แชร์

บทที่ 4 เข้าป่า

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-14 02:59:37

เซี่ยซูเหยาอดตื่นเต้นไม่ได้ นับรวมจากที่ได้คุยกับผู้เป็นพ่อ วันนี้ก็เข้าวันที่สิบแล้ว อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือไม่หนาวจนเกินไป เซี่ยห้าวไห่จึงบอกให้ลูกชายและลูกสาวเตรียมตัว เพราะจะไปด้วยกันทั้งหมด

เซี่ยห้าวไห่ไม่ค่อยเป็นห่วงเซี่ยซูเหยียนเพราะไปด้วยกันทุกวัน จะเป็นห่วงก็แต่ลูกสาวอีกสองคน คนโตไม่เท่าไรเพราะเขาเชื่อว่านางเอาตัวรอดได้ ต่างจากอาเหยาที่เป็นครั้งแรกของการเข้าป่า

วันนี้เซี่ยห้าวไห่จะพาไปก็จริงแต่เขาจะให้อยู่เพียงตีนป่าเท่านั้น ข้างในมันอันตราย เขาไม่สามารถช่วยลูก ๆ ได้ทั้งหมดหากเกิดอะไรขึ้นมา ลำพังพาลูกชายไปด้วยทุกวันก็ยังเป็นห่วง

“พี่สาวห่อข้าวไปด้วยหรือ”

 เซี่ยซูเหยาเอียงคอถามจนเซี่ยซูเจี๋ยเอื้อมมือมาบีบแก้มน้องสาว น้องสาวของนางเดิมทีก็น่ารักอยู่แล้ว พอทำท่าทางแบบนี้ยิ่งน่ารักไปใหญ่

“แก้มอาเหยา!” เซี่ยซูเหยาพองแก้มพลางเท้าเอว

“ฮ่า ฮ่า วันนี้ท่านพ่อให้พี่สาวทำอาหารไปเผื่อด้วย” เซี่ยซูเจี๋ยตอบ

ปกติเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนไม่ได้ห่อกับข้าวไปด้วย เพราะทั้งสองจะกลับมากินข้าวที่บ้านทุกวัน จะมีก็แต่ยามขึ้นเขาไปล่าสัตว์เท่านั้นที่เซี่ยห้าวไห่จะให้ลูกสาวทำไว้ให้

“อ๋อ”

เซี่ยซูเหยาพยักหน้าอย่างเข้าใจ คงจะเป็นเพราะมีนางไปด้วย ท่านพ่อจึงให้พี่สาวทำอาหารไปเผื่อนางหิว ก็ทุกครั้งท่านพ่อไม่ได้เอาอะไรไปด้วยนี่

วันนี้เซี่ยห้าวไห่ตัดสินใจเข้าป่าช้ากว่าเดิม มีลูกสาวไปด้วยเขาไม่กล้าที่จะไปล่าสัตว์เพื่อไปขาย จากที่เคยเข้าป่ายามอิ๋น วันนี้เซี่ยห้าวไห่พาลูก ๆ เข้าป่ากลางยามเหม่า

พวกผักป่ายามนี้ชาวบ้านเข้ามาเก็บหมดแล้วบริเวณชายป่า เซี่ยห้าวไห่จึงตัดสินใจพาลูกเข้าไปลึกกว่าเดิมแต่ก็ไม่ได้ไกลมาก เขารู้ว่าบริเวณไหนปลอดภัยจึงกล้าพาเข้ามา

เซี่ยซูเหยาหันมองรอบตัว ภายในป่าเต็มไปด้วยต้นไม้แต่ก็ไม่ได้รก บริเวณนี้ชาวบ้านคงเข้ามาบ่อย เรียกได้ว่าแม้แต่หญ้าก็ถูกเหยียบจนไม่ได้เกิด

“เดินระวังกันด้วยนะ” เซี่ยห้าวไห่หันไปบอกลูกสาว ส่วนลูกชายขอแยกไปดูกับดักที่วางไว้บริเวณนี้เมื่อวาน

“เจ้าค่ะ”

ปากตอบรับแต่สายตาของเซี่ยซูเหยาไม่ได้มองดูทาง นางมองไปรอบตัวเผื่อจะมีของป่าเอากลับไปใช้ทำอาหารเย็นวันนี้

ปลายยามเฉิน ครอบครัวสกุลเซี่ยหาได้เพียงหน่อไม้ที่เซี่ยซูเหยียนเอากลับมาด้วยเพียงไม่กี่หน่อ เซี่ยห้าวไห่กลัวลูกจะเหนื่อยจึงพามาพักใกล้ลำธาร อากาศบริเวณนี้เย็นสบาย และเผื่อจะได้ของติดมือกลับไปอีกด้วย

“กุ้ง!”

