แชร์

ออกเดินทาง

ผู้เขียน: ต้าซ้อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-03 13:04:32

[ฟังอยู่ขอรับ นายหญิงต้องการสิ่งใด]

"พาข้าไปยังห้องลับที่อยู่หลังห้องหนังสือในเรือนใหญ่ ข้าคิดว่าข้ายังจำทางเข้าได้"

เมิ่งซีรู้ว่าต้องผ่านเวรย่ามที่ตรวจตราตอนกลางคืน ที่บอกอาเป่าก็เผื่อว่าจะมีวิธีไหนที่สามารถหลีกหนีหูตาคนพวกนั้นได้

[การเคลื่อนย้ายในระยะนี้ปลอดภัย อาเป่าสามารถพานายหญิงไปยังเป้าหมายได้ทันที เริ่มต้นการเคลื่อนย้าย...]

ทันใดนั้น ร่างของเมิ่งซีก็หายวับไปราวกับละอองหมอก ลมหายใจของนางขาดห้วงชั่วขณะ ก่อนที่จะลืมตาขึ้นอีกครั้งในห้องมืดสลัว ครู่เดียวก็มีแสงสว่างส่องขึ้นจากแสงไฟของระบบ ทำให้นางเห็นภาพได้ชัดขึ้น

"อาเป่า! เจ้ามีความสามารถแบบนี้ด้วยเหรอ?" เมิ่งซียังตกใจไม่หาย เดิมทีนางคิดว่าจะต้องเดินออกจากเรือนโดยไม่ให้ใครเห็น

[นี่เป็นเพียงความสามารถพื้นฐานของอาเป่าขอรับนายหญิง สถานที่ในรัศมีไม่เกิน 100 จั้ง อาเป่าสามารถพานายหญิงไปได้ทุกที่ภายในพริบตาขอรับ]

"100 จั้ง คือเท่าไหร่?"

[หากคำนวณเป็นระยะทางของกาลเวลาที่นายหญิงจากมาก็คือ..ประมาณ 300 เมตรขอรับ]

"อื้อ เข้าใจแล้ว"

เมิ่งซีหันมาสนใจสิ่งของตรงหน้าต่อ เบื้องหน้าคือผนังไม้บุนวมหนังสัตว์เก่า ๆ โคมไฟน้ำมันวางอยู่มุมห้องให้ยังไม่ถูกจุดติด หีบเหล็กและหีบไม้จำนวนมากเรียงรายอยู่ตรงหน้า บางหีบถูกคลุมด้วยผ้าขาว ปิดทับตราตระกูลเหยียนเอาไว้อย่างแน่นหนา

"ช่วยข้าเปิดหีบเหล่านั้นที" เมิ่งซีกลืนน้ำลาย ฝ่ามือชื้นเหงื่อด้วยความตื่นเต้น

ระบบไม่ตอบ แต่วงแสงบางเบาก็สว่างวาบขึ้น หีบทุกใบเปิดออกช้า ๆ เผยให้เห็นทองแท่ง เครื่องหยก เหรียญเงิน เหรียญทอง ตั๋วเงิน และแจกันหยกโบราณประดับลายมังกรเก่าแก่

"ของเหล่านี้…บิดาของร่างนี้ได้มาจากการรับสินบนทั้งนั้น"

เมิ่งซีหอบหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าวอย่างหนักแน่น 

"เก็บเข้ามิติทั้งหมด"

ทันใดนั้น ทรัพย์สมบัติที่กองอยู่ตรงหน้า ก็ล่องลอยหายไปอย่างเงียบงัน

"มีสิ่งใดอีกที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญในระบบได้บ้าง" เมิ่งซีเอ่ยถาม

[มีแจกันโบราณจำนวนสี่ใบ และภาพวาดของปราชญ์ชื่อดัง เป็นสมบัติราชวงศ์ก่อนที่สูญหาย หากนายหญิงยินยอม ระบบจะนำไปยังพิพิธภัณฑ์ในอนาคต ชิ้นละหนึ่งพันเหรียญเงินขอรับ]

