“ผมกำลังจีบอยู่” พีรกันต์ตอบพี่ชายเมื่อเขาถามถึงเรื่องแฟน
“อย่างนายต้องจีบด้วยเหรอ พี่เห็นแต่สาวๆ เข้ามาจีบ”
“คนนี้ผมจีบเขาก่อน นี่ก็สองเดือนแล้วยังไม่ยอมใจอ่อน” เวลาสองเดือนสำหรับพีรกันต์ซีอีโอหนุ่มนั้นถือว่านานมากเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยจีบใครนานขนาดนี้มาก่อน ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เขาเจอก็มักจะเป็นฝ่ายเข้าหาเสียมากกว่า
“ดูนายจริงจังมากนะ”
“คนนี้ผมจริงจังมาก แม่ของลูกเลยล่ะพี่กานต์” เขารู้สึกกับรัญรวีแบบนี้จริงและเรื่องนี้ก็บอกหญิงสาวทุกครั้งที่มีโอกาส
“พี่ชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ เธอคงสวยมากสินะถึงทำให้นายรอได้นานขนาดนี้” ธีรกานต์อยากจะเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้น้องชายคิดอยากจะหยุดความเจ้าชู้
“สวยสิ สวยมากด้วย” เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปให้พี่ชายดู
“สวยมากจริงๆ ด้วยเธอทำงานที่โรงพยาบาลของเราเหรอ” ธีรกานต์ถามเพราะเห็นว่าหญิงสาวนั้นสวมชุดพยาบาล
“เปล่าเธอทำที่โรงพยาบาลรัฐ”
“ทำไมไม่ชวนเธอมาทำงานที่โรงพยาบาลของเราล่ะ”
“พี่คิดว่าผมไม่ชวนเหรอ ผมพยายามชวนแล้วแต่เธอก็ปฏิเสธ”
“ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจดีนะกล้าปฏิเสธนาย”
“ขนาดพี่ยังไม่เคยเจอพี่ยังบอกว่าเธอน่าสนใจถ้าพี่ได้เจอพี่ได้คุยรับรองเลยว่าพี่จะต้องรู้สึกดีกับเธอ”
“ถ้างั้นก็พาเธอมาเจอพี่สิ”
“ผมกำลังหาโอกาสอยู่ ว่าแต่พี่เถอะเมื่อไหร่จะหาแฟนสักทีล่ะ ผมอยากจะอุ้มหลานแย่แล้ว”
“ไม่ต้องมารออุ้มลูกฉันนายได้นั่นแหละรีบจีบเธอให้ติด”
“ผมก็พยายามอยู่”
“ถ้านายแต่งงานไปสักคนแม่ก็คงได้อุ้มหลานสมใจ”
“พี่อายุมากกว่าผมนะ เมื่อไหร่จะมีแฟนสักทีล่ะหรือว่าพี่รอใครหรือรออะไรอยู่ทำไมถึงไม่มองใครเลย” คำถามของน้องชายทำให้ธีรกานต์ฉุกคิดว่าเพราะอะไรตัวเองถึงยังไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนหรือคบผู้หญิงคนไหนได้นานเลยสักครั้งแต่เขาก็นึกไม่ออกว่าเหตุผลนั้นมันคืออะไร
“เนื้อคู่ของฉันอาจจะยังไม่เกิดมั้ง”
“บางทีเธออาจจะเกิดแล้วนะแต่ยังไม่เจอก็ได้หรือบางทีอาจจะเจอแล้วแต่ไม่รู้ตัว”
“ช่างมันเถอะพี่ว่าเป็นโสดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”
“แต่ก่อนผมก็ชอบนะได้ควงสาวไปเรื่อยๆ แต่พอผมเจอกับเนยความคิดผมก็เปลี่ยนไป ผมอยากสร้างครอบครัวกับเธออยากตื่นมาเจอเธอทุกวัน” เมื่อพูดถึงหญิงสาวที่ตนเองชอบเขาก็ยิ้มกว้าง
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของน้องชายธีรกานต์ก็รู้สึกยินดีไปกับเขาด้วย แต่สำหรับตนเองนั้นยังไม่เคยมีใครที่ทำให้ตนเองยิ้มกว้างแบบนั้นมาก่อนนอกจากเอวาริณเด็กสาวข้างบ้าน