เซี่ยซูเหยาที่นั่งพักสะดุ้งพลางชี้นิ้วให้เซี่ยห้าวไห่ที่จับปลาดู นางเห็นกุ้งแม่น้ำหลายตัวลอยอยู่ตามโขดหิน มีจำนวนหลายตัวที่เหมาะสำหรับจับไปทำอาหารขายมาก

“อาเหยาจะกินกุ้งหรือ”

กุ้งเป็นสัตว์น้ำที่ไม่ค่อยมีใครนิยมจับมากิน มันเร็วมากเมื่ออยู่ใต้น้ำ และไม่มีใครรู้วิธีกินมันไม่ให้คาว เซี่ยห้าวไห่เคยมาจับไปแล้วหลายครั้งแต่ก็จับไม่ค่อยได้ สุดท้ายจึงล้มเลิกการจับกุ้งไป

“เจ้าค่ะ”

ของอร่อยใครมองข้ามก็ช่างพวกเขา แต่นางไม่มองข้ามของอร่อยหรอก นางรู้ว่าเซี่ยซูเจี๋ยไม่ค่อยทำและดับกลิ่นคาวไม่เป็น แต่นางทำเป็น กุ้งเป็นวัตถุดิบหลักของร้านอาหารของที่บ้าน เซี่ยซูเหยาจึงชอบนำมาดัดแปลงรสชาติและให้อาป๊านำไปขายที่ร้าน

“มันจับยากมากเลยนะ อีกทั้งยังมีกลิ่นคาว” เซี่ยห้าวไห่ตอบลูกสาว

ถึงจะบอกว่าจับยากเซี่ยห้าวไห่ก็เดินไปจับกุ้งให้ลูกสาวอยู่ดี แต่ครั้งนี้น่าแปลกที่เขาจับกุ้งได้และมันก็ไม่ว่ายหนี

เซี่ยซูเหยาที่เห็นว่าพ่ออยู่ใกล้ฝั่งจึงนำตะกร้าเล็กที่มีไปให้เซี่ยห้าวไห่จับใส่ ถึงจะมีเพียงไม่กี่ตัวที่จับได้แต่นางก็จะเอา

“อาเหยาอยากจับ” ถ้านางลงไปจับเองก่อนจะขอเกรงว่าทุกคนจะหัวใจวายกันก่อน

“เดี๋ยวพ่อจับให้”

เซี่ยซูเหยาถอนหายใจ จากนั้นก็เรียกพี่ชายมาช่วยผู้เป็นพ่อจับกุ้ง ได้กลับบ้านสักยี่สิบตัวก็จะดีมาก แต่ระหว่างที่ทั้งสองจับกุ้งและพี่สาวเอากุ้งใส่ตะกร้า เซี่ยซูเหยาก็ขอตัวไปปลดเบา

ยังไม่ลืมหยิบตะกร้าเล็กกับเสียมติดตัวไปด้วย ยังดีที่ของทั้งสองมันไม่ได้หนัก ไม่เช่นนั้นก็เอาไปยาก

เซี่ยซูเหยาไม่ได้ไปปลดเบาตามที่บอกกับทุกคน นางอาศัยช่วงที่ทุกคนมัวแต่สนใจกุ้งมายืนข้างลำธารที่มีต้นไม้บัง พร้อมทั้งขุดดินที่ชื้นบริเวณลำธาร

“มานี่ซะดี ๆ”

เซี่ยซูเหยาจับไส้เดือนที่ขุดขึ้นมา โชคดีที่ดินมันชื้นและไม่มีใครมาขุด พอนางขุดไม่กี่ครั้งก็เจอกับไส้เดือนตัวอวบอ้วนแล้ว

