Share

บทที่54

last update Last Updated: 2025-06-09 02:05:48

เช้าตรู่วันใหม่มาเยือน ทว่าในจวนของโจวจางเหว่ยกลับไม่ได้เงียบสงบดังเช่นทุกวัน

ยามฟ้ายังไม่สว่างดี เหล่าคนรับใช้และองครักษ์ก็ต้องตื่นตัวเร็วกว่าปกติ หลังเหตุการณ์ลอบโจมตีเมื่อคืนนี้ ทุกคนต่างเพิ่มความระมัดระวังเป็นเท่าตัว ทางเดินบางช่วงจัดให้มีหน่วยตรวจเวรยามคอยจับตาดูตลอดเวลา

เมิ่งฮวาใช้เวลาทั้งคืนกับการถอดรหัส แม้กระทั่งยามพระอาทิตย์ใกล้จะโผล่พ้นขอบฟ้า นางก็ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะ โดยที่รอบข้างเต็มไปด้วยกระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า ตัวอักษรจำนวนมากถูกขีดเขียนไว้อย่างเป็นระเบียบ กระนั้นสติของนางก็ยังคงแจ่มชัด

“เจ้าไม่ยอมนอนเลยหรือ?” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆจากด้านหลัง เมิ่งฮวาหันไปพบกับโจวจางเหว่ยที่เดินเข้ามาใกล้อย่างเงียบเชียบ ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมปนกังวล

“ข้ายังไม่ง่วง” นางบอกพลางฝืนยิ้มน้อยๆ หากแต่สีหน้าอิดโรยเห็นได้ชัด

โจวจางเหว่ยเหลือบตามองกองกระดาษที่เกลื่อนอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะถอนหายใจ “งั้นอย่างน้อย ก็ดื่มน้ำอุ่นนี่สักหน่อยเถอะ” เขาเลื่อนถ้วยน้ำอุ่นที่นำติดมือมาวางตรงหน้านาง

เมิ่งฮวาพยักหน้าเบาๆ ดื่มน้ำแล้วก็รู้สึกคอชุ่มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว

“เมื่อคืนนี้… หลังจากที่คนชุดดำบุกเข้ามา ข้าก็เร่งมือถอดรหัสให้จบ ผลคือข้าพบข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับชื่อ ‘อู่หวัง’ อย่างที่เห็นในรหัสนั่นแหละ” นางใช้นิ้วชี้ไปยังแผ่นกระดาษบางแผ่นที่จัดเรียงไว้เป็นลำดับ

“ในข้อความกล่าวถึง ‘อู่หวัง’ ว่าเป็น ‘สถานที่’ และเป็น ‘โบราณสถาน’ ที่ถูกทิ้งร้างมาช้านาน มีตำนานเล่าว่าที่นั่นเคยเป็นปราสาทโบราณของราชวงศ์ยุคก่อน…” เมิ่งฮวาวางถ้วยน้ำลง เสียงเริ่มเข้มขึ้น

“และบางช่วงยังบอกว่าผู้ที่ถือกุญแจแห่งอู่หวัง คือผู้สืบสายเลือดสำคัญของราชสกุลเก่า ซึ่งคนพวกนั้นกำลังหมายเอาชีวิต หรือพยายามจับตัว อาจเป็นตัวข้าเองก็ได้ เพื่อเปิดเส้นทางบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในอู่หวัง”

ดวงตาของโจวจางเหว่ยวาบขึ้นด้วยความสนใจ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำอย่างใช้ความคิด

“อู่หวัง… ปราสาทโบราณของราชวงศ์ยุคก่อน… หากนี่เป็นเรื่องจริง ก็สมเหตุสมผลว่าทำไมเจ้าถึงกลายเป็นเป้าหมายของกบฏ พวกมันอาจคิดว่าเจ้าคือ ‘กุญแจ’ ที่พวกมันต้องการ”

