ด้วยความอยากรู้ว่าชัชวินเป็นใคร อัยย์ถึงได้ลองค้นหาข้อมูลตามเว็บไซต์ต่าง ๆ และมันก็ดันมีขึ้นมาจริง ๆ ทว่าเป็นเพียงประวัติย่อ ๆ อาจจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ถูกเปิดเผยให้ได้รู้
ชัชวิน เธียรธนากิจ ลูกชายคนเดียวของคุณชูวิทย์ และคุณหญิงอรอนงค์ ธุรกิจหลักของที่บ้านคือเปิดบริษัทผลิตเครื่องยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดภูเก็ต และยังมีโรงแรม Thanakit ที่ประเทศจีน ตั้งแต่ที่คุณชูวิทย์เสียไปชัชวินก็ขึ้นเป็นผู้ดูแลกิจการทุกอย่างแทน ทว่านอกจากกิจการของพ่อที่สร้างไว้แล้ว ชัชวินยังเปิดคลับเป็นของตัวเองเนื่องจากความชอบส่วนตัว
อัยย์เลื่อนหาข้อมูลเพียงสองสามเว็บก็เขียนเหมือนกันไปหมด ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้ แม้ว่าชัชวินจะเป็นที่รู้จักในแวดวงนักธุรกิจนักลงทุน แต่ก็ใช่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดให้สื่อรู้ และก็คงไม่มีใครสืบรู้
“ดูอะไรอยู่วะ”
คนตัวเล็กไม่ได้มีอาการตกใจ แม้คนที่เดินเข้ามาจะวางมือลงบนบ่า อัยย์เพียงเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียงคุ้นหู พลางยกยิ้มให้น้อย ๆ
“เปล่า”
ตอบกลับพร้อมกดปิดหน้าจอ เขาเห็นว่าไม่ได้สำคัญอะไรไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวให้เต้รู้
“ครูชัยให้มาตาม เดี๋ยวจะมีคนมาเรียนมวยครูจะให้มึงไปสอน เห็นว่าคนนี้ให้ค่าตอบแทนเยอะใช้ได้”
เป็นปกติที่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะมีคนติดต่อเข้ามาเรียนมวยที่ค่ายก้องเมธี ครูชัยจะพิจารณาเป็นคน ๆ ไปว่าเหมาะจะให้เด็กคนไหนในค่ายเป็นคนสอน หรือครูชัยจะเป็นคนสอนเอง
ในวันหยุดแบบนี้อัยย์มีรายได้จากการมาช่วยครูชัยสอนมวยบางครั้งบางคราว ทว่าสำหรับอัยย์เงินยังไม่เพียงพอ ช่วงนี้เลยมองหางานเสริมที่จะทำเพิ่มวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย
“เดี๋ยวตามไป”
เต้พยักหน้ารับก่อนเดินหายกลับไปทางเดิม นับสิบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นปัดกางเกงเล็กน้อย พลางเดินตามเต้เข้าไปที่สนามซ้อม
“นู่นไงมาพอดี มานี่สิอัยย์” ครูชัยละสายตาจากชายร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะเรียกหลานให้เดินมาที่ตนเอง “นี่คุณนพ เขาจะมาเรียนมวยเพื่อไปเล่นหนัง ลุงเลยจะให้อัยย์เป็นคนซ้อมให้”
“สวัสดีครับคุณนพ ผมอัยย์ครับ”
“สวัสดีครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
เด็กหนุ่มยกยิ้มพลางค้อมหัวเล็กน้อยเป็นมารยาท เช่นเดียวกับอีกฝ่าย
“งั้นอัยย์ก็เริ่มสอนจากพื้นฐานให้คุณนพเขาก่อนแล้วกัน”
“ได้จ้ะครู งั้นเดี๋ยวเชิญคุณนพไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวทางนี้ครับ”
หากจะให้ขึ้นซ้อมทั้งชุดที่คุณนพใส่มาเห็นทีคงไม่ได้ อัยย์เดินนำมายังห้องแต่งตัว เตรียมชุดที่มีไว้พร้อมสำหรับคนที่มาเรียนส่งให้คุณนพ ก่อนจะออกไปรอนอกห้อง
เด็กในค่ายละจากการฝึกซ้อมแวะเวียนมานั่งดูการสอนของอัยย์ แม้ว่าเด็กคนนี้จะอายุเพียงยี่สิบปี แต่เรื่องฝีมือไม่ใช่เล่น ๆ ทั้งพื้นฐาน และท่ายากอัยย์ก็ทำได้ดี สมกับที่ครูชัยฝึกให้
อาจจะเพราะเจ้าตัวอดทนเพียรพยายามที่จะเรียนรู้เพื่อต่อยอดให้ตัวเอง แม้จะไม่ได้แข่งตามสังเวียนมวยใหญ่ ๆ เพราะด้วยเพศพิเศษแบบอัยย์ที่ตัวเล็กร่างบางกว่าผู้ชายคนอื่น ๆ ในค่าย แต่อย่างน้อยสิ่งที่ได้เรียนมาก็ช่วยให้เขามีวิชาป้องกันตัวเอง
“ไอ้อัยย์นี่มันเก่งเนอะครู”
เป็นคนชมที่เต้มักพูดอยู่บ่อยครั้ง ครูชัยยกยิ้มมุมปากมองภาพเด็กหนุ่มที่กำลังตั้งใจสอนท่าทางให้คุณนพอยู่บนสังเวียน
“อืม อัยย์มันเก่ง”
ความภาคภูมิใจฉายชัดออกมาผ่านสายตา เช่นเดียวกับเต้
.
.
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงคุณนพต้องหยุดการซ้อมไว้ก่อนสำหรับวันนี้เพราะมีงานต้องไปทำต่อ พร้อมทั้งให้เงินและทิปฝากครูชัยไปให้อัยย์ ระหว่างที่อีกคนกำลังไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
อัยย์เดินออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดเดิมที่ใส่ก่อนหน้านี้ ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงจาง ๆ เพราะความเหนื่อยร้อนในร่างกาย แม้จะอาบน้ำแล้วก็ตาม
“อัยย์!” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นมองรุ่นพี่ตรงหน้าที่ยืนหอบหายใจ
“ครับ?”
“มีคนมาหา”
สีหน้างุนงงฉายชัดขึ้น ใครกันที่มาหาเขาในช่วงเวลาเกือบสี่โมงแบบนี้ เพราะโดยปกติเขาไม่ได้รู้จักคนเยอะอยู่แล้ว
อัยย์เก็บความสงสัยเอาไว้ ก่อนเดินออกไปหน้าค่ายมวยโดยไม่ถามไถ่อะไรคนที่วิ่งมาส่งข่าว พร้อมครูชัยและเต้ที่เดินตามออกมาดูห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ
ชายร่างใหญ่สองคนไม่คุ้นหน้ายืนสูบบุหรี่รอพบคนที่ตัวเองเพิ่งสั่งให้คนในค่ายเข้าไปตาม
“มาหาผมเหรอครับ” คนตัวเล็กเอ่ยถาม
“นี่แกคืออัยย์น้องของไอ้อาร์มจริง ๆ เหรอ”
ชายหนุ่มสองคนหันมองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ที่พี่กับน้องดูจะต่างกันไปหมดตั้งแต่หน้าตารูปร่าง
ซึ่งอัยย์ก็ไม่แปลกใจเท่าไรหากจะมีคนไม่เชื่อที่เขากับอาร์มเป็นพี่น้องกัน เพราะเขาจะหน้าไปทางแม่ ส่วนอาร์มหน้าตารูปร่างจะไปทางพ่อเสียมากกว่า
“ครับ ..ว่าแต่มาหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ?” อัยย์เริ่มพากลับเข้าประเด็น
“ไม่มีอะไรมากหรอก พวกเราแค่มาเอาเงิน”
“เงิน? เงินอะไรครับ”
“ไอ้อาร์มมันติดหนี้กูสองคนอยู่ มันเลยให้กูมาท้วงเอาจากน้องมันที่ชื่ออัยย์” ได้ยินอย่างนั้นก็สะอึกอยู่ในอก พูดอะไรแทบไม่ออก ได้แต่กลืนก้อนน้ำลายเหนียวลงคอ “แกเป็นน้องมันนี่ งั้นก็จ่ายเงินพวกเรามา”
“เท่าไร”
“สองหมื่น”
“ฮะ!!!”
