LOGIN[เอาเป็นว่าพรุ่งนี้จะคอยอยู่ด้วยตลอดนะ เราจะปกป้องเธอเอง]
ตึกตัก
“อะ... อื้ม ขอบคุณนะ”
“คุยกับผัวอยู่เหรอ”
แต่ยังไม่ทันที่จะกดวางสายของอคิน เสียงทุ้มพราวเสน่ห์ของใครบางคนที่ดูคุ้นหูซะเหลือเกินก็ดังขึ้นที่ข้างใบหู
ซึ่งพอหันกลับไปดูแล้ว
“กะ กรี๊ด!” หนูเผลอร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่นตอนที่ฟาดโทรศัพท์เข้าหน้าของบุคคลๆ นั้นไปเต็มรัก
“ไอ้เหี้ย!”
ตุบ
“ขะ ขอโทษจริงๆ นะคะ”
“เวรเอ้ย ฟาดมาได้” หนูยกมือไหว้ผู้ชายท่าทางโฉดชั่วตรงหน้า ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ในค่ายมวยหญิงของคุณแม่ มือข้างขวากำลังประคบเย็นด้วยผ้าห่อน้ำแข็งข้างแก้มที่มีรอยแดง ปากคาบบุหรี่สูบอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วก็มีเด็กๆ ที่จำได้ลางๆ ว่าจะเป็นรุ่นน้องของพี่หยาดปรนนิบัติพัดวีให้ทุกอย่าง แม้แต่วางฐานใต้เท้าให้ด้วย
เขาคือ... คะ คุณสมิง
“น้องขอโทษจริงๆ นะคะ พอดีน้องตกใจมากเลย”
“เธอกล้าฟาดหน้าว่าที่ผัวในอนาคตของเธอได้ยังไง อีปูน้อย?” สมิงว่าพร้อมกับใช้มือข้างซ้ายคีบบุหรี่แล้วพ่นควันออกมาเป็นวงกว้าง
“พะ... พี่ไม่ใช่ว่าที่สามีน้องสักหน่อย”
“งั้นก็ว่าที่แฟน”
“ไม่ใช่ว่าที่แฟนด้วยค่ะ”
“ก็ได้” เขาพ่นบุหรี่ออกจมูกอย่างน่าทึ่งตะลึงงัน จริงๆ แล้วคือหนูไม่เคยเห็นน่ะ เพราะแม่กับพี่ชายไม่ค่อยสูบบุหรี่ให้เห็น คือแม่กับพี่ชายหนูเขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีมารยาทนั่นล่ะค่ะ “งั้นเอาเป็นว่าที่คู่นอนแทนละกัน โอเคปะ”
อะ โอ้ย ผู้ชายคนนี้เหมือนฟังภาษามนุษย์ไม่รู้เรื่องเลย
“ช่างเรื่องนั้นไปก่อนได้มั้ยคะ” หนูปัดตกเรื่องนี้ไปเลยละกันนะ เดี๋ยวแม่จะเผลอมาได้ยิน ได้อกแตกตายแน่ๆ เลย “หนูอยากรู้ว่าพี่รู้ที่อยู่ของหนูได้ยังไง”
“นี่เธอคิดว่าพี่เป็นใครเหรอครับ?” เอียงหน้ามาทำตาโตอย่างกวนประสาทใส่หนูด้วยล่ะค่ะ น่าหมั่นไส้จังเลย “พ่อพี่เป็นผู้บริหาร แค่ไปบอกชื่อหนูให้ฟัง ก็รู้ข้อมูลทุกอย่างแล้ว”
ขะ... ขี้โกงสุดๆ
“ก็แปลว่ากำลังจะมาคุกคามหนูอีกแล้วสินะคะ” พูดอย่างมั่นอกมั่นใจพร้อมกับตั้งท่าเตรียมพร้อม ไหนๆ เขาก็รู้แล้วว่าหนูเป็นมวย แถมตามบุกรุกมาหาถึงที่บ้านขนาดนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องออมชอมกันแล้วใช่มั้ยอ่ะ
“เดี๋ยว” เขายกมือขึ้นในท่าปางค์ห้ามญาติ ในขณะที่หนูที่ตั้งท่าจะชะงักไป ก่อนที่เขาจะทำในสิ่งที่หนูไม่คาดคิด ร่างสูงยกโทรศัพท์ไอโฟนเครื่องหรูมากดคลิกถ่ายรูปหนูในท่าตั้งการ์ดเตรียมพร้อมในทันที
