ร่างของชายปริศนาแนบชิดเข้ามา กนกแทบไม่ได้มีเวลาตั้งตัว ก่อนที่ลมหายใจร้อนจะเคลื่อนเข้าใกล้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เขาไม่คุ้นเคยลอยอวลอยู่รอบตัว เสี้ยววินาทีต่อมา ริมฝีปากของชายแปลกหน้ากดลงมาบนริมฝีปากของเขา...อ่อนโยน ทว่าตราตึงในความรู้สึกเขา กนกเบิกตากว้างพร้อมหัวใจเต้นกระหน่ำราวกับจะทะลุออกจากอก เขาพยายามจะขยับตัวแต่กลับถูกอ้อมแขนแข็งแรงตรึงไว้อย่างมั่นคง ไม่ใช่การบังคับขืนใจแต่เป็นสัมผัสที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดลึกลับราวกับอีกฝ่ายกำลังเฝ้าค้นหาอะไรบางอย่างจากตัวเขา
“คุณ...” เสียงของกนกสั่นไหว ไม่แน่ใจว่าควรผลักออกหรือหยุดนิ่ง ความอบอุ่นที่แนบชิดส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างที่เขาอธิบายไม่ได้
ชายปริศนาโน้มลงมา สูดลมหายใจช้าๆ ใกล้ต้นคอของเขา ปลายนิ้วเย็นเฉียบไล้ผ่านข้างแก้มก่อนกระซิบเบาๆ ข้างหู
“...ในที่สุด พี่ก็เจอเราสักที”
นี่มันอะไรกัน... เขาคิดในใจ แต่ร่างกายของเขากลับตอบสนองต่อความรู้สึกที่แปลกใหม่นี้
ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้เขาอีกครั้งแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
"ไม่ต้องกลัวนะ...พี่จะไม่ทำร้ายเธอ"
กนกรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น เขาพยายามจะพูดอะไรแต่คำพูดก็ติดอยู่ในลำคอ ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้เขาอีกครั้งแล้วก็ก้าวเข้ามาใกล้ๆ
การเคลื่อนไหวของอีกคนค่อยๆช้าลง ใบหน้าค่อยจุมพิตเบาๆที่ปากบางอย่างแผ่วเบา แรงบดจูบที่รุนแรงและเร่าร้อนเริ่มเปลี่ยนเป็นสัมผัสที่อ่อนโยนและละมุนละไมราวกับต้องการปลอบประโลมให้กนกหายจากความตื่นกลัว จากนั้นชายปริศนาจึงค่อยๆถอนตัวออกแล้วมองเขาด้วยแววตาที่อบอุ่นและอ่อนโยน
"ไม่ต้องกลัวนะ..." เขาพูดเบาๆพร้อมกับลูบไล้แก้มของกนกอย่างนุ่มนวล
กนกรู้สึกว่าหัวใจของเขาที่เต้นแรงเริ่มสงบลงเล็กน้อย เขามองไปที่ผู้ชายคนนั้นด้วยความสับสนแต่ก็รู้สึกว่าความกลัวที่เคยมีเริ่มจางหายไป
ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้เขาอีกครั้ง แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
"พี่จะไม่ทำร้ายเธอ..."
กนกยังคงไม่สามารถพูดอะไรได้แต่เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มผ่อนคลาย ความสงสัยยังคงวนอยู่ในหัวพร้อมคำถามอีกมากมายก่อนที่ชายผู้นั้นจะยิ้มให้กนกอย่างอ่อนโยนแล้วค่อยๆเคลื่อนใบหน้ามาจูบที่หน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกนั้นทำให้กนกรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย จากนั้นเขาก็โอบกอดกนกไว้แน่นแล้วค่อยๆพาเขาเดินไปที่เตียง ความรู้สึกของกนกในตอนนั้นล่องลอยบางเบา คล้ายกับว่าเขากำลังอยู่ในห้วงความฝัน เขายังคงจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของชายคนนั้นด้วยความสงสัยและสับสนแต่ก็ไม่พูดอะไร ทั้งสองยังคงสบตากันอยู่และชายหนุ่มนั้นดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของกนกได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด
"พักผ่อนนะครับ ไว้เราค่อยเจอกันใหม่" ชายคนนั้นพูดเบาๆพร้อมกับยิ้มให้กนกอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็ห่มผ้าให้กนกอย่างทะนุถนอมแล้วค่อยๆเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ กนกยังคงนอนอยู่บนเตียงแล้วมองตามชายคนนั้นจนกระทั่งเขาหายไปจากสายตา
ไม่นานหลังจากนั้น กนกก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้าและความสับสนที่ยังคงค้างอยู่ในใจแต่ก่อนที่เขาจะหลับตาลง เขารู้สึกว่ามีรอยยิ้มเล็กๆปรากฏบนใบหน้าของตัวเอง
กริ๊งๆๆๆๆๆ
เสียงนาฬิกาปลุกดังอย่างต่อเนื่อง กนกสะดุ้งตื่นขึ้นจากที่นอนแล้วลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และมองไปรอบๆห้องด้วยความสับสน
ห้องของเขายังคงเป็นเหมือนเดิม มีเพียงหนังสือกองใหญ่และแสงจากโคมไฟที่ส่องสว่างเมื่อมองไปที่ประตูซึ่งปิดสนิทและรู้สึกว่าความรู้สึกที่เขาเคยมีในความฝันยังคงค้างอยู่ในใจ
ในความรู้สึกมันเหมือนความฝัน แต่...