เมิ่งฮวามองแผ่นกระดาษตรงหน้าอย่างครุ่นคิด

“ข้าก็ยังไม่แน่ใจนักว่าทำไมตัวข้าถึงเกี่ยวพันขนาดนั้น แต่ในรหัสนี้บอกเป็นนัยว่าตระกูลขุนนางใหญ่อีกฝ่ายหนึ่งก็เคยพยายามค้นหาอู่หวังมานานแล้ว เพื่อบางอย่างที่เรียกว่า ‘มรดกบัลลังก์เก่า’”

นางเม้มปาก “ถ้าใครได้มันไป อาจจะรวบรวมอำนาจทางการเมืองได้อย่างมหาศาล กระทั่งสามารถสั่นคลอนจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน”

โจวจางเหว่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงแผ่วต่ำเจือความเป็นห่วง

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีของข้าก็อาจตกอยู่ในอันตรายยิ่งกว่าเดิม เพราะข้าเป็นตัวขวางสำคัญในการรักษาความมั่นคงของราชบัลลังก์ปัจจุบัน พวกกบฏย่อมต้องกำจัดข้าเพื่อเปิดทาง… และแน่นอน รวมถึงใช้เจ้าเป็นกุญแจสู่โบราณสถานนั่น”

เมิ่งฮวาสบตาเขา เธอสัมผัสได้ถึงแรงกดดันขนาดใหญ่ที่ถาโถมเข้ามา ไม่ใช่แค่เรื่องของการถอดรหัสลับแล้ว แต่มันคือชะตากรรมของคนทั้งแคว้น

“เราต้องรีบไปอู่หวังให้ได้ก่อนที่พวกมันจะไปถึง” นางเอ่ยเสียงหนักแน่น “บางทีที่นั่นอาจจะมีหลักฐานหรือความลับบางอย่างเปิดเผยให้เห็นว่ากบฏพวกนั้นวางแผนอะไร… และอาจไขปริศนาเรื่องชาติกำเนิดของข้าด้วย”

โจวจางเหว่ยนิ่งฟัง ก่อนจะพยักหน้าเชื่องช้า

“แต่อย่างไรก็ดี เราต้องรอบคอบ ทางเดียวที่จะไปถึงอู่หวังได้อย่างปลอดภัย อาจต้องใช้ทหารจากทางการหรือพลังของราชสำนักช่วยเป็นกำลังสนับสนุน” เขาเว้นช่วงเล็กน้อย “และคนในราชสำนักเองก็ไว้ใจได้ไม่หมด… ข้าต้องคัดสรรคนที่ภักดีจริงๆเท่านั้น”

เมิ่งฮวาเบือนสายตาไปมองแสงแดดที่เริ่มส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ใจหนึ่งนางก็รู้ว่าการเดินทางไปอู่หวังเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง อีกใจหนึ่งกลับมุ่งมั่นอยากรู้ความจริงเสียจนไม่อาจห้ามตนเองได้

เวลาเดียวกันในลานด้านหน้าเรือน

เสียงกีบม้าดังขึ้นเมื่อกององครักษ์จำนวนหนึ่งขี่ม้าเข้ามาในจวน โจวจางเหว่ยที่ออกมายืนรับรายงานก็พบว่าเป็นกลุ่มองครักษ์ส่วนกลางที่เขาส่งออกไปสืบเบาะแส

“มีข่าวคืบหน้ารึ?” เขาถาม

หัวหน้าหน่วยองครักษ์ก้มโค้งคำนับ “ขอรับนายท่าน พวกเราพบความเคลื่อนไหวของกบฏ กลุ่มมันปิดบังตนอยู่ตามชายขอบเมืองเสียนหยาง เตรียมการเสบียงและอาวุธลับ คาดว่าคงพร้อมลงมือใหญ่ในไม่ช้านี้”

“อืม…” โจวจางเหว่ยกัดริมฝีปาก “แปลว่าพวกมันอาจใกล้จะลงมือในราชสำนักแล้ว คงเร่งหาทางเข้าถึง ‘อู่หวัง’ เพื่อกุมอำนาจเพิ่มเติม”

นั่นยิ่งเร่งให้การเดินทางไปอู่หวังต้องเร็วขึ้นกว่าเดิม

ห้องรับรองภายในจวน

โจวจางเหว่ยเรียกเมิ่งฮวากับขุนนางคนสนิทอีกสองสามคนที่เขาไว้ใจได้มาประชุมลับกัน ท่าทีของทุกคนดูเคร่งเครียด เมื่อเห็นแผนที่โบราณที่กางอยู่บนโต๊ะ

“ตามที่เมิ่งฮวาถอดรหัสได้ คาดว่า ‘อู่หวัง’ อยู่ลึกเข้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเสียนหยาง ตรงเขตชายแดนภูเขาอวิ๋นหลงพอดี” โจวจางเหว่ยใช้ปลายพู่กันชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผนที่ “เป็นพื้นที่ทุรกันดาร ปกติไม่ค่อยมีคนสัญจร ถ้าไม่ได้มีหลักฐานชัดเจน คงไม่มีใครสนใจแน่”

เมิ่งฮวาสบตากับโจวจางเหว่ย ก่อนจะเพิ่มเติม “ตามบันทึกระบุว่า ‘อู่หวัง’ เคยเป็นปราสาทโบราณของราชวงศ์ที่ถูกโค่นไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ขุนนางตระกูลที่ภักดีต่อราชวงศ์เดิมถูกกวาดล้าง จนเหลือเพียงตำนานเล่าขาน… นับแต่นั้นก็ไม่มีใครพูดถึงอีกเลย”

ขุนนางคนสนิทของโจวจางเหว่ยเอ่ยขึ้นบ้าง

“ถ้าเช่นนั้น การเดินทางไปที่นั่นต้องใช้เวลาเกือบสองวันเต็มๆ ขึ้นเขาลาดชัน มีความเสี่ยงหลายอย่าง ทั้งภยันตรายตามธรรมชาติและมือสังหารที่อาจดักรอ…”

โจวจางเหว่ยพยักหน้า สีหน้ามุ่งมั่น

“ข้าตัดสินใจแล้ว จะส่งกองกำลังองครักษ์ที่ไว้ใจได้สักหน่วยหนึ่งเดินทางไปพร้อมข้าและเมิ่งฮวา ส่วนคนอื่นๆ จะกระจายกำลังสืบในเมืองหลวงต่อไป พวกเราต้องเร่งฝีเท้า ให้ถึงอู่หวังก่อนพวกมันจะลงมือชิงตัวเมิ่งฮวาหรือยึดครองที่นั่น”

เมิ่งฮวามองโจวจางเหว่ยด้วยความซาบซึ้งผสมกังวล

“เจ้าจะไปด้วยตัวเองหรือ? นั่นอันตรายเกินไปนะ โจวจางเหว่ย!” นางร้องเบาๆ อย่างลืมตัว

ชายหนุ่มหันมาสบตาเธอด้วยดวงตาแน่วแน่

“ยิ่งอันตราย ข้ายิ่งต้องเป็นคนไป หากปล่อยให้ใครสักคนดูแลเจ้าแทน ข้าก็คงไม่วางใจ” เขาพูดตรงไปตรงมา ไม่ปกปิดความเป็นห่วงใดๆ

เมิ่งฮวาหน้าแดงวูบ ไม่ได้โต้เถียงต่อ

คืนนั้น…

กระแสข่าวการเดินทางไปอู่หวังของโจวจางเหว่ยและเมิ่งฮวาย่อมไม่อาจเก็บเป็นความลับได้ทั้งหมด ถึงแม้พวกเขาจะพยายามปิดบัง แต่ฝ่ายศัตรูในราชสำนักย่อมมีสายลับแทรกซึมอยู่

ในเงามืดยามค่ำคืน ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันที่ตรอกลับแห่งหนึ่งในเมืองเสียนหยาง

“อัครมหาเสนาบดีวางแผนจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า เป้าหมายคือ ‘อู่หวัง’ แน่นอน” หนึ่งในชายชุดดำรายงาน

ร่างสูงในชุดดำสนิทที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้าแค่นหัวเราะเย็นๆ

“ดูเหมือนคนของเราให้ ‘สัญญาณเตือน’ กับพวกมันไปเมื่อคืน… แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งได้ทัน เจ้าคนดื้อดึงพวกนั้นช่างกล้า!”

