“ฮื่อ~ ฮึก ฮื่อทำไม ทำไมพี่ฐากูรไม่สนใจฉันบ้างฮื่อ~”
เสียงร้องไห้ดังไปทั่วห้องโดยสาร ทันทีที่พุดตานขึ้นมานั่งบนรถเธอก็ปล่อยโฮจนอาโปที่กำลังขับรถถึงกับทำตัวไม่ถูก
“ทำใจดีๆ ไว้นะครับ คุณฐากูรอาจจะยังไม่รู้ใจตัวเอง”
อาโปพูดปลอบใจพุดตานอย่างทุกครั้ง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาโปเห็นพุดตานร้องไห้เพราะฐากูร
“อย่าเอาไปบอกใครเชียวนะเรื่องที่ฉันร้องฮึกไห้ ฮื่อ~”
ร้องไห้สะอึกสะอื้นพร้อมกับหยิบทิชชู่มาซับน้ำตา อาโปเองก็พยักหน้ารับเป็นการตอบรับว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร
บางครั้งอาโปก็อดสงสารพุดตานไม่ได้ เพราะต่อให้ภายนอกพุดตานจะดูร้ายแต่ลับหลังทุกคนพุดตานก็มักจะร้องไห้เสียใจแบบบนี้อยู่บ่อยๆ
“เป็นไรวะเรื่องเมียมึงอีกแล้วเหรอ?”
ราเชน ส่ายหัวไปมาเมื่อเห็นเพื่อนสนิทอย่างฐากูรนั่งดื่มเหล้าด้วยสีหน้าที่ดูโกรธจัด ไม่เดาก็รู้ว่าคงเป็นเรื่องเมียมันอีกเเน่
“แล้วสรุปจะได้หย่าปีไหน กูเห็นมึงบ่นมาตั้งแต่่ปีที่แล้วจนตอนนี้ก็ยังไม่หย่า”
พงษ์เทพเพื่อนสนิทอีกคนของฐากูรพูดขึ้น
“มึงคิดว่ากูไม่อยากหย่ารึไง แต่มึงก็รู้พุดตานยอมหย่ากับกูง่ายๆซะที่ไหน?”
พุดตานตามติดเขาซะขนาดนั้นมีหรือจะยอมหย่ากับเขาง่ายๆ เขาพยายามทำทุกอย่าง ทั้งนอกกายนอกใจแต่เธอก็ยังทน จนบางครั้งเขาเองก็อดแปลกในจไม่ได้ว่าพุดตานชอบอะไรในตัวเขานักหนา
ฐากูรนั่งไขว่ห้างในมือถือแก้ววิสกี้พร้อมกับแกว่งงมันเบาๆ อย่างเบื่อหน่าย ไม่นานก็มีสาวๆ เดินเข้ามาเสนอตัวให้กับเขาอย่างทุกครั้ง
“สวัสดีค่ะ~”
ฐากูรตวัดสายตามองหญิงสาวที่เข้ามาทักทายอย่างไม่สนใจนัก
“คุณฐากูรใช่ไหมคะ ตัวจริงดูดีกว่าในรูปเป็นพันเท่าเลยนะคะ”
ฐากูรตวัดมองหญิงสาวที่เข้ามาประจบประเเจงด้วยสายตาสำรวจ เขาสำรวจเรือนร่างของหล่อนสักครู่ก่อนจะยกบรั่นดีขึ้นดื่ม
“พอดีวันนี้ผมเหนื่อยไม่ค่อยอยากคุยกับใคร”
“ถ้าอยู่กับหนูคุณฐากูรไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะนอนเฉยๆ ก็พอ~”
ว่าแล้วหล่อนก็กดนิ้วชี้เรียวเล็กลงบนอกเเกร่งแล้ววาดนิ้ววนๆ
“บอกว่าไม่อยากคุยไง”
ฐากูรยังยืนยันคำเดิม สีหน้าไม่สบอารมณ์ของเขาทำเอาหญิงสาวถึงกับชะงัก ราเชนและพงษ์เทพที่เห็นต่างพากันส่ายหน้าไปมา
“ไปบริการลูกค้าโต๊ะอื่นต่อเถอะ”
ราเชนออกคำสั่งในฐานะเจ้าของสถานบันเทิง ก่อนที่หญิงสาวจะผละตัวออกจากฐากูร
ฐากูรน่ะคนเเปลก ลับหลังเมียไม่เคยทำตัวเหลวแหลก แต่ต่อหน้าเมียขยันควงสาวไม่ซ้ำหน้าหาเรื่องได้ทุกวี่ทุกวัน
“ปากบอกไม่รักเมีย ไม่สนใจเมีย แต่เป็นหมาที่จงรักภักดีเชียว”
พงษ์เทพพูดเลื่อนลอยทว่ากลับไปกระทบกับคนฟังอย่างฐากูรเข้าเต็มๆ
“กูไม่ได้ภักดี กูแค่ทำเรื่องพวกนี้จนเบื่อ วันนี้กูอยากพักผ่อน”
เจอเรื่องปวดหัวมาทั้งวันเขาจึงไม่มีอารมณ์จะเสวนากับพวกสาวๆ เท่าไหร่นัก ขณะนั่งดื่มแอลกอฮอล์ก็ได้แต่นั่งคิดว่าทำอย่างไรพุดตานจึงจะยอมหย่ากับเขา
“แล้วพุดตานเกลียดอะไรหรือไม่ชอบอะไรไหมวะ?”
