ศรัทธาที่แท้ มักอดทนต่อความเงียบ
แต่ศรัทธาที่ถูกปลูกฝัง...มักอดกลั้นไม่ได้เมื่อมีใครไม่สวด
คืนเดือนแรม
ในหมู่บ้านคิซุ
ไม่มีใครเห็นว่าใครเป็นคนทำ
แต่ทุกคนรู้ดี...ว่าบ้านที่ถูกตีสัญลักษณ์
จะมีคน “หายไป” ในไม่กี่วัน
คุโรอิ เริ่มจัดประชุมลับ
“พวกเขาไม่ฆ่าเรา
พวกเขา ‘ลบ’ เราออกจากความทรงจำของคนในหมู่บ้าน”
“มันคือสงคราม…แบบที่ไม่มีเสียงปืน”
ซาโยะ พูดกับฮากุโร่ที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ:
“ท่านเคยเป็นดาบของเงา
ตอนนี้ศรัทธากำลังใช้ดาบแบบเดียวกัน แต่ปลายดาบคือคำว่า ‘แสง’”
“เจ้าหมายความว่า…แสงมันกลายพันธุ์?” เขาถาม
“มันไม่ได้กลายพันธุ์
แต่มือที่ถือมันต่างหาก…ที่เปลี่ยนสีเลือดเป็นสีศรัทธา”
แม่มดแห่งแสงออกคำประกาศ:
“ใครไม่สวด…ย่อมไม่เชื่อ
ใครไม่เชื่อ…ย่อมไม่ใช่พวกเรา
ใครไม่ใช่พวกเรา…ย่อมไม่มีที่อยู่ใต้แสงนี้”
ภาพตัดไปยังครอบครัวหนึ่งในคิซุ
“ขอให้เธอได้อยู่ในแสง…ตลอดไป”
ฮากุโร่ เดินผ่านตลาดร้าง
“ความเงียบไม่ใช่บาป
ความหวาดกลัวต่างหาก...ที่เป็นต้นเหตุของบาปศรัทธา”
เขาวางแผ่นไม้ไว้ใต้เสาศาลา ก่อนหายเข้าไปในเงา
ตอนจบของบทนี้
“ถ้าเราไม่สวด...เราจะรอดหรือ?”
ชายผู้นั้นเงียบ
“ข้ารู้แต่เพียงว่า…
คนที่เริ่ม ‘ไล่ล่า’ ผู้ไม่สวด
…ไม่ได้รอดแม้แต่คนเดียวในหน้าประวัติศาสตร์”
บทที่ 70 — เงาที่ล้มเงาเมื่อคนที่เคยเงียบ...เริ่มพูด,เมื่อคนที่เคยก้มหน้า...เริ่มมองตา,และเมื่อความกลัวหมดฤทธิ์ — ผู้ชำระความจำ…เริ่มสะดุ้งกับเสียงที่ไม่ใช่เสียงตะโกนหมู่บ้านอาเนะโนะ - ยามก่อนรุ่งบนลานหน้าศาลาว่างมีคนยืนเรียงเป็นแถวเงียบ...ไม่มีธูป ไม่มีไฟ ไม่มีผู้นำแต่ทุกคนถือกระดาษแผ่นเล็กหนึ่งใบเด็กคนหนึ่งอ่านออกเสียงช้า ๆ“มิเนะ - ผู้เก็บเงาจากผืนดิน”หญิงชราอีกคนต่อว่า“เร็นโซ - ผู้ไม่เคยสวด...แต่เคยช่วยข้าหนีน้ำป่า”ชายหนุ่มในชุดชาวไร่พูดตาม“ข้า - ผู้เคยลืมชื่อแม่ตนเอง…วันนี้ ข้าจำได้อีกครั้ง”นี่คือ “พิธีชื่อ” ที่ไม่หลบซ่อนอีกต่อไปจัดกลางหมู่บ้านในวันเดียวกับที่ผู้ชำระความจำจะเดินทางมาล้างบันทึกครั้งใหญ่ผู้ชำระความจำกลุ่มหนึ่ง — นำโดยขุนนางหนุ่มชื่อ “อิซุนะ”เดินทางพร้อมนักบันทึก