“เมื่อไม่มีใครสั่ง การสั่งจึงกระจายไปยังทุกปาก”
ฤดูใบไม้ผลิที่สองหลังพิธี “สลายตราเงา”
หมู่บ้านยากูระ — ชายแดนตะวันตกของอาโอบะ
จนกระทั่ง...
ฮากุโร่ ได้รับ จดหมายปริศนา
ข้อความนั้นสั้น และเต็มไปด้วยน้ำเสียงระคนศรัทธาและความสิ้นหวัง
“ขอเพียงท่านมองมาทางนี้… เราจะเชื่อว่ายังมีแสงที่แท้จริง”
“แม้ไม่มีใครนำ แต่เรายังเฝ้ารอเงาของท่าน”
ซาโยะ เห็นสีหน้าสามีเมื่ออ่านจดหมายจบ
“เจ้าจะไม่ไปเหรอ?” เธอถามเสียงเรียบ
“ข้าไม่ใช่แสง ไม่ใช่เงา ไม่ใช่อะไรอีกต่อไปแล้ว”
“แต่บางที—การ ไม่ไป อาจเป็นการเลือกข้างที่น่ากลัวที่สุด”
ในคืนเดียวกัน
“แสงที่ไม่มีกฎ…ย่อมจุดไฟเผาโลกได้เช่นกัน”
ตัดภาพไปยัง “พระอาคุ”
“ข้าไม่อยากให้คนในหมู่บ้านเชื่อในเสียงของใครง่าย ๆ”
“แต่เมื่อไม่มีใครพูด...เสียงไหนก็กลายเป็นจริง”
พระอาคุปิดตาแน่น
ปิดตอนด้วยฉากฮากุโร่เปิดแผนที่เก่า
แม้ไม่ต้องฟันใคร แต่บางครั้งการถือดาบ…ก็เป็นสัญญาณว่า “เจ้ากำลังฟัง”
จบด้วยเสียงประกาศลึกลับในหมู่บ้านยากูระ:
“ถ้าไม่มีผู้นำ...เราจะเลือกแสงแทน”
“ใครไม่เชื่อในแสง จงอยู่ในเงา และจงถูกลืม”
บทที่ 46: จดหมายจากหมู่บ้านที่ไม่มีผู้นำ“เมื่อไม่มีใครสั่ง การสั่งจึงกระจายไปยังทุกปาก”ฤดูใบไม้ผลิที่สองหลังพิธี “สลายตราเงา”เงาบนแผ่นดินมิได้กลับมาแต่ความระส่ำระสาย เริ่มผลิบานเหมือนต้นไม้ที่ไม่มีรากหมู่บ้านยากูระ — ชายแดนตะวันตกของอาโอบะไม่มีหัวหน้าหมู่บ้านมาหลายเดือนผู้นำคนเก่าเสียชีวิตจากพิษตกค้างผู้คนใช้การโหวตเป็นทางออก แต่ผลลัพธ์มีเพียงความเงียบจนกระทั่ง...ฮากุโร่ ได้รับ จดหมายปริศนาถูกเขียนด้วยลายมือที่ไม่แน่ชัดไม่มีชื่อผู้ส่งแต่มีกลิ่นควันไฟเจือปนบนซองกระดาษข้อความนั้นสั้น และเต็มไปด้วยน้ำเสียงระคนศรัทธาและความสิ้นหวัง“ขอเพียงท่านมองมาทางนี้… เราจะเชื่อว่ายังมีแสงที่แท้จริง”“แม้ไม่มีใครนำ แต่เรายังเฝ้ารอเงาของท่าน”ซาโยะ เห็นสีหน้าสามีเมื่ออ่านจดหมายจบเธอรู้ว่าเขาไม่อยากเป็น “ผู้นำ”แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่า คือ… เขาเริ่มคิดว่าจะไม่ไปดูด้วยซ้ำ“เจ้าจะไม่ไปเหรอ?” เธอถามเสียงเรียบ“ข้าไม่ใช่แสง ไม่ใช่เงา ไม่ใช่อะไรอีกต่อไปแล้ว”“แต่บางที—การ ไม่ไป อาจเป็นการเลือกข้างที่น่ากลัวที่สุด”ในคืนเดียวกันมีเสียงระเบิดดังขึ้นจากชายป่าใกล้หมู่บ้านยากูระควันไฟลอยขึ้นสู่ท้อง
บทที่ 45 — ฤดูที่เงาไม่กลับมาเมื่อเงาถูกลบ สิ่งที่ยังคงอยู่ไม่ใช่แผ่นดิน...แต่คือใจของผู้เคยอยู่ใต้เงาฤดูใบไม้ผลิครั้งแรกหลังการสลาย “สัญญาเงา” มาถึง ในแผ่นดินที่เคยบอบช้ำจากสงครามใต้เงาแผนกลศึก ดอกไม้เริ่มเบ่งบานไม่พร้อมกัน เหมือนแต่ละตระกูลยังลังเลว่าจะ “เชื่อในสันติ” ได้จริงหรือไม่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนเชิงเขาอิคุซะโนะโมริ ฮากุโร่กับซาโยะใช้ชีวิตอย่างสามัญ เขาปลูกดอกโบตั๋น เธอสอนเด็ก ๆ อ่านเขียนไม่มีใครเรียกเขาว่า ขุนศึกเงา ไม่มีใครถามว่าเธอคือ ธิดาแห่งแคว้นโคะริว ทั้งคู่เลือกจะ “อยู่” มากกว่า “เป็น”ที่ศาลากลางเมืองอาโอบะ ม้วนสาส์น “พันธะเปล่า” ถูกเก็บไว้ในกล่องแก้ว คือเอกสารหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์ที่ไม่มีลายเซ็น มีเพียงรอยเปื้อนจากมือผู้ส่งมอบอาคุริว ซึ่งบัดนี้สละตัวตนเก่า เดินทางไปตามหมู่บ้านชายแดน ในนามของ “พระอาคุ” ไม่เทศนา แต่ฟัง ไม่สอน แต่ตั้งคำถามหนึ่งในคำที่เขาชอบถามชาวบ้านคือ:“วันนี้เจ้าตื่นขึ้นมา...กลัวอะไรที่สุด?” ถ้าคำตอบคือ “ไม่มีอะไรเลย” เขาจะยิ้ม... และเดินจากไปในภาพรวม แผ่นดินไม่ได้สงบในทันที ความขัดแย้งยังมี คำโกหกยังซ่อนอยู่ในกล่องของข
บทที่ 44: ผู้ที่เลือกอยู่ในแสงเมื่อไม่มีเงาเหลือให้ซ่อน ผู้ใดเล่าจะกล้าเดินต่อภายใต้แสงโดยไม่หวั่นไหวแสงอาทิตย์เช้าวันใหม่ ทอผ่านม่านหมอกที่ลอยอยู่เหนือทุ่งเซกิคุบริเวณที่เคยเป็น “สนามสังเวียนไร้เสียง” ของสงครามลับบัดนี้ กลายเป็นสถานที่เปิดโล่ง ที่เหล่าทายาทของตระกูลต่างๆ มายืนเงียบเรียงหน้ากันไม่มีใครถือดาบไม่มีใครมีตราประจำตระกูลบนไหล่มีเพียงสายตาที่มองกันตรง ๆซาโยะ ยืนอยู่แถวหน้าในชุดขาวเรียบง่าย ไม่ประดับลายใดเธอเป็นผู้เริ่มพูดก่อน“ข้าคือธิดาของขุนพลผู้ล่มสลายข้าคือเจ้าสาวของศัตรูและข้าคือหญิงสาวที่เลือกจะไม่ตกเป็นเครื่องมือของแสงหรือเงาอีกต่อไป”เสียงของเธอไม่ได้ดังก้องแต่ชัดพอให้ทุกคนหยุดหายใจฮากุโร่ ก้าวมาข้าง ๆเขาเงียบแต่ในมือนั้น เขาถือ “สาส์นเปล่า”กระดาษขาวไม่มีคำแต่มันคือตราสัญญาใหม่—แผ่นดินที่แต่ละคนจะเขียนประวัติศาสตร์ด้วยมือของตนเองเขามอบมันให้ผู้นำแต่ละตระกูลหนึ่งคน หนึ่งแผ่นไม่ใช่เพื่อให้เซ็นแต่เพื่อ เขียนคำมั่นของตนเองด้วยลายมือผู้นำตระกูลคุเสะ เป็นคนแรกที่เดินออกมาเขาวางตราแว่นของตนลงข้างกระดาษถอนหายใจ แล้วเขียนสั้น ๆ:“ข้าสำนึกในสิ่งที่เงา
