แคว่ก!
"กรี๊ดดดดดด" ลิตากรีดร้องอย่างสุดเสียงเมื่อชุดนักศึกษาถูกแม็กเครย์กระชากแค่เพียงครั้งเดียว กระดุมเหล็กบนเสื้อนักศึกษากระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง กระโปรงทรงเอถูกถอดออกด้วยความชำนาญ จนร่างอรชรเหลือเพียงบราเซียและแพนตี้สีขาวยิ่งทำให้เธอดูเหมือนเด็กสาวที่ยังบริสุทธิ์ "ทะ...ที่หนูบอกว่า จะให้ทำอะไรก็ได้ หนูไม่ได้หมายถึงจะนอนกับคุณ" "แล้วคิดว่าผู้หญิงอย่างเธอมีค่าอะไรมากกว่าให้ฉันเอา" "...อึก~" เธอได้แต่อึ้งกับถ้อยคำดูถูกของคนตรงหน้า สองมือเล็กยกขึ้นมาป้องปิดของสงวน "อย่ามาทำเหมือนไม่เคย ถอดที่เหลือออกให้หมด" เจ้าของคำสั่งว่าพลางถอดเสื้อเชิ้ตสีดำออกอย่างใจเย็น เผยให้เห็นรอยสักที่ต้นแขนบ่งบอกความเป็นตัวตนของเขา แผงอกแกร่งหน้าท้องลอนซิกซ์แพ็กแสดงให้เห็นถึงการดูแลร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ดวงตาอำพันจ้องมองหน้าอกที่ซ่อนรูปของเด็กสาว ทั้งที่เธอตัวเล็กนิดเดียวกลับมีหน้าอกที่ใหญ่เกินตัว ทำเอาความกระสันในตัวเขาพลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ "เพราะถ้าฉันถอดเองมันจะไม่เหลือชิ้นดี" "ฮึก..ฮือ" ลิตายังคงร้องไห้ไม่หยุด แต่สถานการณ์ตรงหน้ากลับบีบให้เธอต้องทำตามคำสั่งของเขาอย่างไม่มีทางเลือก เธอค่อยๆ ถอดบราเซียและชิ้นส่วนปราการสุดท้ายออกด้วยความเขินอาย มันเป็นครั้งแรกที่เธอเปลือยกายต่อหน้าผู้ชาย และเขาก็กำลังถอดกางเกงออกจนร่างกายเปลือยกายเช่นกัน เด็กสาวชะงักไปชั่วขณะเมื่อเห็นเขากำลังรูดท่อนเอ็นสีแดงก่ำรายล้อมไปด้วยเส้นเลือดปูดโปนกำลังพองออกมีขนาดขนาดใหญ่กว่าแขนของเธอ ทำเอาเธอหวาดผวา "หึ..หุ่นเธอดูใช้ได้หนิ" แม็กเครย์ลากสายตามองเรือนร่างของเด็กสาวอย่างจาบจ้วง มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นด้วยความพึงพอใจ เขาเดินไปหยิบถุงยางอนามัยที่เขาสั่งทำขึ้นมาพิเศษในลิ้นชักออกมาก่อนจะสวมเครื่องป้องกันอย่างใจเย็นเหมือนทุกๆ ครั้ง แม้เขาจะมีอะไรกับผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แต่เขาเองไม่คิดจะมีทายาทกับผู้หญิงที่ไหนทั้งนั้น "อื้อออ" ไม่ทันที่ปาลิตาจะได้ทันตั้งตัวเขาผลักร่างบางลงบนนอนบนเตียงนอนอีกครั้ง พร้อมๆ ฉกริมฝีปากของเธออย่างแรง เรียวลิ้นอุ่นชื้นตวัดเข้ามาในโพรงปากเล็ก รสจูบหนักหน่วงผสมกลิ่นควันบุหรี่จางๆ แทบทำให้เธอลืมหายใจไปชั่วขณะ "ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษที่เธอเข้ามารุกล้ำเส้นฉันก่อน" เขาผละริมฝีปากออกแล้วโทษว่าเป็นความผิดเธอทุกอย่าง ก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะแหย่เข้าไปในช่องทางรักคับแคบเพื่อเบิกทาง มือข้างหนึ่งบีบหน้าอกอวบที่เต่งตึงสู้มือ "อื้อ...จะ...เจ็บ~" "หึ...ไม่น่าเชื่อ ยังไม่เคยสินะ" เขาถอนนิ้วยาวออกจากใจกลางความเป็นสาว ดวงตาสีอำพันจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาหื่นกระหาย เขาไล่สายตามองเนินสามเหลี่ยมอันโหนกนูนมีขนบางๆ ปกคลุมด้วยความพิจารณา กลีบดอกไม้ที่ปิดสนิทบ่งบอกว่าหญิงสาวยังไม่เคยผ่านมือชายจนทำให้เขาตัดใจสินทำอะไรบางอย่าง ทำเอาดวงตากลมสั่นระริกมองดูด้วยความหวาดกลัว "คุณถอดถุงยางออกทำไม" "ก็เธอยังเวอร์จิ้น ฉันก็คงไม่จำเป็นต้องใส่ถุงยาง" ในเมื่อเขาเจอผู้หญิงบริสุทธิ์ เขาก็น่าจะได้เปิดซิงเธอโดยปราศจากเครื่องป้องกัน "มะ...ไม่นะ" ลิตาลนลานหมายจะก้าวขาลงจากเตียง แต่ก็ช้ากว่าแม็กเครย์ที่คว้าข้อเท้าเล็กแล้วกระชากร่างอรชรลงที่เดิม หมับ! ปึก! "กรี๊ดดดดดดดด" ลิตากรีดร้องอย่างสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดเมื่อเรียวขาทั้งสองขาถูกดันให้แยกออกจากกัน จากนั้นแม็กเครย์จึงอัดกระแทกความใหญ่โตเข้ามาในร่องสวาทเต็มแรงจนเยื่อบางๆ ในช่องทางรักฉีกขาด น้ำตาที่เหือดแห้งก็กลับมาเปียกชุ่มบนใบหน้าหวานอีกครั้ง "เธอควรดีใจนะที่ฉันจะสดกับเธอเป็นคนแรก" "อื้อ..ไม่เอา" เธอรีบยกมือสั่นเทาดันหน้าคมคายออกห่าง ร่างกายของเธอดิ้นพล่านจนแก่นกายใหญ่ที่สอดเข้ามาได้เพียงส่วนหัวของมันออกไป "ขะ...คุณแม็กเครย์" น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเริ่มขาดห้วงเมื่อแขนทั้งสองข้างถูกตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือแข็งแรงเพียงข้างแล้วสอดใส่ความใหญ่โตเข้ามาในช่องทางรักอีกครั้งโดยไม่สวมเครื่องป้องกัน "ใครๆ ก็อยากขึ้นเตียงกับฉันทั้งนั้นแหละ อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย" ปึก! ปึก! จบประโยคเขาอัดกระแทกแก่นกายใหญ่เข้าไปในช่องทางรักคับแคบอยู่หลายครั้งและเลือดบริสุทธิ์ก็ไหลซึมออกมา "อึก~ หนู...จะ...เจ็บ" ความรู้สึกเจ็บมันกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย สายตาคมกริบมองจุดเชื่อมต่อที่ภายในโพรงสวาทสุดแสนจะฝืดเคือง พลางใช้นิ้วกลางสัมผัสที่ติ่งเกสรเพื่อให้หญิงผลิตน้ำหวานใสเป็นการเบิกทาง ปึก! ปึก! ปึก! เขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเนิบนาบเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงในเวลาต่อมา เธอดิ้นพล่านแทบขาดใจและตอนนี้ตัวตนของเขามันเข้าไปอยู่ในตัวเธอจนเกินครึ่งลำ "ฮื้อ...นะ...