เขาค่อยๆ เอามือจับเบาๆแตะที่ริมฝีปาก ความรู้สึกเมื่อคืนมันยังคงชัดเจนในความทรงจำ
...Rrrrr...
มือถือของเขาสั่นไหวจากสายเรียกเข้า กนกก้มลงดูและเห็นชื่อของ มิว
[ฮัลโหล อยู่ไหน]
"อ่า.. อยู่ห้องน่ะ"
[เฮ้ย เป็นอะไรหรือเปล่า]
"อ่าา.."
[นี่มันเก้าโมงกว่าแล้ว วันนี้ไม่มาเรียนหรอ]
"หา!"
[หาอะไรละ อย่าบอกว่าเมื่อคืนอ่านนิยายดึกจนตื่นสายนะ]
"อ่า..ไม่ๆๆ ไม่ได้ตื่น...เอ่อ...โอ๊ย"
[เออๆ ...ไม่ต้องแก้ตัวเลย พักคาบยังพอเข้าทันตอนสิบโมง รีบมาเลย]
"ตี๊ดๆๆ" มิวตัดสายไปอย่างรวดเร็ว
กนกถอนหายใจและบ่นด่าตัวเองในใจ โอ๊ย จะบ้าตาย...ไม่คิดว่าจะตื่นสายขนาดนี้
เขารีบอาบน้ำแต่งตัวและจัดการตัวเองให้เร็วที่สุด ก่อนจะคว้ากระเป๋าและวิ่งออกจากห้องไปยังมหาวิทยาลัยด้วยความเร่งรีบ ระหว่างทางยังคงนึกถึงความฝันเมื่อคืนและความรู้สึกที่ยังคงค้างอยู่ในใจ...แต่ในตอนนี้ เขาต้องรีบไปให้ทันคาบเรียนก่อน
"นี่ไง ฉันบอกแล้วว่าสักวันนิยายจะทำร้ายแก" เมื่อมาถึงห้องก็โดนยัยพราวกระแซะเข้าให้
"มันไม่ได้ทำร้ายชั้นโว๊ย!"
"แล้วทำไมตื่นสาย?"
"ไม่ได้ตื่นสาย!"
"ไม่ได้ตื่นสายแล้วทำไมมาเรียนช้า" มิวหันมาถามอีกคน จนกลายเป็นว่าตอนนี้เพื่อนทั้งสองคนต่างจ้องจะเอาคำตอบจากเขา
"เออ...ไม่ได้ตื่นสายแล้วกัน!"
"ไม่ได้ตื่นสายแล้วทำไมมาช้า..." พราวถามซ้ำด้วยเสียงที่แฝงไปด้วยความสงสัย
"อ่า...ก็...รถติดน่ะ"
"รถติด... นี่แกอยู่หอในนะ" มิวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เพราะจริงๆเขากับมิวอยู่หอในมหาวิทยาลัยและไม่มีทางที่รถจะติดจนมาเรียนไม่ทันแน่นอน
"เออ...ก็...ฉันไปซื้อของก่อนมาเรียนน่ะ"
"ซื้อของ? แล้วของไหนล่ะ?"
"อ่า...ก็...ขนมน่ะ"
"ขนม? แล้วขนมไหนล่ะ" มิวถามซ้ำออกรอบ
"อ่า...ก็...ฉันกินหมดแล้วน่ะ"
"กินหมดแล้ว แล้วแกไม่แบ่งเราหรอ"
"อ่า...ก็...ฉันลืมน่ะ" กนกตอบด้วยความลังเล
"ลืม! แล้วแกลืมได้ยังไง?"
"อ่า...ก็...ฉันรีบมาเรียนน่ะ" กนกตอบด้วยความรีบร้อน
"รีบมาเรียน แล้วแกมาช้าอยู่ดี" พราวถามซ้ำ
"อ่า...ก็..." กนกเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังต้อนจนใกล้จะจนมุมกับทางออก
"หรือแกตื่นมาอ่านนิยายเพลินหรอ"
"ไม่ใช่!"
"อะไรก็ไม่ใช่สักอย่าง...เดี๋ยวนี้มีความลับเนอะ"
"เออ"
"หนอยแน่ เดี๋ยวนี้กล้าพูดเออกับชั้นหรอ?"
"เออ เออๆๆๆ แล้วจะทำไม"
"ไอ้กนก!"
"เฮ้ย! เดี๋ยวนี้กล้าพูดว่าไอ้หรอ!"
"แล้วทำไม"
"อะ..."
"เฮ้ย! หยุดทั้งสองคนนั้นแหละ เถียงกันเป็นเด็กอยู่ได้" มิวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจและเริ่มรำคาญเพื่อนทั้งสองที่เล่นกันเป็นเด็ก
"ก็กนกมันมีความลับกับพวกเราอะ" พราวพูดน้อยใจเพื่อน
"เฮ้อออ...มันก็แค่มาสาย หยุดได้แล้วพราว อ่านหนังสือไป"
ในขณะที่กนกกำลังจะหยิบนิยายเล่มโปรดขึ้นมาอ่าน มิวก็หันมาดุเขาอีกครั้ง
"หยุดเลยนะกนก มาสายแล้วยังจะอ่านิยายอีก เดี๋ยวก็เรียนไม่ทันหรอก"
ทุกคนในกลุ่มโดนมิวดุจนต้องเงียบกริบ กนกพยักหน้าแล้วเก็บนิยายเล่มนั้นลงในกระเป๋า
หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที
วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน