งานเปิดตัวคอลเลกชันของ ALISA Design ยังคงดำเนินไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแสง สี เสียง และผู้คนที่แต่งกายสวยงาม ทว่าความวุ่นวายเล็กๆ กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อแพรไหมตัดสินใจที่จะไม่ยอมปล่อยให้คีรินทร์เป็นอิสระจากเธอได้ง่ายๆ และเธอจะไม่ยอมให้อลิสาได้มีโอกาสใกล้ชิดกับคีรินทร์มากไปกว่านี้
หลังจากที่คีรินทร์ปฏิเสธที่จะไปกับเธอที่โซนวีไอพี แพรไหมก็เดินแยกออกไปอย่างไม่พอใจ แต่เธอก็ยังคงไม่ละสายตาไปจากเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว เธอเห็นคีรินทร์ยังคงยืนคุยอยู่กับอลิสาและภูริชด้วยท่าทีที่ดูเป็นกันเองและผ่อนคลาย ซึ่งทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้อลิสามากยิ่งขึ้น
แพรไหมเดินไปหยุดอยู่มุมหนึ่งของงาน เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแกล้งทำเป็นโทรออก แต่สายตาของเธอกลับจับจ้องไปที่คีรินทร์ตลอดเวลา แพรไหมคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาในใจ เธอจะต้องสร้างสถานการณ์ที่จะทำให้คีรินทร์ต้องอยู่กับเธอ และทำให้ทุกคนเห็นว่าคีรินทร์เป็น "ของเธอ"
ไม่นานนัก แพรไหมก็เริ่มแผนการ เธอเดินกลับไปยังจุดที่คีรินทร์ยืนอยู่ และแกล้งทำเป็นเดินสะดุดขาตัวเองอย่างแรง เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นแกลเลอรีดัง "ตึก!" พร้อมกับร่างของแพรไหมที่เซถลาไปข้างหน้าอย่างจงใจ
"โอ๊ย!" แพรไหมร้องเสียงหลง เธอแกล้งทำเป็นเสียหลักและล้มลงไปบนพื้น โดยมีเป้าหมายคือการล้มไปในทิศทางที่ใกล้กับคีรินทร์มากที่สุด
คีรินทร์ที่กำลังสนทนาอยู่กับอลิสาและภูริช หันไปมองตามเสียงอย่างรวดเร็ว เขากำลังจะก้าวเข้าไปช่วยแพรไหมด้วยความตกใจ แต่แพรไหมก็ทำเร็วกว่า เธอแกล้งทำเป็นล้มลงตรงหน้าเขาพอดี ทำให้ร่างของเธอชนเข้ากับคีรินทร์เล็กน้อย
"คุณแพรไหม! เป็นอะไรมากไหมครับ" คีรินทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ เขาเอื้อมมือไปช่วยพยุงร่างของแพรไหมให้ลุกขึ้น
แพรไหมจับมือคีรินทร์ไว้แน่น เธอทำหน้าเจ็บปวด "แพรไหมไม่เป็นไรค่ะคีรินทร์ สงสัยจะเดินไม่ระวังเองค่ะ" เธอพูดพลางส่งสายตาออดอ้อนไปที่คีรินทร์ และเบะปากเล็กน้อยราวกับจะร้องไห้
อลิสาและภูริชที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างมองดูสถานการณ์ด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน อลิสาแอบยิ้มมุมปาก เธอรู้ทันทีว่าแพรไหมกำลังแกล้งทำเป็นล้มเพื่อสร้างความสนใจและต้องการให้คีรินทร์อยู่กับเธอ ส่วนภูริชก็มองดูด้วยสายตาที่เรียบเฉยแต่แฝงความไม่สบายใจเล็กน้อย
แขกเหรื่อคนอื่นๆ ในงานต่างหันมามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสนใจ บ้างก็ซุบซิบกันเบาๆ บางคนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปและวิดีโอ การกระทำของแพรไหมทำให้เธอตกเป็นจุดสนใจของงานทันที
"คุณแพรไหมแน่ใจนะครับว่าไม่เป็นอะไร" คีรินทร์ถามอีกครั้ง เขาสัมผัสได้ถึงน้ำหนักที่แพรไหมทิ้งลงมาที่มือของเขา และแววตาที่เธอส่งมาให้มันก็ไม่ใช่แววตาของคนที่เจ็บปวดจริงๆ แต่เป็นแววตาที่เต็มไปด้วยการแสดง
"ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะคีรินทร์ แพรไหมแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะ" แพรไหมตอบ พลางยังคงจับมือของคีรินทร์ไว้แน่น เธอดึงแขนคีรินทร์ให้เข้ามาใกล้เธอมากขึ้น ราวกับต้องการพิงตัวกับเขา
