขาตะโกนใส่หน้าของอาฟาน แล้วรีบเดินไปอีกทาง ทิ้งให้อาฟานยืนแข็งทื่อตกใจกลัวเสียงตวาด

ครั้นได้สติแล้วก็เดินตามหาจางเจียต่อ เขาเดินวนไปวนมาหานางอยู่ทั้งวันก็ไม่เจอจนหมดแรง จึงนั่งลงหน้าห้องหนึ่งที่เปิดประตูแง้มเอาไว้

ในใจเห็นลาง ๆ คิดว่าเป็นนางจึงรีบวิ่งยิ้มแป้นเข้าไปหา แต่แล้วก็หุบยิ้มในทันที ทำหน้ามึนงง

สตรีนางนี้นั่งนิ่งอ่อนระโหยโรยแรง ซุกตัวอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง สายตาเลื่อนลอย อาฟานนั่งลงใกล้ ๆ แล้วโอบกอดนางเอาไว้

ทั้งคู่อยู่ด้วยกันจนมืดค่ำ แต่นางยังคงไม่ไหวเอนต่อสิ่งรอบตัว และอาฟานก็ยังอยู่ที่เดิมตรงนั้น

เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยเดินเข้ามาใกล้เรือนนอนของนาง พลันปลุกสติของหลินซินอี๋ในทันที นางเพิ่งจะเห็นว่ามีเด็กตัวน้อยกอดนางเอาไว้แน่น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นลูกของนางเอง

ทันทีที่ขาข้างหนึ่งของเขาก้าวเข้ามา หลินซินอี๋ก็ตัวสั่น ถอยหลังชิดผนังห้อง อาฟานมองดูนางด้วยสีหน้าไม่เข้าใจแต่ก็ขยับตัวไปอยู่ข้าง ๆ นาง

“ซินอี๋ หลบอยู่ที่ใดหรือ” เซี่ยเวยลากเสียงยาวหยอกล้อนาง เสียงที่นางไม่อยากได้ยิน เขาทำเช่นนี้กับนางซ้ำ ๆ ตลอดสามปี

เซี่ยเวยรู้อยู่แล้วว่านางไม่อาจหนีไปที่ใดได้ ไม่อยู่มุมซ้ายของห้องก็จะอยู่มุมขวา เขาทำทีเดินหานางให้หวั่นกลัวเล่น ๆ แล้วก็โผล่ไปฉุดแขนนางออกมาจากมุมมืด โดยไม่สนใจว่ามีเด็กน้อยอีกคนอยู่ตรงนั้น

อาฟานเห็นเหตุการณ์เดิมซ้ำอีกครั้ง เขาลุกขึ้นมาเกาะแขนของเซี่ยเวยเพื่อช่วยหลินซินอี๋ หลงคิดไปว่านางคือจางเจีย

เซี่ยเวยหงุดหงิดเด็กน้อยผู้นี้จึงลงมือทุบตีไปที่แผลเดิมอีกครั้งอย่างไม่ยั้งมือ อาฟานไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ แต่น้ำตาไหลพรากเพราะเจ็บปวด นึกถึงจางเจียในใจ คิดถึงอ้อมกอดของนางที่คอยปลอบประโลมเขา

สุดท้ายเซี่ยเวยก็โยนเขาออกมานอกห้องแล้วปิดประตูไม่ให้เขาเข้าไปรบกวน

“อย่านะ อย่า!” เสียงร้องหวาดผวาของหลินซินอี๋ดังขึ้น สลับกับเสียงหฤหรรษ์ของเซี่ยเวย นอกห้องมีเด็กน้อยนอนหนาวตัวสั่นขดตัวกอดตัวเองในคืนเดือนมืด ช่างเป็นเหตุการณ์ที่น่าหดหู่เหลือเกิน

รุ่งเช้า

เซี่ยเวยเดินออกมานอกห้องหน้าตาสดชื่นแจ่มใส เขาเหลือบตามองเด็กน้อยแล้วเบือนหน้าหนีก่อนจะเดินผิวปากอารมณ์ดี