ดะ... เดี๋ยวก่อนนะคะ
“ทุกคนในมหาลัยจะว่ายังไงนะ ถ้ารูปนี้ว่อนไปทั่วโซเชี่ยล” หนูยืนทำหน้าเอ๋อเหรอ ก่อนที่จะรู้สึกตัวเขาก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับถุงประคบเย็นที่ถูกเขวี้ยงทิ้งไปให้ลูกน้องรับแทน ก่อนที่สมิงจะก้าวอย่างรวดเร็วเข้ามาประชิดตัว หนูที่ตกใจเลยเหวี่ยงหมัดสวนกลับไป
หมับ
หากแต่สมิงรับหมัดหนูไว้ได้เพียงเสี้ยววินาทีด้วยมือเปล่า พอสวนไปอีกหมัดในมือข้างที่ว่าง เขาก็รับได้อีก
“เอาไงดี” เขากระซิบข้างหูหนูตอนที่หนูพยายามจะต่อยเขาอีกหมัดแต่กลับขยับข้อแขนไม่ได้เลย แรงของสมิงเยอะมากจนน่าตกใจจริงๆ ค่ะ เขารับหมัดหนูได้อย่างว่องไว และตรึงหมัดหนูไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง “จะดื้อรั้นกับพี่อีกมั้ยนะ”
“ปะ... ปล่อยน้องนะคะ น้องเจ็บ” หนูน้ำตาเล็ดเมื่อเขาเริ่มบิดแขนหนูนิดๆ และนี่ก็คือการขู่ของเขา
“ตอบมาดิ ว่าจะยังดื้ออีกมั้ย”
“... อึก”
“ไม่ว่าจะตอนต่อสู้หรืออยู่บนเตียง จงรู้ไว้” ร่างสูงโปร่งพูดเสียงแหบพร่าอย่างเซ็กซี่แล้วปล่อยแขนหนูออกข้างหนึ่งเพื่อจะลองเชิงดูว่าหนูจะสวนกลับอีกรึเปล่า
“...”
“หนูไม่มีวันชนะพี่ได้”
“ไม่ว่าจะตอนต่อสู้หรืออยู่บนเตียง จงรู้ไว้” ร่างสูงโปร่งพูดเสียงแหบพร่าอย่างเซ็กซี่แล้วปล่อยแขนหนูออกข้างหนึ่งเพื่อจะลองเชิงดูว่าหนูจะสวนกลับอีกรึเปล่า
“...”
“หนูไม่มีวันชนะพี่ได้”
หนูคลายมือที่กำหมัดอยู่ออก ก่อนที่จะเม้มริมฝีปากแน่นแล้วพยักหน้าหงึกหงักอย่างยอมแพ้ ทั้งที่ในใจเจ็บใจและแสบสันในใจมากๆ เลย สมิงฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจทันทีตอนที่ปล่อยข้อมือหนูให้เป็นอิสระ หนูรู้สึกแปลบๆ ที่ข้อมือ พอยกขึ้นมาดูก็เห็นว่ามันแดงเป็นรอยมือเลยค่ะ
“ลูกพี่สมิงทำแรงไปรึเปล่าครับ” ลูกน้องคนที่รับผ้าประคบเย็นของเขาได้ท้วงขึ้นเสียงอ่อน แต่พอสมิงตวัดหางตาไปมองก็เงียบเสียงลง
หนูมองข้อมือของตัวเองเงียบๆ แล้วก็เห็นว่าต่อมาร่างสูงโปร่งของสมิงก็คว้าข้อมือหนูพลิกมาดู
“... อะ” หนูเบ้หน้านิดหน่อยเพราะมันเจ็บนิดๆ แล้วก็เห็นว่าเขากำลังมีสีหน้าแปลกๆ
“โทษทีที่ทำแรงไป” แต่ต่อมาก็ตวัดยิ้มกริ่มอีกครั้ง แล้วคว้าถุงผ้าประคบเย็นที่เขาใช้ประคบแก้มตัวเองเมื่อกี้ออกมาจากมือของลูกน้องคนนั้น แล้วเริ่มกดที่รอยแดงของหนู “พอดีในศาสตร์การต่อสู้ของพี่ ไม่มีคำว่าออมแรง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิง”