และนักสวดแต่เมื่อมาถึงอาเนะโนะ พวกเขาพบเพียงภาพที่ไม่เคยปรากฏในบันทึกใดคนในหมู่บ้านยืนเรียงกันโดยไม่พูดและบนกำแพงศาลา — มีชื่อของ “คนที่เคยตายตามทะเบียน”ถูกจารไว้อย่างเปิดเผยบางชื่อเป็นเด็ก…บางชื่อคือพ่อแม่ของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอิซุนะพึมพำกับตนเอง:“นี่คือการยั่วยุศรัทธา...หรือคือศรั
บทที่ 69 — คนตายที่เดินอยู่ในเงาพวกเขาไม่ได้กลับมาด้วยความแค้นแต่กลับมาพร้อมคำว่า “ข้าเคยมีตัวตน”สถานที่: ทางเดินใต้ดินเชื่อมหมู่บ้านร้างสามแห่งซึ่งเคยใช้เป็นที่ลี้ภัยในยุคสงครามสายเลือดเก่าเสียงฝีเท้าเบา ๆ กึกก้องในความมืดชายชราเดินนำ สวมเสื้อคลุมปิดหน้าเด็กหญิงสองคนตามหลัง ขนสมุดหนาไว้ในกระสอบเมื่อถึงห้องลับ — แสงจากโคมไร้ไส้สะท้อนผนังเผยให้เห็นใบหน้าของ “ผู้ตายตามทะเบียน”คือคนที่เคยถูกประกาศว่าเสียชีวิตในการชำระศรัทธาแต่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ — ในเงาชายคนหนึ่ง (เคยเป็นช่างไม้):“ลูกข้าเคยถามว่า ทำไมชื่อข้าถึงไม่มีในคำสวดข้าตอบไม่ได้ แต่ข้าจำเสียงหัวเราะของนางได้มันพอแล้ว...ที่ข้ายังอยู่เพื่อฟังเสียงนั้นอีกครั้ง” ซาโยะแอบตามรอยเงาในป่าพบเงาคนสองคนวางกระดาษไว้ใต้ต้นไม้เมื่อหยิบขึ้นมา เธอพบเพียงข้อความว่า:“เราคือคนตายที่เดินอยู่ในเงาแต่ถ้าท่านยังจำ ข้าไม่ใช่วิญญาณอีกต่อไป”ซาโยะไม่พูดอะไรเธอแค่เขียนชื่อเหล่านั้นลงในสมุดของตนต่อเติมบันทึกเงาที่อาคิทิ้งไว้ย้อนอดีตของผู้ชำระความจำคนหนึ่ง (เร็นไซ)เขาเคยเห็นชายชราถูกเผาทั้งเป็นเพราะสลักชื่อเมียลงบนหินคืนหนึ่งในป่า เขา
บทที่ 68 — ดอกไม้ที่เบ่งบานในวันศพบางศพไม่ต้องเผา...ก็ส่งกลิ่นแห่งการเปลี่ยนแปลงสถานที่: หมู่บ้านอาเนะโนะ, ฮานาเระ, มินามิ-ซาวะ และอีกเจ็ดหมู่บ้านเวลา: สัปดาห์ถัดจากเหตุการณ์ไฟไหม้หอสมุดที่ไม่มีใครอ้างตัวรับผิดชอบข่าวลือแพร่ไปทั่วแคว้นในคืนเดียวว่า“เด็กหญิงที่เขียนชื่อคนตาย ถูกจับไปแล้ว”“เธอไม่ได้ร้องไห้แม้แต่คำเดียว”“ก่อนถูกพาไป เธอวางสมุดเล่มหนึ่งไว้ใต้เสื่อ...เขียนคำสุดท้ายว่า ‘อย่าลืมชื่อของพวกเขา’”ไม่มีใครยืนยัน ไม่มีใครเห็นแต่ทุกคน...