“ตกลงพี่จะลองตามหมอปิญชาน์กับหมอไอรดาดูก่อนนะ”
“ครับพี่”
“เรื่องหมอพี่ว่าเราค่อยๆ ปรับไป แต่เรื่องพยาบาลพี่ว่าควรจะรับเพิ่มอีกสักหน่อย คนไข้เราเยอะขึ้นเรื่อยๆ”
“ผมแล้วแต่พี่เลยครับ”
“อย่าลืมถามคนของนายนะว่าอยากมาทำงานกับเราไหมถ้าไม่อยากลาออกจากโรงพยาบาลรัฐบาลจะมาแค่พาร์ทไทม์ก็ได้นะ”
“ผมจะลองถามดูครับ พี่กินข้าวหรือยังลงไปหาอะไรกินด้วยกันไหม” เขาดีใจที่วันนี้จะมีเรื่องไปคุยกับรัญรวีเพราะถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานหญิงสาวจะคุยกับเขาได้นานกว่าเรื่องอื่น
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวพี่สั่งมากินในห้องเอง”
“งั้นผมไปก่อนนะ เย็นนี้คงไม่กลับกินข้าวที่บ้านฝากพี่บอกแม่ให้ด้วยนะ”
พีรกันต์คุยกับพี่ชายเสร็จแล้วก็เดินลงมาทานอาหารร้านข้างโรงพยาบาลซึ่งเป็นร้านประจำ เขาสั่งเนื้อผัดน้ำมันหอยกับไข่ดาวซึ่งเป็นอาหารจานโปรดมาทานระหว่างรอก็คิดคำพูดที่จะคุยกับรัญรวีเย็นนี้
ชายหนุ่มไม่เคยบอกเธอว่าตนเองเป็นผู้บริการโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ไม่ใช่เพราะอยากปิดบังแต่เพราะหญิงสาวไม่เคยถามว่าธุรกิจของครอบครัวที่เขาบอกคืออะไร รัญวรวีเป็นผู้หญิงที่เรียบง่ายคุยด้วยแล้วมีแต่ความสบายใจ ตลอดเวลาสองเดือนที่ได้เจอกันเขากับเธอคุยกันเหมือนเพื่อนที่คบกันมานาน
แม้ความสัมพันธ์จะเป็นแค่เพื่อนแต่หญิงสาวก็เปิดใจกับเขามากขึ้น เขารู้ว่ารัญรวีอยู่คนเดียวและไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนนั่นเลยทำให้พีรกันต์อยากจะดูแลเธอ
แต่พีรกันต์ก็มีเรื่องหนักใจเมื่อพี่ชายบอกให้ลองชวนรัญรวีมาทำงานเพราะตลอดสองเดือนเขายังไม่เคยบอกเธอว่าตนเองเป็นผู้บริหารของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้เลย แต่เย็นนี้เขาคิดจะบอกเธอเพราะอยากชวนหญิงสาวมาทำงานใกล้ๆ
‘เย็นนี้ว่างไหมผมมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย’ เขาส่งข้อความทิ้งไว้อย่างเคย พีรกันต์เริ่มจะชินแล้วที่หญิงสาวจะไม่อ่านหรือตอบไลน์เขาทันที แต่เธอก็บอกเขาว่าถ้ามีเรื่องด่วนจริงๆ ก็โทรศัพท์ไปที่วอร์ดได้เพราะถ้าเป็นโทรศัพท์ของวอร์ดจะมีคนรับสายตลอดแต่เขารู้ว่าทุกสายที่ติดต่อกับวอร์ดนั้นเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับชีวิตผู้ป่วย พีรกันต์จึงไม่เคยโทรไปด้วยเรื่องส่วนตัว
ชายหนุ่มนั่งทานข้าวและติดตามข่าวสารในแวดวงธุรกิจไปด้วยแต่ทานยังไม่ถึงครึ่งก็มีข้อความของรัญรวีเด้งมา
‘เรื่องสำคัญมากไหมคะวันนี้เนยขึ้นเวรต่อให้เพื่อนถึงเที่ยงคืนเลยค่ะ’
‘สำคัญครับแต่ผมรอได้ แล้วพรุ่งนี้เนยเลิกงานกี่โมง’
‘พรุ่งนี้หยุดค่ะ’
‘ไปหาอาหารทะเลกินไหม’