หนูเจ็บ" "อย่าเกร็ง" ไม่ใช่แค่เด็กสาวที่เจ็บ เขาเองก็ปวดหนึบกับแรงบีบรัดภายในไม่ต่างกัน มันเป็นครั้งแรกที่เขาต้องรอให้เด็กสาวปรับตัวและผ่อนคลายลง มาเฟียหนุ่มทาบทับร่างกำยำไปที่คนตัวเล็กอีกครั้ง ปากหยักดูดดุนเม็ดทับทิมสีชมพูอย่างมูมมาม แล้วออกแรงบดเบียดแก่นกายจดสุดความยาวของมัน "อึก...อื้อ!" ร่างอรชรสั่นเกร็งอย่างหนัก หน้าอกอวบกระเพื่อมไปตามแรงกระแทกกระทั้นที่แสนป่าเถื่อน มือเล็กจิกลงบนที่นอนราวกับระบายความเจ็บปวด ยิ่งเธอสะอื้นไห้เท่าไร เขายิ่งตอกอัดความใหญ่โตเข้ามาด้วยความรุนแรงกว่าเดิม "เอาแค่นี้เธอไม่ตายหรอก" "อึก...ฮือ" ลิตาเหลือบมองจุดเชื่อมต่อผ่านม่านน้ำตาด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่เขาจะยอมปล่อยมือของเธอให้เป็นอิสระ "นะ...หนูจุก ฮื้อ!" เธอยกมือดันหน้าท้องแกร่งเบาๆ หวังให้แม็กเครย์หยุดการกระทำอันหยาบโลน แต่เขากลับโน้มใบหน้าลงมาซุกไซ้ซอกคอขาว แล้วฝังฟันคมสลับกับขบเม้มผิวเนื้ออ่อนอย่างแรงเพื่อทิ้งร่องรอยของตัวเองไว้บนร่างกายของเธอ ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! เสียงกระแทกหยาบโลนปนกับเสียงสะอื้นของเด็กสาวดังก้องไปทั่วห้อง สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวไม่มีพัก ยิ่งเห็นกลีบดอกไม้ของเธอมันยิ่งยั่วยวนให้เขาถาโถมแรงกายไม่หยุด หน้าอกขนาดใหญ่ล่อตาล่อใจจนเขาเอื้อมไปบีบเคล้น ความเต่งตึงและเป็นธรรมชาติกลับเด้งสู้มือยิ่งทำให้เขารู้สึกมันเขี้ยว "อื้อ...อ๊า" สะโพกสอบยังคงอัดกระแทกแก่นกายใหญ่เข้าใส่ในร่องสวาทครั้งแล้วครั้งเล่า ทำเอาลิตาหอบหายใจหนักๆ จนเธอยกมือขึ้นมากอดรัดลำคอหนาเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยว ความใหญ่โตของแม็กเครย์ที่สอดใส่เข้าไปทำให้เธอทั้งเจ็บและจุก "ซี๊ด..แน่นชิบ" เขาเผลอครางด้วยความพึงพอใจ ในขณะที่สะโพกสอบอัดกระแทกถี่ๆ ใส่ร่องสวาทไม่ยั้งเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน "อ่าาาาส์" เขากระตุกเกร็งสองสามทีก่อนจะเปล่งเสียงคำรามลั่นเมื่อถึงจุดหมาย ลาวาสีขาวขุ่นก็อัดฉีดใส่ในใจกลางความเป็นสาวในห้องอารมณ์สุดท้าย มีเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของมาเฟียหนุ่มและเด็กสาว ท่ามกลางอากาศเย็นฉ่ำที่อุณภูมิสิบแปดองศา แต่ทว่าไม่บรรเทาความร้อนรุ่มในตัวชายหนุ่มได้เลย "หนูไปได้แล้วใช่ไหม" ใบหน้าหวานถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ในตอนที่เขาถอดถอนแก่นกายออกมาจนมันไหลเปลอะเปื้อนผสมกับเลือดบริสุทธิ์ลงบนผ้าปูที่นอน แล้วจ้องมองช่องสวาทคับแน่นที่มันขยายกว้างด้วยฝีมือของเขาอย่างพึงพอใจ หลังจากนั้นจึงหดกลับขนาดเล็กลงดังเดิม "ฉันบอกตอนไหนว่าให้เธอกลับ" ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มร้ายกาจทำเอาหัวใจกระตุกวูบด้วยความหวาดระแวง