ระ... เริ่มอยากรู้ขึ้นมาครามครันแล้วสิว่าเขาเรียนศาสตร์การต่อสู้ประเภทไหนมา
“... พี่ชอบหนูจริงๆ เหรอคะ?” หนูที่มองผ้าประคบเย็นที่เขากดอยู่เงียบๆ เลยโพล่งถามขึ้นมา ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองกำลังให้เขาเข้ามาใกล้เกินความจำเป็น ตอนนี้สมิงน่ะจับข้อมือหนูอยู่ด้วยนะ
เขากระตุกยิ้มหวาน
“ก็แค่อยากได้” เขาพูดออกมาตรงๆ “ไม่มีไรมาก”
“นะ... น่าแปลกดีนะคะ ทั้งๆ ที่คนอย่างพี่น่าจะมีผู้หญิงเข้าหามากมาย แต่ทำไมต้องเป็นน้องล่ะ?”
“พูดได้ดีนี่” เขาตอบอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นว่าก่อนถามหนูได้เกริ่นชมเชยความหน้าตาดีของเขาก่อน ผู้ชายคนนี้นี่นะ “ก็คิดว่าเธอน่าสนใจดี”
“...”
“มันจำเป็นต้องมีเหตุผลมากกว่านั้นเหรอวะ?”
“ถะ... ถ้าหนูจะชอบใครสักคน ก็ต้องมีเหตุผลมากกว่านั้นค่ะ” หนูตอบพร้อมกับกวาดสายตาไปมองรอบๆ เด็กวัยรุ่นในนี้ส่วนมากเป็นมือใหม่ แถมส่วนใหญ่ก็ยังเป็นผู้หญิง เลยไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามทัพเลยสักคน มีแต่จะพากันเหล่มองอย่างสนใจอย่างเดียว
หนูที่คิดว่าไม่มีทางหนีทีไล่มากกว่านี้แล้วก็เลยได้แต่ถอดถอนใจ ถ้าเกิดจะทำให้เขาเข้าใจว่าหนูคงไม่ชอบเขาแน่ๆ คงจะยาก น่าจะให้เขาเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เหมือนการต่อสู้ ที่พอรู้จนพอก็จะหยุดไปเองดีกว่า
“แล้วน้องชอบพี่ตรงไหนล่ะ?” แต่เขาดันสวนกลับมาด้วยคำถามแบบนี้ แล้วหนูก็หน้ามาน เพราะตอบไม่ถูก
นะ... หนูไม่ได้ชอบเขาเลย พยายามจะหลีกเลี่ยงมาตลอดด้วยซ้ำ มีแต่เขาที่ทึกทักเอาเองฝ่ายเดียว
แต่จะให้ตอบแบบนี้ ดูท่าหลังจากนั้นเขาคงจะให้ลูกน้องข้างหลังเข้ามาจัดการหนูจนอ่วมอรทัยแน่ๆ
“จะ... จริงๆ ก็ชอบอยู่นิดๆ ค่ะ” โกหกไปคำโตเลย ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เขายอมเลิกรานี่นา แล้วดูเหมือนคนอย่างสมิงจะเป็นพวกที่พอได้กัดแล้วจะกัดไม่ปล่อยซะด้วยอ่ะ “อาจจะตรงที่... เป็นคนตรงๆ ดี รึเปล่านะ”
“...”
“แล้วก็พยายามจะจีบน้องในทางที่แปลกๆ ดี... ค่ะ” ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป มันดูไร้สาระมากๆ เหมือนจงใจตอบปัดๆ เลี่ยงไปมั่วๆ มากกว่า ก็เลยพยายามจะช้อนสายตาขึ้นมองเขาที่หยุดมือที่ประคบรอยแดงให้หนูตั้งแต่ตอนที่หนูบอกเขาว่า ‘ก็ชอบอยู่นิดๆ’
แต่พอเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นว่า...
