Share

เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน
เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน
Author: เจียหลุนซิง

บทนำ 1 สวรรค์จันทรา

last update Last Updated: 2025-05-11 20:36:11

บรรยากาศบนสรวงสวรรค์เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เหล่าเทพเซียนจากทั่วทุกชั้นฟ้าได้รวมตัวกัน ณ ท้องพระโรงแห่งสวรรค์ เพื่อหารือถึงวิกฤตที่กำลังคุกคามทั้งโลกมนุษย์และแดนสวรรค์

เหนือบัลลังก์ทองคำ เฮ่าเทียนตี้จุน จักรพรรดิผู้ครองสวรรค์ ทรงเปล่งสุรเสียงหนักแน่น สะท้อนก้องไปทั่วท้องพระโรง

“บัดนี้ หมู่มารได้บังอาจบุกรุก ทำลายและครอบครองโลกมนุษย์ มิหนำซ้ำ ยังลามปามขึ้นมาก่อกวนยังสรวงสวรรค์! พวกเราจะนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้! จะต้องหาทางกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก!”

เฮ่าเทียนตี้จุนผู้ปกครองสวรรค์กล่าว

เสียงสนทนาอื้ออึงของเหล่าเทพเซียนดังกระหึ่มด้วยความกังวล เทพแห่งสงครามผู้ทรงพลังที่สุดในบรรดาเทพนักรบลุกขึ้น ประสานมือคารวะจักรพรรดิอย่างเคร่งขรึม

“องค์จักรพรรดิ ข้าได้ส่งบุตรชายของข้าลงไปสำรวจโลกมนุษย์แล้ว” เสียนเทียนกล่าว

“เขาเป็นเทพแห่งสงครามที่เก่งกาจยิ่งนัก ข้ายินดีจะให้เขาเป็นผู้บัญชาการกองทัพสวรรค์ในการศึกครั้งนี้”

เฮ่าเทียนตี้จุนพยักหน้าช้า ๆ ดวงเนตรเปล่งประกายทรงอำนาจ

“ดีมาก อย่างไรก็ดี พวกเจ้าจะต้องช่วยกันเฝ้าระวังปกป้องทั้งโลกมนุษย์และสวรรค์ ข้าจะไม่ยอมให้หมู่มารเหิมเกริมไปมากกว่านี้”

ขณะที่เหล่าเทพสนทนากันอย่างเคร่งเครียดนั้นเย่ว์ซิน เทพแห่งจันทรา เป็นธิดาแห่งจักรพรรดิผู้ครองสวรรค์ นั่งอยู่เงียบ ๆ

แม้ภายนอกจะดูสงบ แต่ภายในใจของเย่ว์ซินกลับปั่นป่วน เธอหลงใหลโลกมนุษย์เสมอมา ดวงตาของเธอทอดมองลงไปยังเบื้องล่าง ฝ่ามือบีบกันแน่นอย่างลังเล

“เหล่าเทพกังวลเรื่องศึกสงคราม...แต่ไม่มีผู้ใดใส่ใจชะตากรรมของมนุษย์ที่กำลังทุกข์ทรมาน”

เธอรำพึงกับตนเองในใจแม้ว่ากฎสวรรค์จะเข้มงวด ไม่อนุญาตให้เทพลงไปยังโลกมนุษย์โดยพลการ แต่เย่ว์ซินก็ตัดสินใจแน่วแน่ เธอจะต้องลงไปดูด้วยตาของตัวเอง ว่ามนุษย์ต้องเผชิญกับอะไรกันแน่

เธอเงยหน้าขึ้น แอบลอบถอนหายใจ ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นและหายตัวไปจากที่ประชุม