และแล้วสิ่งที่เธอกลัวมันก็เกิดขึ้นอีกครั้งมิอาร์และมอตก้าก็เติบโตขึ้นทุกวัน ด้านแม็กเครย์จึงกลับไปทำงานเหมือนเดิม แต่พอถึงเวลาเลิกงานปุ๊บเขาก็รีบกลับมาบ้านทันที เพราะคิดถึงลูกคิดถึงเมียแทบไม่อยากห่าง ส่วนลิตาก็กลับไปเรียนต่อโดยเธอเลือกที่จะเรียนภาคค่ำแทน จะได้ไม่กระทบเวลาเลี้ยงลูกน้อยทั้งสอง"นี่ลูกก็เริ่มเดินได้แล้วนะ เราจะจัดงานแต่งงานกันเมื่อไหร่ดีครับ" ในขณะที่สองจิ๋วกำลังฝึกยืนตั้งไข่และก้าวเดินที่สนามหญ้าข้างบ้านโดยมีบรรดามือซ้ายมือขวาและป้าเจียนตามประกบไม่ห่าง รวมไปถึงแบล็กกับบราวน์ก็คอยนั่งอารักขาอยู่ใกล้ๆ สมาชิกใหม่ทั้งสองของบ้านด้วยความชาญฉลาด"ก็ไหนเราคุยกันแล้วไงคะ ว่ารอหนูกลับไปเรียนให้จบก่อน" เมื่ออยู่กันเพียงลำพังที่อีกมุมหนึ่งของสวนหย่อมเธอจึงให้คำตอบสามี"มันนานไป พี่อยากแต่งไวๆ" เขาให้ตอบห้วนๆ ทำเอาคนฟังพอจะมองออกว่าสามีหนุ่มของเธอไม่พอใจ"ไม่พอใจอะไรอีกคะเนี่ย""ก็เมียพี่กำลังกลับไปเรียน ถ้าเกิดมีหนุ่มๆ มาตามจีบให้ทำไง""อะไรกันคะ พี่เล่นส่งลูกน้องไปเข้าเรียนด้วยขนาดนั้นใครจะกล้าเข้ามาคะ" ลิตาพึ่งกลับไปเรียนเมื่อวานได้แค่วันเดียว แต่แม็กเครย์ก็ยื่นข้อแลกเปลี่ยนให้ลูกน้องของเขาไปตามเฝ้าด้วยไม่ห่างเพราะกลัวจะ
เวลาต่อมา…แม็กเครย์ก็ได้เข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาลในตัวอำเภอ ส่วนทุกคนที่เหลือก็บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอจึงอยากนอนเฝ้าไข้พ่อของลูกด้วยตัวเองแสงสว่างของเช้าวันใหม่ก็ทอแสงผ่านเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ทำให้ร่างอรชรที่นอนบนโซฟารู้สึกตัว ซึ่งเป็นเวลาที่นายแพทย์หนุ่มต้องเข้ามาตรวจดูอาการของแม็กเครย์ตามหน้าที่"พี่แม็กเครย์อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ หนูจะไปซื้อมาให้" เธอลุกขึ้นมาถามชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้หลังจากที่คุณหมอออกไปแล้ว โดยชายหนุ่มตอบสนองตัวยาได้ดีก็ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจหลังจากผ่านเรื่องราวร้ายๆ มาแล้ว"ไม่ครับ พี่ขอโทษนะที่ดูแลหนูกับลูกไม่ดี" เขาค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นหลังพิงหัวเตียง พลางจับมือหญิงสาว ถ้าเธอกับลูกเป็นอะไรไปเขาคงไม่ให้อภัยตัวเอง"ขอโทษทำไมกันคะ ตอนนี้หนูกับลูกก็ปลอดภัยดี" หลังจากผ่านการตรวจร่างกายมาแล้วก็พบว่าสองแฝดในท้องหัวใจเต้นปกติดี ส่วนลิตาก็มีแค่รอยฟกช้ำตามร่างกายเท่านั้น"แล้วพี่แม็กยังไม่เล่าให้ฟังเลยนะคะ ว่าพี่ตามมาช่วยหนูทันได้ไง" ในขณะที่ถามเธอก็ลากเก้าอี้ตัวเล็กมาไว้ข้างเตียงแล้วจึงหย่อนสะโพกนั่งลง"จริงๆ พี่ตามหนูมาแหละ นอนรีสอร์ตถัดไปนี