‘ที่ไหนคะ’
‘ชะอำดีไหมใกล้หน่อยขับรถแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เราไปบ่ายๆ ก็ได้นะ ตอนเช้าเนยจะได้พัก’
‘ไม่ค้างใช่ไหมคะ’ หญิงสาวถามเพราะยังไม่กล้าไปนอนค้างที่อื่นกับเขาสองคน
‘ผมอยากค้างนะ แต่คิดว่าเอาไว้วันหลังดีกว่า’
‘ตกลงค่ะ’
‘ผมไปรับสักบ่ายสองนะเนยสะดวกไหม’
‘ได้ค่ะ ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะพรุ่งนี้เจอกันค่ะ’
พีรกันต์โล่งใจเพราะเขายังมีเวลาคิดคำพูดคืนนี้อีกหนึ่งคืนเขาหวังว่าบรรยากาศริมทะเลจะช่วยให้รัญรวีไม่โกรธถ้ารู้ว่าเขาทำงานอะไร
“กันต์” เสียงผู้หญิงที่เรียกทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง
“เมย์ มากินข้าวเหรอ”
“อือ กันต์รีบไปไหนหรือเปล่านั่งกินเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม” เพราะเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ก่อนทานอิ่มแล้วเลยถามด้วยความเกรงใจ
“ไม่รีบ เดี๋ยวผมสั่งขนมมากินเป็นเพื่อนก็ได้” เขาหันไปสั่งเค้กส้มกับพนักงานมานั่งทานระหว่างที่จิดาภาหรือหมอเมย์กำละรออาหาร
“เมย์มีเรื่องจะปรึกษากันต์พอดีเลย ว่าจะขึ้นไปหาบนห้องก็ไม่ค่อยว่าง”
“เรื่องอะไร เรื่องงานใช่ไหม”
“ถ้าเรื่องงานเราก็คงปรึกษาพี่กานต์แต่นี่เรื่องส่วนตัว” หญิงสาวและพีรกันต์เป็นเพื่อนสมัยเรียนแพทย์ พอเรียนแพทย์จบแยกย้ายกันไปตามทาง และกลับมาเจอกันอีกครั้งเมื่อจิดาภาเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านชะลอวัย
“จะปรึกษาอะไรว่ามาถ้าเดาไม่ผิดเรื่องหัวใจใช่ไหม”
“เดาเก่งนะ”
“เกิดอะไรขึ้นทะเลาะกันหรือเปล่า”
“เปล่า แต่เขาขอเมย์แต่งงานแล้ว” คุณหมอสาวชูมือซ้ายที่มีแหวนเพชรเม็ดโตประดับอยู่บนนิ้วนาง
“ดีใจด้วยนะ นี่คงไม่ใช่เรื่องที่จะปรึกษาใช่ไหม”
“ก็เรื่องแหวนนี่แหละที่อยากถามกันต์”
“ทำไม มันเล็กไปเหรอ”
“เปล่าแต่เราจะถามกันต์ว่ากันต์มีแฟนและขอแต่งงานแล้วแต่แฟนของกันต์ไม่สวมแหวนกันต์จะโกรธไหม”
“เหตุผลคืออะไรล่ะ”
“มันไม่ถนัดเวลาทำงาน”
“ก็บอกเขาไปสิ เขาน่าจะเข้าใจนะ เพราะเหตุผลมันก็เข้าใจได้ไม่ยาก”
“ค่อยโล่งใจหน่อย”
“เรื่องแค่นี้ทำไมถึงทำให้คนเก่งอย่าหมอเมย์เครียดได้ล่ะ”
“ถ้ามันเป็นเรื่องของคนที่เรารักไม่ว่าเรื่องใหญ่มันก็เครียดทั้งนั้นแหละ กันต์ยังไม่เคยรักใครจะไปรู้อะไรล่ะ”
“ใครบอกว่าเราไม่เคยรักใคร”
“อะไรนะ กันต์มีความรักเหรอ”
“คิดว่ารักนะ”
“เล่ามาเลยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ชื่ออะไรละทำงานที่ไหนที่สำคัญสวยมากไหม”
“ถามเยอะจัง”
“แล้วจะตอบไหม”
“อยากรู้จริงเหรอ”
“อยากรู้สิ”
“ถ้าผมเล่าให้เมย์ฟังเมย์ต้องช่วยผมด้วยนะ”