ใช่แล้ว เซี่ยซูเหยามาขุดไส้เดือน นางจะเอาไปโปรยลงหลุมที่เซี่ยซูเหยียนขุดมันเอาไว้ก่อนจะไปจับกุ้ง นางได้วิธีนี้มาจากการไปฝึกโครงงานของชาวบ้าน

นางไม่ได้จับไส้เดือนมาเยอะ จับมาเพียงสิบตัวก็รีบกลับเพราะกลัวทุกคนเป็นห่วง แต่พอกลับมาทุกคนยังจับกุ้งกันอยู่เลยรีบเอาไส้เดือนไปโปรยลงหลุมดักปลาที่ยังไม่มีปลา อย่างน้อยได้กลับไปสักตัวสองตัวก็ยังดี นางเบื่อไก่ตุ๋นแล้ว

ของที่ได้กลับบ้านวันนี้ผู้เป็นพ่อบอกจะไม่เอาไปขาย เซี่ยซูเหยาเลยต้องหาของกลับไปเยอะ ๆ ไม่รู้ว่าจะมีวันไหนที่ได้มาอีก

“อาเหยากลับมาแล้วหรือ”

“เจ้าค่ะ”

 เซี่ยซูเหยาตอบเซี่ยซูเจี๋ยที่เอาตะกร้าเล็กที่ใส่กุ้งมาเทใส่ตะกร้าใหญ่ พอชะเง้อมองกุ้งในตะกร้านางกลับพบว่ามันเยอะมาก! อย่างต่ำก็ไม่น้อยกว่าสี่สิบตัวแน่นอน

อาหารวันนี้นางคงไม่ต้องกินไก่แล้ว ที่บ้านเหลือไก่ป่าอีกหนึ่งตัว แต่ยังไม่ได้ฆ่าเพราะมันจะเน่าเสียก่อน ซึ่งพรุ่งนี้คงฆ่า

เซี่ยซูเหยากลับไปดูหลุมดักปลาอีกครั้งเมื่อผ่านไปแล้วหนึ่งเค่อ พบว่ามีปลาตัวใหญ่มากกว่าห้าตัวว่ายอยู่ในหลุมดักปลา ถือว่ามันเกินคาดหมายมากสำหรับเซี่ยซูเหยาที่ลองทำจริงครั้งแรก

กลางยามอู่ เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนก็ขึ้นจากน้ำ ทั้งคู่ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกมาผิงไฟที่ก่อขึ้นเมื่อครู่ เพราะตกลงกันว่าจะลงไปจับกุ้งอีกหน่อยค่อยพากันกลับ อีกทั้งเซี่ยซูเหยาขออยู่ต่ออีกหน่อย

“ท่านพ่อ! ปลาเยอะมาก!”

เซี่ยซูเหยียนที่ขอตัวไปดูหลุมดักปลาถึงกลับตะโกนเรียกผู้เป็นพ่อ ปลาในหลุมมีมากกว่าสิบตัวเซี่ยซูเหยียนจึงตกใจ เขาเคยมาดักปลาแบบนี้แต่ทุกครั้งได้มากกว่าสองตัวก็ดีมากแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะได้มาในเวลาไม่กี่ชั่วยาม

เซี่ยห้าวไห่ที่ตากเสื้อตัวนอกเสร็จรีบวิ่งไปหาลูกชายทันที นอกจากลงไปจับปลาในลำธารก็แทบจะไม่ได้ปลาเลย

“ฮ่า ฮ่า ซูเหยียน เจ้าเก่งมาก”

วันนี้คงได้กินน้ำแกงปลาเสียแล้ว อีกทั้งปลาในหลุมยังไม่ตายสักตัว เนื้อคงอร่อยมากแน่

“ซูเหยียนไปเอาตะกร้าใหญ่มา! พ่อจะเอามาใส่ปลาไว้ เดี๋ยวมันตายก่อน”

“ขอรับ!”