"ของจากราชวงศ์ก่อน!…เจ้าคิดว่าควรทำยังไงดีอาเป่า?" เมิ่งซียกคิ้ว

[สมบัติเหล่านี้หากอยู่ที่นี่อาจสูญหาย ถูกทำลาย หรือถูกขายทิ้งโดยผู้ที่ไม่รู้คุณค่า แต่ถ้าขายให้ร้านเถาเป่า ของพวกนี้จะถูกส่งต่อไปยังอนาคต ของทุกชิ้นจะได้รับการเก็บรักษาในสถานที่ปลอดภัย เพื่อให้ผู้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและชื่นชม]

ระบบกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง หญิงสาวเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่น 

"เช่นนั้น…ข้ายอมขาย"

เพียงพริบตาเดียว แสงสีทองก็แวบวาบ แจกันทั้งสี่ใบและภาพวาด 2 ภาพที่แขวนอยู่หายไปจากสายตา ทันใดนั้นเสียงระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง

[ยอดคะแนนปัจจุบัน: 6,000 เหรียญเงิน]

"เรื่องนี้ข้าก็อยากถาม เหรียญในระบบสามารถนำออกมาใช้ในโลกนี้ได้ไหม? แล้วมูลค่าของมันคือเท่าไหร่บ้าง เหมือนเงินเหวิน ตำลึงเงิน หรือตำลึงทองไหม?"

นางกล่าวถามเรื่องที่คาใจออกมา ในเมื่อนางต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่นี่ นางก็ควรเรียนรู้เอาไว้ทั้งหมด

[เรียนนายหญิง ค่าเงินในระบบจะมี 

1000 เหรียญทองแดง เท่ากับ 1 เหรียญเงิน 

10 เหรียญเงิน เท่ากับ 1 เหรียญทอง 

ก็เหมือนกับค่าเงินของโลกในกาลเวลานี้ 

1000 เหวิน เท่ากับ 1 ตำลึงเงิน 

10 ตำลึงเงินเท่ากับ 1 ตำลึงทอง 

เพียงแต่เงินทั้งสองส่วนแยกกันอย่างชัดเจน เหรียญในระบบไม่สามารถนำออกมาได้ แต่สามารถนำไปซื้อของในร้านเถาเป่าของระบบได้ 

ส่วนเงินหรือสมบัติของการเวลานี้ นายหญิงสามารถนำไปเก็บในพื้นที่มิติได้ แต่ซื้อของในร้านเถาเป่าไม่ได้ อยากนำออกมาตอนไหนก็แจ้งอาเป่าได้ตลอดขอรับ ส่วนสิ่งของที่นายหญิงขายให้ร้านเถาเป่าในระบบไปแล้ว จะไม่สามารถหาซื้อกลับคืนมาได้อีก]

"เข้าใจแล้ว แสดงว่าตอนนี้มีเหรียญในระบบ 6,000 เหรียญเงิน หรือ 600 เหรียญทองสินะ! แค่นี้…ก็พอจะใช้ตั้งต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว อาเป่าพาข้ากลับ" 

เมิ่งซีถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พลางก้มมองมือตนเองเบา ๆ

เสียงจากระบบดังขึ้น 

[เปิดระบบทำลายหลักฐาน ยืนยันการกลับไปยังตำแหน่งก่อนหน้า... เริ่มต้นการเคลื่อนย้าย]

ร่างของเมิ่งซีปรากฏอีกครั้งบนเตียงไม้ผุพัง ริมฝีปากซีดเซียวเม้มแน่นอย่างคิดไม่ตก มือบางกุมผ้าห่มผืนเก่าแน่น ก่อนจะหลับตาลง…เตรียมใจสำหรับวันพรุ่งนี้ที่จะเปลี่ยนชีวิต

เช้ามืดของวันใหม่มาเยือน 

เมิ่งซีตื่นขึ้นมาในเรือนเล็กที่แสนคุ้นตา นางนั่งพิงเสาหลังอย่างอ่อนล้า ทั่วร่างยังระบมจากการถูกเฆี่ยนและความเหนื่อยล้าที่ฝังลึกอยู่ในเส้นเอ็น ไม่กี่ชั่วยามก่อนหน้านี้นางเพิ่งถูกใส่ร้าย ไล่ตะเพิด ถูกตัดขาดจากสกุลเหยียนผู้เคร่งในศักดิ์ศรีและหน้าตา บัดนี้นางกลับกลายเป็นเพียงหญิงสาวสกุลฉินที่ต้องระเห็จออกจากจวนสกุลเหยียน

