“ไม่ได้! โอ๊ย...เจ็บ” เขาร้องเสียงหลงก่อนจะแสร้งเอามือกุมอก
“ท่านอย่าได้มีโทสะเจ้าค่ะ”
“ขออภัย ข้าเพียงกลัวเจ้าจะละทิ้งข้าไป”
“ท่านเจ็บเพราะช่วยเหลือข้า ข้าจะละทิ้งท่านไปได้อย่างไร”
“เช่นนั้นหากข้าหายดีแล้ว เจ้าจะยังอยู่ข้างกายข้าเช่นนี้หรือไม่”
“หากท่านต้องการ ข้าย่อมอยู่ข้างกายท่าน” ยามนี้นางยอมแพ้ให้แก่ความจริงใจและจริงจังของเขาแล้ว
“แล้วเรื่องซีหนาน...เมื่อครู่ก่อนที่จะลืมตาตื่น ข้าคล้ายจะได้ยินเจ้ากล่าวว่าจะเดินทางไปซีหนาน เจ้าไม่ไปได้หรือไม่ อย่าทิ้งข้าไปได้หรือไม่” เขากล่าวเสียงเบาในประโยคท
แต่เอาเถิดเขายอมโดนดาบไล่ตี เพราะอย่างไรความสุขของน้องน้อยย่อมสำคัญกว่าทุกสิ่ง นางเดินกลับมาอีกครั้งท่านหมอก็ใส่ยาและพันผ้าผืนใหม่ให้เขาเรียบร้อย “ขนมกุ้ยฮวามาแล้วเจ้าค่ะ” เหลียงจิ่วเม่ยส่งยิ้มหวานให้เขา “...” เขาอ้าปากเป็นเชิงให้นางป้อนให้ “ท่านนี่นะ แผลใกล้หายแล้วมิใช่หรือ เหตุใดถึงยังให้ข้าป้อนอยู่เล่า” แม้ปากจะบ่นแต่นางก็ป้อนขนมกุ้ยฮวาใส่ปากให้เขา “ใครบ้างจะไม่ยินดี เมื่อได้รับการดูแลจากสตรีที่ตนรัก” “น่าเสียดายเมื่อครู่ที่ข้ามาช้าเลยไม่ทันได้เห็นว่าแผลของท่านเป็
นัยน์ตาคมดุมองตามแผ่นหลังเล็กของสตรีไปจนสุดสายตา มุมปากยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อแผนการของตนทำให้เขาได้ฮูหยินของตนคืนมา หลังจากนี้เขาจะใช้เวลาชั่วชีวิตปกป้องและดูแลนาง นัยน์ตาหงส์จับจ้องสีหน้าของบุรุษที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเรียบเฉย หลายวันมานี้เขาพยายามหลบเลี่ยงไม่ให้นางช่วยใส่ยาอย่างเห็นได้ชัด “ท่านหมอ ข้าขออยู่ดูท่านใส่ยาบาดแผลให้เขาได้หรือไม่” “จิ่วเม่ย ข้าอยากกินขนมกุ้ยฮวายิ่งนัก ได้ยินว่าวันนี้แม่ครัวที่องค์ชายสามจ้างมาเข้าครัวทำใช่หรือ เจ้าช่วยไปเอามาให้ข้าได้หรือไม่” เขารีบเอ่ยวาจาตอบแทนท่านหมอก่อนจะมองนางด้วยท่าทางออดอ้อน และก็เป็นเช่นนี้ทุ