ในเวลานี้ท้องฟ้าก็มืดมิดพอดี บรรยากาศที่ชวนขนลุกทำเอาร่างอรชรรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ ชายฉกรรจ์พาเธอเข้าไปในเส้นทางป่าทึบที่ไร้ผู้คน พื้นดินที่มีหญ้ารกปกคลุมมีเพียงแสงของดวงจันทร์ที่ให้ความสว่างในเวลานี้ เธอคิดถึงแม็กเครย์จับใจ แล้วใครกันนะที่ต้องการตัวเธอ แล้วเขาต้องการไปเพื่ออะไร ในสมองมันตีรวนไปหมดใช้เวลาพอสมควรก็เริ่มถึงหน้าผาสูง ดวงตากลมเห็นบุคคลที่เธอคุ้นเคยดียืนเอามือไพล่หลังกำลังจ้องมองไปยังท้องทะเลในยามค่ำคืนดวงตากลมเบิกโพลงเป็นไข่ห่าน อยู่ๆ ชายคนดังกล่าวหันมามองเธอ"ได้ตัวมาแล้วครับนาย""เปิดปากมันออก"ฟึบบบ!!! แรงกระชากจากกาวของสกอตช์เทปทำเอาเธอสะบัดหน้าหนีด้วยความรู้สึกเจ็บ"ขะ…คุณลุง" ริมฝีปากแดงเถือกเรียกสรรพนามชายตรงหน้าเสียงสั่นหรือว่าแท้จริงแล้วปองพลคือคนที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ในวันนี้"หึ…มาสักทีนะหนูลิตา""ลุงทำแบบนี้ทำไมคะ ต้องการอะไร""มึงจ่ายเงินให้พวกมันได้แล้ว" ปองพลหันไปบอกคนขับรถของตัวเองที่ยื่นซองสีน้ำตาลซึ่งข้างในบรรจุเงินสด ในขณะที่ตัวเองหยิบปืนออกมาจากซองปืนพกข้างบั้นเอวออกมา"มีอะไรก็เรียกใช้พวกผมได้นะครับ" เสียงในหนึ่งของชายชุดดำบอกปองพลหลังจากนับเงิ
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและสมาชิกในบ้านเริ่มสนิทกันมากขึ้น บางวันเธอก็นอนที่บ้านและบางวันก็กลับไปนอนที่บ้านของแม็กเครย์ การที่มีครอบครัวแท้ๆ มันอบอุ่นแบบนี้นี่เอง ส่วนเด็กๆ ในท้องของลิตาก็เริ่มโตขึ้นไปตามพัฒนาการคุณตาของปาลิตาหมายมั่นอยากให้หลานสาวได้เข้าไปช่วยงานในบริษัทของตระกูล เธอจึงได้เข้าไปศึกษาเนื้องานของบริษัทในบางเพื่อไม่ให้รู้สึกเบื่อ และหลังจากที่เธอคลอดลูกแล้ว จึงจะค่อยไปดูกิจการที่ภาคใต้ในลำดับต่อไปเวลาได้เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึงวันที่ครอบครัวของปาลิตาเดินทางมาพักผ่อนที่ปราณบุรี ท้องน้อยๆ ในวันวานมาตอนนี้กลับนูนออกชัดขึ้นซึ่งในตอนแรกแม็กเครย์จะตามแฟนสาวของเขามาด้วย แต่เธอก็ห้ามไว้เพราะอยากเป็นส่วนตัวกับคนที่บ้าน และลุงของเธอได้ย้ำกับว่าอยากให้มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้น แต่เธอก็ไม่กล้าบอกแม็กเครย์ไปตามตรงโดยลิตาจะนั่งไปกับปภังกร ส่วนปัถย์วีไปคันเดียวกับปองพล ในขณะที่ทุกคนยืนเตรียมและตรวจเช็กสัมภาระภายในรถ จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของปัถย์วีก็ดังขึ้น เขาจึงรีบกดรับสาย"ว่าไง"[นายครับ ไฟล์งานประมูลเพชรของไตรมาสถัดไปมันถูกลบไปครับ]"มันจะถูกลบไปได้ไงวะ หรือมีใครเข้ามาในห้องทำงา