เช้ามืดอากาศเย็นยะเยือก พัดโชยผ่านประตูไม้เก่าที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด อนุฉินถือห่อผ้าผืนเล็ก เดินออกมาส่งบุตรสาวถึงประตูหลังเรือน หญิงวัยกลางคนผู้มีใบหน้าอ่อนล้าและแววตาเว้าวอน กำมือแน่นราวกับกลัวจะเสียสิ่งสุดท้ายในชีวิตไป

"ลูกแม่...ดูแลตัวเองให้ดีนะลูก ถ้าเจ้าเจ็บป่วยไม่มีใครช่วย เจ้าต้อง...ต้องอดทนผ่านไปให้ได้ แม่ช่วยเจ้าสุดกำลังได้เพียงเท่านี้ โทษแม่ที่เกิดมาต่ำต้อย" 

นางว่าพลางยื่นห่อผ้าเล็ก ๆ และถุงเงินที่ผูกอย่างเรียบร้อยในห่อเดียวกัน เมิ่งซีรับไว้แน่น น้ำตาคลอในดวงตา แต่ใบหน้านิ่งสงบ

"ท่านแม่...วันใดที่ท่านหมดหวังกับคนในสกุลเหยียน อย่าลืมว่าท่านยังมีลูกสาวคนนี้รออยู่ที่บ้านนะเจ้าคะ"

หยวนอี สาวใช้ข้างกายของอนุฉินกับเสี่ยวซือ รีบยกหีบเล็ก ๆ ขึ้นรถม้าหลังบ้านที่ซื้อมาเตรียมพร้อมเอาไว้ พร้อมกับจัดวางเสบียงอาหารแห้ง หม้อใบเล็ก กาน้ำร้อน ถ้วยชามอย่างเรียบร้อย ในรถม้านั้นเรียบง่ายแต่สะอาดตา เห็นถึงความตั้งใจของผู้เป็นแม่

"หยุดนะ!"

ขณะที่เมิ่งซีกำลังก้าวไปยังรถม้า เสียงฝีเท้าหลายคู่ก็ดังขึ้นไม่ห่างนัก เสียงก้าวกระแทกพื้นหินกรวดดังกังวานก่อนที่ประตูเรือนจะถูกผลักเปิดออกจนสุด ฮูหยินผู้เคร่งขรึมเดินนำมาพร้อมกับเหยียนซูหนิง เหยียนหมิงเจี๋ย และเหยียนอวี่หนาน สายตาทุกคู่เต็มไปด้วยการสบประมาท

"นี่เจ้าคิดจะพาลูกออกไปจากจวนโดยไม่บอกกล่าว หรือว่าเจ้ากับลูกสาวคิดจะขโมยของในจวนแล้วหนีไปกันแน่ อนุฉิน!" 

ฮูหยินตวาดเสียงเข้ม แววตาดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่ปกปิด อนุฉินแม้จะหวาดหวั่นแต่ก็ยังยืดอกตอบกลับเสียงนิ่งตอนที่คุณหนูใหญ่วางแผนทำร้ายลูกสาวของนาง นางไม่อาจยื่นมือเข้าไปถึงในวังได้ แต่ครั้งนี้นางต้องปกป้องลูกสาวให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องยืนหยัดจนกว่าเมิ่งซีจะออกไปพ้นจากจวนนี้

"เสบียง เงินทอง รถม้า ทุกอย่างล้วนมาจากสินเดิมของข้า มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับของในจวนเลยสักนิด หากไม่เชื่อ ท่านก็ให้คนไปตรวจเถิดเจ้าค่ะฮูหยิน!"

ใต้เท้าเหยียนเดินตามออกมาพร้อมหน้าตาบึ้งตึง ครั้นได้ยินดังนั้นก็ไม่รอช้า ออกคำสั่งพ่อบ้านทันที

"ไปตรวจของในรถม้าให้ละเอียด หากมีของในจวนแม้แต่ชิ้นเดียว พวกเจ้าจะไม่ได้ออกไปโดยง่าย!"