นางกำนัลเดินตามธิดาเทพไปยังห้องบรรทมอย่างเงียบงัน

เยว์ซินเป็นธิดาเทพผู้เลอโฉม ร่างบางของนางงดงามดุจดวงจันทร์ที่ทอแสงเจิดจรัสไร้สิ่งใดเทียบเทียม นางปลดอาภรณ์สีเงินระยิบระยับราวแสงแห่งรัตติกาลออกจากกาย พร้อมถอดมงกุฎประดับมุกจันทราสีเงินเหลือบฟ้า และคู่กำไลเงินสลักลายเสี้ยวพระจันทร์และหมู่ดาว ทุกครั้งที่ธิดาเทพขยับ กำไลเหล่านั้นจะสะท้อนแสงเป็นประกายระยิบระยับดั่งดาวบนฟากฟ้า

นางค่อยๆ ปลดต่างหูคริสตัลจันทราเส้นเล็กที่ดูราวกับดาวตกออกจากใบหู และสวมอาภรณ์สีฟ้าเรียบง่ายแทน สิ่งเดียวที่ยังคงติดกายนางตลอดคือแหวนไข่มุกจันทรา อัญมณีที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เกิด และไม่เคยถูกถอดออก

"ธิดาเทพจะเสด็จไปที่ใดเพคะ?"

ซือเหยา นางกำนัลคนสนิทเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

"ข้าจะลงไปยังโลกมนุษย์ เจ้าจะติดตามไปด้วยหรือไม่ ซือเหยา?"

เยว์ซินถามกลับ สายตานิ่งสงบแต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยน

"ที่ใดที่ธิดาเทพเสด็จ หม่อมฉันย่อมตามไปเพคะ"

ซือเหยาตอบหนักแน่น

เยว์ซินยิ้มจางๆ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ "ดี ข้าจะไปยังหุบเขาผีเสื้อดำ อยากรู้ว่าที่นั่นมีหมู่มารและเหล่าเซียนชุมนุมกันมากเพียงใดอย่างที่ร่ำลือกันหรือไม่"

"ที่นั่นอันตรายเพคะ! พระองค์สูญเสียพลังไปครึ่งหนึ่งเมื่อลงมายังโลกมนุษย์ พวกมารย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้แน่!" ซือเหยากล่าวเตือน สีหน้าเคร่งเครียด

เยว์ซินหัวเราะเบาๆ "ข้าอ่อนแอเพียงนั้นเชียวหรือ? แม้พลังแห่งดวงจันทร์ของข้าจะใช้ไม่ได้ในยามกลางวัน แต่เมื่อตกค่ำ...มันคือเวลาของข้า เจ้าห่วงอันใดกัน ตัวเจ้าเองก็มีพลังมนตราไม่น้อย อย่าขลาดนักเลย"

กล่าวจบ เยว์ซินหันหลัง ก้าวเดินไปยังประตูสวรรค์ที่ถูกปกปักโดยมังกรเทพ มังกรทองตัวยาวสง่าสะบัดลำตัวราวกับสายลมทองคำ เกล็ดของมันสะท้อนแสงเจิดจ้า แต่นางไม่รีรอ ใช้ม่านพลังรัตติกาลบดบังร่างจนไร้ร่องรอย ก่อนลอดผ่านประตูและหายไปจากสวรรค์ในพริบตา...

ทันทีที่เท้าแตะพื้นโลกมนุษย์ กระแสพลังบริสุทธิ์ของนางแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ เหล่าหมู่มารสะดุ้ง สัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่ไม่เคยมีมาก่อน

หุบเขาผีเสื้อดำ

ท่ามกลางม่านหมอกสีเทาที่ลอยคลุ้งปกคลุมราวกับม่านแห่งความลี้ลับ ลึกเข้าไปในหุบเขาผีเสื้อดำ มีสวนดอกไม้ต้องมนตร์ซ่อนอยู่ พื้นดินเย็นเยียบราวถูกแช่แข็งด้วยไอวิญญาณ และแม้ว่าดอกไม้ที่นี่จะมอดไหม้ในความมืดมิด ทว่าเมื่อเยว์ซินมาถึง...พวกมันกลับเบ่งบานขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

เหล่าเซียนและหมู่มารสัมผัสได้ถึงพลังบริสุทธิ์จากดวงจันทร์ แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นของผู้ใด