พงษ์เทพที่นั่งเงียบอยู่นานถามขึ้น
“….”
เเละความเงียบคือคำตอบของฐากูร เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยสนใจเลยว่าพุดตานเกลียดหรือชอบอะไร
เขามองข้ามทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอ สนใจแต่เพียงเรื่องหย่ากับเธอเท่านั้น“มึงไม่รักเมียมึงถึงขั้นไม่รู้เxี้ยอะไรเกี่ยวกับเมียมึงเลยเหรอวะ เห้อ อยู่ด้วยกันมาเกือบหนึ่งปีแถมยังรู้จักกันตั้งเเต่เด็กแล้วจะเกลียดอะไรขนาดนั้นวะ”
“ก็กูสนใจแต่เรื่องหย่า เรื่องอื่นกูไม่สน” เสียงเรียบและสีหน้าที่เย็นชาของฐากูรทำพงษ์เทพถึงกับถอนหายใจยาว
“งั้นถ้ามึงไม่รู้มึงก็อยู่กับพุดตานตลอดชีวิตเเน่ เพราะถ้ามึงไม่ทำในสิ่งพุดตานเกลียด พุดตานก็จะรักและตามติดมึงตลอดไป”
ฐากูรพิจารณาในสิ่งที่เพื่อนสนิทพูดสักครู่ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันขณะครุ่นคิด ที่พงษ์เทพพูดก็มีเหตุผล แต่ยังไงก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าสิ่งที่พุดตานเกลียดที่สุดคืออะไร
“คนผิดสัญญา…”
ฐากูรนึกขึ้นได้ว่าพุดตานเกลียดคนที่ทำผิดสัญญาที่สุด
“เออนั่นแหละ! งั้นถ้าพุดตานไม่ชอบคนทำผิดสัญญามึงก็ลองทำผิดสัญญาดู พุดตานจะได้เกลียดจนหย่ากับมึง”
“เลิกคิดไปได้เลยเพราะกูไม่เคยสัญญาอะไรกับพุดตาน”
ในเมื่อไม่เคยสัญญาก็ไม่สามารถทำผิดสัญญาได้ ข้อนี้คงต้องตัดทิ้งไป
“งั้นมึงก็อยู่กับเมียมึงตลอดชีวิต” พงษ์เทพพูดพร้อมตบไหล่ให้กำลังใจฐากูร
“มึงกลับไปคิดดีๆ กูว่าพุดตานอาจจะเกลียดอย่างอื่นอีกก็ได้” ราเชนพูดเสริม เพราะคนเรามีสิ่งที่เกลียดเป็นร้อยเป็นพันสิ่ง
ฐากูรใช้ปลายนิ้วคลึงขมับของตัวเองอย่างเหนื่อยล้า บรั่นดีในแก้วค่อยๆลดลงจนหมด และถูกแทนที่ด้วยวิสกี้สีเหลืองใส
เขาดื่มจนเมากรึ่มๆ ก่อนจะขอตัวกลับ แต่ก้าวขาขึ้นรถยนต์ไม่ทันไรก็ต้องถอนหายใจออกเป็นรอบที่สามของวัน
แค่คิดว่าต้องกลับไปเจอพุดตานเขาก็เบื่อหน่ายขึ้นมาทันที
หลังจบทริปที่สงขลาพุดตานก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนที่เคยตามติดฐากูรทุกย่างก้าวกลายเป็นคนที่พยายามหลบหน้าเขาทุกครั้งที่เจอตอนกินข้าวแค่เห็นเท้าของเขาก้าวเข้ามาในห้องอาหารเธอก็รีบเดินไปเก็บจานในทันทีที่เธอทำแบบนี้เป็นเพราะเธออยากตัดใจจากเขา เเละการไม่เจอหน้าเขาจะทำให้เธอตัดใจจากเขาง่ายมากขึ้น“ไปทำมาใหม่!”ฐากูรสั่งพนักงานเสียงเข้มก่อนจะเช็คเอกสารกองเท่าภูเขาใหม่อีกรอบ สีหน้าและท่าทางที่ดูหงุดหงิดเป็นพิเศษทำอาโปย่นคิ้วสงสัยอาโปไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุไหนเจ้านายถึงได้ฟึดฟัดเเบบนั้น แทนที่ควรจะดีใจเพราะไม่มีคุณพุดตานมายุ่งวุ่นวายเหมือนเเต่ก่อนเเล้ว“อาโปไหนกาแฟ?”“ครับ? นายพึ่งดื่มไปหนิครับ” อาโปขมวดคิ้วจนเข้ม เพราะเจ้านายพึ่งดื่มไปเมื่อครู่นี้“ไปซื้อมาอีกแก้วขอเข้มๆ”“ได้ครับ!”อาโปรีบรับคำสั่งอย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะโดนดุเหมือนกับพนักงานคนอื่นๆฐากูรถอนหายใจออกอย่างเบื่อหน่ายขณะที่สายตาจดจ้องไปยังโทรศัพท์ที่เงียบสนิทไม่มีเสียงข้อความใดๆ ดังขึ้นปกติพุดตานต้องแชทมาถามเขาว่าจะเลิกงานกี่โมง ต้องถามเขาว่ากินมื้อเที่ยงหรือยัง แต่พักหลังมานี้เธอไม่ถามแถมยังเงียบหายไปเลยกำลังเรียกร้องความสนใ
พุดตานลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยดวงตาที่บวมเป่งจากการร้องไห้ เธอรีบหยิบช้อนที่แช่ในตู้เย็นมาประคบดวงตา แต่มันก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อย“อรุณสวัสดิ์ครับคุณ..พุดตาน..”อาโปย่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นพุดตานสวมใส่แว่นตากันแดดสีดำทั้งๆ ที่ภายในโรงแรมไม่มีแดดแยงตาเลยสักนิด สงสัยคงจะเป็นเเฟชั่น…“พี่ฐากูรล่ะ?”“ทุกคนอยู่ในห้องอาหารกันเเล้วครับ”“…วันนี้ฉันจะไปล่องเรือ ไม่ต้องห่วงฉันนะ”เธอจะกลับกรุงเทพในวันพรุ่งนี้จึงอยากไปล่องเรือชมทิวทัศน์อีกสักครั้ง เธอเลือกจองทริปล่องเรือแบบเต็มวันจะได้ไม่ต้องเจอหน้าฐากูร…“ไปคนเดียวเหรอครับ?” อาโปถามอย่างเป็นห่วง“อืมแต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันดูแลตัวเองได้”“เเล้วไม่ทานอาหารเช้าก่อนเหรอครับ?”“…ไม่เเล้วล่ะ เรือจะออกเเล้ว”เธอโบกมือลาอาโปก่อนจะสาวเท้าเดินออกจากโรงแรม จังหวะที่สาวเท้าเดินท้องน้อยก็ส่งเสียงร้องโครมครามเพราะความหิวแต่เพราะไม่อยากเห็นหน้าฐากูรเธอจึงยอมอดอาหารเช้าแล้วไปกินอาหารบนเรือแทนฐากูรที่นั่งกินมื้อเช้าอยู่ทอดสายตามองหาใครบางคน เขาหลุบตามองนาฬิกาบนข้อมือสักครู่ ป่านนี้แล้วทำไมคนที่เขามองหาถึงยังไม่ปรากฎตัว“กินเยอะๆ นะคะ วันนี้คุยงานบนเรืออากาศร้อนมากๆ
พุดตานเดินกลับห้องพักทั้งน้ำตา เธอพยายามปาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาไม่ขาดสายท่ามกลางความรู้สึกที่หลากหลายเธอทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่ฐากูรไม่เคยเข้าข้างเธอเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะทำอะไรเธอก็ดูเป็นคนผิดในสายตาเขามันผิดตั้งแต่เป็นเธอเเล้ว…เธอพยายามหยุดร้องไห้เเต่น้ำตาเจ้ากรรมกลับไหลพรั่งพรูออกมาอย่างต่อเนื่อง นั่นทำเธอรู้สึกสมเพชตัวเองเธอรักเขามากกว่าตัวเองขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน….“พิมขอโทษนะคะที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย”พิมมาขอโทษเสียงสั่น ใบหน้ากดลงต่ำเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นใจทว่าฐากูรกลับแสดงสีหน้านิ่งเรียบไม่ได้เห็นอกเห็นใจเธอแต่อย่างใด ฐากูรเลือกที่จะสาวเท้าเดินจากไปนั่นทำเธอแปลกใจอยู่ไม่น้อย” พี่ฐากูร!” พิมมารีบวิ่งไปรั้งแขนของฐากูรเอาไว้แต่เขาก็สะบัดมือเธอออกเเบบอัตโนมัติ“บอกไปแล้วไงว่าไม่ค่อยชอบให้ถึงเนื้อถึงตัว”“พิม..ขอโทษค่ะ”“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก” ฐากูรพูดสั้นๆ นั่นทำพิมมาขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่เข้าใจว่าฐากูรกำลังหมายถึงอะไรหรือฐากูรเห็นเธอตบพุดตานงั้นหรือ เป็นไปไม่ได้เพราะหากเขาเห็นจริงเขาจะดุพุดตานเพื่อเธอทำไม“พี่ฐากูรหมายความว่าไงคะ…”“พุดตานไม่ใช่คนที่จะทำร้ายใครก่อน”“…พี่ฐากู
“วันนี้ฉันจะพาพิมมาไปดูงานที่บริษัทxx ฝากดูแลพุดตานด้วย”“รับทราบครับ” อาโปรับคำสั่งในทันที“อยู่นี่ก็อย่าสร้างเรื่อง”ฐากูรหันไปพูดกับพุดตาน เธอพยักหน้ารับพร้อมกับทำท่าโอเคอันที่จริงเธออยากไปดูงานกับเขาเพราะไม่ไว้ใจพิมมาสักเท่าไหร่ แต่สัญญากับเขาไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาในเวลางาน“แถวนี้มีที่ไหนน่าไปบ้าง?”“ผมหามาให้เรียบร้อยแล้วครับ คุณพุดตานเลือกได้เลยครับว่าอยากไปไหน”“เยี่ยม!” พุดตานชูนิ้วโป้งให้กับอาโปที่รู้ใจเธอที่สุดเธอเลือกไปเดินตลาดที่อยู่ใกล้กับโรงเเรม และไปล่องเรือชมบรรยากาศของท้องทะเล น้ำทะเลใสสะอาดบวกกับบรรยากาศที่ไม่ร้อนมากหากได้มานั่งเรือยอร์ชกับฐากูรสองต่อสองคงจะโรเเมนติกอยู่ไม่น้อย…“งานบริหารดูยากมากพิมไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับงานนี้หรือเปล่า”พิมมาพูดออกมาอย่างตัดพ้อหลังดูงานเสร็จเรียบร้อยเเล้ว“แรกๆ มันอาจจะยากแต่ถ้าเราเข้าใจระบบแล้วมันจะไม่ใช่เรื่องยากเลย”ฐากูรตอบกลับเสียงเรียบก่อนจะสาวเท้าตรงไปทางรถยนต์ ระหว่างทางกลับโรงแรมพิมมาก็คอยแอบมองฐากูรเป็นจังหวะเธอแอบรักเขามานาน แต่เขากลับให้เธอเป็นแค่น้องสาว น้องสาวเท่านั้น…“พี่ฐากูรชอบพุดตานตรงไหนเหรอคะทำไมถ
การเดินทางใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง เนื่องจากครอบครัวของพิมมาทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกอาหารทะเล ฐากูรจึงเลือกจังหวัดสงขลาเพราะเขามีคนรู้จักทำธุรกิจอยู่ที่นี่“หว่าบรรยากาศดีจัง…”พุดตานกวาดสายตาสำรวจบรรยากาศรอบๆ เเบบเร็วๆ โรงแรมอยู่ใกล้กับเกาะบรรยากาศจึงดีเป็นพิเศษ“รอตานด้วยสิ”เธอรีบกอดแขนคนตัวสูงเอาไว้ เพราะเขาเดินเร็วกว่าเธอมากไม่รู้เป็นเพราะขาของเขายาวเกินไปหรือขาของเธอสั้นเกินไปพิมมาที่เดินอยู่ทางด้านหลังก็มองพุดตานที่เดินแนบบชิดกับฐากูร บางครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าผู้หญิงเอาแต่ใจจอย่างพุดตานได้ยืนเคียงข้างฐากูรได้อย่างไรที่ตรงนั้นมันสมควรเป็นของเธอ…“อ้าวเรานอนแยกห้องกันเหรอคะ?”พุดตานขมวดคิ้วเข้มทันทีที่รู้ว่าต้องนอนแยกกับฐากูร ในเมื่อเธอและเขาเป็นสามีภรรยากันทำไมถึงได้นอนแยกห้อง?“ฉันให้แยกก็คือเเยก”ฐากูรตอบเสียงเรียบก่อนจะยื่นคีย์การ์ดให้กับเธอเพราะเขาเป็นคนสั่งให้อาโปจองเเบบแยกห้องนอน ทว่าเธอกลับส่ายหัวไปมาด้วยความดื้อรั้น“ตานอยากนอนกับพี่”คำพูดของเธอทำคนที่เดินผ่านไปมาถึงกับหันมอง ส่วนราเชน พิมมา อาโป และคนอื่นๆ ในละแวกกนั้นก็ยืนเงียบกริบ“พูดอะไรอายซะบ้าง”“ก็ตานอยาก-”“
“ผมจองตั๋วเครื่องบินกับจองโรงแรมเอาไว้เรียบร้อยแล้วนะครับ สถานที่ทุกอย่างพร้อมเเล้ว”“อืม ทำงานดีมาก”“ขอบคุณครับ” อาโปยิ้มหน้าแป้นเมื่อถูกเจ้านายชม เพราะคำชมนั้นมีผลต่อเงินเดือน..มะรืนนี้ฐากูรต้องบินไปต่างจังหวัดกับพิมมา เพราะต้องไปดูทำเลทำธุรกิจและไปดูงานบริหารของบริษัทที่นั่นอันที่จริงหากคุณ ชัยวิชญ์ พ่อของพิมมาไม่ร้องขอ เขาคงไม่ไป แต่ชัยวิชญ์เป็นคู่ค้าคนสนิทของผู้เป็นพ่อเขาจึงไม่อยากปฏิเสธคำขอ“พี่ฐากูร”เสียงเรียกดังขึ้นและตามมาด้วยเสียงเคาะประตู ทำเอาเจ้าของห้องขมวดคิ้วเข้มเพราะสงสัยว่าภรรยาของตัวเองมาทำอะไรที่บริษัท“มีธุระอะไร?”“ถ้าไม่มีธุระตานก็มาหาพี่ไม่ได้ใช่ไหม?” พุดตานหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อเขาถามเช่นนั้น“มีอะไร?”“ก็เรื่องที่พี่จะบินไปต่างจังหวัด5วัน…”ได้ข่าวมาว่าเขาจะบินไปต่างจังหวัดกับพิมมา เธอก็อดร้อนใจไม่ได้ยังไงก็ไม่มีทางปล่อยให้เขาไปกับพิมมาสองคนแน่“ตานจะไปกับพี่”“ฉันไปทำงานนะไม่ได้ไปเที่ยว”“ตานรู้”“ฉันไม่อนุญาต ถ้าไปก็ไปเป็นภาระซะเปล่า”เขาไปทำงานก็เหนื่อยมากพอเเล้ว หากเธอไปด้วยคงจะเหนื่อยกว่าเดิมหลายเท่าตัว มิหนำซ้ำจะปวดหัวเพราะเธอไปทะเลาะกับพิมมาอีก“แต่ต