สะ สมิงหน้าแดงก่ำเลย แถมเอามือมาปิดหน้าตัวเองที่แดงเอาไว้ด้วย
ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
นี่เขาเขินในคำที่หนูพูดไปมั่วๆ งั้นเหรอคะ!
“อืม พี่คิดว่า” จนเวลาผ่านไปสักพักที่เขาใช้มือข้างหนึ่งปิดหน้าที่แดงไปยันใบหูไว้ กับอีกข้างหนึ่งที่กำข้อมือหนูแน่น สมิงก็โพล่งขึ้นมา
“...”
“ไปหาโรงแรมกันเหอะ ไม่ไหวแล้วว่ะ”
พูดแล้วก็เหลือบมองต่ำลงไปที่เป้ากางเกงของตัวเองจนหนูต้องมองตามลงสายตาคมกริบของเขาไปด้วย
มะ... มันตุง!
“ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ!” หนูรีบเบรกเขาไว้ก่อน ดูเหมือนสมิงจะต้องการมากๆ เลย เขาทำสีหน้าหงุดหงิดปนยั่วหนูนิดๆ ตอนที่หนูปฏิเสธ “พี่ก็รู้ว่าน้องยังไม่เคย แล้วน้องก็ยังไม่พร้อมด้วยค่ะ”
“แล้วมันจะพร้อมตอนไหน” เขากระชากแขนหนูจนถลาเข้ามาใกล้อย่างง่ายดาย หนูหน้าร้อนพอเห็นว่าใบหน้าของเราใกล้กันมากจนปลายจมูกแตะกัน และเหมือนเขาจะจงใจทำให้หนูหวั่นไหว “จะพร้อมเมื่อไหร่ ไหนบอกมาดิ๊”
“ถะ...” หนูอ้าปากพูดเสียงสั่น เพราะเขินจนเจ้าเข้า พูดไม่เป็นภาษาแล้ว เพราะเขาก็คือผู้ชายอกสามศอกคนหนึ่ง ตั้งแต่เกิดมาหนูไม่เคยใกล้กับผู้ชายคนไหนขนาดนี้เลย “ถ้าพี่ชอบน้องจริงๆ เราต้องดูใจกันก่อนนะคะ”
“...”
“ดูใจสัก...”
“สองอาทิตย์” เขาโพล่งขึ้นมา แล้วหนูก็ทำหน้าเหวอ
“สะ... สองปี!”
“สองเดือน” แต่เขาก็แทรกขึ้นมาอีก จริงๆ แล้วเขาเป็นคนชอบหนูก่อน หนูต้องเป็นคนกำหนดระยะเวลาไม่ใช่เหรอ (ถึงจะเป็นระยะเวลาหลอกๆ ก็เถอะนะคะ) แต่นี่เขาเล่นแทรกทุกคำเลย
“สะ... สอง”
“เอาเป็นว่าสองเดือน ที่พี่จะรอหนู” เขาสรุปอย่างรวดเร็ว แล้วฉีกยิ้มพราย “ภายในสองเดือน พี่จะจีบหนูอย่างสุดชีวิต”
“...”