"ที่นี่เงียบจนน่าขนลุก ขนาดตอนกลางวันยังดูอันตราย ซือเหยา...ระวังตัวด้วย"

"เจ้าค่ะ ธิดาเทพ"

"ต่อไปให้เรียกข้าว่า เยว์ซิน เราเป็นพี่น้องกัน จงจำไว้"

"ได้...เยว์ซิน"

"ดีมาก"

ดอกเถาวัลย์วิญญาณเลื้อยทอดตัวไปทั่วหุบเขา หากเข้าไปใกล้จะได้ยินเสียงกระซิบจากวิญญาณที่เวียนว่ายอยู่ในนั้น

"ดอกไม้นี้สวยจังเลย เยว์ซิน" ซือเหยาเดินเข้าไปใกล้ดอกไม้สีฟ้าหม่นที่เปล่งแสงระยิบระยับ นางเอื้อมมือออกไปจะสัมผัส แต่ชะงักเมื่อเยว์ซินกล่าวเตือน

"ห้ามจับเด็ดขาด! นั่นคือดอกครวญคร่ำ ผู้ใดสัมผัสมันจะได้ยินเสียงกระซิบของวิญญาณอยู่ในหูตลอดเวลา จนเสียสติไปในที่สุด"

ซือเหยาหน้าถอดสี "ตายแล้ว! ที่นี่น่ากลัวจริงๆ ขนาดกลางวันยังชวนขนลุก กลางคืนจะรอดหรือไม่ก็ไม่รู้!"

"เราเดินไปอีกหน่อย ข้ารู้สึกถึงกลิ่นอายมนุษย์จำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่ข้าไม่แน่ใจว่าพวกเขาอยู่ตรงไหนของหุบเขานี้"

ทั้งสองเดินต่อไปจนพบกระท่อมเก่าๆ หลังหนึ่ง ซึ่งมีหญิงชราและชายชราสองผัวเมียอาศัยอยู่

"ที่นี่มีผู้ใดอยู่หรือไม่? พวกเราหลงทาง ขอความช่วยเหลือด้วย!" ซือเหยาตะโกนเรียก

เสียงแหบพร่าของหญิงชราดังขึ้น "นี่ก็มืดค่ำแล้ว สองแม่นางมาจากที่ใดกัน เวลานี้ไม่มีใครกล้าออกมาเดินเพ่นพ่านในหุบเขาผีเสื้อดำหรอกนะ"

"พวกข้าหลงทางมา ขออาศัยอยู่สักคืนได้หรือไม่?" เยว์ซินกล่าว

หญิงชรายิ้มกว้าง "ได้สิ นังหนู พวกเจ้ามาเหนื่อยๆ เข้ามาพักเถอะ ข้ามีซุปข้าวให้รองท้อง"

หญิงชราเดินออกไปพร้อมรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยลางร้าย ซือเหยาหยิบถ้วยน้ำแกงขึ้นมาเตรียมดื่ม แต่เยว์ซินรีบเอ่ยขึ้น

"หากเจ้าดื่มเข้าไป ร่างกายของเจ้าจะขยับไม่ได้ พิษจะเผาไหม้กระดูกจนแหลกเป็นผุยผงในคืนเดียว... นั่นคือพิษแมงป่องปีศาจ"

ซือเหยาตัวสั่น รีบเทซุปทิ้งทันที

ไม่นาน พ่อเฒ่าแม่เฒ่าเผยร่างแท้จริงเป็นปีศาจแมงป่องหวังดูดกลืนพลังวิญญาณ แต่ทันทีที่พวกมันเริ่มลงมือ แหวนไข่มุกจันทราก็เปล่งแสงสว่างจ้า

"คิดจะดูดพลังจากข้างั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!"

เยว์ซินใช้วงเวทย์จันทราสะกดปีศาจทั้งสองไว้ในลูกแก้วทันที ซือเหยาถอนหายใจอย่างโล่งอก...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 6 แก้แค้น...