ทาสคนเดิมที่ตามหาอาฟานตั้งแต่เมื่อวานมาเห็นเขาที่เรือนนี้ก็สะท้อนใจ

“โหดร้ายเกินไปแล้ว โธ่เอ๊ย!” ต่อให้สงสารมากเพียงใดก็ทำได้เท่านี้ ตัวเขาเองและคนอื่น ๆ ยังโดนฝ่ามือฝ่าเท้าของเจ้านายไม่เว้นวัน ไม่รู้จะต้องทนไปจนถึงเมื่อใด ทาสอย่างเขามีสิทธิ์เลือกชีวิตด้วยหรือ

เขาอุ้มอาฟานไปที่เรือนทาสแล้วให้ทาสผู้หญิงเข้าไปดูอาการหลินซินอี๋อย่างเคย

“นี่ อย่างไรเขาก็มีสายเลือดของนายท่าน ทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้” นางถามเพราะไม่เข้าใจ

อาฟานแทบจะเป็นสายเลือดเพียงคนเดียวของเขา ฮูหยินไม่สามารถมีบุตรสืบทอดสกุลได้ ส่วนอนุอื่น ๆ ล้วนต้องกินยาสมุนไพรตัวหนึ่งเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เพราะนางจะไม่ยอมให้ผู้ใดได้สมบัติของเขาไปเด็ดขาด จึงกลายเป็นข้อตกลงว่าถ้าเซี่ยเวยเห็นด้วย นางก็ต้องยอมให้เขาหาทาสมาปรนเปรอตนเอง ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ คนที่อยู่ด้วยกันได้ย่อมมีศีลเสมอกัน

“ดูซินอี๋ก่อนเถิด เขายังไม่เว้น นับประสาอะไรกับอาฟานเล่า” ทาสคนหนึ่งส่ายหน้าตอบนางให้หายข้องใจ

“ถ้าไม่ได้อาเจียช่วยเลี้ยงดู ข้าว่าอาฟานคงไม่รอดจากฮูหยินแน่ ๆ” อีกคนพูดสำทับ

“เจ้าอย่าเอ็ดไป นางคงคิดว่าเป็นลูกทาส อย่างไรก็ไม่มีทางแย่งอะไรไปจากนางได้กระมัง”

พูดเช่นนั้นแล้วทุกคนก็เห็นด้วย แล้วแยกย้ายทำหน้าที่ของตน

นับแต่นั้นมา อาฟานก็เริ่มเข้ามาหาหลินซินอี๋อยู่บ่อย ๆ ความรู้สึกในใจเหมือนอยู่ใกล้กับจางเจีย แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบสนองสิ่งใดเลยก็ตาม

ด้านเซี่ยเวยเอง พอไม่มีจางเจียแล้วก็นึกครึ้มทำทีซื้อทาสสาวมาเพิ่มสองสามคน ถลุงสมบัติไปเล็กน้อย ไม่ได้เดือดร้อนอันใดนัก เขาใช้ค่ำคืนเหล่านั้นเสพสมกามารมณ์กับพวกนางไม่รู้ร้อนรู้หนาว

แต่ในบางครากลับไม่อิ่มหนำสำราญต้องปิดท้ายด้วยการมาค้างที่ห้องของหลินซินอี๋อยู่ร่ำไป ทุกครั้งที่มาถึงมักจะพบอาฟานอยู่กับนางด้วย และอาฟานก็มักจะเข้ามาปกป้องนางอยู่เสมอ เช้าวันต่อมาต้องลำบากทาสคนอื่น ๆ คอยหาสมุนไพรมารักษาเขา

“อาฟานเอ๊ย เจ้าอย่าไปเลย จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว” เสียงของทาสคนอื่น ๆ ต่างพากันห้ามเขา “เจ้าไปก็ช่วยนางไม่ได้หรอก”

กระนั้น อาฟานกลับไม่ได้สนใจคนอื่นมากนัก เขายังคงทำเช่นเดิมตลอดหนึ่งปี เมื่อโดนเข้าบ่อย ๆ ก็พอจะจับจุดหลบหลีกได้บ้าง ทั้งยังหาสมุนไพรเอาไว้รักษาตัวเอง รวมถึงคอยดูแลหลินซินอี๋

แต่นับวัน หลินซินอี๋ยิ่งสติหลุดลอย ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี เรื่องราวในแต่ละคืนยังคงฝังใจนางไม่จืดจาง ไม่มีวันใดเลยที่นางจะชินกับความระยำที่เซี่ยเวยกระทำ ความคิดวนเวียนอยากหลุดพ้นจากตรงนี้

คืนนั้น เซี่ยเวยมาหานางอีกครั้ง นางพร่ำพูดขอร้องเขาเป็นครั้งสุดท้าย

“อย่าทำข้าเลย ข้าขอร้อง” หลินซินอี๋น้ำตาไหลพราก

เซี่ยเวยไม่ฟังสิ่งใดที่นางพูดเช่นเคย เขาโอบรัดนางมานั่งข้างตัว ฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่นางห่อหุ้มร่างกายอันบอบบางเอาไว้ แล้วลงมือลูบคลำขย้ำอย่างที่ใจโหยหา

ราวกับว่าความคิดเส้นบาง ๆ ของนางที่เหลืออยู่นั้นได้ขาดสะบั้นไปแล้ว คืนนั้น หลินซินอี๋ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา หยิบผ้าผืนยาวติดมือมาด้วย โยนคล้องไปที่ขื่อด้านบนเรือน ยิ้มเยาะให้กับโชคชะตาของตนเอง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 12 เกิดใหม่อีกกี่ครา วานวาสนาผูกกันไม่เสื่อมคลาย (จบ)

    สามเดือนต่อมาเช้าวันหนึ่งเสี่ยวหยุนมองเหลียนเฟินที่กำลังนอนหลับใหลในอ้อมกอดของเขา สายตาเต็มไปด้วยความรักท่วมท้นในใจก่อนจะพึมพำร่ายอาคมอย่างหนึ่งขึ้นมาพลันกรีดปลายนิ้วจนได้เลือดหยดหนึ่งหลอมรวมกับลูกกลมสีฟ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แม้เป็นวิชาที่เขาเพิ่งคิดค้นขึ้นมาได้แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกเสี่ยวหยุนตั้งชื่ออาคมนั้นว่า “พันธะวิญญาณ” อาคมที่สามารถผูกวิญญาณของพวกเขาทั้งสองไว้ด้วยกันในทุก ๆ ชาติ ไม่ว่าเหลียนเฟินจะเกิดเป็นผู้ใด อยู่ที่ไหน เขาจะรู้ได้ในทันที นับต่อจากนี้ไม่มีพรากจากลมหายใจของร่างบางในอ้อมกอดสัมผัสแผ่นอกกว้างของเขาเตือนสติให้รู้ตัว ล้มเลิกความคิดเช่นนั้น เสี่ยวหยุนยิ้มมุมปากพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบีบอาคมนั้นให้แตกสลายไปริมฝีปากจุมพิตหน้าผากเรียกเหลียนเฟินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฟูเหรินของข้า”“อืม…” เหลียนเฟินยังคงงัวเงียพลันได้รับจุมพิตที่แก้ม โลมเลียลงลำคอ สัมผัสเรียวลิ้นร้อนชื้นดูดเม้มก่อนจะถูกใครบางคนคร่อมร่างกายท่อนบนเอาไว้“ฟูเหริน ท่านยังไม่ตื่นอีกหรือ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำ

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 11 ความรู้สึกที่โหยหา(NC)

    เหลียนเฟินนอนนิ่งบนแผ่นอกของเขา ส่วนล่างกระตุกบีบแก่นกายที่ค้างอยู่ราวกับเชิญชวนจึงถูกพลิกตัวเป็นฝ่ายนอนใต้ร่างพลางโดนเสี่ยวหยุนจับขาสองข้างยกขึ้นแล้วขย่มสะโพกเป็นจังหวะ“ข้าเพิ่งจะ…อ๊ะ...” เหลียนเฟินไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องเม้มปากตัวเองอีกครั้ง มือสองข้างจับหมอนที่วางอยู่ ขยำจนผ้ายับยู่ยี่ ลมหายใจร้อนหอบถี่ ฟังแล้วยิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายเกิดความต้องการอย่างยิ่งยวดแก่นกายที่ครูดเข้าออกเร่งขึ้นอย่างเร่าร้อนจนน้ำที่ปล่อยเอาไว้เมื่อครู่กระเซ็นเปรอะเปื้อน คนกระทำยิ้มมุมปากชอบใจยิ่งนักที่ได้เห็นร่องรอยของเขาบนตัวคนรักเมื่อโพรงเนื้อโอบรอบจนมิดแน่นขนัดยิ่งเสียวซ่านจนตาเหลือกลอย “อือ… เหลียนเฟิน” ในใจวนเวียนแต่คำว่า อีกนิด ข้าขออีกนิดในขณะที่คนใต้ร่างแทบคุมสติตัวเองไม่อยู่ พึมพำแผ่วเบา “ข้าไม่ไหวแล้ว… อย่าเพิ่งขยับ”“จะให้ข้าหยุดจริงหรือ” เขาเอ่ยถามแต่ส่วนลับยังคงกระทุ้งเข้า ๆ ออก ๆ บดเบียดภายใน หยอกล้อเหลียนเฟินเพราะอยากเห็นสีหน้าแดงระเรื่อ สุขสม พลันวางขาทั้งสองข้างลงแล้วพลิกตัวเหลียนเฟินให้นอนคว่ำในพริบตาก่อนจะยกส