แทบจะขาอ่อนเสียเดี๋ยวนั้น เงินสองหมื่นสำหรับเขามันเยอะมาก ต้องทำงานตั้งหลายวันหลายชั่วโมงกว่าจะได้มา แค่หนี้ของพ่อก็มากพออยู่แล้ว นี่เขาต้องมาล้างตามเช็ดหนี้ของพี่ชายอีกคนหรือยังไงกัน ทั้งที่เมื่อคืนก่อนเพิ่งจะเอาเงินเขาไปเกือบสามหมื่น แล้วทำไมวันนี้ถึงมีเจ้าหนี้มาตามทวงเขาถึงที่ซะได้
“รีบ ๆ คืนมาพวกเราจะได้รีบไป”
“ตอนนี้ผมมีไม่พอ ขอเวลาสักอาทิตย์หนึ่งได้ไหม”
“ไม่ได้! พวกเราก็ต้องใช้ต้องจ่าย นี่ตามทวงไอ้อาร์มมาเป็นเดือนมันก็ผลัดไปเรื่อย จนมันบอกให้มาเอาที่แก”
อัยย์ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ตอนนี้มืดแปดด้านไปหมด เงินที่มีติดตัวอยู่ตอนนี้ไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ ดูท่าเจ้าหนี้ของอาร์ทก็คงไม่ยอมให้เขาผลัดวันจ่าย
“ผมไม่มีจริง ๆ ขอเวลาให้ผมสักอาทิตย์นะ”
เอ่ยพูดอย่างใจเย็น พยายามหว่านล้อมเผื่อว่าสองคนตรงหน้าจะใจอ่อน ยอมอะลุ้มอล่วยให้
แต่ดูจากท่าทีแล้วคงไม่เป็นอย่างที่ใจคิด ชายหนุ่มทั้งสองคนไม่มีทีท่าว่าจะยอมอ่อนให้กัน
“เอาเงินนี่ไป แล้วอย่ามายุ่งกับอัยย์อีก”
ครั้นยืนดูเหตุการณ์อยู่นานครูชัยก็เดินออกมาพร้อมเงินจำนวนหนึ่ง ส่งให้ชายหนุ่มสองคนที่มาทวงเงินจากหลานตัวเอง
“ไปกลับ” เมื่อได้เงินตามที่ต้องการทั้งสองคนก็พากันออกไป
อัยย์มองหน้าครูชัยและเต้ที่ยืนนิ่งราวกับไม่เรื่องใด ๆ เกิดขึ้น เด็กหนุ่มรู้สึกโกรธตัวเองที่ทำให้เพื่อนกับครูชัยต้องมาเดือดร้อน
“อัยย์จะรีบหามาคืนนะจ๊ะครู”
“ไม่ต้องหรอก”
“ไม่ได้หรอกจ้ะ ยังไงอัยย์จะรีบหามาคืน”
ครูชัยได้แต่ส่ายหัวไปมาครั้นเด็กตรงหน้าไม่ยอมเสียทีเดียว เงินที่ครูชัยให้พวกนั้นไปก็เป็นเงินของตัวเอง แม้ค่ายมวยก้องเมธีจะไม่ใช่ค่ายมวยใหญ่ ๆ แต่ก็ทำรายได้ให้ครูชัยมากพอสมควร เงินไม่เคยขาดมือ มีพอกินพอใช้ เลี้ยงเด็กในค่ายให้อยู่ได้อย่างสบาย
หรือต่อให้ช่วยอัยย์จ่ายหนี้ทั้งหมดครูชัยก็พร้อมที่จะช่วย ทว่าหากทำแบบนั้นอัยย์เองคงไม่ยอม ครูชัยไม่อยากให้อัยย์ลำบากใจ เลยทำได้แค่ยื่นมือเข้าไปช่วยในตอนที่อัยย์ต้องการจริง ๆ
“เอาเถอะ คืนก็คืน แต่ไม่ต้องรีบก็ได้ ลุงไม่ได้เดือดร้อนอะไร”
“จ้ะ ขอบคุณนะจ๊ะครู” มือหนาวางลงบนกลุ่มผมนุ่มด้วยความเอ็นดู
“ครูชัยจ๋าาา”
เสียงหวานแหลมตะโกนดังมาแต่ไกลเรียกสายตาทั้งสามคนให้หันกลับไปมอง ชายวัยกลางคนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“กระโดดโลดเต้นมาแต่ไกลเลยครู” เต้กระซิบบอกพลางยิ้มขำกับท่าทีของชายหนุ่มวัยยี่สิบหกปีที่ยังทำตัวเหมือนเด็ก
“คิดถึงใบพลูไหมจ๊ะครูชัย”
ทันทีที่วิ่งมาถึงตัวครูชัยเจ้าตัวก็เกาะแขนแกร่งเงยหน้ามองคนที่ตัวสูงกว่าพลางส่งสายตาออดอ้อนใส่
“เย็นป่านนี้แล้วมาที่นี่มีธุระอะไร”