เชื่อในหมู่บ้านอาเนะโนะ:ยายของอาคิยืนเงียบหน้าศาลาว่างเธอถือโคมไร้ไส้หนึ่งอัน และกล่าวเบา ๆ“ข้าจะไม่พูดว่าหลานข้าตายข้าจะพูดว่า...ความเงียบของเจ้า เปลี่ยนฤดูกาลได้”ฉาก: เด็ก ๆ แต่งชุดขาว เรียงกันบนเนินเขาแต่ละคนถือกระดาษแผ่นเล็ก เขียนชื่อใครบางคนที่เคยถูกลืมแทนพวงหรีด — พวกเขาวางกระดาษเหล่านั้นรอบโคม“นี่คืองานศพที่ไม่มีศพแต่มีคนจำนวนมาก...ที่ตื่นขึ้น”ในหมู่บ้านมินามิ-ซาวะพระผู้เคยเผาแผ่นไม้ กลับเดินมาร่วมพิธีเงียบเขาไม่พูด เขาแค่ถอดผ้าโพกหัววางไว้ข้างชื่อหนึ่งบนกระดาษชื่อที่เขาเคยสั่งให้ลบเสียงกระซิบจากฝูงชน:“นางยังมีชีวิตหร
บทที่ 67 — การล่าคนที่จำเมื่อชื่อกลายเป็นภัยและความจำ…กลายเป็นอาชญากรรมสถานที่: สำนักงานบัญชีศรัทธาแห่งแสง – เขตศักดิ์สิทธิ์ใจกลางเมืองหลวงผู้ควบคุมบัญชีใหญ่ “ท่านเมียวโกะ” ได้รับรายงานจากสายลับภาคสนาม:“มีเอกสารต้องห้ามแทรกซึมเข้าสู่หมู่บ้าน 17 แห่งใน 2 เดือนทั้งหมดเขียนด้วยลายมือคล้ายเด็กหญิง และมีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ที่ถูกขจัดไปแล้ว”ท่านเมียวโกะ (ชายชราในชุดคลุมขาว):“ชื่อคือพันธนาการของวิญญาณหากเราปล่อยให้มันถูกเรียกกลับ...พวกตายจะเดินอีกครั้ง”เขาจึงสั่งตั้งหน่วย “ผู้ชำระความจำ”ประกอบด้วยนักพรต 6 คนพร้อมเด็กฝึกวัยหนุ่มที่เชี่ยวชาญการเผาหนังสือและลบจารึกฉาก: หมู่บ้านโยโระพระหนุ่มนามว่า เร็นไซ มาถึงพร้อมคัมภีร์และไฟเขาไม่ประกาศเจตนา ไม่ถามความสมัครใจเขาแค่พูดเบา ๆ ว่า:“ใครยังเขียนชื่อที่ตายไปแล้ว...นั่นคือผู้ทรยศแสง”อาคิ ถูกซ่อนในห้องใต้ดินเด็กคนหนึ่งร้องไห้บอกว่า“ข้าเผาไม้สลักชื่อไปแล้ว พวกเขาจะปล่อยพวกเรามั้ย?”ซาโยะ อยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียง ได้ข่าว จึงรีบเร่งมาแต่ช้าไปหนึ่งคืนแผ่นไม้สลักชื่อกว่า 100 แผ่น...กลายเป็นเถ้าถ่านผู้ชำระความจำ เริ่มแฝงตัวเป็นคนในหมู่บ้