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 10 ความรักเอ่อล้น (NC)

    เหลียนเฟินโอบแขนรอบคอของเสี่ยวหยุนกดแรงโน้มตัวเขาลงมาหา จ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตาพลันยิ้มอ่อนโยน เอ่ยกระซิบยืนยันความรู้สึกของตัวเอง “ข้ารักเจ้า”คนได้ฟังคำรักน้ำตาไหลเอ่อไม่อาจกั้นด้วยความรู้สึกผิดระคนกับความรู้สึกอื่น ๆ ในใจ แม้รู้ตัวว่าไม่สมควรมายืนอยู่ข้างเขาแต่เวลานี้ก็ไม่อาจขยับกายหรือเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายได้เลยเขารักเหลียนเฟิน ผู้เป็นฟูเหรินของเขาและไม่อยากถูกพรากจากอีกแล้ว ทั้งยังดีใจเพราะใบหน้าที่มองเขาในเวลานี้ไม่ใช่ใบหน้าของคนที่เกลียดชังเขาจนต้องจ่อปลายกระบี่เข้าหาราวกับแค้นเคืองกันมาเนิ่นนาน“เสี่ยวหยุน” เสียงเรียกหาอ่อนหวานจับใจ “ยังคงจำได้อยู่ใช่หรือไม่ว่าเวลานี้เจ้าคือฟูจวินของข้า”“…” เขาพยักหน้าเล็กน้อย เม้มปากแน่นแล้วกอดเหลียนเฟินเอาไว้ครั้นสะสางความหลัง ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างพลันคลี่คลาย ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีกต่อไปหวังซีซวนและพรรคพวกแวะมาหาพวกเขาเหมือนอย่างเคย สังเกตได้ว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสองคนดูอึมครึมเล็กน้อย ดวงตาเสี่ยวหยุนบวมช้ำปรากฏเด่นชัดจนอดถามไม่ได้“

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 9 ความทรงจำหวนคืน

    ครั้นเรื่องราววุ่นวายที่ใจกลางตลาดจบลงไปได้ด้วยดี เหลียนเฟินจึงพาเสี่ยวหยุนกลับมาพักฟื้นร่างกายที่บ้านหลังน้อย พลางขอให้หวังซีซวนช่วยกลั่นยาสมุนไพรให้เขาจนกว่าจะหายดีเขาหลับลึกอยู่หลายวันเพราะใช้เรี่ยวแรงร่ายวิชาอาคมโดยไม่สนขีดจำกัดของตัวเองเพียงเพราะเป็นห่วงเหลียนเฟินและไม่อยากให้สถานการณ์ยืดเยื้อใบหน้าสงบนิ่งยามหลับใหลทำให้เหลียนเฟินโล่งใจได้บ้างว่าเขาคงไม่ได้ฝันร้ายเหมือนที่ผ่านมาจึงปล่อยให้คนตรงหน้าพักผ่อนให้เต็มที่“ท่านเซียน เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” หลี่จิ้นหลิงแวะมาเยี่ยมเพราะได้ข่าวว่าเสี่ยวหยุนยังไม่ฟื้น“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เขาเพียงแค่ต้องนอนให้เยอะ ๆ ก็เท่านั้น” เหลียนเฟินยิ้มให้อีกฝ่ายนึกขอบคุณที่เขาช่วยหาตำราต้องห้ามจนพบ“หากท่านเซียนต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องใด อย่าได้ลังเลใจที่จะบอกข้านะขอรับ” หลี่จิ้นหลิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องฟื้นฟูพลังชีวิตของท่าน ถ้าตำราต้องห้ามไม่ได้ผล ข้ายินดีหาหนทางอื่น”เหลียนเฟินส่ายหน้าเข้าใจดีว่าทุกคนเป็นห่วงแต่ว่าเขาเตรียมใจเอาไว้แล้ว ไม่ว่าผลที่ได้จะออกมาเป็น