    จวนไป๋เซียง...เสียงในจวนแตกตื่นเมื่อไป๋เทียนหลงลงมาจากฟ้า แสงสีดำอำมหิตจากร่างของเขาปกคลุมไปทั่ว เขามองดูทุกคนที่ยืนนิ่งด้วยความหวาดกลัว คนรับใช้ในจวนตกใจและตะโกนออกไป“ไปตามท่านแม่ทัพมาเร็ว จอมมารบุกจวนแล้ว!”ชายคนหนึ่งวิ่งไปตามหาท่านแม่ทัพไป๋เฉิงหลงผู้เป็นบิดาของไป๋เทียนหลงทันทีไป๋เฉิงหลงยืนนิ่งเมื่อได้ยินคำรายงานจากลูกน้อง กำปั้นของเขากำแน่น“เจ้าหายออกไปจากจวนข้า คิดว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร? ที่แท้เจ้าก็ไปเป็นมารอย่างนั้นหรือ? หึ...ช่างน่าเวทนาเสียจริง”“หุบปาก! คนใจร้ายอย่างท่านก็ไม่ได้ดีกว่าข้านักหรอก! เป็นสามีที่แย่ ปล่อยให้ภรรยาตัวเองถูกรังแกจนต้องตาย! วันนี้ข้าจะล้างแค้นให้กับท่านแม่ของข้า!”ไป๋เทียนหลงพูดด้วยเสียงกร้าวไป๋เฉิงหลงยิ้มเยาะ“หากเจ้าคิดว่าข้าเป็นเช่นนั้น...ก็มาฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งเลย! ลูกชู้อย่างเจ้าก็ไม่ควรอยู่!”คำว่าลูกชู้นั้นทำให้ไป๋เทียนหลงเจ็บปวดในใจ ดวงตาของเขาร้อนระอุแดงก่ำ มองไปยังบิดาทันที พร้อมใช้วิชามารพลังสีดำพุ่งเข้าใส่ไป๋เฉิงหลงโดยตรง“อ๊าก...เจ้า...”ไป๋เฉิงหลงร้องลั่น ลงไปกองกับพื้นกระอักเลือดทันที“คุณชายใหญ่อย่าทำอย่างนี้เลยนะเจ้าค่ะ...เห็

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 5 สตรีนางนี้ไม่ธรรมดา

    “เซียวหาน ท่านเห็นศิษย์น้องหรือไม่? นี่ก็นานแล้วที่นางขอไปเดินตลาดคนเดียว ข้าเป็นห่วงนางจริงๆ”ซิวเหยาถามด้วยความกังวล ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความห่วงใย“เจ้าอย่าห่วงนางเลย นางมีวรยุทธและของวิเศษมากมาย ไม่มีใครสามารถทำอะไรนางได้หรอก”เซียวหานกล่าวเสียงเบา แล้วหันมามองนางอย่างอ่อนโยน“ว่าแต่...เจ้าอยากไปที่ใด ข้าจะพาเจ้าไปเอง”ซิวเหยายิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ ที่เขาทำให้รู้สึกอบอุ่นในใจ ทั้งคำพูดและการกระทำของเขากลับทำให้นางรู้สึกเหมือนมีคนที่พร้อมจะดูแลเสมอ“ท่านนี่ก็น่ารักดีนะ ดูใส่ใจข้าดี”ซิวเหยาพึมพำเบาๆ อย่างรู้สึกดี“เจ้าว่าอะไรนะ?”เซียวหานถามกลับด้วยท่าทีแปลกใจ แม้จะพยายามเก็บความรู้สึกไว้ แต่ในใจเขากลับเต็มไปด้วยความสงสัย“ข้าไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”นางรีบยิ้มแล้วหันไปมองร้านผลไม้ที่ตั้งอยู่ข้างหน้า "เอาไม้หนึ่ง"นางสั่งพ่อค้าเสียงดังอย่างร่าเริงเซียวหานไม่ลังเล เขาหยิบเงินจากถุงของตัวเองแล้วยื่นให้พ่อค้าทันที ทั้งสองยิ้มให้กัน ก่อนที่ซิวเหยาจะหันกลับไปหามองเขาอย่างดีใจ"ขอบคุณ!"นางยิ้มหวาน ตาเป็นประกาย พร้อมถือไม้ผลไม้ชุบน้ำตาลในมือไปด้วยอย่างอารมณ์ดีเซียวหานมองนางด้วยความพึงพอใจ