“และเมื่อครบ ก็เตรียมตัวเป็นของพี่ได้เลย”
มะ ไม่น้า
นี่มันทึกทักเอาเองอีกแล้วนี่นา
“อื้อ... ปวดหัวจัง”หนูปรับสายตาเข้ากับแสงแดดจ้าๆ ที่ส่องเข้าตา ก่อนที่จะค่อยๆ ผุดลุกขึ้นนั่งปรับสติสตังให้ชินกับทัศนียภาพตรงหน้า ที่ดูเหมือนจะเป็นห้องๆ หนึ่งที่เคยเข้ามาก่อน มันดูหรูหราและเป็นโทนสีมืดแบบผู้ชาย ส่วนแสงจ้าๆ ก็คงจะเป็นมู่ลี่ก็ถูกเลิกขึ้นสูงที่หน้าต่างบานใหญ่ข้างตัวว่าแต่... ผู้ชายงั้นเหรอ!หนูผุดลุกขึ้นยืนบนเตียงแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อมทันทีตามสัญชาตญาณ กวาดดวงตากลมโตไปรอบๆ ห้องที่ไม่มีใครอยู่ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ต้องดึงสติกลับมาแล้ว ต้องเพ่งจิตว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นหนูคิดได้แบบนั้นก็ล้มตัวลงนั่งสมาธิ แล้วใช้นิ้วป้ายน้ำลายตัวเองแล้วมานวดคิ้วตัวเอง นั่งเพ่งกระแสจิตอยู่สักกพักจนพอจะจับใจความได้ว่า ก่อนหน้าที่ตัวเองจะสติดับวูบไป หนูกำลังจะไปมหาวิทยาลัยพร้อมกับพี่บุหรี่ ก่อนที่จะถูกอุ้มพาเข้าเลิฟโฮเตลด้วยฝีมือของเขาใช่! ใช่แล้วหนูกำลังจะโดนทำมิดีมิร้ายอยู่นี่นา!“เฮือก!” พอคิดได้แบบนั้นก็สะดุ้งสุดตัว หัวใจดวงน้อยหล่นวูบลงไปที่ตาตุ่มเมื่อคิดได้ในทันทีว่าถ้าหมดสติไปแบบนั้นก็แปลว่าเสียตัวไปแล้วแน่ๆ จากที่เคยไปอ่านมา เขาว่ากันว่าเสียตัวครั้งแรกจะเจ็บมาก เพาะ
“มึงให้ยัยนี่แดกไอ้นั่น?”“อืม” ไอ้เวรบุหรี่ครางรับเมื่อผมคลายมือออกจากคอเสื้อมัน หลังจากที่ผมพยายามผละความสนใจจากเรือนร่างอันเย้ายวนแต่ในขณะเดียวกันก็แข็งแกร่ง ซึ่งพอได้ยินแม่งว่างั้นผมก็กระตุกยิ้มหวานจนตาหยี “แค่นิดหน่อย เพราะฤทธิ์แรง”“มึงทำดีมาก” ผมตบบ่ามัน พร้อมกับกำชับเนคไทนักศึกษา ตอนที่ทำท่าจะย่างสามขุมเข้าไปหายัยตัวเล็กที่กำลังยืนอ้าแขนรอรับความสุขสมแต่ไอ้บุหรี่กลับคว้าไหล่ผมไว้“อย่างน้อย ก็พร้อมกัน” ผมตวัดหางตาไปมองมัน ก่อนที่จะจิ๊ปากอย่างขัดอารมณ์“ถ้ามันไม่ใช่มึง กูอาจจะให้ยามลากคอมึงออกไป แล้วสำเร็จความใคร่คนเดียว” ผมเกริ่น ที่จะบอกก็คือเพราะมันเป็นเพื่อนที่ผมโคตรรักที่สุด เพราะงั้นกับผู้หญิงที่ถูกสเป็คแถมลิมิเต็ดขนาดนี้ จะให้มันได้ลองชิมด้วยละกัน“ยามไล่กูไม่ได้” มันกระตุกยิ้มอย่างรู้กัน “เพราะกูก็เหมือนเป็นเจ้าของที่นี่”“ไอ้ควาย” ผมสบถ แต่ต่อมาก็หันกลับมาให้ความสนใจยัยปูน้อยที่ยืนทำหน้ายั่วอยู่ที่เตียง เพราะอะไรไม่รู้ มันเร้าอารมณ์มากกว่าทุกทีจนต้องเผลอปลดเนคไทออก แล้วปลดกระดุมลงอย่างอ้อยอิ่ง“... มานี่สิคะ” เธอกระซิบน้ำเสียงหวานหยด กูฉีกยิ้ม จากปกติเหมือนไม่เคยเหนือ