ชายหนุ่มหุบปากฉับ มุ่ยหน้าใส่ครั้นอีกฝ่ายเลี่ยงที่จะตอบคำถามของตัวเอง
“พลูคิดถึงครูชัยไงจ๊ะเลยมาหา”
“ว่างมากหรือไง ถึงได้เทียวไปเทียวมาไม่เว้นวัน”
“ไม่ว่างจ๊ะ งานเย๊อะเยอะ แต่ความคิดถึงที่พลูมีให้ครูชัยมันเยอะกว่า”
เด็กหนุ่มสองคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับอดยิ้มไม่ได้ ต่างจากครูชัยที่ทำหน้าเอื้อมโลก ชินเสียแล้วที่โดนเด็กคนนี้เที่ยวพูดจาหยอดคำหวานใส่ไม่เว้นวัน
“แต่ฉันไม่ว่าง กลับบ้านไปได้แล้วไป”
“อัยย์ดูสิ ลุงของอัยย์ทำไมใจร้าย ไล่พี่ได้ลงคอ”
ทั้งที่ยืนอยู่เงียบ ๆ แล้วแท้ ๆ กลับโดนลากเข้าไปเกี่ยวด้วยเฉยเลย ใบพลูปล่อยแขนครูชัยเปลี่ยนไปกอดแขนของอัยย์แทน ด้วยขนาดตัวและความสูงที่ทำกันทำให้ง่ายต่อการที่ใบพลูจะแสร้งซบไหล่ทำทีคล้ายเสียใจจะร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น
“งั้นเข้าไปกินน้ำกินท่าข้างในก่อนดีไหมพี่พลู”
ได้ยินอย่างนั้นก็รีบผละตัวออกพยักหน้าตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ลากแขนอัยย์ให้เดินเข้าไปในค่ายไม่รอให้เจ้าของอย่างครูชัยพูดอะไรต่อ การที่เขาเข้าทางหลานนั้นคือวิธีชาญฉลาด เพราะครูชัยน่ะตามใจอัยย์ที่สุดแล้ว
หลังจากปลีกตัวออกมาจากความวุ่นวายของใบพลูได้อัยย์ก็กลับมาที่ห้องพัก ยังเหลือเวลาอีกเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลางานที่คลับ
เขาใช้เวลาที่เหลือหางานบนอินเทอร์เน็ต งานที่ทำได้ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะวันปกติเขามีงานประจำที่ร้านเบเกอรี่ของพี่ผึ้งอยู่แล้ว เว้นแต่วันหยุดที่ร้านปิด หากไม่มาช่วยครูชัยสอนมวย ตอนเช้าอัยย์ก็ไม่มีงานให้ทำ
เลื่อนอยู่ได้สักพักก็มีงานหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นงานวิ่งส่งอาหารคล้าย ๆ ไรเดอร์ เขาคิดว่างานนี้น่าจะทำได้ ส่วนเรื่องรถต้องใช้เป็นรถของตัวเอง ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะมีรถคันเก่าของพ่ออยู่ เอาไปให้ที่ร้านเช็กสภาพดูสักหน่อยก็น่าจะโอเค
โทรคุยกับเจ้าของร้านเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ อยู่ได้สักพักทางนั้นก็ตอบตกลงที่จะรับเขา โดยทำงานแค่ช่วงเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่แปดโมงถึงหนึ่งทุ่มตามที่ตกลงกันเอาไว้ ซึ่งสามารถเริ่มงานได้เลยในวันพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องรถคงต้องยืมของครูชัยไปก่อน