ตะกร้าที่นำมามีหกตะกร้า ตะกร้าใบใหญ่ทั้งสองจะเป็นของเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียน ส่วนที่เล็กลงมาจะเป็นตะกร้าของเซี่ยซูเจี๋ยกับเซี่ยซูเหยา อีกสองตะกร้าเล็กที่ใช้จับกุ้งเป็นตะกร้าใส่ห่ออาหาร อีกตะกร้าก็เป็นตะกร้าที่เซี่ยซูเหยาเอาไปใส่ไส้เดือน

เซี่ยซูเหยาลอบยิ้ม วันนี้ปลาได้เยอะมากจริง ๆ กุ้งในตะกร้าก็เยอะไม่ต่างกัน ถ้าได้ผักหวานป่าออกไปด้วยคงจะดีไม่น้อย แต่นางไม่เห็นผักเลยนี่สิ ไม่กล้าออกไปเก็บด้วย

“วันนี้อาเหยาอยากกินกุ้งนึ่ง”

เซี่ยซูเหยาบอกพี่สาวที่กำลังอุ่นไก่ที่นำมา จริง ๆ ไม่ต้องอุ่นก็ได้แต่เซี่ยซูเหยาบอกมันจะอร่อยกว่า เซี่ยซูเจี๋ยจึงตามใจน้องสาว

“หือ กุ้งนึ่งเหรอ พี่ไม่แน่ใจว่ามันจะอร่อยไหม” เซี่ยซูเจี๋ยจำได้ว่าเคยนึ่งกุ้งอยู่ครั้งหนึ่งแต่มันคาวมาก นับจากนั้นเวลาที่มีกุ้งนางก็ไม่ทำอีกเลย

“อาเหยารู้วิธีทำ”

เซี่ยซูเจี๋ยกำลังจะถามต่อแต่น้องชายเดินมาก่อนจึงเปลี่ยนใจ จากที่จะถามก็เลยลืมไปเลย

“วันนี้ได้ปลามาเยอะมาก พี่สาวก็ทำน้ำแกงให้อาเหยาหน่อย ทอดด้วยก็ดี” เซี่ยซูเหยียนบอกพี่สาว

“ได้”

เซี่ยซูเจี๋ยไม่ได้น้อยใจพ่อกับน้องชายเลยที่บอกให้ทำของโปรดให้น้องสาว นางชอบกินไก่ย่างและปลาทอด ทั้งสองก็ไม่เคยลืมสิ่งที่นางชอบ

เพียงแต่น้องสาวต้องบำรุงร่างกาย ยามที่ไม่ค่อยมีกินนางก็จะไม่ทำสิ่งที่นางชอบ จะทำสิ่งที่น้องสาวชอบมากกว่าเพราะอาเหยากินอาหารยาก

ยามเซิน เซี่ยห้าวไห่ก็พาลูกชายลูกสาวกลับบ้าน กว่าจะทำอะไรเสร็จกลัวมันจะมืดเสียก่อน เซี่ยซูเหยาก็เห็นด้วย นางจะนำกุ้งไปแช่ให้คลายดินเสียก่อน

พอกลับมาถึงบ้านเซี่ยซูเหยาก็นำกุ้งไปแช่น้ำและขอพี่สาวว่าจะทำเอง นางใช้กุ้งยี่สิบตัวเทน้ำให้ท่วมตัวกุ้งแต่ไม่มาก พร้อมทั้งใส่เกลือลงไป

ครึ่งชั่วยาม ก็น่าจะนำมาทำอาหารได้ ส่วนกุ้งที่เหลือขังไว้ในถังให้คลายดินก่อนไม่ต้องแช่เกลือ

ส่วนปลาที่ได้มาเกือบยี่สิบตัวเซี่ยซูเจี๋ยนำไปขังไว้ในบ่ออิฐเก่าที่มี มันพังแล้วแต่สามารถใช้ขังปลาได้ มันใช้ทำอาหารได้หลายมื้อเลยทีเดียว

หน่อไม้ที่ได้มาก็นำไปปอกเปลือกและต้มเก็บไว้ในไห วิธีนี้จะเป็นการถนอมหน่อไม้ให้เก็บไว้กินได้นาน เซี่ยซูเจี๋ยได้วิธีนี้มาจากการไปช่วยชาวบ้านทำงาน

เซี่ยซูเหยารอจนกุ้งที่แช่ถึงเวลาที่นางต้องการ ระหว่างที่พี่สาวหุงข้าว นางก็เดินออกไปดูแปลงผักเก็บถงเฮา ที่พี่สาวปลูกไว้กับซ้วนโถว นางจะนำมาทำเป็นน้ำจิ้มกินคู่กับกุ้งนึ่ง

ส่วนล่าเจียว นางเก็บมาได้จากป่าตอนกลับมาจากป่า จริง ๆ ก็แอบเก็บมาเพราะทุกคนบอกว่ามันกินไม่ได้