“ได้เลยไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“งั้นก็ตกลง” พีรกันต์ยิ้มเขากำลังอยากได้ความคิดเห็นจากผู้หญิงเรื่องที่เขาจะบอกรัญรวีเรื่องงานของเขา
เกินจะทน (ตอบจบ)พีรกันต์เครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะเขาเองก็เคยคิดเรื่องนี้แต่เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เจอลูกอีกจึงยอมปล่อยเลยตามเลย“ถ้าเขาไม่ยอมให้ตรวจมึงก็แอบตรวจสิ เป็นถึงเจ้าของโรงพยาบาลเรื่องแค่นิคิดไม่ได้”“แต่มันผิดกฎหมายนะ” นุกูลทนายหนุ่มพูดขึ้น“กูถามมึงหน่อยนะไอ้นุถ้ามึงเป็นไอ้กันต์มึงอยากจะรู้ไหมว่าเด็กที่เรียกว่าลูกน่ะเป็นลูกของมึงจริงๆ หรือเปล่า”“เป็นใครก็ต้องอยากรู้”“งั้นมึงก็เงียบไปเลยนะ” ธนวินท์หันมาทำตาดุใส่เพื่อน“ถ้ายังไม่อยากตรวจDNAก็ตรวจแค่กรุ๊ปเลือดก่อนก็ได้ มึงรู้ไหมน้องข้าวหอมกรุ๊ปเลือดอะไร”“กูไม่รู้แต่น่าจะมีในผลตรวจเลือด” เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูอีเมลที่ทางโรงพยาบาลส่งให้เมื่อครั้งก่อนพอเห็นกรุ๊ปเลือดของลูกสาวแล้วก็หน้าซีด“ไหนกูขอดูหน่อย” เมฆาคว้าโทรศัพท์ในมือเพื่อนไปดูจากนั้นก็เงยหน้ามองพีรกันต์แล้วนิ่ง“มึงเลือดกรุ๊ปอะไร”“AB” เขาตอบเหมือนคนไร้วิญญาณเพราะถ้าเขาเลือดกรุ๊ปABก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ข้าวหอมจะมีเลือดกรุ๊ปO“นั่นมึงจะไปไหนกันต์” อธิษถามเห็นพีรกันต์ลุกขึ้น“กูจะไปถามหลินให้รู้เรื่อง”“ใจเย็นก่อน” เมฆาที่นั่งอยู่ใกล้ฉุดมือของพีรกันต์ให้นั
การอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวไม่ง่ายเลยสำหรับพีรกันต์เพราะนอกจากเขาจะคอยดูแลข้าวหอมแล้วยังต้องคอยหลบหลีกลินรดาที่มักจะเข้าใกล้และยุ่งกับการใช้ชีวิตของเขามากกว่าที่คุยกันไว้“นี่มันดึกแล้วนะกันต์จะออกไปไหนอีก”“หน้าที่ของผมคือเล่านิทานและพาลูกเข้านอนตอนนี้ผมก็ทำหน้าที่ของผมเสร็จแล้วผมจะไปไหนมันก็เรื่องของผม” พีรกันต์ตอบอย่างหัวเสีย“หลินอยากคุยกับคุณ ขอเวลาหลินได้ไหมเราไปคุยกันที่ห้องนะคะ”“เรามีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีก”“ก็เรื่องของเรา”“ระหว่างผมกับคุณมีแค่เรื่องของลูก ไม่มีเรื่องของเราหรอกนะ”“คุณชวนหลินมาอยู่ที่บ้านแต่คุณไม่เคยสนใจหลินเลยนะคะ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ คุณไม่มีใครหลินก็ไม่มีใครทำไมเราไม่ลองคุยกันอีกสักครั้ง”“ผมว่าผมชัดเจนแล้วนะว่าจะเป็นแค่พ่อของข้าวหอมที่ผมทำทุกอย่างก็เพื่อลูก ผมไม่เคยคิดอะไรกับคุณเลย”“คุณจะกลับไปหาผู้หญิงที่ชื่อเนยเหรอคะ คุณคิดว่าเธอจะรอคุณเหรอ”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเนยเพราะถึงไม่มีเนยผมก็คิดจะกลับไปคบกับคุณ อะไรที่มันผ่านไปแล้วปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ ผมอยากทำหน้าที่พ่อที่ดีของข้าวหอมเรื่องอื่นผมไม่อยากคิด”“หลินทำผิดอะไรคุณถึงไม่คิดจะกลับมาเป