ตลอดสองเดือนชัชวินโทรหาคนรักกับลูกทุกเวลาที่ว่างอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เขาอยากจะบินไปภูเก็ตใจแทบขาด ทว่างานรัดตัวจนไปไม่ได้ อีกทั้งไทท์ยังเอาแต่ห้าม ไหนจะโรงแรมที่จีนที่เขาต้องจัดการบัญชีทุกเดือน ยังต้องบินไปดูงานด้วยตัวเอง มีคุยงานกับนักธุรกิจหลายท่านเรื่องธุรกิจที่กำลังจะเริ่มลงทุนร่วมกันเร็ว ๆ นี้ เพราะแต่ละคนมีเวลาว่างต่างกัน ชัชวินจึงไม่สามารถไปไหนได้ ตารางงานแต่ละวันแน่นจนเขาอยากจะหนีไป แต่ก็ทำไม่ได้ทุกการเคลื่อนไหวของชัชวินไทท์ได้รายงานให้อัยย์ทราบทุกอย่าง เนื่องจากอีกฝ่ายขอร้องมา ไทท์เองก็ไม่อยากทำตัวเป็นนกสองหัว เพราะเหมือนกับกำลังทรยศเจ้านาย แต่ทว่าชัชวินไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้มีพฤติกรรมอะไรไม่ดี เขาจึงไม่คิดว่ามันจะเป็นอะไร หากบอกให้อัยย์ทราบ ดีเสียอีกที่อีกคนจะได้เห็นว่าเจ้านายของเขาปรับตัวเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อครอบครัวแล้วจริง ๆ ไม่ทำตัวเหลวไหล หรือมั่วผู้หญิงอย่างแต่ก่อนอัยย์จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ ทำเรื่องย้ายลูกไปเรียนที่กรุงเทพ ฯ โดยไม่บอกชัชวิน กะไว้ว่าจะเซอร์ไพรส์สักหน่อย โดยมีเขมทัศน์ช่วยเหลืออีกเช่นเคย“เราจะไปไหนกันเหรอม๊า” เด็กน้อยตาใสเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื
เวลาเกือบสองทุ่มครึ่งอัยย์ส่งลูกเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะลงมาหาคนที่ยังเอาแต่นั่งอ่านเอกสารหน้าเครียด ก่อนหน้านี้ฝนเริ่มซาลงบ้างแล้วอัยย์ตั้งใจจะบอกให้ชัชวินกลับไป แต่พอเห็นว่าคนพี่กำลังตั้งใจทำงานก็ไม่อยากกวนคนตัวเล็กแอบทำอะไรเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในครัวประมาณยี่สิบนาที ออกมาพร้อมข้าวไข่เจียวร้อน ๆ คาดว่าชัชวินน่าจะหิว เพราะเมื่อตอนเย็นทานไปแค่นิดเดียวก็กลับมานั่งทำงานต่อ คงจะมีปัญหาตรงไหนสักอย่าง“ทานข้าวก่อนสิครับค่อยทำต่อ”ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองเด็กหนุ่ม จากที่ทำหน้าเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที ทว่าดวงตาคมดูล้ากว่าปกติ“ขอบคุณครับ แต่เฮียขอทำงานต่ออีกหน่อยเดี๋ยวค่อยกินครับ”“ไม่ได้ครับ” ตอบกลับเสียงแข็ง “กินก่อนเถอะครับ เมื่อตอนเย็นคุณกินไปแค่นิดเดียว กว่างานจะเสร็จหิวไส้กิ่วกันพอดี”“กินก็กินครับ ไม่เห็นต้องดุเลย”“ไม่ได้ดุสักหน่อย!”“นี่ไงหนูกำลังดุเฮียอยู่ชัด ๆ”อัยย์กรอกตามองบนพลางถอนหายใจ เบื่อจะเถียงกับคนแก่ ทว่าไม่ทันได้เดินออกไป อีกคนดันจับข้อมือรั้งเขาไว้เสียก่อน“มีอะไรครับ?”“มีเรื่องจะรบกวนครับ”“อะไรครับ?”“พอดีรู้สึกเหนื่อยมากเลยครับ อยากรบกวนขอกำลังใจเป็นกอด