น่าเสียดายที่ไม่มีหนิงเหมิง นางเลยจะใช้ซวนเจี่ยว ที่มีอยู่ในบ้านแทน แม้รสชาติจะเปลี่ยนแต่ก็ดีกว่าไม่มีหนิงเหมิง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 80 ตราบชั่วนิรันดร์

    เช้าวันนี้ในเมืองหลวงแคว้นหนานมีการถกเถียงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนของคนสกุลเจิ้ง ว่ากันว่าวันนั้นภรรยาทั้งสามคนของอดีตเสนาบดีเจิ้งที่ล่วงลับไปแล้วคลอดบุตรพร้อมกันหนึ่งฮูหยินใหญ่ภรรยาเอกของเสนาบดีเจิ้งคลอดบุตรชายออกมาเป็นคนที่สอง บุตรชายของนางจึงกลายเป็นคุณชายรองไปโดยปริยาย หากไม่เกิดเรื่องถูกไล่ออกจากสกุลครานั้นคงได้ขึ้นเป็นเสนาบดีเจิ้งคนปัจจุบัน แทนพี่ชายที่เป็นบุตรอนุสองฮูหยินรองที่คลอดบุตรสาวคนเล็กพร้อมเสียชีวิตลงระหว่างคลอดบุตรสาวออกมา จากการสอบถามหมอที่ทำคลอด หมอผู้นั้นกล่าวว่าฮูหยินรองเสียเลือดมาก อีกทั้งเด็กขาดอากาศหายใจจึงไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้สามคืออนุสามที่คลอดบุตรชายคนโตของสกุลเจิ้งก่อนฮูหยินทั้งสอง กล่าวได้ง่ายๆ ก็คือคุณชายใหญ่เจิ้ง หรือประมุขสกุลเจิ้งคนปัจจุบันนั่นเองทว่าเรื่องที่ถกเถียงในวันนี้ก็คือบุตรชายของฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้งนั้นเป็นบุตรชายแท้ๆ ของฮูหยินรอง! ส่วนบุตรแท้ๆ ของนางนั้นเป็นบุตรสาวที่คลอดออกมาแล้วเสียชีวิต หมอทำคลอดกล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้งในยามนั้นเสียเลือดมากและไม่มีโอกาสที่จะมีบุตรได้อีก จึงทำการสลับเปลี่ยนตัวเด็กทั้งยังสังหารฮูหยินรองทิ้ง ซึ่งเรื่องนี

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 79 ง้อ

    ซื่อจื่อหมิงซูเหยียนที่กำลังช่วยสหายสะสางฎีกาต้องรีบกลับตำหนักบูรพาทันทีเมื่อได้ยินว่าน้องสาวมีใบหน้าเศร้าหมองมาจากจวนสกุลเจิ้ง พอๆ กับผู้เป็นสามีอย่างรองแม่ทัพเจิ้งที่ตามพี่ภรรยาไปด้วยตำหนักบูรพาเดิมทีเป็นตำหนักขององค์รัชทายาทที่จะได้รับตำแหน่งฮ่องเต้องค์ถัดไป ทว่าฮ่องเต้หมิงหลงอันกลับไม่ยอมให้องค์รัชทายาทเข้าไปอยู่และสร้างตำหนักใหม่ให้แทน ในระหว่างนี้องค์รัชทายาทก็ต้องอยู่ในตำหนักเดิมของพระองค์ไปก่อนส่วนตำหนักบูรพาถูกยกให้เป็นจวนสกุลเซี่ยที่มีรองแม่ทัพเซี่ยเป็นประมุขสกุล ซึ่งองค์รัชทายาทไม่มีปัญหาในเรื่องนี้เพราะหากเขายอมรับตำหนักใหม่ยังสามารถเลือกได้ว่าต้องการตำหนักแบบใด และเรื่องนี้เหล่าขุนนางก็ไม่มีผู้ใดคัดค้าน อาจเป็นเพราะแต่ละคนล้วนเป็นขุนนางที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้หมิงหลงอันเพียงผู้เดียวก็ได้ยิ่งยามนี้จวนสกุลเซี่ยเพิ่งถูกองค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่สั่งทุบไป และจะสร้างเป็นสวนดอกไม้เพื่อรำลึกถึงคนที่เสียชีวิตแทน ทำให้สามพี่น้องไม่ได้ย้ายไปพักที่นี่ อีกอย่างความทรงจำต่างๆ คงไม่ดีสำหรับผู้รอดชีวิตในวันนั้นรองแม่ทัพเจิ้งกระโดดลงจากรถม้าด้วยความเร่งรีบ เมื่อสอบถามนางกำนั