“ไม่ได้! โอ๊ย...เจ็บ” เขาร้องเสียงหลงก่อนจะแสร้งเอามือกุมอก “ท่านอย่าได้มีโทสะเจ้าค่ะ” “ขออภัย ข้าเพียงกลัวเจ้าจะละทิ้งข้าไป” “ท่านเจ็บเพราะช่วยเหลือข้า ข้าจะละทิ้งท่านไปได้อย่างไร” “เช่นนั้นหากข้าหายดีแล้ว เจ้าจะยังอยู่ข้างกายข้าเช่นนี้หรือไม่” “หากท่านต้องการ ข้าย่อมอยู่ข้างกายท่าน” ยามนี้นางยอมแพ้ให้แก่ความจริงใจและจริงจังของเขาแล้ว “แล้วเรื่องซีหนาน...เมื่อครู่ก่อนที่จะลืมตาตื่น ข้าคล้ายจะได้ยินเจ้ากล่าวว่าจะเดินทางไปซีหนาน เจ้าไม่ไปได้หรือไม่ อย่าทิ้งข้าไปได้หรือไม่” เขากล่าวเสียงเบาในประโยคท
18 เขาน่ะหรือคลั่งรักข้า เมื่อคนสนิททั้งสองออกจากห้องไปแล้ว นัยน์ตาหงส์ทอดมองบุรุษที่นอนอยู่บนเตียงด้วยตาห่วงใย เขาทำให้นางไร้ข้อกังขาในความรู้สึกที่มีต่อเขา ยามเห็นเขาพลิกตัวมารับมีดแทนนางแล้วล้มลง นางรู้สึกหวาดกลัวที่จะสูญเสียเขาไปยิ่งนัก&nbs
“เขา...อาการไม่ค่อยสู้ดีใช่หรือไม่ เจ้ามาพยุงข้า ข้าจะไปดูเขา” น้ำเสียงของเหลียงจิ่วเม่ยสั่นเครือเล็กน้อย “เจ้าค่ะคุณหนู” สาวใช้คนสนิทตอบรับพลางนึกขอโทษผู้เป็นนายในใจ ภายในห้องอีกฝั่งของจวนแห่งนี้ บุรุษที่เหลียงจิ่วเม่ยห่วงใย บัดนี้กำลังนั่งฟังท่านลูกน้องคนสนิทรายงานถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง “ยามนี้คุณชายฮุ่ยและคุณชายรองเจียงเดินทางถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ” “เช่นนั้นวันนี้พวกเขาคงเข้าเฝ้าฮ่องเต้” “...” หลี่เฉิงนิ่งฟังคำสั่ง “หลี่ช่านเป็นอย่างไรบ้าง” เพราะถูกลงโทษเนื่องจากไม่อาจปกป้องฮูหยินขอ
ในขณะที่มือขวาของเหลียงอ๋องกำลังเอ่ยวาจาต่อรองอยู่นั้น สตรีที่ถูกดาบพาดคออยู่นั้นก็ส่งสายตาบ่งบอกความนัยบางอย่างให้ผู้เป็นสามีในนาม “กล่าวเช่นนี้ มิแคล้วต้องลองเสี่ยงดูกระมัง” เจียงเซวียน กล่าวพลางยกผ้าขึ้นมาเช็ดดาบด้วยท่าทีสบาย ๆ “แต่เจ้าลืมคิดไปหรือไม่ว่าหากพวกเราไม่ยอมรับข้อเสนอ อย่างไรเจ้าก็ต้องตายอยู่ดีเพราะไม่อาจฝ่าวงล้อมออกไปได้ ครอบครัวเจ้าที่อยู่เป่ยเหลิ่งก็คงไม่รอดเช่นกัน” ฮุ่ยหลานซีเอ่ยบอก ‘ข้าพร้อมแล้ว’ หลวนจิ้นฝานส่งสายตาบอกฮูหยินของตน ‘ลงมือ’ เมื่อส่งสายตาตอบกลับเสร็จ เหลียงจิ่วเม่ยก็ออกแรงผลักดาบให้ออกห่างจากตัว ก่อนจะทรุดกายนั่งบนพื้นเปิดโอกาสให้หลวนจิ้นฝานยกธนูมายิงเข้าบริเวณคอของอีกฝ่าย เมื่อเห็นจูนเซียนล้มลง เขาก็รีบพุ่งตัวเข้าไปห