เช้าวันนี้ดูเหมือนเป็นวันที่ดีที่สุดในรอบสามปีของชัชวิน เสียงนกร้องดังอยู่บริเวณบ้านปลุกคนนอนหลับฝันดีให้ตื่นขึ้นมา ร่างหนาบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้าน กลิ่นของอาหารหอมโชยมาจากในครัวชัชวินเดินมาตามกลิ่น คนตัวเล็กกำลังง้วนอยู่กับการทำอาหารมื้อเช้าสำหรับวันนี้ เด็กน้อยที่พึ่งตื่นล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมานั่งเล่นรอมารดาตัวเองที่โต๊ะทานข้าว“อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช”ศรัณย์เอ่ยพูดประโยคที่ชัชวินเคยสอนเมื่อครั้งก่อน เพียงแค่ครั้งเดียวเขาก็จำได้ขึ้นใจ“อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์”ชัชวินยกยิ้มให้เด็กน้อย จากตอนแรกที่ได้เจอกันรู้สึกถูกชะตามากอยู่แล้วยิ่งรู้ว่าเป็นลูกชายของตัวเองแท้ ๆ เขายิ่งหลงรักเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าศรัณย์รู้ว่าเขาเป็นพ่อจะดีใจบ้างหรือเปล่าเขาไม่รู้ว่าอัยย์จะบอกลูกตอนไหน แต่ความร้อนใจของเขาเขาอยากให้ลูกรู้เร็ว ๆ ว่าเขาเป็นพ่อ เขาอยากแสดงตัวว่าเป็นพ่อ อยากทำหน้าที่ของพ่อ อยากชดเชยเวลาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทดแทนได้หรือเปล่าเขาก็อยากทำมันให้เต็มที่ เพื่ออัยย์และลูก“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาครับจะได้กินข้าว”เรื่องที
ร่างสูงโปร่งลงจากรถแท็กซี่ ตั้งสติให้ตัวเองทรงตัวก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังหน้าบ้านของคนที่เขาคิดถึง สองมือเกาะรั้ว ตะโกนเรียกชื่อเจ้าของบ้านเสียงดังลั่น"อัยย์! อัยย์ครับ ออกมาคุยกับเฮียหน่อย อัยย์!"เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นเรียกเจ้าของบ้าน เขมทัศน์ลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวมาเปิดประตู เห็นเพื่อนตัวเองยืนเกาะอยู่ที่รั้วไม้ จึงเดินเข้าไปหา“มึงมาที่นี่ได้ยังไง”อัยย์ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าชัชวินเคยมาที่นี่เมื่อครั้งก่อน เพราะรู้ว่าความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนยังไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร กลัวว่าหากเขมทัศน์รู้เข้าจะมีปากเสียงกับชัชวินเพราะเขาอีก“อัยย์! มาคุยกับเฮียหน่อย”“ถ้าเมาก็กลับไปไอ้ชัช อย่ามาสร้างความเดือดร้อนที่นี่” เขมเอ่ยขึ้นเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากอีกฝ่าย“มึงไม่ต้องเสือก”น้อยครั้งที่ชัชวินจะพูดหยาบคายกับเขม ทว่าครั้งนี้เขามีเรื่องไม่พอใจที่อีกคนโกหกจึงไม่คิดที่จะยั้งปาก อีกทั้งยังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหลังจากลูกค้านัดไปคุยงานนั่งดื่มกัน ชัชวินก็ซัดเหล้าเข้าปากเพราะความเครียดที่ตัวเองพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ได้ อย่างน้อยถ้าเมาก็คงกล้าทำอะไรมากขึ้น ตอนนี้เขาถึงได้มายืนอยู