คนงานและพ่อบ้านรีบขึ้นไปตรวจค้นอย่างถี่ถ้วน ไม่นานนักก็กลับมารายงาน

"เรียนใต้เท้า...ของทุกชิ้นล้วนเป็นของใหม่ ไม่มีตราประทับหรือสัญลักษณ์ของจวนเลยขอรับ"

เหยียนซูหนิงยังไม่วางใจ เดินไปตรวจด้วยตนเอง ครั้นพบว่าเป็นจริงดังคำนั้น ก็ค่อยยอมถอยกลับมา แต่แววตาไม่ยอมหยุดความชิงชัง

เมิ่งซีปรายตามองเหยียนหรูอิ๋ง ซึ่งยืนตัวลีบอยู่หลังคนรับใช้ ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น

"ข้าถูกกำจัดออกจากบ้านนี้เพราะแผนชั่วของเหยียนซูหนิงแล้ว ต่อไปนี้...พี่หญิงรองได้โปรดระวังตัว ต่อไปคงเป็นท่านที่จะถูกเล่นงาน"

สีหน้าของเหยียนซูหนิงเปลี่ยนทันทีเป็นโกรธเกรี้ยว แต่ก็ยังแสร้งว่าใจเย็น ตีหน้าเศร้าเดินไปกอดแขนบิดา

"ท่านพ่อเจ้าขา ดูคนเนรคุณผู้นั้นสิเจ้าคะ ยังกล่าววาจาให้คนในบ้านแตกร้าวอีก คนเช่นนี้ช่างใจคดยิ่งนัก"

ใต้เท้าเหยียนได้ยินแบบนั้นก็ตวาดลั่นสุดเสียง

"เจ้าอย่ามาพูดจาไร้สาระ! คิดจะยุแยงให้คนในบ้านแตกคอกันรึอย่างนั้นรึ! ช่างใจคดยิ่งนัก!"

เมิ่งซีสบตาบิดาตรง ๆ อย่างไม่เกรงกลัว แววตาคู่นั้นเยือกเย็นและซ่อนรอยแค้นเอาไว้ เธอบอกกับเจ้าของร่างนี้ในใจ

สิบปีค่อยแก้แค้นก็ยังไม่สาย เหยียนเมิ่งซีเจ้าอย่าได้ห่วง ข้าจะไม่ปล่อยให้คนพวกนี้ได้ตายดีแน่นอน...

"ท่านเป็นคนฉลาด เป็นไปไม่ได้หรอกที่ท่านจะไม่รู้ว่าเรื่องครั้งนี้เกิดขึ้นได้ยังไง เพียงแค่ท่านไม่พูดความจริงเพราะไม่ยอมเสียหมากในมือ ท่านมันก็แค่พวกเห็นผลประโยชน์เป็นใหญ่ มีลูกหลานไว้เป็นเครื่องขยายอำนาจทางการเมืองเท่านั้น ถูกต้องหรือไม่ใต้เท้าเหยียน?"

คำพูดนั้นกระแทกใจชายชราอย่างจัง ใบหน้าของใต้เท้าเหยียนแดงเถือก โกรธจนมือสั่น ต้องให้คนช่วยประคองกลับเข้าจวน

อนุฉินรีบจูงมือลูกสาวพาไปขึ้นรถม้า มืออีกข้างยื่นถุงเงินเล็ก ๆ แผนที่และจดหมายมอบให้เสี่ยวซือ

"เสี่ยวซือ ดูแลคุณหนูให้ดี มีเรื่องใดให้ส่งข่าวมา"

รถม้าเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ออกจากจวนสกุลเหยียน ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังตลาด เมิ่งซีให้เสี่ยวซือแวะหน้าร้านเสื้อผ้า ไปซื้อชุดบุรุษมาสำรองเอาไว้หลายชุด พร้อมกับซาลาเปาและแป้งทอดไส้เนื้ออีกหลายชิ้นหน่อย

ขณะนั้น เมิ่งซีก็ลูบหน้าอกเบา ๆ แล้วเอ่ยกับระบบในใจ

"อาเป่าตื่นรึยัง ข้าอยากได้ยาเม็ดฟื้นฟูร่างกาย"

เสียงในใจดังขึ้นทันที

"ยาฟื้นฟูร่างกายขั้นต้น 1 เม็ด ใช้ 10 เหรียญทองแดง...ยืนยันหรือไม่?"