“พี่กานต์มีเบอร์อาจารย์หมอศาสตราไหมขอผมหน่อยสิ”“มีสิ นายจะเอาไปทำอะไรหรือจะจ้างอาจารย์มาตรวจพี่ว่าอย่าเสียเวลาเลยพี่เคยชวนท่านหลายครั้งแล้ว”“เปล่าครับ”“แล้วจะเอาเบอร์ไปทำไมหรือมีใครป่วย”“ผมอยากปรึกษาท่าน”“กันต์มีอะไรหรือเปล่า หรือลูกไม่สบาย” เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กมีสีหน้าเครียดคนเป็นมารดาก็ร้อนใจ“เปล่าครับแม่ คนที่ใม่สบายคือข้าวหอม”“อะไรนะ หลานแม่ป่วยเป็นอะไร”“เนยบอกผมว่าข้ามหอมเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวครับแม่”“ป่วยถึงขั้นไหนแล้วตรวจเจอนานหรือยังรักษาไปถึงขั้นไหนแล้ว ต้องให้คีโมหรือเปล่า”“ผมยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากครับวันนี้ว่าจะพาข้าวหอมไปหาอาจารย์หมอ”“น่าสงสารจังตัวแค่นั้นก็ป่วยแล้ว กันต์ต้องดูแลลูกดีๆ”“ครับแม่”“คนที่บอกนายว่าข้าวหอมป่วยคือเนยเหรอ”“ครับพี่ เนยบอกผมเมื่อคืน”“แปลกดีนะทำไมคนที่บอกไม่ใช่แม่ของข้าวหอมล่ะ แล้วเนยไปรู้มาได้ยังไง”“ผมมัวแต่ตกใจเลยลืมถามเรื่องนี้ไปเลย แต่ก็ช่างมันเถอะจะรู้จากใครความจริงก็คือความจริง”“ถ้าต้องไปดูแลข้าวหอมบ่อยๆ กันต์ก็คุยกับหนูเนยให้เข้าใจนะลูก แบ่งเวลาให้ดี” เพราะคนหนึ่งก็หลานสาวอีกคนก็ว่าที่ลูกสะใภ้“คงไม่ต้องแล้วล่ะครับแม่”“ก
เพราะมีข้าวหอมมาอยู่ด้วยที่บ้านพีรกันต์เลยไม่คิดมากเรื่องรัญรวีเท่าไหร่จนกระทั่งผ่านไปสามวันหญิงสาวก็ยังไม่ติดต่อกลับมาพีรกันต์ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ววันนี้เขาจึงมาดักรอหญิงสาวตรงทางเดินระหว่างโรงพยาบาลกับคอนโดมิเนียม“เนย”“พี่กันต์” รัญรวีตกใจเพราะจู่ๆ เขาก็โผล่ออกมาจากมุมถนน“พี่ขอคุยด้วยหน่อย”“เอาไว้คุยวันหลังดีไหมคะ ตอนนี้มันดึกแล้ว”“พี่ไม่อยากรอแล้วนะ สามวันมานี้เนยไม่ติดต่อพี่มาเลย”“เนยงานยุ่งค่ะ”“ไปนั่งคุยกันในรถก่อน”“แต่เนยจะกลับไปพักแล้ว”“จะไปดีๆ หรือจะให้พี่อุ้มไปละเนย"เพราะคำขู่ของเขารัญรวีเลยยอมเดินตามมาที่รถ เธอขึ้นไปนั่งยังตำแหน่งเดิมที่เคยนั่งแต่ความรู้สึกแปลกออกไปเพราะตอนนี้คนข้างกายของเธอไม่ใช่คนที่เธอจะใช้ชีวิตด้วยอีกต่อไปแล้ว“พี่กันต์จะคุยอะไรคะ”“เนยเป็นอะไร โกรธอะไรพี่หรือเปล่า พี่ทำอะไรผิดเหรอเนยถึงไม่ติดต่อพี่เลยแล้วยังเก็บของพี่ออกจากคอนโด”“พี่กันต์ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยค่ะ เนยเองที่ผิด ผิดที่ไปรักคนมีเจ้าของอย่างพี่”“กำลังพูดเรื่องอะไรพี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”“ก็พี่กับครอบครัวของพี่”“ครอบครัวของพี่ก็คือเนย เราจะแต่งงานและร่วมสร้างมันด้วยกัน”“พี่กันต์ค่ะ