หลังจากโดนอัยย์จับได้ว่าแอบเดินตาม ชัชวินก็ใช้เวลาอยู่สามสี่วันกับการกลั่นกรองความคิดตัวเอง เมื่อตกผลึกแล้วสิ่งเดียวที่ชัดเจนที่สุดคือความคิดถึง ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งคิดถึง ไม่ว่าจะกินจะนอนก็อยากเจอหน้าให้ได้ ถ้าเป็นคนงมงายสักนิดคงคิดว่าตัวเองโดนของแน่ ๆร่างหนาเดินเลือกซื้อขนมที่เด็ก ๆ ชอบ ซึ่งถามความคิดเห็นจากไทท์ เพราะเลขาของเขามีลูกชายอยู่หนึ่งคน คงจะพอรู้ว่าเด็กผู้ชายชอบกินอะไร รวมถึงพวกของเล่นต่าง ๆเดินเลือกไปเลือกมาสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือตุ๊กตากระต่ายหูยาวสีขาว เพียงแค่ได้สัมผัสความนุ่มชัชวินก็ถูกใจทันที คิดว่าศรัณย์อาจจะชอบ ไม่ว่าเด็กผู้หญิงหรือผู้ขายก็ชอบตุ๊กตาได้ทั้งนั้น ทว่าลึก ๆ แล้วเขาจะใช้มันเป็นตัวแทนของเขาเอง“จะซื้อจริง ๆ เหรอครับ” คนที่โดนหิ้วให้ติดตามขับรถให้อย่างไทท์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“อือ ผมว่าน้องรัณอาจจะชอบ” ว่าพลางยกยิ้มราวกับคนมีความสุขเต็มเปี่ยม หลายวันที่ไทท์เห็นเจ้านายตัวเองเอาแต่ขมวดคิ้วเหม่อคิดอะไรอยู่กับตัวเองคนเดียว ทว่าวันนี้ราวกับคนละคนจ่ายเงินเสร็จก็มุ่งตรงไปที่บ้านของอัยย์ทันที ไทท์ลอบมองชัชวินผ่านกระจกหลังเป็นระยะ ดูท่าแล้วจะมีความสุขมากจริง ๆ ถ
แสงแดดอบอุ่นยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างพาดผ่านผิวกาย กระทบใบหน้าหล่อเหลา เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นหรี่ตาปรับแสงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับเขยื้อนร่างกาย รู้สึกปวดเมื่อยจากการนอนขดตัวอยู่นโซฟาหลายชั่วโมงดวงตาคมหลุบลงมองผ้านวมผืนหนาที่คลุมร่างของเขาอยู่ จำได้ว่าเมื่อคืนอัยย์ไม่ได้เอามาให้ งั้นคงเอามาห่มให้เขาตอนเขาหลับไปแล้วแน่ ๆ พลันความคิดเข้าข้างตัวเองเกิดขึ้นในหัวมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเผลอไผลทว่าต้องสะดุ้งตกใจเมื่อหันห้ามาเจอเด็กน้อยหน้าตาสดใสกำลังจ้องมองเขาไม่ละสายตา ชัชวินส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง"อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์""อรุณสวัสดิ์คืออะไร" เด็กน้อยทำหน้าตาสงสัยในคำที่ตัวเองไม่เข้าใจ"อรุณสวัสดิ์ก็คือสวัสดีตอนเช้า""อืม รัณเข้าใจแล้ว อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช"ความสดใสจากเด็กคนนี้ทำให้เขาอดนึกถึงภาพของอัยย์ตอนยิ้มร่ามีความสุขไม่ได้ แม่กับลูกเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน"ทำไมรัณตื่นเช้าจังครับ" จริง ๆ ก็ไม่ได้เช้าอะไรมากมาย ตอนนี้ก็เกือบจะแปดโมงแล้ว"มะม๊าบอกว่าถ้าตื่นสายจะติดเป็นนิสัย ทำให้เป็นเด็กขี้เกียจ รัณไม่อยากเป็นเด็กขี้เกียจ" เด็กช่างพูดจำที่มารดาบอกได้ขึ้นใจ"แล้