คีรินทร์รู้สึกหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ต้องเก็บอาการไว้ เพราะอยู่ในสายตาของคนมากมาย เขาไม่ต้องการให้คนอื่นมองว่าเขาไม่สุภาพบุรุษ หรือไม่สนใจคนที่อยู่ใกล้ตัว
"ถ้าอย่างนั้น ให้ผมพาคุณไปนั่งพักก่อนไหมครับ" คีรินทร์เอ่ยเสนออย่างสุภาพ แต่ในใจเขากลับรู้สึกรำคาญแพรไหมมาก
แพรไหมยิ้มกว้าง เธอเห็นโอกาสที่จะได้อยู่กับคีรินทร์สองต่อสอง "ดีเลยค่ะคีรินทร์ แพรไหมอยากนั่งพักสักหน่อยค่ะ" เธอตอบรับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโอบแขนคีรินทร์ไว้แน่นอีกครั้ง และพยุงตัวขึ้นยืน โดยยังคงพิงน้ำหนักตัวไปที่คีรินทร์ราวกับตัวเองเจ็บขาจริงๆ
คีรินทร์ถูกแพรไหมลากตัวออกจากตรงนั้นอย่างไม่เต็มใจนัก เขาเหลือบตามองอลิสาเล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกลา แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร แพรไหมก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
"คุณอลิสาคะ คุณภูริชคะ แพรไหมขอตัวคีรินทร์ไปพักก่อนนะคะ สงสัยเขาจะเหนื่อยมากค่ะ" แพรไหมพูดด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย แต่แฝงความหมายบางอย่างที่ต้องการจะบอกว่าคีรินทร์เป็นของเธอ
อลิสาพยักหน้ารับอย่างเรียบเฉย "ค่ะคุณแพรไหม เชิญค่ะ" เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้มมุมปาก ที่ทำให้แพรไหมรู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้น อลิสาไม่เคยแสดงท่าทีหึงหวง หรือไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย ซึ่งทำให้แพรไหมรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำอะไรบางอย่างที่ไม่ได้ผล
ภูริชยิ้มให้แพรไหมอย่างสุภาพ "เชิญครับคุณแพรไหม"
คีรินทร์เดินตามแพรไหมไปอย่างไม่เต็มใจนัก เขาเหลือบตามองอลิสาอีกครั้งก่อนที่จะลับสายตาไป เขาสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มมุมปากของอลิสา และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกอลิสา "หยอกล้อ" อยู่
แพรไหมพาคีรินทร์มายังโซฟาที่จัดเตรียมไว้สำหรับแขกวีไอพี เธอทิ้งตัวลงนั่งอย่างสบายๆ พลางยังคงจับแขนคีรินทร์ไว้แน่น
"คีรินทร์คะ แพรไหมอยากดื่มน้ำหน่อยค่ะ" แพรไหมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
คีรินทร์ถอนหายใจ เขาทำได้เพียงแค่เดินไปหยิบน้ำมาให้เธอ เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็นเครื่องมือของแพรไหม และนั่นทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมาก
ขณะที่คีรินทร์กำลังเดินไปหยิบน้ำ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นธามกำลังยืนพูดคุยอยู่กับอลิสาอย่างสนิทสนม และภูริชก็ยังคงยืนอยู่ข้างๆ พวกเขา ภาพนั้นทำให้คีรินทร์รู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม เขาไม่ชอบที่เห็นธามเข้าหาอลิสาอย่างเปิดเผยแบบนั้น
"คีรินทร์คะ! มานั่งข้างๆ แพรไหมสิคะ" แพรไหมเรียกคีรินทร์ด้วยน้ำเสียงที่ดังพอที่จะทำให้คนรอบข้างได้ยิน "แพรไหมรู้สึกไม่ค่อยสบายเลยค่ะ อยากให้คีรินทร์อยู่ใกล้ๆ ค่ะ"
คีรินทร์ทำได้เพียงแค่จำใจเดินกลับไปนั่งข้างๆ แพรไหม เขายื่นแก้วน้ำให้เธอ แพรไหมรับน้ำมาดื่มอย่างช้าๆ พลางส่งสายตาเย้ายวนไปที่คีรินทร์
"ขอบคุณนะคะคีรินทร์ คีรินทร์นี่เป็นสุภาพบุรุษจริงๆ เลยนะคะ" แพรไหมเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงที่หวานหยดย้อย