ชายผู้นั้นลูบคมดาบที่ห้อยอยู่ข้างเอว

“หากมันอยากตาย ก็ยินดีจะส่งให้ถึงที่… อู่หวังจะเป็นสุสานของพวกมันเอง!”

ใต้ผ้าคลุมสีดำที่ปิดบังครึ่งหน้า มีดวงตาเรืองรองด้วยความเคียดแค้น

“ข้าจะส่งคนไปดักรอที่ทางผ่านเข้าสู่ภูเขาอวิ๋นหลง หากจำเป็นก็ฆ่ามันทิ้งเสียทั้งคู่ อย่าให้เหลือรอดแม้แต่กระดูก!”

เหล่านักฆ่าแห่งกลุ่ม “เสี้ยวจันทรา” ต่างแสดงสีหน้าพยักเพยิดรับคำ พลังมืดแห่งการลอบสังหารเริ่มเคลื่อนไหว

วันรุ่งขึ้น…

รุ่งอรุณยังไม่ทันทาบทาเส้นขอบฟ้าขบวนรถม้าของโจวจางเหว่ยก็เคลื่อนตัวออกจากจวนอย่างเงียบเชียบ ด้านหน้าและหลังมีองครักษ์ม้าจำนวนหนึ่งคุ้มกันแน่นหนา ขณะที่ชาวบ้านทั่วไปยังไม่ตื่นดีหรือไม่ทันสงสัย พวกเขาก็เร่งฝีเท้าตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

บนรถม้าเมิ่งฮวานั่งอยู่กับโจวจางเหว่ย นางยังรู้สึกอ่อนเพลียจากการอดนอนเมื่อคืนก่อน แต่ดวงตากลับแจ่มใส เตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่

“เจ้าพร้อมไหม?” โจวจางเหว่ยถามเสียงนุ่มขณะมองใบหน้าอ่อนล้าของเมิ่งฮวา

“อืม…” นางตอบสั้นๆ แต่แววตามุ่งมั่น “ข้าต้องรู้ให้ได้… ว่าข้าเป็นใคร และทำไมถึงต้องถูกตามไล่ล่าอย่างนี้”

โจวจางเหว่ยเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ย้ำความตั้งใจ “ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร… ข้าจะอยู่ข้างเจ้า”

เมิ่งฮวาเม้มปากเล็กน้อย สัมผัสถึงความอบอุ่นแผ่ซ่านในอก รู้ว่ากำลังพึ่งพิงเขาได้อย่างเต็มใจ

และแล้ว…

ขบวนเดินทางมุ่งหน้าสู่เส้นทางอันเปลี่ยวร้าง ไต่ข้ามเขาเข้าสู่โซนทุรกันดารของภูเขาอวิ๋นหลง ตำนาน “อู่หวัง” ที่ถูกปิดตายมานานกำลังจะถูกเปิดเผย ในขณะเดียวกันกลุ่มกบฏและเงาสายลับก็ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายได้ง่ายๆ

ศึกใหญ่กำลังจะปะทุระหว่างอำนาจมืดของผู้ก่อกบฏ กับขุนนางผู้ภักดีและหญิงสาวผู้ถือกุญแจสู่อดีต ท่ามกลางการเดินทางที่เต็มไปด้วยภัยรอบด้าน…