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 4 รักหรือลวง

    เมืองหย่งกง...ชาวเมืองได้จัดเทศกาลหมื่นโคมวิญญาณซึ่งตรงกับคืนจันทร์เต็มดวงของเดือนสิบ ในค่ำคืนนี้ โคมไฟนับพันลอยล่องเหนือแม่น้ำ เปล่งประกายแสงระยิบระยับ ส่องทางให้วิญญาณที่จากไปได้สู่ภพภูมิที่ดีขึ้น ผู้คนต่างมารวมตัวกันเพื่อร่วมพิธีอุทิศดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้วแต่ไม่ใช่แค่เพียงมนุษย์ที่มาร่วมเทศกาลนี้ มารบางตนก็แฝงตัวมาเพื่อแสวงหาพลังจากดวงวิญญาณที่ถูกอัญเชิญ พวกมันดูดกลืนวิญญาณเพื่อเสริมพลังให้ตนเองข่าวลือกระจายไปทั่วเมืองว่าคืนนี้จะมีหญิงสาวที่มีมุกพลังจันทราเดินทางมาถึงเมืองแห่งนี้ และแน่นอน ไป๋เทียนหลง บุตรจ้าวแห่งจอมมาร ก็จะมาที่นี่เช่นกัน เขามาที่นี่เพื่อแสวงหามุกพลังจันทราไปให้ท่านจ้าวแห่งจอมมาร ผู้เป็นบิดาของเขาไป๋เทียนหลงปลอมตัวมาในชุดสีน้ำเงินลายครามสง่างาม เขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ถือโคมไฟที่ส่องแสงระยิบระยับในมือเพื่อลอยไปตามแม่น้ำแต่แล้วเขาก็พบกับหญิงสตรีผู้หนึ่ง นางเดินตรงเข้ามาหาเขา ความงามของนางสะกดทุกๆ สายตา นางงดงามราวกับดวงจันทรา ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนนางคือ มู่หลิน ผู้ที่เขาเคยพบในป่าครั้งนั้น“นี่ท่านคือคนที่ข้าช่วยชีวิตท่านไว้ในป่าใช่หรือไม่?”มู่หลินเอ่ยถามด้ว

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 3 ภารกิจปราบมาร

    เขาไท่ซวน …"มู่หลิน เหตุใดเจ้าถึงไปนอนหมดสติอยู่กลางป่าลึกขนาดนั้น มันเกิดอะไรขึ้น?"ซิวเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ขณะที่สายตาของนางจ้องไปยังมู่หลินด้วยความสงสัย"ข้าจำได้ว่าข้าช่วยชายคนหนึ่ง แล้วอยู่ ๆ ก็เหมือนมีอะไรสักอย่างทำให้ข้าสลบไป"มู่หลินตอบเสียงเบา สายตาหลบเล็กน้อย ขณะที่ระลึกถึงเหตุการณ์ในป่านั้น"แล้วตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"เซียวหานถามอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลที่ไม่สามารถปกปิดได้"ข้าดีขึ้นแล้ว ศิษย์พี่ทั้งสองไม่ต้องกังวล"มู่หลินยิ้มบาง ๆ ตอบรับคำถามนั้น เธอรู้ดีว่าทั้งสองคนห่วงใยเธอมากแค่ไหนเซียวหานและซิวเหยาเป็นศิษย์ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนจากนักพรตอี้เซียน ผู้มีวิชา และวรยุทธเก่งกล้า ทั้งสองต่างเป็นผู้ที่มีทักษะในการปราบมารอย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะเซียวหานที่มีอาวุธคู่กายเป็นกระบี่ปราบมาร "ทยาลกันต์" ซึ่งกระบี่เล่มนี้มีพลังอันแข็งแกร่ง เพราะถูกหลอมด้วยเหล็กกล้าสวรรค์และไฟอเวจี ใช้โลหิตของเซียนทั้งแปดขณะที่ซิวเหยาก็มีอาวุธเป็นพัดเพลงแห่งลม พัดที่มีพลังจากเสียงเพลงของลม เมื่อกางออกเสียงเพลงจากพัดนี้จะสะท้อนคลื่นเสียงที่มีพลังคมดังมีดกรีด