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 78 ย่าสามีหรือ ข้าไม่ต้องการ

    เสียงการเคลื่อนไหวที่ข้างนอกห้องนอนทำให้เซี่ยซูเหยารู้สึกตัวตื่นขึ้นบนที่นอน ตั้งแต่แต่งงานมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ วันนี้นางตื่นสายมากๆ ได้ยินว่าวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้งกลับมาจากเยี่ยมบุตรชายที่นอกเมืองหลวง นางผู้เป็นหลานสะใภ้จึงต้องไปยกน้ำชาเพื่อแสดงความเคารพสักหน่อย“องค์หญิง”“ยามใดแล้ว” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามคนสนิทที่เข้ามาช่วยพยุงตัวให้ลุกขึ้น ทั้งยังยกอ่างล้างหน้ามาให้ผู้เป็นฮูหยินน้อยสกุลเจิ้งหมาดๆ นางพยักหน้า“ยามซื่อแล้วเพคะ ท่านเขยกล่าวว่าไม่ต้องปลุกท่าน บ่าวจึงรอให้ท่านตื่นเอง”“ยามซื่อ!”สามวันมานี้เหลาอาหารอิ้งเยว่เกิดเรื่องขึ้น นางจึงต้องจัดการปัญหาต่างๆ จะให้สามีจัดการให้ก็ไม่ได้ เขาไม่รู้เรื่องในเหลาอาหารทั้งยังมีเพียงนางที่แก้ปัญหาได้ จึงต้องนอนดึกและตื่นเช้ามาตลอดสามวัน เพียงทว่าเมื่อคืนนางคงจะเหนื่อยจริงๆ จึงหลับลึกมากชนิดที่ว่าคนข้างกายลุกไปก็ยังไม่รู้สึกตัว“เพคะ”“เขาล่ะ” นางหมายถึงสามีของนางที่ไม่เห็นหน้าเมื่อตื่นนอน“ท่านเขยออกไปพบองค์รัชทายาทเพคะ ได้ยินว่าพระองค์ป่วยหนักหลังจากถูกฝ่าบาททิ้งงานไว้ให้หลายวัน” หลิวซิ่นกล่าวยิ้มๆ อย่างขบขัน เมื่อองค์รัชทายาทถูกบิดาและบรรด

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 77 งานมงคล

    วันที่สิบเจ็ด เดือนสอง รัชศกหมิงปีที่ยี่สิบเอ็ด แคว้นหนานมีงานมงคลครั้งใหญ่โดยมีฮ่องเต้หมิงหลงอันเป็นญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง หรือก็คือองค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่ ที่สมรสกับรองแม่ทัพเจิ้งรั่วซาน คุณชายรองเจิ้งแห่งสกุลเจิ้งแม้จะมีเสียงกล่าวว่าไม่เหมาะสมบ้าง แต่ใครจะสนกันล่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวลี่จ่างกงจู่ผู้เป็นพี่สาวไม่ปราถนาที่จะแต่งงานเร็วๆ นี้ ทั้งได้ยินว่านางจะออกบวชชีที่อารามนอกเมือง หากรอพี่สาวแต่งงาน องค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่ผู้เป็นน้องสาวก็คงไม่ได้แต่งงานแล้วชีวิตนี้ฮ่องเต้หมิงหลงอันมีราชโองการให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่แต่งให้รองแม่ทัพเจิ้งรั่วซาน โดยที่ไม่ต้องลดบรรดาศักดิ์เชื้อพระวงศ์หญิงอันดับหนึ่ง ยังเป็นองค์หญิงเจิ้นกั๋วเช่นเดิม ไม่ต้องกล่าวก็รู้ว่าเป็นคนโปรดเพียงใด ขนาดองค์หญิงรอง องค์หญิงสี่ที่แต่งไปกับเชื้อพระวงศ์แคว้นอื่นยังต้องลดบรรดาศักดิ์ลงเลยเสียงสนทนาเบาๆ ดังขึ้นที่หน้าห้องแต่งตัวของผู้เป็นเจ้าสาว ทำให้เซี่ยซูเหยาที่แต่งตัวอยู่อดที่จะมองดูไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าคนสนิทของนางเดินทางมาถึงแล้ว“องค์หญิง”“ฟางไฉ่!”ฟางไฉ