"สวัสดีทุกคนนะคะ" เธอยกมือไหว้ทุกคนอย่างมีมารยาทหลังจากทราบชื่อของทุกคน เกิดมาไม่คิดไม่ฝันว่าจะกลายเป็นลูกเศรษฐี มีคนใช้กับเขา แต่ละคนล้วนแก่กว่าเธอทั้งนั้น การกระทำดังกล่าวทำให้เหล่าบริวารของบ้านอัศวรัศมิ์กุลต่างรู้สึกประทับใจกับเจ้านายคนใหม่ ที่ดูใจดีและไม่ถือตัว"เดี๋ยวเตรียมห้องใหม่ให้คุณลิตาด้วยนะโพน งั้นทุกคนมีอะไรก็ไปทำ" ปภังกรหันไปบอกแม่บ้านใหญ่ประจำคฤหาสน์รวมไปถึงคนอื่นๆ"โถ คุณหนูลิตาช่างดูคล้ายคุณปิ่นมากๆ โดยเฉพาะดวงตา พูดแล้วก็คิดถึงคุณปิ่นนะคะ ดีใจกับคุณท่านด้วยที่ได้เจอหลานสาวแล้ว" โพนแม่บ้านวัยป้าคนเก่าแก่ของที่นี่ เมื่อเห็นใบหน้าของปาลิตาก็อดคิดถึงมารดาของเด็กสาวไม่ได้ หลังจากที่แสดงความยินดีกับประมุขของบ้านเสร็จโพนจึงปลีกตัวออกไปทำตามคำบัญชาด้วยความเต็มใจปภังกรจึงเอามือแตะที่หลังของหลานสาวเบาๆ เป็นเชิงให้เดินไปพักผ่อนที่โซฟาเบดด้วยกัน"ถ้าโพนเตรียมห้องเสร็จแล้วหนูขึ้นไปพักได้เลยนะ อยากได้อะไรเพิ่มเติมบอกตาได้""ขอบคุณคุณตามากนะคะ""ไม่ต้องขอบคุณหรอก ต้องขอบคุณไอ้ไมค์มากกว่าที่มันเจอหนูแล้วมันพาหนูมาหาตา ไม่อย่างนั้นป่านนี้เราคงไม่ได้เจอหน้ากันหรอกหลานรักของตา" ใบหน้า
หลังจากกลับมาพักผ่อนที่บ้านในช่วงบ่ายของวัน เขาจึงนัดแนะลิตาโดยบอกเธอว่าจะพามาดินเนอร์ที่รูฟท็อปโรงแรมแอมมิวตันซึ่งอยู่บนชั้นดาดฟ้า-ช่วงเย็น-ร่างอรชรในชุดแม็กซี่เดรสแบบเปิดไหล่ ก็เดินเคียงคู่มากับมาเฟียหนุ่มในปล่องลิฟต์ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวมาถึงชั้นบนสุดของโรงแรม ทันทีที่ถึงรูฟท็อปบาร์ดาดฟ้าของแอมมิวตัน ก็มีสายลมเย็นกระทบผิวบาง บรรยากาศเป็นส่วนตัวโดยไม่มีแขกเลยสักคน จะเห็นก็มีแค่พนักงานของโรงแรมเท่านั้น ทำเอาลิตาถึงกับเผยอริมฝีปากเล็กๆ"อ้าว ไม่มีคนเลยเหรอคะ" ปกติเธอจะต้องเห็นภาพแขกเหรื่อที่มารับประทานอาหารมื้อเย็นอย่างคลาคล่ำเต็มทุกเกือบโต๊ะแต่มาวันนี้กลับปราศจากผู้คน แถมก็จัดโซนที่เห็นพระอาทิตย์ตกดินได้ชัดที่สุดให้มีซุ้มดอกไม้สดส่งกลิ่นหอมให้รู้สึกสดชื่น และใกล้กันมีกลีบดอกกุหลาบซึ่งถูกโปรยไว้เป็นรูปหัวใจตกแต่งด้วยเทียนLEDช่วยเพิ่มแสงสว่าง"ก็พี่อยากมากินกับหนูแค่สองคนหนิ ก็เลยให้ปิดรูฟท็อปหนึ่งวันครับ""ขนาดนั้นเชียว" เธอมุ่ยหน้ากลบเกลื่อนความเขินอาย แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่เขาพยายามเอาอกเอาใจเธอตามที่พูดจริงๆ และตั้งแต่เธอมาฝึกงานที่นี่ก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้มานั่งทานอาหารที่นี่เลยสักค