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 2 กำเนิดดอกโบตั๋น

    ณ เขาไท่ซวน ภายใต้เงาจันทร์ที่ส่องแสงเย็นตา ลมภูเขาพัดเอื่อยไล้ใบไม้ให้เอนไหวเป็นจังหวะเงียบสงบท่ามกลางสวนดอกโบตั๋นที่ผลิบานในยามราตรีนักพรต"อี้เซียน"ยืนสงบนิ่งอยู่กลางสวนเบื้องหน้าดอกโบตั๋นศักดิ์สิทธิ์ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าผ่าลงกลางดอกโบตั๋นดอกโตเป็นพิเศษ เรือนแสงสว่างจ้ากลีบดอกโบตั๋นสีเงินเรืองรองก็พลิ้วไหว สายลมพัดวนรอบดอกไม้ ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติปรากฏขึ้น ร่างของสตรีผู้หนึ่งปรากฏขึ้นทันใดนั้น นางปรากฏกายขึ้นด้วยใบหน้างดงาม ร่างระหง ผมยาวสลวยไหลลงอาบแผ่นหลัง ดวงตากลมดำใสดั่งดวงดาวบนฟากฟ้าในคืนมืด ผิวพรรณขาวผ่องละมุนราวหิมะ ร่างระหงดูประหนึ่งนางฟ้าจากสรวงสวรรค์นางสวมใส่อาภรณ์สีขาวเงินอ่อน นุ่มพลิ้วไหวไปตามลม ราวกับปุยเมฆที่ล่องลอยในท้องฟ้า"เจ้าคือ...มู่หลิน" นักพรตอี้เซียนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความเมตตาหญิงสาวกะพริบตา มองเขาด้วยความสงสัยก่อนจะเผยรอยยิ้มสดใสออกมา"ท่านอาจารย์? ข้า...มู่หลินหรือ?""ใช่แล้ว เจ้าถือกำเนิดจากโบตั๋นศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ที่ถูกลิขิตให้เกิดมา"นักพรตเฒ่ายิ้มบาง ๆ สายตาอ่านผ่านโชคชะตาของนางได้เพียงเล็กน้อย รู้แต่ว่านางมิใช่ผู้ธรรมดานางถือกำเนิดมาพ