"ยืนยัน"

[ขณะนี้เหรียญในระบบของนายท่านเหลือ 599 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 990 เหรียญทองแดง ]

ทันใดนั้นเม็ดยาสีอำพันปรากฏในมือ นางกลืนลงไปทันทีพร้อมกับยกน้ำในกระบอกขึ้นมาดื่ม ความเย็นซึมผ่านหลอดอาหาร ร่างกายรู้สึกเบาสบายขึ้นทันตา แต่ก็ยังไม่หายเป็นปลิดทิ้งเสียทีเดียว เพียงแค่ไม่ทรมานเหมือนเดิมก็เท่านั้น

ไม่นานเสี่ยวซือก็กลับมาพร้อมเสื้อผ้า ซาลาเปาไส้เนื้อและแป้งทอดมาใส่ห่ออย่างดี รถม้าจึงเคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง ตรงสู่เส้นทางใหม่ทิศตะวันออก 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ   จบบริบูรณ์

    5 ปีต่อมาตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา แคว้นเว่ยได้ฟื้นคืนจากเถ้าธุลีและผงาดขึ้นใหม่อีกครั้ง ภายใต้การปกครองของราชวงศ์จ้าว การขึ้นครองราชย์ของจ้าวอวี้และเมิ่งซีในฐานะฮ่องเต้และฮองเฮาองค์ใหม่ ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากราษฎรทุกหมู่เหล่า พวกเขาทั้งสองไม่ได้เป็นเพียงผู้ปกครอง แต่ยังเป็นผู้ที่นำพาความหวังมาสู่แผ่นดินที่เคยแห้งแล้งและสิ้นหวังการฟื้นฟูแคว้นเริ่มต้นอย่างรวดเร็วและเป็นระบบ ปัญหาภัยแล้งที่เคยเป็นอุปสรรคสำคัญถูกจัดการได้อย่างเด็ดขาด ด้วยการขุดลอกคลองส่งน้ำขนาดใหญ่ไปทั่วแคว้นตั้งแต่สองปีแรก และยังมีการสอนขุดเจาะหาบ่อบาดาลทั่วแคว้นทำให้ผืนดินที่เคยแห้งแตกระแหงกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง พื้นที่เพาะปลูกขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และผลผลิตทางการเกษตรก็เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเมิ่งซีได้ใช้ น้ำยาปรับพันธุกรรมพืช ที่เป็นของวิเศษจากระบบ นำเมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ มาแช่ในน้ำยาเป็นเวลาหนึ่งคืนก่อนจะทำการแจกจ่ายให้ทุกครัวเรือน พร้อมกับสอนวิธีการเพาะปลูกที่ถูกต้องให้กับราษฎรแต่ละท้องถิ่น พืชแต่ละชนิดถูกจัดสรรไปตามพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด บวกกับประสิทธิภาพของน้ำยาปรับพันธุกรรม จึงทำให้ผลผลิ

  • เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ   เสียงหัวเราะ

    แสงแดดยามบ่ายคล้อยเริ่มอ่อนแรงลง ทอดเงาต้นไม้ให้ยาวขึ้นไปตามพื้นดิน ไท่ซ่างหวงโฮ่วในชุดผ้าฝ้ายธรรมดาเดินเก็บผักอยู่ในสวนอย่างสบายใจ มือของนางค่อย ๆ เด็ดใบผักใส่ตะกร้าอย่างเบามือ สายตาก็ทอดมองไปยังธรรมชาติรอบ ๆ ที่เต็มไปด้วยความสงบเงียบและอุดมสมบูรณ์ นางรู้สึกเหมือนได้กลับคืนสู่รากเหง้าของตนเองอีกครั้งเบื้องหน้าไม่ไกลนัก ไท่ซ่างหวงกำลังเดินอยู่ท่ามกลางแปลงถั่วฝักยาวที่ออกดอกสีม่วงสวยงาม ข้างพระองค์คือเด็กน้อยสองคน อวิ๋นเจ๋อและหมิงเย่ว์ที่กำลังเดินตุ๊ต๊ะตามท่านปู่ไปอย่างซุกซน พวกเขามีแก้มที่กลมฟูและดวงตาที่กลมโตราวกับลูกแก้ว"เจ๋อเอ๋อร์... เดินดี ๆ นะลูก... อย่าไปชนเถาถั่วเข้าล่ะ" ไท่ซ่างหวงกล่าว ขณะที่คอยประคองหลาน ๆ อย่างระมัดระวัง แม้จะอยู่ในวัยที่ควรพักผ่อน แต่พระองค์ก็เต็มไปด้วยพลังในการเล่นกับหลานน้อยข้างกันนั้นเป็นแปลงแตงโมลูกใหญ่ที่กำลังเติบโตอย่างเต็มที่ ไท่ซ่างหวงเห็นดังนั้นจึงเอ่ยถามท่านลุงชุยที่คอยตามดูแลอยู่ไม่ห่างว่า... "ชุยซาน... แตงโมพวกนี้หวานหรือไม่""แตงโมพวกนี้เป็นสายพันธุ์ที่หวานฉ่ำ กินแล้วสดชื่นมากพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท... มีทั้งสีเหลืองและสีแดงพ่ะย่ะค่ะ" ท่านลุงชุยต

  • เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ   แตกสลาย

    หลายวันผ่านไป ขบวนเนรเทศออกห่างจากความเจริญไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางป่าเขาที่แสนอันตราย อากาศที่หนาวเย็นยามค่ำคืนกัดกินร่างกายของทุกคนที่ไม่มีเสื้อผ้าห่มกายให้เพียงพอ "ท่านพี่เจ้าคะ... ท่านพี่เห็นนั่นหรือไม่" เหยียนฮูหยินกระซิบสามี แล้วพยักพเยิดหน้าไปยังพุ่มไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป ผู้คุมคนหนึ่งเดินออกมาจากพุ่มไม้นั้นพร้อมกับหญิงสาวที่แต่งกายไม่เรียบร้อย ผมเผ้ารุงรังจนรู้ได้ว่าเพิ่งผ่านอะไรมา"เจ้าหมายความว่ายังไง" เหยียนอวี้เจิ้งถามด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด"ข้าว่าท่านพี่มีโอกาสที่จะระบายโทสะ แถมยังได้ข้าวได้น้ำกินสักถ้วยแล้วละเจ้าค่ะ" นางกล่าวพร้อมกับหันไปมอง ฉินซินเหยาที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าของนางยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์เหยียนอวี้เจิ้งมองตามสายตาของภรรยา เขาก็เข้าใจความหมายที่นางต้องการจะสื่อทันที ฉินซินเหยาผู้เป็นอนุภรรยาที่ครั้งหนึ่งเขาเคยหลงใหล แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความงามของนางก็เริ่มจืดจางลงในสายตาเขา จนในที่สุดเขาก็ทอดทิ้งนางให้อยู่แต่ในเรือนของตัวเองมานานนับสิบปี ตอนนี้ในสายตาของเขา นางเป็นเพียงเครื่องมือที่จะช่วยให้เขามีชีวิตรอดเท่านั้น"หึ..." เหยียนอวี้เจิ้งหัวเราะในลำคอด้

  • เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ   โง่งม

    ท้องพระโรงต้าเซิ่งกลับมาสงบเงียบอีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นพายุใหญ่แห่งการกวาดล้างกลุ่มกบฏ ขุนนางน้อยใหญ่ที่ยังคงภักดีต่างพากันยืนประจำตำแหน่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนยังคงฝังลึกอยู่ในความทรงจำ เหล่าขุนใหญ่ผู้กระทำความผิดร้ายแรงถูกประทานสุราพิษ องค์ชายสามและองค์ชายสี่ถูกประทานยาพิษจนสิ้นพระชนม์ พร้อมกับพระสนมผู้เป็นมารดา ส่วนสกุลกู้และสกุลหานถูกประหารเก้าชั่วโคตร เพื่อไม่ให้ผู้ใดกล้าคิดการใหญ่เช่นนี้อีกในอนาคต ขุนนางคนอื่น ๆ ก็ถูกตัดสินโทษตามความผิด หนึ่งในนั้นคือสกุลเหยียนที่ถูกยึดทรัพย์และเนรเทศไปใช้แรงงานยังชายแดนฮ่องเต้ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรด้วยสีหน้าที่สงบ แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความปีติยินดี ที่ได้เห็นลูกชายทั้งสองเติบโตอย่างมีคุณภาพและรักใคร่กลมเกลียว"วันนี้... เรามีราชโองการที่สำคัญยิ่ง" ฮ่องเต้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังกังวานไปทั่วท้องพระโรง ทำให้ขุนนางทุกคนต่างพากันเงียบสนิท"นับจากนี้... เราขอสละราชสมบัติ! และมอบบัลลังก์ต้าเซิ่งอันเรืองรอง ให้กับองค์รัชทายาทจ้าวหลิน ผู้สัตย์ซื่อมั่นคงเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม เป็นผู้สืบทอดปกครองโดยชอบธรรม!"ทันทีที่สิ้นเส

  • เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ   ความจริง

    นี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งซีได้มาเยืนอตำหนักของฮองเฮาพร้อมกับลูกน้อยทั้งสอง นางค่อนข้างประหม่าเพราะความไม่คุ้นชิน ไม่รู้ว่าตนเองจะปฏิบัติตัวถูกตามกฎในวังหลังหรือไม่ ทว่าทุกอย่างไม่ได้น่ากังวลเหมือนที่นางคิด..."หม่อมฉันถวายพระพรฮองเฮาเพคะ ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน คารวะองค์หญิงเพคะ" เมิ่งซียอบกายลงอย่างนอบน้อม "ลูกสะใภ้ตามสบายเถิด เจ้าน่าลำบากเตรียมอะไรมาเลย" ฮองเฮาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "พี่สะใภ้รีบลุกขึ้น หม่อมฉันขออุ้มหลาน ๆ นะเพคะ" องค์หญิงจิ้งเหยารีบเดินมาพยุงแขนเมิ่งซี ก่อนจะหันไปหาหลานน้อยทั้งสองที่ชุยเหม่ยกับเสี่ยวซืออุ้มตามเข้ามา"ขอบพระทัยเพคะฮองเฮา ขอบพระทัยองค์หญิงเพคะ"แต่ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ อวิ๋นเจ๋อและหมิงเย่ว์ก็ถูกผู้เป็นอาหญิงอุ้มไปหาเสด็จย่า"โถ... หลานย่า แก้มเจ้าเยอะขนาดนี้ แสดงว่ามารดาของเจ้าต้องเลี้ยงดูมาอย่างดี น่าชื่นชมจริง ๆ" ฮองเฮาอุ้มหมิงเย่ว์ขึ้นมาอย่างทะนุถนอม แล้วจูบลงไปบนแก้มที่ป่องของนางอย่างอ่อนโยน อวิ๋นเจ๋อที่เห็นน้องสาวถูกผู้เป็นย่าอุ้มก็รีบยื่นมือเข้าไปหาแล้วส่งเสียงร้อง "แอ้ แอะ!" อย่างชัดเจน ฮองเฮาจึงหัวเราะออกมาอย่างมีความส

  • เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ   ไม่เคยสำนึก!

    วังหลวงแคว้นต้าเซิ่งท้องพระโรงแห่งแคว้นต้าเซิ่งถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศที่อึดอัดและตึงเครียด ขุนนางน้อยใหญ่ต่างพากันมองหน้ากันอย่างเลิกลัก หลายคนรู้ดีว่าการประชุมในวันนี้ไม่ใช่การว่าราชการตามปกติ ฮ่องเต้ประทับอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าซีดเซียว พระองค์ไอเป็นเลือดเป็นระยะ ส่วนรัชทายาทจ้าวหลินก็มีสีหน้าไม่ต่างกันนัก เขาดูอ่อนเพลียและหมดแรงอย่างเห็นได้ชัดมหาอัครเสนาบดีกู้ฉาง ขุนนางชราผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในราชสำนัก ก้าวออกมาจากแถวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ"ทูลฝ่าบาท! ข่าวการศึกที่ท่านอ๋องหย่งอันได้รับชัยชนะและยึดครองแคว้นเว่ยได้สำเร็จนั้น เป็นเรื่องที่น่ายินดีพ่ะย่ะค่ะ!" กู้ฉางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด แต่ในแววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ "...""แต่กระหม่อมขอทูลว่า... การปกครองแคว้นที่เพิ่งยึดมานั้นเป็นเรื่องยากยิ่งนัก หากแผ่นดินของเรายังไม่มั่นคงเช่นนี้... อาจเกิดปัญหาในภายหลังได้พ่ะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นมองกู้ฉางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ "เจ้าจะพูดอะไรกันแน่! แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับการปกครองที่มั่นคงของข้า!""กระหม่อมเห็นว่า... ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทมีพระวร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status