คีรินทร์ไม่ได้ตอบอะไร เขามองไปรอบๆ งาน ผู้คนมากมายยังคงให้ความสนใจกับเขาและแพรไหม สายตาบางคู่เต็มไปด้วยความสงสัย บางคู่ก็เต็มไปด้วยความอิจฉา
แพรไหมใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยกับคีรินทร์อย่างสนิทสนม เธอพยายามชวนคุยเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน ราวกับต้องการสร้างความเข้าใจผิดให้คนอื่นเห็นว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นคู่รักกันจริงๆ
"คีรินทร์คะ อาทิตย์หน้าเราไปเที่ยวทะเลกันดีไหมคะ แพรไหมอยากไปพักผ่อนมากๆ เลยค่ะ" แพรไหมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
คีรินทร์หันมามองแพรไหมเล็กน้อย "เดี๋ยวค่อยคุยกันเรื่องนั้นดีกว่าครับคุณแพรไหม ตอนนี้เราอยู่ในงานนะครับ" เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แสดงความไม่พอใจ
แพรไหมทำหน้ามุ่ย "โธ่ คีรินทร์ก็แพรไหมแค่อยากคุยด้วยนี่คะ" เธอพูดพลางโอบแขนคีรินทร์ไว้แน่นอีกครั้ง
คีรินทร์รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกแพรไหมควบคุม เขาไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลยแม้แต่น้อย เขาไม่ต้องการให้ใครมาบงการเขา และเขาก็ไม่ต้องการที่จะให้ใครมาสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับแพรไหม
ในขณะเดียวกัน อลิสาก็เหลือบมองคีรินทร์และแพรไหมเป็นระยะๆ เธอเห็นท่าทีของแพรไหมที่พยายามแสดงความเป็นเจ้าของคีรินทร์อย่างโจ่งแจ้ง และเธอก็เห็นสีหน้าของคีรินทร์ที่ดูไม่พอใจนัก อลิสาแอบยิ้มมุมปาก เธอรู้ว่าคีรินทร์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ และนั่นทำให้เธอรู้สึกสนุกกับเกมนี้มากยิ่งขึ้น
ภูริชที่ยืนอยู่ข้างอลิสาก็สังเกตเห็นท่าทีของแพรไหมเช่นกัน "ดูเหมือนคุณคีรินทร์จะเนื้อหอมนะคะ" ภูริชเอ่ยขึ้นเบาๆ
อลิสาหัวเราะหึๆ "ก็ต้องอย่างนั้นสิคะ คุณภูริช คีรินทร์เป็นเพลย์บอยตัวพ่อนี่คะ"
ท่าทีของอลิสาที่ดูไม่สะทกสะท้านต่อการกระทำของแพรไหม ทำให้คีรินทร์รู้สึกประหลาดใจ เขาคิดว่าอลิสาจะต้องแสดงท่าทีหึงหวง หรือไม่พอใจบ้าง แต่เธอกลับดูเฉยชา และยังคงยิ้มได้อย่างเป็นธรรมชาติ
การกระทำของแพรไหมไม่ได้ทำให้คีรินทร์รู้สึกสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย กลับกัน มันยิ่งทำให้เขารู้สึกรำคาญและอยากจะหลุดพ้นจากเธอให้เร็วที่สุด และนั่นยิ่งทำให้เขาอยากจะพิชิตอลิสาให้ได้มากขึ้นไปอีก เพราะอลิสาคือผู้หญิงที่แตกต่างจากแพรไหมอย่างสิ้นเชิง
เกมแห่งการล่าหัวใจกำลังร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ แพรไหมได้เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกมนี้ซับซ้อนและน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น คีรินทร์รู้ดีว่าเขาจะต้องจัดการกับแพรไหมให้ได้ ก่อนที่เธอจะสร้างปัญหาให้กับเขาไปมากกว่านี้ และก่อนที่เธอจะทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับอลิสาต้องยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้
คีรินทร์ถอนหายใจ เขามองไปที่อลิสาอีกครั้ง อลิสากำลังสนทนากับธามและภูริชอย่างสนุกสนาน เธอไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าเขาจะต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อดึงความสนใจของอลิสากลับมาที่เขาให้ได้
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่