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 76 สมรสพระราชทาน

    เสียงหัวเราะท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบสร้างความสุขให้แก่นางกำนัลและองครักษ์ในตำหนักบูรพาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งอากาศยังเย็นสบาย“ได้ยินมาว่าพี่หญิงถูกชินอ๋องแคว้นหลิงตามเกี้ยวหรือขอรับ” ซื่อจื่อหมิงซูเหยียนที่นั่งตรงข้ามกล่าวถามองค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวลี่จ่างกงจู่ชะงักมือที่ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อย หวนนึกถึงคนผู้หนึ่งที่ตามเกี้ยวมาตลอดห้าปีอย่างขบขัน“อืม”“พี่หญิงยังไม่ใจอ่อนให้เขาอีกหรือเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาผู้นั่งข้างๆ พี่สาวเอ่ยถามบ้าง“ใจอ่อนอันใด นางมาปรึกษาข้าว่าอยากบวชชีอยู่เลย”แค่กๆหลายคนถึงกับน้ำพุ่งออกจากปากเมื่อได้ยินคุณหนูเจ็ดเย่กล่าว ทั้งยังหันมององค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวลี่จ่างกงจู่ที่นั่งจิบน้ำชาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเป็นตาเดียว“ฮ่าๆ เหตุใดสีหน้าพวกเจ้าจึงเป็นเช่นนั้น” นางเพียงอยากบวชชีก็เท่านั้นเองเซี่ยซูเหยามองพี่สาวอย่างอึ้งๆ หลายปีที่ผ่านมาชินอ๋องผู้นั้นยังพิชิตใจพี่หญิงของนางไม่ได้อีกหรือ นางคิดว่าเขาจะตามเกี้ยวพี่สาวจนยอมตกลงแล้วเสียอีก“แล้วชินอ๋องแคว้นหลิงเล่า”“ชินอ๋องผู้นนั้นหรือ พี่ไล่เขากลับแคว้นหลิงแล้ว เชื้อพระวงศ์สองแคว้นควรเกี่ยวดอง

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 75 พี่น้องพบหน้า

    ต้นไม้สั่นไหวไปตามสายลมที่พัดมาเอื่อย ๆ บนเนินเขาเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้อยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวงมาก ทั้งยังเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน ทั่วทั้งเนินเขาไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ เพราะเป็นพื้นที่ขององค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่ที่ได้รับพระราชทานมาในยามที่ได้รับตำแหน่งองค์หญิงเจิ้นกั๋วม้าสองตัวถูกบังคับตามกันขึ้นไปยังเนินเขาที่มีเหล่าองครักษ์รออยู่ตีนเขา เสียงหัวเราะของสองพี่น้องช่างทำให้ฟางไฉ่และผู้ที่ติดตามมาตั้งแต่เมืองเฟิงยิ้มกว้าง หลายปีที่ผ่านมาองค์หญิงของพวกเขาร่าเริงเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนก็จริงทว่าโดดเดี่ยวนักเมื่ออยู่เพียงลำพังเด็กหนุ่มเด็กสาวที่เคยเรียกว่าคุณชาย คุณหนู ยามนี้กลายเป็นองค์หญิงและซื่อจื่อกันหมดแล้ว ยิ่งแต่ละคนเติบโตการมีบรรดาศักดิ์ยิ่งแตกต่างกันมากขึ้นองค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวลี่จ่างกงจู่ผู้เป็นพี่สาวคนโต ยามนี้มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือนั่นก็คือการเป็นศิษย์ของหมอเทวดาหญิง ทั้งยังมีชื่อเรียกว่าองค์หญิงเทพธิดาจากการช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจน กลับมาหาน้องสาวเพียงปีละครั้งเท่านั้นซื่อจื่อหมิงซูเหยียนพี่ชายคนรองที่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะได้รับบรรดาศักดิ์อ๋องและยามนี้เ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status