บททดสอบรออยู่เบื้องหน้า ว่าความกล้าและศรัทธาจะพอไหมที่จะเผชิญความจริงอันโหดร้าย หรือจะมีใครต้องสละชีพก่อนจะได้เห็นคำตอบ…

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่63

    หลังผ่านเหตุการณ์สั่นคลอนชะตาทั้งหลายที่ปราสาทอู่หวัง และผ่านช่วงเวลาพักรักษาตัวอยู่ในจวนใหญ่ของโจวจางเหว่ย ในที่สุดนางก็สามารถฟื้นตัวคืนกำลังได้เกือบเต็มร้อย พลังลี้ลับจากเลือดมังกรในกายไม่ปรากฏอาการร้อนผ่าวอีกแล้ว เธอสัมผัสได้ว่าบัดนี้ตนไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งเช่นเดิมอีกต่อไปในเช้าวันแดดจัดที่มีเมฆลอยเรียงกันประปราย โจวจางเหว่ยได้จัดเตรียมรถม้าอย่างเรียบง่าย พาเมิ่งฮวาออกเดินทางกลับหมู่บ้านซานซี อันเป็นดินแดนเล็กๆที่เธอเคยใช้ชีวิตเรียบง่ายร่วมกับ ท่านลุงลี่คุน และท่านป้าลี่จูเสมอมาเมิ่งฮวามองเห็นทิวเขาคุ้นตาแต่ไกล ยิ่งใกล้ซานซีเท่าไรเธอยิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นึกถึงวันที่ยังใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่ต้องพัวพันกับเลือดมังกรหรือการเมืองใดๆ เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านเธอเห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของโจวจางเหว่ย และสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดมาเหมือนยินดีต้อนรับการกลับมาของเธอเมื่อรถม้าวิ่งเข้าเขตบ้านลุงลี่คุน ท่านป้าลี่จูก็ปราดออกมาต้อนรับทันทีด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความห่วงใย“อาเมิ่ง! เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” ท่านป้าลี่จูรีบเข้ามาจับมือเมิ่งฮวา ตรวจดูกันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับหล

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่62

    เสียงก้องสะท้อนในห้องมังกรใหญ่ยังคงโหมกระพือ เสาหินรอบข้างสั่นไหวราวกับจะถล่มลงทุกเมื่อ อานุภาพมหาศาลจากแกนมังกรแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้อากาศสั่นระริกจนทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกหายใจลำบากเมิ่งฮวายืนอยู่ตรงกลางวงแสงสีทองที่ปะทุจากจุดศูนย์กลางของแท่นบูชา เหงื่อและเลือดไหลอาบบนใบหน้าที่เธอไม่อาจรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อีก ในจิตใจเธอมีเสียงสองกระแสคอยก้องสลับไปมา‘หลอมรวม… เพื่อเป็นผู้ครองพลัง! หรือทำลาย… เพื่อยุติความวุ่นวาย!’เบื้องหน้าเธอคือรูปสลักมังกรที่ดูเหมือนมีชีวิต แผ่นโลหะหนาทึบบนอกรูปสลักเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นแกนมังกรคล้ายลูกแก้วสีทองสะท้อนแสงในมือเมิ่งฮวา อำนาจโบราณจากยุคสมัยราชวงศ์เก่ากำลังตื่นขึ้นพร้อมแรงกดดันอันเกรี้ยวกราดขณะที่คลื่นพลังปกคลุมห้องมังกรอย่างหนักหน่วง เหล่ามือสังหารที่ยังมีสติอยู่ก็ต้องคุกเข่าหรือหมอบกับพื้น องครักษ์ของโจวจางเหว่ยที่ยังยืนก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ บางคนถูกแรงอัดดีดกระเด็นไปยังซอกกำแพงโจวจางเหว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้น มือกำกระบี่ที่สั่นระริก พยายามฝ่าคลื่นพลังเข้ามาหาเมิ่งฮวา“ฮวาเออร์!” เขาเรียกสุดเสียง แต่ถูกแรงอัดบีบจนขยับได้ยากเต็มที