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 1 เงาแห่งอดีต

    จวนไป๋เซียง...แม่ทัพไป๋เฉิงหลง แม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งเมืองหย่งกง มีฮูหยินสองคน ซูเหม่ยหลานเป็นฮูหยินใหญ่ นางได้ให้กำเนิดบุตรชายชื่อไป๋เทียนหลง ทั้งสองแม่ลูกใช้ชีวิตในจวนอย่างโดดเดี่ยว เพราะคำใส่ร้ายของจ้าวหงหลิง ฮูหยินรองแห่งจวนไป๋เซียงเมื่อครั้งที่แม่ทัพไป๋เฉิงหลงมีความรักในตัวซูเหม่ยหลาน แต่ทว่า นางกลับมีใจให้แก่ชายอื่นอยู่แล้ว ทว่า ด้วยคุณงามความดีจากการชนะศึกมาได้ จึงขอพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้ เพื่อให้ซูเหม่ยหลานเข้ามาเป็นฮูหยินแห่งจวนไป๋เซียงการแต่งงานจึงเป็นไปตามพระราชโองการโดยมิอาจขัดขืนได้ นางจึงต้องแต่งงานอยู่กินกับแม่ทัพไป๋เฉิงหลงแต่ด้วยการที่แม่ทัพต้องออกไปทำสงครามบ่อยครั้ง จึงมีคนสร้างเรื่องขึ้นมาโดยอ้างว่า บุตรชายของซูเหม่ยหลานไม่ใช่บุตรแท้ของแม่ทัพแต่เป็นบุตรของคนรักเก่าของนาง ซึ่งทำให้แม่ทัพไป๋เฉิงหลงเกิดความไม่พอใจ ทุกครั้งที่มองเห็นบุตรของตน ก็รู้สึกเคียดแค้นในใจ ทำให้ไป๋เทียนหลงต้องกลายเป็นเด็กที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อแท้ ๆ สองแม่ลูกใช้ชีวิตอยู่ในจวนอย่างขมขื่นบรรยากาศยามเช้าในจวนไป๋เซียงเต็มไปด้วยความเงียบสงบและความเยือกเย็นที่แผ่กระจายไปทั่ว เสียงนกร้องดังแว่ว

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทนำ 3 รักต้องห้ามคำสาปสวรรค์

    ห้องบรรทมเยว์ซิน เทพแห่งจันทรา“เร็วซือเหยามาช่วยข้า ท่านพ่อ ท่านแม่เรียกหาข้าแล้ว”“เพคะธิดาเทพ”ซือเหยาช่วยเยว์ซินแต่งองค์ให้สง่างามสมกับที่เป็นเทพธิดาแห่งจันทราของสวรรค์ แม้นางจะเป็นหญิงตัวเล็ก ๆ แสนซน แต่หน้าที่ของนางนั้นยิ่งใหญ่นัก คำสั่งของสวรรค์นั้นไม่อาจละเลยได้“ธิดาเทพแห่งจันทราเจ้าไปที่ใดมา ทำไมหมู่นี้ข้าไม่เจอเจ้ามาที่ท้องพระโรงเลย”เสียงท่านเฮ่าเทียนตี้จุนผู้เป็นบิดาดังขึ้นในห้อง ท่าทางตื่นตระหนกเล็กน้อย“ท่านพ่อเพคะ ข้าเป็นเทพธิดาตัวเล็ก ๆ จะไปไหนได้เพคะ อยู่ได้แค่สวนในสรวงสวรรค์เท่านั้นเพคะ”เยว์ซินพูดพลางยิ้ม ตอบคำถามของบิดา“ท่านพี่ก็อย่าว่าลูกเลย นางก็มีกิจของนาง”ตี้หย่งเหอกล่าวปกป้องธิดาของตนทันที เยว์ซินมองตามารดาแล้วยิ้มอบอุ่นที่เห็นมารดาปกป้องนางจนถึงขนาดนี้“ท่านแม่เข้าใจลูกที่สุด”เยว์ซินเข้าไปกอดมารดาของนางอย่างออดอ้อน“ถ้าท่านพ่อไม่มีอะไรจะตรัสกับข้าแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะเพคะ”เยว์ซินยกมือประสานคารวะผู้เป็นบิดาและมารดาอย่างนอบน้อม จากนั้นนางหมุนตัวเพื่อเดินจากไปจนถึงประตูแต่ทันใดนั้นก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อคนที่เดินตรงเข้ามาผู้นั้นคือ จิ่นหลิง“ท่านมาที่นี่ได้อย