บทที่ 43 — ทะเลที่ไม่มีภาพสะท้อนรุ่งเช้าหลังการประลองเงาคลื่นทะเลที่ชายฝั่งอาโอบะสงบจนน่าประหลาดไม่มีเสียงลมไม่มีหมอกและไม่มีภาพสะท้อนบนผิวน้ำ—แม้ท้องฟ้าจะไร้เมฆฮากุโร่ ยืนอยู่ลำพังบนโขดหินในมือไม่มีดาบอีกต่อไปหลังจากพิธี “เผาฝัก” ที่เขาทำเมื่อคืนก่อนเขากลายเป็นนักรบไร้อาวุธไม่ใช่เพราะไร้เรี่ยวแรงแต่เพราะเขาเลือกจะไม่ใช้มันอีก“เมื่อไม่มีเงา...เราจะเห็นตัวเองชัดขึ้น หรือจะรู้สึกว่างเปล่า?”คำถามผุดขึ้นในใจเหมือนภาพสะท้อนที่ไม่เคยปรากฏบนทะเลในยามเช้านี้ซาโยะ เดินมาหาเธอแตะไหล่เขาเบา ๆ“ข้ากลัว...”“เมื่อไม่มีศัตรู...ข้าจะไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร”ฮากุโร่หันมามองเธอสายตาเขาไม่เศร้าแต่ก็ไม่สดใสราวกับแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านน้ำโดยไม่ทิ้งเงา“ข้าก็กลัวเหมือนกัน”“แต่บางที...กลัวนั่นแหละ คือสิ่งที่ทำให้เรายังเป็นมนุษย์”ในเวลาเดียวกันที่ศาลากลางเมืองอาโอบะตัวแทนตระกูล ทั้งโฮชิ, คุเสะ, อิซึมิ และตระกูลย่อยต่าง ๆมาร่วม “พิธีสลายตราเงา”ว่ากันว่าหลังจากนี้จะไม่มี กฎแห่งเงาไม่มี สิทธิ์ลอบฆ่าโดยคำสั่งเบื้องบนไม่มี ขุนศึกลับ ที่เขียนแผนล่วงหน้าเป็นปีเพื่อสงครามที่ไม่มีใครต้องการแ
บทที่ 42 — บทเรียนสุดท้ายของดาบที่ไม่เคยฟันณ ลานไม้กลางวิหารร้างบนยอดเขาอันห่างไกลฮากุโร่ยืนอยู่หน้าพี่ชาย—อาคุริวไม่มีผู้ชม ไม่มีกลองรบ ไม่มีเสียงพร่ำสอนของคาเงะมีเพียงกลิ่นฝนก่อนพายุและคำถามในใจที่ไม่อาจฟันด้วยดาบเล่มใดในโลก“เจ้าฝึกดาบมากับข้า...แต่เจ้าคือคนเดียวที่ไม่เคยฟันใครจริง ๆ”อาคุริวยิ้มอย่างเจ็บลึกเขาชักดาบช้า ๆ ปล่อยให้แสงจันทร์สะท้อนใบมีด“วันนี้ข้าจะให้บทเรียนสุดท้าย...ว่าดาบที่ไม่ฟั
เบื้องหลังพี่ชาย: “อาคุริว” — เงาที่เงาก็ไม่ไว้ใจในอดีต เขาถูกเรียกขานในหมู่สายลับว่า “ดาบเบื้องหลังธง”ชื่อจริงคือ “อาคุริว” (悪竜) พี่ชายแท้ ๆ ของฮากุโร่บุตรคนโตแห่งบ้านคามิโนะ ตระกูลนักรบที่เสื่อมชื่อเสียงเพราะอยู่ผิดข้างในศึกใหญ่เมื่อ 17 ปีก่อนต่างจากฮากุโร่ที่เงียบขรึมและยึดอุดมการณ์อาคุริว เติบโตมาท่ามกลางความเคียดแค้น และถูกฝึกให้เป็น "เครื่องมือ" มากกว่าคนจุดเปลี่ยนเมื่ออายุ 20 ปี เขาถูกส่งเข้าหน่วยลับ “อุรายามิ” (裏闇)หน่วยที่ไม่ได้ขึ้