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่61

    แสงสีทองแห่งแกนมังกรที่ซ่อนอยู่ภายในร่างโลหะของมังกรส่องสว่างออกมาจากกลางแท่นบูชาอย่างน่าพิศวง บรรยากาศในห้องใต้ดินอันกว้างใหญ่ชวนให้รู้สึกถึงความเก่าแก่และพลังลี้ลับที่สั่งสมมานับศตวรรษเมิ่งฮวายืนนิ่งหัวใจเต้นระรัวเมื่อตระหนักว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ‘หัวใจ’ของอู่หวังที่แท้จริง ต้นกำเนิดแห่งอำนาจซึ่งเหล่ากบฏกำลังตามหามาโดยตลอดขณะที่เมิ่งฮวากำลังไล่สายตาสำรวจรูปสลักมังกรขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนโลหะพิเศษครอบอยู่เป็นเกล็ด การเต้นของเลือดในร่างกายเธอก็เร่งจังหวะไม่หยุดราวกับสายเลือดตอบสนองต่อบางสิ่งที่เปล่งพลังงานอยู่เบื้องหน้า“ฮวาเออร์…” โจวจางเหว่ยเรียกเธอเสียงเบา มือกำกระบี่ข้างกายแน่น เขามองสถานการณ์ด้วยความระแวดระวังเพราะอาจมีศัตรูโผล่มาได้ทุกเมื่อ “เจ้ารู้สึกไหมว่าพลังนี้กำลังเรียกหาเจ้า?”เมิ่งฮวาพยักหน้าเล็กน้อยสีหน้าสับสนแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ก้าวเข้าใกล้แท่นบูชามากขึ้นทีละนิดโดยมีโจวจางเหว่ยตามมาคุ้มกันไม่ห่างบริเวณโดยรอบแท่นบูชามีร่องรอยภาพสลักเก่าแก่บนกำแพงหินและพื้น บ้างเป็นรูปมนุษย์แต่งกายหรูหรายืนล้อมมังกร บ้างเป็นรูปผู้คนคุกเข่าบูชา

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่60

    การต่อสู้ในโถงมังกรยังคงดุเดือด ดาบกระทบกันเสียงดังสนั่น เสียงเหล็กเสียดสีกันดังไปทั่วทุกมุมโถง บางครั้งสายตาของเมิ่งฮวาก็เหลือบไปเห็นบันไดลับที่เปิดลงไปยังส่วนลึกของปราสาท อาการบาดเจ็บจากการต่อสู้รุนแรงทำให้ความคิดของเธอพร่าเบลอ แต่เธอรู้ดีว่าถ้าไม่รีบตัดสินใจตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้พวกเขาพลาดโอกาสสำคัญไปท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรงนักฆ่าหลายคนเริ่มแยกตัวออกไป โดยมีท่าทางเหมือนจะเริ่มมีกลยุทธ์บางอย่าง การโจมตีของพวกมันแม่นยำและรวดเร็ว หลายครั้งที่เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยต้องใช้กลยุทธ์หลบหลีกและโจมตีสวนกลับ หากพวกเขายังไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ กลุ่มของพวกเขาจะต้องถูกต้อนให้มุมในไม่ช้า“พวกมันกำลังพยายามล่อเราไปที่มุม!” เมิ่งฮวาตะโกนเตือน โจวจางเหว่ยหันไปมองเธอด้วยความเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่มีเวลาพูดอะไร เพราะมือสังหารอีกคนพุ่งมาที่เขา โจวจางเหว่ยต้องหลบการโจมตีและสวนกลับด้วยกระบี่ในมือ“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าหลบหนีไปได้แน่!” เขาตะโกนสั่งองครักษ์ที่ยืนข้างๆ พลางฟันกระบี่ของตนอย่างแม่นยำเสียงของดาบกระทบกันดังตึงตังจนหลายคนสะดุ้ง แต่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงนั้น เมิ่งฮวามองเห็นช่องว่างระห