[พาร์ท : สมิง]ไอ้เหี้ยบุหรี่ บอกแล้วไงว่ากูเจอก่อน กูต้องได้ก่อนผมคีบบุหรี่จากเก๊ะรถราคาแพงระยับที่ยืมมาจากบริษัทพ่อมาดูดอย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากที่ไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดเป็นคนได้ไปส่งอีปูน้อยข้ามหน้าข้ามตาคนที่ทำคะแนนได้สุดโต่งอย่างผม ผมก็ขับตามมันไปแบบห่างๆ อย่างหงุดหงิดงุ่นง่านเวรเอ้ย คนอย่างมันแม่งดูความคิดไม่ค่อยออกซะด้วย หวังว่าคงไม่คิดห่าไรพิเรนทร์ๆ กับยัยนั่นหรอกนะแต่ยังไม่ทันระแวงได้จบดี ก็เห็นว่าพวกมันกอดกันกลมจนคนที่มองห่างๆ อย่างผมอดไม่ได้ที่จะเลือดขึ้นหน้าสัสๆ โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน อีกอย่างนมยัยเด็กนั่นมันแนบหลังแม่งไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ผมซี๊ดบุหรี่แล้วพ่นควันออกทางจมูกตอนที่เลี้ยวตามมันเข้ามาในซอยที่คุ้นเคยดี กวาดตามองไปรอบๆ ก่อนที่จะต้องสบถออกมาเสียงดังลั่นรถคันหรู แล้วตบพวงมาลัยอย่างแรงจนรถสั่น“ไอ้เวรบุหรี่ ไอ้โสโครก!!”ถามว่าสบถไปทำไม?ไม่น่าถาม ก็แม่งอาศัยจังหวะขับเร็วจนยัยเด็กนั่นกลัวไม่กล้ามองไปทางอื่น แล้วพาเธอเลี้ยวเข้าเครือข่ายที่ญาติมันที่เคยติดคุกสร้างม่านรูดไว้แถวนั้นอ่ะดิมันจะหลอกอีปูน้อยมาแดกไง ไอ้เหี้ยเอ้ยผมเบรกรถดังเอี๊ยดเมื่อเห็นว
[พาร์ท : บุหรี่]เพราะเป็นคนที่เคยถูกผู้หญิงที่เคยรักมากหลอกใช้เป็นเครื่องมือในการหากินให้ผู้ชายคนใหม่ พอฟื้นตัวจากสภาพหัวใจที่บอบช้ำตอนนั้นได้ ผมก็กลายมาเป็นคนที่นอนกับผู้หญิงมากมายทุกค่ำคืนไม่ต้องห่วงว่าจะติดโรค เพราะป้องกันและไปตรวจสม่ำเสมอจนแทบเป็นกิจวัตรแต่เรียกได้ว่าไม่เข็ดไม่จำกับสงครามที่เรียกว่าความรัก สุดท้ายสเป็คก็คือผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ท่าทางเหมือนกระต่าย แต่จริงๆ อาจใสแต่หน้า เนื้อแท้กลับจงใจจะหลอกใช้เราแล้วเททิ้งเหมือนน้ำเสียไอ้ประโยคท้ายคงไม่รวม... แต่ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่ตรงสเป็คมักจะไม่ซิง แล้วก็ร้ายตอนเช้าตื่นมา หลังจากที่กลับจากไปส่งกระต่ายน้อยที่ตรงสเป็คตัวนั้น ก็เลยหาทางตะครุบจับให้เธอไปไหนไม่เป็น ด้วยการจ้างคนตามสืบถึงพื้นเพและที่อยู่ของครอบครัว รวมทั้งตารางเรียน เพราะตามสัญญาว่าจะไปรับไปส่งไอ้สมิงไม่ยอมโทรมาบอกอะไรเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น จนรู้ว่าเมื่อตอนเย็นวานมันบุกไปที่บ้านเธอ แล้วเข้าหาแม่เธอจนสำเร็จหวงของไม่เข้าเรื่อง คงเพราะถูกใจจนทนไม่ได้ล่ะสิจะแย่งมาเป็นของตัวเองให้ดู เพราะเวลาที่ไอ้สมิงหวงของเล่นเป็นเด็กๆ ก็น่าตื่นเต้นนิดหน่อยผมเลือกขับรถบิ๊กไบค์ไปส่ง