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 8 ปกป้องคนรัก

    “ปล่อยคุณหนูหลี่” เหลียนเฟินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเห็นอีกฝ่ายเคลื่อนไหวรวดเร็ว เขากำกระบี่ในมือไว้แน่นพลันยกขึ้นมากันท่าไม่ให้เสิ่นหยางพุ่งตัวเข้าใกล้ระยะประชิดก่อนจะม้วนตัวแล้วถีบคนตรงหน้ากระเด็นไปอีกทางด้วยแรงที่ออมไว้สามส่วน“ฝีเท้าหนักใช่เล่น” เขาเอ่ยชม รอยยิ้มกวนประสาทราวกับถูกใจอย่างยิ่งยวด “อย่าขัดขืนนักเลย เมื่อครู่ข้าเพียงยั้งมือเอาไว้เท่านั้นเพราะไม่อยากทำให้ร่างกายของท่านเซียนมีบาดแผล”เสิ่นเหยา แฝดผู้พี่ที่จับตัวหลี่ฮวาเอาไว้ลูบปลายจมูกตัวเอง “หากท่านเซียนยินยอมมากับพวกข้า ข้าจะคืนสตรีนางนี้เป็นการแลกเปลี่ยน”“เช่นนั้นปล่อยนางก่อน” เหลียนเฟินไม่ตกลงง่าย ๆ และเป็นห่วงความปลอดภัยหลี่ฮวาที่เวลานี้กำลังกลั้นน้ำตาไม่ร้องไห้เสียงดังด้วยความหวาดกลัว“ท่านเซียนคงไม่รู้ว่าข้าเป็นผู้ใดจึงพยายามเล่นแง่ยืดเวลาออกไปใช่หรือไม่ แต่ข้ายืนยันได้เลยว่าสองชั่วยามต่อจากนี้ไม่มีผู้ใดเข้ามาก้าวก่ายที่แห่งนี้ได้อย่างแน่นอนและหากทุกสิ่งไม่เป็นอย่างที่ข้าต้องการ ข้าจะทำลายหมู่บ้านให้ราบคาบ” เสิ่นหยางประกาศก้อง คำพูดของเขาทำให้ชาวบ้านขวัญ

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 7 พรรคมารก่อความวุ่นวาย

    ครั้นพูดคุยเรื่องตำราต้องห้ามเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กลับมายังบ้านหลังน้อยจึงได้เห็นว่าหลี่จิ้นหลิงกำลังนั่งเล่นอยู่ตั่งไม้กับเหลียนเฟินแววตาเสี่ยวหยุนเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”“ข้าเห็นว่าท่านเซียนเมาหลับไป วันนี้จึงอยากมาดูให้แน่ใจว่ามีอาการใดหรือไม่” เขายักไหล่พูดด้วยสีหน้าสบายอารมณ์หากแต่เสี่ยวหยุนอารมณ์ดีจึงไม่ใส่ใจแล้วเดินไปนั่งข้างเหลียนเฟิน เอ่ยกับเขาว่า “ข้าต้องไปหอสมุดวังหลวง คุณชายหวังซีซวนบอกว่าที่นั่นมีตำราเก็บไว้อยู่ อาจช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตของท่านได้”“เขาไม่ได้บอกหรือว่าที่แห่งนั้นห้ามให้คนนอกเข้าไป” เหลียนเฟินหรี่ตามองคนตรงหน้าที่ทำท่าเหมือนรู้ทุกอย่าง “หากคิดไปขโมยตำรามาก็หยุดแต่เพียงเท่านั้นเถิด พลังชีวิตของข้ามีแค่ครึ่งเดียวแล้วอย่างไร ไม่เห็นหรือว่าข้ายังแข็งแรงดี”“ไม่อยากอยู่กับข้านานกว่านี้หรือ” สีหน้าของเขาเศร้าสร้อยหากต้องล้มเลิกความตั้งใจ รู้ว่าบำเพ็ญคู่จะสามารถยืดอายุขัยออกไปได้ แต่หากพลังชีวิตของเขากลับมาเหมือนเดิม ย่อมมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันนานมากขึ้นไปอีกเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status