“เธอนี่เสน่ห์แรงไม่มีตกเลยนะ”
กนกลดายิ้มบาง ๆ ยิ่งเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของธามก็ยิ่งรู้สึกว่าครั้งนี้ตนมาถูกทางแน่แล้ว ดูท่าทางชายหนุ่มคงไม่ได้คิดกับพลอยพัดชาแค่น้องสาวอย่างที่ปากพูดกระมัง เห็นทีครั้งนี้เธอคงต้องพยายามดึงความสนใจจากเขาให้มากกว่าเดิม มิเช่นนั้นนอกจากแผนทุกอย่างจะพังแล้ว เม็ดเงินมหาศาลจากการที่ได้อาศัยชื่อเสียงของโรงแรมลักซ์ แกรนด์ มิราจในการทำธุรกิจก็คงละลายหายไปด้วย
โชคดีที่ธามเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่อายุยังน้อย อีกทั้งรูปร่างหน้าตาก็จัดว่าควงได้ไม่อายใคร แม้เขาจะหล่อไม่เท่ารพีพัฒน์ แต่ความคมเข้ม สมาร์ต และความภูมิฐานนั้นกินขาดผู้ชายวัยเดียวกันอย่างไม่เห็นฝุ่น ดังนั้นการตีสนิทกับเขาโดยเอาตัวเข้าแลกนั้นเธอจึงเต็มใจทำอย่างยิ่ง แต่ปัญหากลับติดอยู่ที่คนเพียงคนเดียว...พลอยพัดชา
“แน่นอน ก็ฉันสวยนี่ จริงไหมคะพี่ธามขา” ประโยคหลัง พลอยพัดชาจงใจกระแซะไหล่เขาเพื่อให้ชายหนุ่มหมั่นไส้เล่นเพราะเธอรู้ว่าต่อให้อ่อยผู้ชายคนนี้ไปกี่เล่มเกวียน เขาก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับตน
แต่ที่เขามาทำตัวใกล้ชิด และทำเหมือนง้อราวกับเป็นคู่รักกันนั้นก็คงเพราะเห็นเธอหายหน้าหายตาไปหลายวัน จึงกลัวว่าเธอจะโกรธเขาจริงจังเสียมากกว่า เพราะสุดท้ายเธอเชื่อว่าหากตนไปตามตอแยเขาเหมือนเดิม ธามก็จะปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาเหมือนที่ผ่านมาแน่นอน
ธามหันมามองพลอยพัดชาด้วยสายตาแปลก ๆ จนคนถูกมองอดใจสั่นไม่ได้ กระนั้นก็ยังทำใจกล้าด้วยการยิ้มและส่งจูบให้เขาทางอากาศเพื่อหวังจะได้เห็นสีหน้าระอาใจของเขายามที่เธอทำแบบนี้เหมือนเช่นทุกครั้ง
แต่ผิดคาด! สายตาที่ชายหนุ่มมองตอบกลับมานั้นช่าง...ร้อนแรง ร้อนจนเธอไม่กล้ามองสบตา และแรงจนเธอไม่กล้ายั่วเขาอีก
หลังจากรับประทานมื้อเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ธามก็พาพลอยพัดชากับกนกลดาเดินกลับทางเดิม และครั้งนี้ก็เช่นเคยที่พลอยพัดชาเดินเกาะแขนของเขาแน่นอย่างแสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้ากนกลดา เพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่กล้าทำอย่างตนแน่ อีกทั้งธามก็ไม่ได้สะบัดแขนของเธอออก พลอยพัดชาจึงยิ่งทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อเห็นกนกลดาเหลือบมองมาทางตนด้วยแววตาที่บอกเป็นนัยว่าหากสามารถตบเธอตรงนี้ได้ คงทำไปแล้ว!