รัญรวีตื่นขึ้นมาในตอนสายเธอในขณะที่พีรกันต์ออกไปทำงานแล้ว หญิงสาวมองสภาพห้องนอนแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความสุขที่เขามอบให้เมื่อคืนมันยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ คำบอกรักที่เขากระซิบข้างหูเธอจำมันได้อย่างดีและจะจดจำมันไปตลอดว่าตนเองเคยมีความสุขมากแค่ไหนหญิงสาวเข้าห้องน้ำมองตัวเองในกระจกร่างกายเต็มไปด้วยรอยรักที่เขาฝากไว้ มันตอกย้ำว่าเธอและเขาผ่านเรื่องบนเตียงมาแล้วอย่างเร่าร้อนแต่มันก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเพราะรัญรวีไม่คิดจะนอนกับใครอีกแล้ว การอยู่ตัวคนเดียวมันอาจเหงาแต่ที่ผ่านมาเธอก็เคยอยู่คนเดียวมาตลอดหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วหญิงสาวก็เก็บของใช้ของพีรกันต์ลงกระเป๋าก่อนะจะเอาไปฝากไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์ด้านล่างและสั่งไว้แล้วว่าห้ามเขาขึ้นมาบนห้องเธออีก รหัสที่ประตูหน้าห้องถูกเปลี่ยน รัญรวีตัดการติดต่อทุกช่องทางเพราะกลัวว่าถ้าได้ยินเสียงของเขาเธอจะตัดเขาออกไปจากชีวิตไม่ได้หญิงสาวใช้เวลาว่างตลอดวันจัดห้องใหม่เพราะถ้าอยู่ในบรรยากาศเดิมๆ ก็จะคิดถึงเขา กว่าทุกอย่างจะเข้าที่ก็เป็นเวลาเย็น เธอทำอาหารจากของสดที่เหลืออยู่ในตู้จากนั้นก็นั่งทานคนเดียวเงียบๆโทรศัพท์ที่อยู่ตรงหน้าดังขึ้นรีญ
พีรกันต์กอดกระชับร่างที่หอบเหนื่อยรอจนเธอหายใจเป็นปกติจากนั้นก็รีบอาบน้ำและเช็ดตัวให้เธอก่อนจะอุ้มมาวางบนเตียง“เนยจ๋า พี่ไม่ไหวขออีกคืนนี้ขอแรงหน่อยไหม” เพราะท่าทางยั่วยวนและลีลารักเมื่อครู่มันปลุกความดิบเถื่อนในกายเขาจนต้องเอ่ยขอ“เนยตามใจพี่กันต์ทุกอย่าง” เพราะนี่จะเป็นคืนสุดท้ายเธอก็อยากให้เขาทำทุกอย่างไปตามใจปรารถนา รัญรวีอยากเก็บทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาขึ้นไว้เป็นความทรงจำเมื่อเธอพูดออกมาแบบนั้นพีรกันต์ก็เริ่มบทรักอีกครั้ง ปากร้อนจูบไปทั่วใบหน้าซอกคอดูดแรงจนขึ้นรอย รัญรวีทั้งเจ็บทั้งเสียวจนได้แต่ครางหวาน“อื้อ...พี่กันต์ขาจูบเนยหน่อยได้ไหม”ลิ้นร้อนสอดเข้าโพรงปากนุ่มตวัดรัดลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อน เธอเองก็จูบกลับไปอย่างถึงพริกถึงขิงทำให้เขาครางอย่างพอใจหญิงสาวหูอื้อตาลายไปกับปากร้อนที่จูบเบียดแนบชิด เธอปล่อยกายปล่อยใจไปตามแรงปรารถนาพีรกันต์จูบจนพอใจก็ยอมให้ปากเล็กเป็นอิสระ เขาลากไล้ความเปียกชื้นมาตามผิวนุ่มขบเม้มแทะเล็ม ฝากรอยประทับไว้ทั่วเนินอกอิ่ม ตาคมมองยอดถันที่ชูชัน ลิ้นร้อนลากวนอย่างปลุกเร้าก่อนจะครอบครองเข้าอุ้งปากร้อน ดูดแรงอย่างคนกระหาย ยิ่งเธอแอ่นโค้งเข้าหาเ