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่59

    ความเงียบงันที่ปกคลุมอุโมงค์หินถูกแทนที่ด้วยเสียง ครืด… ครืด… ที่ดังสะท้อนก้องจนเสียดหู เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ย ยืนประจันหน้ากับเงาดำขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ตรงส่วนปลายทางเดิน โดยมีองครักษ์อีกสองนายจับอาวุธเตรียมพร้อมในท่าทีตื่นตัวพอแสงคบไฟสาดส่องไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ปรากฏให้เห็นเงาร่างเหมือน “รูปสลักมังกร” ขนาดใหญ่หินแกะสลักที่ลำตัวยาวเลื้อยไปตามผนัง มีส่วนหัวโผล่พ้นขึ้นจากพื้นหินชนิดที่เห็นฟันแหลมคมรางๆ ดวงตาของมันเป็นอัญมณีสีเขียวเข้มสะท้อนแสงไฟพราวระยับ จนดูราวกับมันกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จริงๆเมิ่งฮวารู้สึกถึงเลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่าสิ่งนี้มิใช่เพียงรูปสลักธรรมดา เหมือนมีพลังลี้ลับแผ่ออกมาจากตัวมัน“นายท่าน… นี่มัน… เคลื่อนไหวได้หรือขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งถามเสียงเบาหวิว มือกำกระบี่ไว้จนข้อขาวโจวจางเหว่ยไม่ตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยที่ยังไม่ลดกระบี่ เสียงหินเสียดสีกันดังครืดอีกครั้ง ขณะเดียวกันรูปสลักมังกรก็ขยับคอไปด้านข้างช้าๆก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกพิลึก“รูปสลักนี้มีกลไกด้านใน… หรืออาจเป็นกับดักที่ใช้แรงคนหมุน?” เขาพึมพำ แต่ความสงสัยกลับเร้าใจขึ

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่58

    ท่ามกลางกลิ่นอับชื้นและความเยียบเย็นของห้องหิน ขบวนของเมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยตัดสินใจหยุดพักชั่วคราวเพื่อฟื้นแรงและประเมินสถานการณ์ โดยมีองครักษ์สองนายผลัดกันออกไปยืนเฝ้าที่ปากอุโมงค์เพื่อป้องกันมือสังหารศัตรูที่อาจกลับมาได้ทุกเมื่อเมิ่งฮวานั่งพิงกำแพงที่ขรุขระ หายใจผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านการต่อสู้อันบีบคั้น เหลือบมองสมาชิกในขบวนที่ได้รับบาดเจ็บก็กำลังนั่งพักผ่อนเช่นกัน บางคนก็หลับตาปลดปล่อยความตรึงเครียดโดยมีอาวุธวางข้างตัวไม่ห่าง“ทุกคนเหนื่อยกันมาก…” โจวจางเหว่ยเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเข้มทอแววห่วงใย “แต่เรายังต้องก้าวต่อไป หากพ้นคืนนี้แล้วเดินไปอีกไม่ไกลก็อาจถึงใจกลางอู่หวัง”เมิ่งฮวาพยักหน้ารับ เธอเองก็รับรู้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ลึกลงไปในภูเขานี้ คล้ายกับว่ามันรอให้เธอมาค้นพบมานานแสนนาน“นายท่าน!” องครักษ์คนหนึ่งที่เดินตรวจลึกเข้าไปในอุโมงค์ร้องเรียกเบาๆ สะท้อนเสียงมาไกล ราวกับค้นพบอะไรบางอย่างโจวจางเหว่ยและเมิ่งฮวาลุกขึ้นทันที นำองครักษ์บางส่วนถือคบไฟตามเข้าไปยังโพรงแคบภายในห้องต่อไปในโพรงนั้น… พื้นหินเรียบแต่ผนังสองข้างกลับคดเคี้ยวด้วยลวดลายสลักเป็นรูปคนและสัตว์ในท่าทางแป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status