“เธอไม่เข้าร้านหรือไง นี่ผ่านร้านของเธอมาแล้วนะ” กนกลดาบุ้ยหน้าไปทางด้านหลังซึ่งเป็นร้านพัดชา เจมส์
“ฉันจะเข้าหรือไม่เข้าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ ก็ฉันจะเข้าโรงแรมกับพี่ธาม เธอมายุ่งอะไรด้วย” พลอยพัดชาพูดโดยไม่ได้คิดอะไร หากแต่คนฟังอย่างธามกลับอมยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เพราะประโยคหลังนั้นช่างหมิ่นเหม่เสียเหลือเกิน
เมื่อเดินเข้ามาในโรงแรมแล้ว แต่กนกลดากลับไม่มีทีท่าว่าจะขอตัวลาสักที พลอยพัดชาจึงพูดขึ้นอีกว่า
“ข้าวก็กินเสร็จแล้ว ไม่ทราบว่าเธอยังมีธุระอะไรกับพี่ธามของฉันอีก แม่สนิมสร้อย”
กนกลดาทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ธามชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“สรุปว่ารายงานที่คุณเสนอผมมาวันนี้ ผมจะลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ ขอเวลาผมสักสองสามวันละกัน เพราะเรื่องนี้ต้องตัดสินใจกันหลายคน”
“ได้ค่ะ แต่อย่างที่ดาบอกพี่ไปตั้งแต่ตอนแรกว่าหากเราทำตามแผนงานนั้น เราจะประหยัดต้นทุนในการก่อสร้างไปได้ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์โดยที่ไม่กระทบกับการก่อสร้างเลย” กนกลดาพูดไปยิ้มไปอย่างใจเย็น เมื่อเห็นเขาพยักหน้ารับรู้จึงพูดเสริมไปอีกว่า
“เชื่อใจดานะคะพี่ธาม บริษัทของดาคร่ำหวอดกับการก่อสร้างโครงการใหญ่ ๆ มาหลายโครงการแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องความผิดพลาดจะมีน้อยมากค่ะ ส่วนพวกข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ที่เคยได้ยินกันมาก็อย่าไปเชื่อมากนักเพราะเรื่องพวกนั้นมันก็แค่เป็นการดิสเครดิตของคู่แข่งเราเท่านั้นเองค่ะ”
“โอเคครับ ได้เรื่องยังไงแล้วผมจะโทร. ไปแจ้งอีกที ถ้าอย่างนั้นผมจะเดินไปส่งที่อาคารจอดรถนะครับ”
ธามผายมือข้างที่ว่างจากการเกาะกุมของพลอยพัดชา เพื่อให้กนกลดาเดินไปยังอาคารจอดรถที่ว่า เมื่อเดินมาถึงแล้ว กนกลดาจึงหันมาไหว้ลาชายหนุ่ม แต่กับพลอยพัดชานั้นเจ้าตัวแค่ปรายตามองโดยไม่พูดอะไร
ครั้นพอเห็นรถของกนกลดาเคลื่อนตัวไปจนพ้นสายตาแล้ว พลอยพัดชาก็ปล่อยแขนข้างนั้นของธามทันที จากนั้นก็หมุนตัวกลับเพื่อจะเดินไปทางเดิม แต่ข้อมือของเธอกลับถูกชายหนุ่มคว้าเอาไว้เสียก่อน
“จะไปไหน” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จนเธอเดาอารมณ์เขาไม่ถูก
“ก็กลับร้านสิ หมดธุระแล้วนี่” พลอยพัดชาดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ อีกครึ่งชั่วโมงจะปิดร้านแล้ว แต่กระเป๋าสะพายของเธอยังอยู่ในนั้น
“อะไรคือหมดธุระ หมายความว่าไง หรือว่าการที่เธอมาคอยป่วนคุณดาเขาก็เพราะแค่อยากมากันท่าพี่กับคุณดาเท่านั้น” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังดึงตัวเธอให้เข้าไปใกล้เขามากกว่าเดิมอีกด้วย
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม” พลอยพัดชาเชิดหน้าตอบอย่างถือดี ทำเอาคนมองได้แต่รู้สึกมันเขี้ยว อยากปราบพยศคนช่างยั่วเสียตรงนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเขาเป็นผู้บริหารของที่นี่ จะทำเรื่องอย่างนั้นต่อหน้าพนักงานและแขกได้อย่างไร
“พี่ว่าเราควรต้องคุยกันหน่อยดีไหมพลอย”
พลอยพัดชาขมวดคิ้ว มองหน้าเขาอย่างสงสัย “คุย? มีอะไรต้องคุยคะ”
เขามองหน้าเธอนิ่ง ชั่งใจอยู่ว่าจะพาเธอไป ‘คุย’ ในห้องทำงานหรือจะขึ้นไปเพนต์เฮาส์ดี สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเลือกอย่างแรก จากนั้นจึงกึ่งลากกึ่งจูงเธอไปหน้าลิฟต์
“ขึ้นไปบนห้องทำงานของพี่ก่อน”
“ไม่ได้!” พลอยพัดชาขืนตัวไว้พร้อมกับพยายามดึงข้อมือของตนให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา
“ตอนนี้ใกล้ปิดร้านแล้ว พลอยต้องรีบกลับร้านก่อน กระเป๋าก็อยู่ที่นั่น”
ครั้นพอได้ฟังเหตุผลของหญิงสาว ธามจึงยอมปล่อยมือเธอแต่โดยดี จากนั้นก็สำทับว่า
“โอเค ปิดร้านเสร็จก็ขึ้นไปหาพี่ที่ห้องทำงานละกัน พี่จะรอ”
ระหว่างนั้นลิฟต์โดยสารมาถึงและเปิดประตูออกพอดี ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วพูดว่า
“เร็ว ๆ ละ”
หลังจากลิฟต์ปิดแล้ว พลอยพัดชาก็ยกมือขึ้นทาบตรงตำแหน่งหัวใจของตัวเองพลางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและหลับตานิ่ง...
เขาทำแบบนี้หมายความว่าอะไร เธออุตส่าห์ปล่อยมือจากเขาแล้ว แต่เขากลับมาแสดงท่าทีราวกับจะวิ่งตามเธอเสียเองอย่างนี้ แล้วจะให้เธอตัดใจจากเขาได้อย่างไรเล่า
ไม่ใช่ว่าพอเธอขึ้นไปหาเขาบนห้องทำงานจริง ๆ แต่สุดท้ายเขาก็ให้เธอยืนอยู่หน้าห้อง ไม่ยอมให้เข้าไปข้างในเหมือนเดิมละ สรุปแล้วเธอควรไปหรือไม่ไปดี
พลันนั้น ภาพเหตุการณ์เก่า ๆ ที่ธามทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจก็ผุดขึ้นมาในหัวภาพแล้วภาพเล่า ใบหน้าเย็นชากับสายตาที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังว่ารำคาญเธอนั้น เธอจำได้ติดตาเสียยิ่งกว่ารอยยิ้มของเขาวันนี้เสียอีก
คิดได้ดังนั้น พลอยพัดชาก็ตัดสินใจได้ทันที หญิงสาวยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร. ออก รอสายไม่นานนักปลายสายก็กดรับ เธอจึงพูดลงไปเสียงแผ่ว
“จูน พี่วานเอากระเป๋าของพี่มาให้ที่โรงแรมหน่อยสิ พี่จะรอตรงประตูทางออกไปอาคารจอดรถของชั้นหนึ่งนะ”
หลังจากวางสายแล้วพลอยพัดชาก็เดินไปรอตรงจุดนั้น เพราะหากเธอเดินออกไปที่ร้านพัดชา เจมส์เพื่อเอากระเป๋าด้วยตัวเองแล้วธามกำลังยืนมองอยู่จากห้องทำงานบนชั้นสาม เขาอาจเห็นเธอได้
พลอยพัดชารอไม่ถึงสิบนาที ลูกน้องก็นำกระเป๋าสะพายมาให้ หญิงสาวเอ่ยขอบคุณก่อนจะหยิบกุญแจรถออกมาแล้วเดินไปยังรถของตัวเอง จากนั้นก็ขับออกจากโรงแรมไปทันที
ธามดูนาฬิกาแล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วแต่พลอยพัดชายังไม่ขึ้นมาหาเขาบนห้องทำงานตามที่คุยกันเมื่อครู่ จึงลองโทรศัพท์ไปหาเธอแต่ปรากฏว่าโทร. ไม่ติดราวกับปิดเครื่องเอาไว้
หญิงสาวคงไม่คิดจะขึ้นมาหาเขาตั้งแต่ทีแรกแล้ว ถึงได้อ้างว่าจะไปเอากระเป๋าที่ร้านแต่สุดท้ายก็หนีกลับบ้านไป เขาไม่เข้าใจว่าเธอโกรธอะไร ทั้งที่วันนี้ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติแล้วไม่ใช่หรือ เธอยังพูดคุยกับเขาเหมือนเดิม มีท่าทีหึงหวงและหยอกเย้าเขาเหมือนเมื่อก่อน เขายังคิดว่าพลอยพัดชาหายงอนเขาแล้วเสียอีก
หรือเธอจะทำตามที่พูดไว้จริง ๆ ว่าจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับเขาอีกแล้ว
“พลอย” เขาเรียกเธอเสียงพร่า หญิงสาวจึงแกล้งละเลงลิ้นลงบนกล้วยอีกครั้งพลางตอบรับเบา ๆ“ขา พี่อยากทำงานก็ทำไปสิคะ พลอยก็แค่...หิว”พูดจบเธอก็ส่งกล้วยเข้าปากไปอีกครั้ง และเช่นเคยที่เธอไม่ยอมกัดกินมัน แต่กลับเอาออกมาแล้วส่งเข้าไปใหม่อีกสองสามครั้ง จนในที่สุดธามก็พับหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงเพื่อปิดเครื่อง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง“อุ๊ย!” สายตาของพลอยพัดชาหยุดอยู่ที่เป้ากางเกงเขาทันที เพราะตอนนี้มันเป็นรูปเป็นร่างจนเห็นเด่นชัด“ตื่นแล้วอะ ทำยังไงดีน้า” หญิงสาวใช้นิ้วชี้ลากเบา ๆ ไปตามรอยที่นูนขึ้นมาอย่างยั่วเย้า“ยั่วเก่งดีนักนะ แล้วอย่ามาบ่นละกันว่าปวดขาปวดเอว”เขาพูดจบก็คว้าสูทมาพาดไว้ที่แขนเพื่อเป็นการบังเป้ากางเกงไปด้วย มืออีกข้างก็โอบเอวภรรยาจอมยั่วพลางกระซิบว่า“กล้วยนี้มันไม่อร่อยหรอก ขึ้นไปกินกล้วยกับพี่บนห้องดีกว่า อร่อยกว่าเยอะแถมกินได้ไม่อั้น”พลอยพัดชายิ้มกริ่มพลางทิ้งกล้วยหอมนั้นลงถังขยะทันที จากนั้นก็เดินตามสามีออกจากห้องทำงานแล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุ
สองปีต่อมาพลอยพัดชามองเงาตัวเองในกระจกแล้วอดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้พุงของเธอป่องมากราวกับลูกโป่งใบใหญ่ เธอตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอหน้าสาวน้อยที่อยู่ในพุง หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นเสียจนแทบนับวันถอยหลังรอแต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อ เพราะตั้งแต่รู้ว่าเด็กในครรภ์เป็นลูกสาว ธามก็ลงทุนจัดห้องไว้รอรับด้วยตัวเอง ตั้งแต่ทาสีผนังเป็นสีชมพูอ่อน ซื้อเตียงและเปลเจ้าหญิงเอาไว้รอ รวมถึงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นสีชมพูและไม่ใช่แค่ธามเท่านั้นที่เตรียมห้องไว้รอบุตรสาวคนแรก จินตวาตีก็เช่นกันที่จัดเตรียมห้องไว้รอต้อนรับหลานสาวคนแรกที่จะได้เรียกตนว่าคุณยายหญิงสาวหยิบโลชั่นสำหรับกันรอยแตกลายมาทาเบา ๆ ที่หน้าท้อง เพราะแม้จะใกล้ได้เป็นคุณแม่แล้ว แต่ร่างกายส่วนอื่นของพลอยพัดชาก็ยังคงสภาพเดิม มีเพียงหน้าอกเท่านั้นที่ขยายใหญ่ขึ้นมาอีกเล็กน้อยเพื่อเป็นแหล่งอาหารของเจ้าตัวเล็กในครรภ์ทว่าตอนนี้คนที่ดูจะคลั่งไคล้กับหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้นของเธอเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นสามีของเธออ้อมกอดอบอุ่นจากด้านหล
พลอยพัดชากับนลินทรายืนมองผืนน้ำสีเขียวมรกตด้วยแววตาระยิบระยับ นานมากแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เพราะฉะนั้นมาทะเลครั้งนี้พวกเธอจะต้องเก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้เติมพลังชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้“พี่ธามไปไหนน่ะ” นลินทราถามถึงแฟนหนุ่มของเพื่อน“ไม่รู้สิ เห็นมีโทรศัพท์มาเมื่อกี้แล้วก็เดินไปคุยที่อื่นน่ะ” พลอยพัดชาตอบก่อนจะหันไปโบกมือให้จินตวาตีที่กำลังนั่งทาครีมกันแดดอยู่ในที่ร่ม“น้าจินนี่เอาชุดว่ายน้ำกับพร็อพมาเพียบเลยแก ทั้งหมวกเอย ผ้าคลุมเอย คือนางไม่ได้จะมาเล่นน้ำหรอก แต่จะมาเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะ เห็นบอกว่าจะเก็บไว้ดูตอนแก่” พลอยพัดชาได้ที จึงแอบเม้าท์ผู้เป็นน้า“ว่าแต่น้าจินนี่ ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะยะ มาเที่ยวแค่สี่วันแต่กระเป๋าเดินทางตั้งสองใบ อีบ้า ทำอย่างกับจะมาอยู่เป็นเดือน” นลินทราค้อนให้เพื่อน พลอยพัดชาจึงได้แต่หัวเราะคิกคักทั้งสองสาวเห็นว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติออกมาที่ชายหาดกันบ้างแล้วจึงหันไปมองหน้ากัน“ฉันว่าเราไป
“เจ้าค่า...คราวนี้ก็ออกกันยกแผงเลยสิคะ”“ใช่ ตอนนี้ให้ฝ่ายบุคคลของส่วนกลางประกาศรับพนักงานใหม่แล้ว ส่วนคนที่จะไปแทนตำแหน่งของพิษณุกับโชคชัยนั้น พี่ว่าจะลองคุยกับคุณพ่อดูว่าจะคัดเลือกคนเก่ง ๆ ของที่นี่ไปประจำอยู่สาขานั้นดีไหม ถือเป็นการเลื่อนตำแหน่งไปในตัว แล้วพลอยล่ะเป็นไงมั่ง”“ตอนนี้ที่ร้านได้พนักงานใหม่มาเพิ่มแล้วค่ะ หน่วยก้านดีใช้ได้ ไลฟ์สดเก่งด้วยเพราะเขาเคยไลฟ์ขายเสื้อผ้ามาก่อนก็เลยคล่องมากตอนอยู่หน้าจอ ส่วนน้าจินนี่อาการดีขึ้นมากแล้ว เริ่มให้พวกพี่เลี้ยงที่ดูแลศิลปินเข้าไปคุยเรื่องงานโดยตรงในห้องพักได้แล้วค่ะ เพราะจะได้ช่วยฟื้นความจำด้วย”“พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกถึงไอ้ก้าว ตอนนี้ฝากขังไว้ที่เรือนจำแล้วละ รอศาลตัดสินโทษ แต่คิดว่าคงติดคุกไม่นานหรอก ไม่กี่ปี แต่เรื่องของเพื่อนพลอยนี่สิ กว่าคดีจะเสร็จสิ้นคงอีกนานเลย น่าจะเป็นปี”พลอยพัดชาได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าเขาหมายถึงกนกลดา“ว้าย อย่ามาพูดอย่างนี้นะ นางไม่ใช่เพื่อนพลอยสักหน่อย แค่คนรู้จักยังไม่อยากจะเป็นเลย เท่ากับว่าตอนนี้นางกับพ่อก็ยัง
พลอยพัดชาตื่นขึ้นมาช่วงสายเพียงลำพังบนเตียงนอนหลังใหญ่ ไม่รู้ธามไปไหน แต่เดาว่าเขาคงลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของโรงแรมตามเคยหญิงสาวพาร่างที่เมื่อยขบของตนไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ครึ่งชั่วโมงถัดมาเธอก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยความสดชื่น แต่แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่กล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องใหญ่บนเตียง ดูแล้วเหมือนกล่องใส่เครื่องประดับที่สามารถใส่ได้หลายชิ้นทั้งแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล และต่างหู“หรือว่าจะเป็นกล่องใส่นาฬิกาของพี่ธาม” เธอรู้ว่าธามเป็นคนที่ชอบสะสมนาฬิกา ก็เลยคิดว่าเขาคงหยิบมาเลือกใส่จึงไม่ได้สนใจมันอีก จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดของตนออกมาสวม“จะไม่เปิดดูหน่อยหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากหน้าประตูห้องนอน หญิงสาวจึงหันไปมองตามเสียง ธามยืนเปลือยท่อนบน ใส่เพียงกางเกงลำลองอยู่บ้านสบาย ๆ กำลังยืนกอดอกและส่งยิ้มมาให้“กล่องนาฬิกาของพี่ธามรึเปล่าล่ะคะ”“ไม่ใช่ กล่องนั้นของพลอยทั้งกล่องเลย”พลอยพัดชาเบิกตากว้าง “ถามจริง”เธอแขวนชุดไว
“เม็ดสีเหลืองคือพลอยปลอม วิธีสังเกตอย่างง่ายเลยก็คือให้ดูประกายของมันเวลาส่องกับแสง ถ้ามีประกายรุ้งคือปลอมชัวร์ เป็นพลอยที่สังเคราะห์ขึ้นมา และอีกวิธีที่สังเกตด้วยตาเปล่าได้ก็คือให้ดูที่เส้นของพลอย พลอยบางเม็ดมันจะมีเส้นตรงเรียง ๆ กันเป็นแถบให้เห็นกันเลย แต่บางเม็ดเราก็อาจจะต้องใช้ลูปหรือกล้องส่องพระขยายดูข้างในว่ามันมีเส้น ๆ พวกนี้ไหม จำไว้ว่าต้องเป็นเส้นตรงเท่านั้น ถ้ามีเส้นโค้งให้เห็นนั่นคือปลอม และถ้าใช้ลูปส่องดูแล้วมีฟองอากาศหรือรูปร่างกลม ๆ เหมือนโดนัทกระจายอยู่ นั่นก็ปลอมเหมือนกัน” พลอยพัดชาลองให้วนิตาใช้ลูปส่องพลอยดูด้วยตัวเอง“เส้นหรือแถบสีในเนื้อพลอยมันก็เหมือนลายนิ้วมือของคนเรานั่นแหละ แต่ละเม็ดก็จะแตกต่างกันไป ไม่มีเม็ดไหนที่เหมือนกันหรอก”พลอยพัดชาอธิบายพลางเดินไปหยิบถ้วยสีขาวในตู้มารองน้ำแล้วกลับมานั่งที่เดิม“และอีกวิธีที่ง่ายในการดูด้วยตาเปล่าก็คือการจุ่มน้ำ” เธอหยิบพลอยเม็ดสีเขียวมาจุ่มลงไปในน้ำแล้วถามว่า“นิตาเห็นอะไรไหม”“เห็นค่ะ มันเป็นแถบสีเป็นเส้น ๆ” วนิตาตอบ&