“เอาเป็นว่าสองเดือน ที่พี่จะรอหนู” เขาสรุปอย่างรวดเร็ว แล้วฉีกยิ้มพราย “ภายในสองเดือน พี่จะจีบหนูอย่างสุดชีวิต”“...”“และเมื่อครบ ก็เตรียมตัวเป็นของพี่ได้เลย”มะ ไม่น้านี่มันทึกทักเอาเองอีกแล้วนี่นา“เอ่อ... คือ” หนูร้อนรน แต่พูดออกมาไม่ได้ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นร่างบึกบึนของคุณแม่ที่เดินมาทางนี้แล้วเห็นพวกเราเข้า แปลว่าเมื่อกี้แม่คงออกไปสั่งกล้วยแขกของคุณลุงที่มักเข็นรถเข็นมาขายหน้าค่ายมวยทาน พอเข้ามาก็เห็นว่าหนูถูกคุกคาม ก็เลยรีบบึ่งเข้ามาพร้อมกับถุงกล้วยแขก ตะคอกเสียงกึกก้องอย่างทรงพลัง“นี่มึงเป็นใคร! กล้าดียังไงถึงมาจับมือถือแขนลูกสาวกู!!”หมัดที่มาจากเรี่ยวแรงมหาศาลของแม่เตรียมพุ่งเข้าชกใบหน้ารูปงามของสมิง หากแต่พอสมิงหันกลับไปมอง แม่ก็ต้องชะงัก ซึ่งหนูในตอนนั้นก็แอบตกใจเหมือนกันที่แม่มีพรสวรรค์ที่สามารถหยุดหมัดไว้กลางอากาศได้แล้วก็ดูเหมือนว่า...“นะ... นี่ใช่คุณสมิง ลูกชาย สส. พรรคเกื้อกูลที่โด่งดังอยู่ในทีวีตอนนี้รึเปล่าจ๊ะ!!”หนูจะเจอเรื่องยุ่งยากที่สุดในชีวิตเข้าแล้วล่ะค่ะ แง[พาร์ท : สมิง]เหมือนว่าทุกอย่างจะล็อคเข้าแผนมากกว่าที่คิดไว้ว่ะ“ตายจริง! เธอชอบลูกสาวป้าเ
[เอาเป็นว่าพรุ่งนี้จะคอยอยู่ด้วยตลอดนะ เราจะปกป้องเธอเอง]ตึกตัก“อะ... อื้ม ขอบคุณนะ”“คุยกับผัวอยู่เหรอ”แต่ยังไม่ทันที่จะกดวางสายของอคิน เสียงทุ้มพราวเสน่ห์ของใครบางคนที่ดูคุ้นหูซะเหลือเกินก็ดังขึ้นที่ข้างใบหูซึ่งพอหันกลับไปดูแล้ว“กะ กรี๊ด!” หนูเผลอร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่นตอนที่ฟาดโทรศัพท์เข้าหน้าของบุคคลๆ นั้นไปเต็มรัก“ไอ้เหี้ย!”ตุบ“ขะ ขอโทษจริงๆ นะคะ”“เวรเอ้ย ฟาดมาได้” หนูยกมือไหว้ผู้ชายท่าทางโฉดชั่วตรงหน้า ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ในค่ายมวยหญิงของคุณแม่ มือข้างขวากำลังประคบเย็นด้วยผ้าห่อน้ำแข็งข้างแก้มที่มีรอยแดง ปากคาบบุหรี่สูบอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วก็มีเด็กๆ ที่จำได้ลางๆ ว่าจะเป็นรุ่นน้องของพี่หยาดปรนนิบัติพัดวีให้ทุกอย่าง แม้แต่วางฐานใต้เท้าให้ด้วยเขาคือ... คะ คุณสมิง“น้องขอโทษจริงๆ นะคะ พอดีน้องตกใจมากเลย”“เธอกล้าฟาดหน้าว่าที่ผัวในอนาคตของเธอได้ยังไง อีปูน้อย?” สมิงว่าพร้อมกับใช้มือข้างซ้ายคีบบุหรี่แล้วพ่นควันออกมาเป็นวงกว้าง“พะ... พี่ไม่ใช่ว่าที่สามีน้องสักหน่อย”“งั้นก็ว่าที่แฟน”“ไม่ใช่ว่าที่แฟนด้วยค่ะ”“ก็ได้” เขาพ่นบุหรี่ออกจมูกอย่างน่าทึ่งตะลึงงัน จริงๆ แล้วคือหนูไ