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทนำ 2 ศึกใต้แสงจันทรา

    เยว์ซินได้จัดการปีศาจแมงป่องจนสิ้นซากเป็นที่เรียบร้อย ค่ำคืนนี้ทั้งสองยังคงพักอยู่ที่นี่ ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงรายงานจากซือเหยาดังขึ้นหลังจากไปสำรวจรอบๆ กระท่อม“ธิดาเทพเพคะ ข้างหลังกระท่อมมีโครงกระดูกมนุษย์มากมายเต็มไปหมด คาดว่าผู้คนคงถูกหลอกล่อให้มายังหุบเขานี้เพื่อดูดกลืนพลังวิญญาณบริสุทธิ์ กะโหลกส่วนใหญ่เป็นกะโหลกของเด็กๆ ทั้งนั้น”เยว์ซินโกรธแค้นยิ่งนักเมื่อได้ยินรายงานนี้ ปีศาจชั่วร้ายเช่นนี้ไม่ควรปล่อยไว้“เรื่องนี้ข้าไม่อาจนิ่งเฉยได้! รุ่งสางข้าจะต้องเข้าไปในถ้ำของหุบเขานี้ให้ได้ คืนนี้เจ้าพักผ่อนเสียเถอะ เหนื่อยมามากแล้ว โลกมนุษย์ไม่เหมือนสวรรค์ ทุกการกระทำต้องใช้พลังจากร่างกาย ทำให้เราเหนื่อยล้าได้”รุ่งสางทั้งสองเดินทางเข้าไปในหุบเขาผีเสื้อดำ เส้นทางแคบ ๆ เต็มไปด้วยกลิ่นดอกลมหายใจปีศาจที่ลอยคลุ้งไปทั่วอากาศ ทั้งสองใช้ผ้าปิดจมูกแน่นหนา เพราะหากสูดดมกลิ่นเข้าไปเพียงแค่ครู่เดียว ร่างกายจะค่อยๆ แข็งทื่อ หัวใจเต้นช้าลง จนกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ“ดอกไม้ที่นี่ล้วนมีพิษทั้งนั้น ระวังตัวด้วยนะ ซือเหยา” เยว์ซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กังวลซือเหยาพยักหน้า ก่อนที่ทั้งสองจะเดินลึกเข้าไป

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทนำ 1 สวรรค์จันทรา

    บรรยากาศบนสรวงสวรรค์เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เหล่าเทพเซียนจากทั่วทุกชั้นฟ้าได้รวมตัวกัน ณ ท้องพระโรงแห่งสวรรค์ เพื่อหารือถึงวิกฤตที่กำลังคุกคามทั้งโลกมนุษย์และแดนสวรรค์เหนือบัลลังก์ทองคำ เฮ่าเทียนตี้จุน จักรพรรดิผู้ครองสวรรค์ ทรงเปล่งสุรเสียงหนักแน่น สะท้อนก้องไปทั่วท้องพระโรง“บัดนี้ หมู่มารได้บังอาจบุกรุก ทำลายและครอบครองโลกมนุษย์ มิหนำซ้ำ ยังลามปามขึ้นมาก่อกวนยังสรวงสวรรค์! พวกเราจะนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้! จะต้องหาทางกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก!”เฮ่าเทียนตี้จุนผู้ปกครองสวรรค์กล่าวเสียงสนทนาอื้ออึงของเหล่าเทพเซียนดังกระหึ่มด้วยความกังวล เทพแห่งสงครามผู้ทรงพลังที่สุดในบรรดาเทพนักรบลุกขึ้น ประสานมือคารวะจักรพรรดิอย่างเคร่งขรึม“องค์จักรพรรดิ ข้าได้ส่งบุตรชายของข้าลงไปสำรวจโลกมนุษย์แล้ว” เสียนเทียนกล่าว“เขาเป็นเทพแห่งสงครามที่เก่งกาจยิ่งนัก ข้ายินดีจะให้เขาเป็นผู้บัญชาการกองทัพสวรรค์ในการศึกครั้งนี้”เฮ่าเทียนตี้จุนพยักหน้าช้า ๆ ดวงเนตรเปล่งประกายทรงอำนาจ“ดีมาก อย่างไรก็ดี พวกเจ้าจะต้องช่วยกันเฝ้าระวังปกป้องทั้งโลกมนุษย์และสวรรค์ ข้าจะไม่ยอมให้หมู่มารเหิมเกริมไปมากกว่านี้”ขณะที่เหล่าเทพสนทนา

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status