บทที่ 66 — เด็กหญิงที่ไม่มีชื่อไม่มีใครเรียกชื่อเธอแต่เธอคือเหตุผลที่ชื่อของคนอื่น…ยังคงอยู่สถานที่: ระหว่างเส้นทางลับในป่าลึกเชื่อมหมู่บ้านอาเนะโนะ–ฮิเมะสึรุเธอถูกเรียกเพียงว่า “หนู” หรือ “เด็กคนนั้น” ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเธอไม่มีใครแน่ใจว่าเธอเป็นลูกใครแต่ทุกหมู่บ้านในเขตศรัทธาเงา ต่างได้รับกระดาษแผ่นเล็กจากเธอกระดาษเหล่านั้นไม่ได้มีบทสวดแต่มี “ชื่อ” คนที่ถูกลืม พร้อมประโยคสั้น ๆ เช่น:“เขาเคยเป็นคนสอนหนังสือให้หมู่บ้านหนึ่ง”“นางเคยเอาข้าวให้คนที่ไม่มีสิทธิ์กิน”“เขาถูกตัดชื่อจากบัญชีศาสนา แต่ลูกสาวยังรอเขาอยู่”เธอไม่พูด ไม่ร้องแต่รู้เส้นทางทุกแยกในป่าที่ไม่มีในแผนที่เธอไม่หยิบดาบแต่รู้ว่าคำพูดไหนต้องหลบคำไหนต้องปล่อยให้คนอื่นได้ยินคืนหนึ่ง ที่หมู่บ้านมิเนะโซโนะเธอวางกระดาษเล็กใต้หมอนของผู้เฒ่าหูตึงคนหนึ่งข้อความเขียนว่า:“ชื่อของลูกชายท่าน ยังไม่ควรหายไป”“มีเด็กคนหนึ่งยังจำได้ว่าเขายิ้มยังไง”เช้าวันถัดมา ผู้เฒ่าคนนั้นจุดโคมไฟไว้หน้าบ้านโดยไม่ใส่ไส้ — เป็นโคม “ไร้ไฟ” แห่งแรกของหมู่บ้านนั้นในเมืองหลวง, ขุนนางผู้ดูแลทะเบียนศาสนาเปิดสมุดบันทึกดูรายชื่อ — แล้วสะดุ
บทที่ 65 — ผู้แบกความทรงจำ ไม่มีสิ่งใดตายจริง หากยังมีใครคนหนึ่ง เรียกชื่อมันได้ สถานที่: หมู่บ้านอาเนะโนะ — ชายป่าทางเหนือของแคว้นมิสุโนะ หมู่บ้านที่เคยเป็นศูนย์กลางของการล้างประวัติศาสตร์เมื่อ 20 ปีก่อน เด็กหญิงคนหนึ่งชื่อว่า อาคิ อาศัยอยู่กับยาย เธอไม่เคยได้เรียนในวัดหลวง ไม่เคยถูกสั่งให้สวด แต่เธอ “จำชื่อคนที่ถูกลืม” ได้มากกว่าผู้ใด เธอเดินจากบ้านสู่ศาลาหมู่บ้านทุกค่ำ ไปนั่งตรงเสากลาง แล้วเขียนชื่อลงในไม้ “ยามาดะ เคย์ซึ” “นัตสึโนะ ซากุระ” “โทริอิ โยเฮ” “มุราเสะ ไดจิ” “คันโนะ เรน” …ชื่อที่ไม่มีในตำราของศาสนจักรแห่งแสง ชาวบ้านถามเธอเสมอว่า: “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าใครเคยมีอยู่?” อาคิ: “ยายข้าเคยได้ยินเสียงพวกเขาร้อง ข้าแค่จดไว้ก่อนที่เสียงนั้นจะจางหาย” วันหนึ่ง ซาโยะ เดินทางมาถึงหมู่บ้านอาเนะโนะ เธอได้ยินเสียงท่องชื่อจากศาลาในยามค่ำ ไม่ใช่บทสวด ไม่ใช่คำอธิษฐาน แต่เป็นการ “จำ” ที่ไม่มีใครสั่ง ซาโยะถามอาคิ: “เจ้ารู้ไหมว่าทำแบบนี้...เจ้ากำลังต่อต้านศาสนจักร?” อาคิ: “ข้ารู้ แต่ถ้าการจำชื่อใครสักคน คือการต่อต้าน งั้นพวกเขาก็กลัวความทรงจำยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก”