ทางด้านนอกห้องครัว
“ตาแก่ อาเมิ่งนางทำแค่ปลาย่างแน่หรือทำไมกลิ่นถึงหอมตลบอบอวนไปทั่วบ้านอะไรขนาดนี้” นางเอ่ยถามสามีออกมาอย่างลุกลี้ลุกลน
“ก็จริงน่ะสิ ก็ข้าไปช่วยนางล้างปลา แล้วก็ก่อเตาเองกับมือ จะไม่ใช่ได้อย่างไรกัน” เขาพูดตอบภรรยาพร้อมกับกลืนน้ำลายอังเอื้อก
“ข้าชักจะรอไม่ไหวแล้ว ข้าเข้าไปดูนางสักหน่อยดีกว่า เจ้าว่าดีหรือไม่ หากมีอะไรข้าจะได้ช่วยนางทำด้วย” เอ่ยพูดออกมาพร้อมกับตกลงกับตัวเองในใจ
นางไม่รอให้ตาแก่เอ่ยห้าม หรืออะไรออกมารีบเดินไปยังทางห้องครัวทันที
กลับมาทางด้านเมิ่งฮวา
“อ้าวท่านป้า มีอันใดหรือเจ้าคะ? ” นางกล่าวถามเพราะเห็นท่านป้ามายืนลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงประตูห้องครัว
“ข้าเพียงแค่จะมาดูช่วยเจ้าทำอาหารกลางวันน่ะ เห็นตาแก่บอกว่าจะทำแล้วนำไปให้พวกคนงานก่อสร้างอีกด้วย”
“ใช่เจ้าค่ะ แต่อีกไม่นานก็ใกล้จะเสร็จแล้วนะเจ้าคะ เหลือย่างปลาอีก2ตัว ท่านป้าช่วยนำปลาทั้ง10ตัวนี้ไปให้พวกคนงานได้ไหมเจ้าคะ” เมื่อนางเอ่ยจบท่านป้าก็พยักหน้ารับแล้วเอ่ย
“ได้ได้ เดี๋ยวป้าจะนำปลาพวกนี้ไปให้คนงานเอง เจ้าทำต่อไปเถิด”
หลังจากท่านป้าหิ้วถาดปลาย่างออกไป นางก็หันมาย่างปลาอีก2ตัวต่อ ผ่านไปไม่นานปลาย่างก็เสร็จดีแล้ว ท่านป้าก็กลับมาถึงพอดี เมิ่งฮวาก็รีบยกสำรับอาหารขึ้นโต๊ะเตรียมจะกินข้าวกลางวันกันเลย
“ท่านลุง ท่านป้า ข้าเตรียมข้าวมื้อกลางวันเสร็จแล้วเจ้าค่ะ มากินข้าวกันก่อนเถิด” หลังจากนางพูดจบทั้งสองคนก็รีบเดินไปล้างไม้ล้างมือเพื่อจะมากินข้าวกัน
เมิ่งฮวาที่ล้างมือเสร็จแล้วก็ตักข้าวให้ท่านลุงท่านป้าแล้วก็ตัวเองเสร็ตเรียบร้อยก็นั่งรอ เมื่อทั้งสองเดินมานั่งประจำที่ก็เริ่มลงมือกินข้าวกันอย่างไว เพราะความหิวนั้นไม่เคยปรานีใครจริงๆ
“ท่านลุงท่านป้าลองกินน้ำพริกนี้กันด้วยสิเจ้าคะ” น้ำพริกนี้คือน้ำพริกอ่องที่นางนำออกมาจากมิติแล้วก็ผักต้มต่างๆ อีก1ตะกร้าอีกด้วย กินกับปลาย่างคงจะอร่อยดีแท้
เมื่อทั้งคู่ลองชิมก็ติดใจตักกันไม่หยุด
” อื้ม… อร่อยยิ่งนัก! ข้าไม่เคยรู้จักไม่เคยกินมาก่อนเลย” ท่านลุงเอ่ยออกมาพร้อมกับกินไม่หยุด
“ฝีมือดีๆ ถูกปากข้ายิ่งนัก” ท่านป้าก็เอ่ยชมอีกคน
นางทำแค่ยิ้มตอบรับบางๆ แล้วก็กินข้าวกันต่อจนหมด
เอิ้ก!
หลังจากจบมื้ออาหารทุกคนก็ต่างกินกันอย่างอิ่มหน้ำสำราญ อิ่มไม่อิ่มก็ให้ฟังจากเสียงเรอของท่านลุง ฮ่าๆ
เพี๊ยะ!
“ตาแก่แกนี่มันยังไง กินจนเรอออกมาขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ห๋า!” เสียงท่านป้าตีท่านลุงดังเพี๊ยะ แล้วก็ไม่วายที่บ่นกระปอดกระแปดออกมา
“โอ๊ย! เจ้าจะตีข้าทำไมนังแก่ ก็ฝีมือของอาเมิ่งอร่อยขนาดนี้จะไม่ให้ข้ากินขนาดนี้ได้อย่างไรกัน” ท่านลุงก็เอ่ยเถียงออกมาอย่างอ้อมแอ้ม
“แกนี่มัน!”
“ท่านป้าท่านลุงอย่าเถียงกันเลยเจ้าค่ะ” นางรีบเอ่ยห้ามก่อนที่จะได้ตีกันจริงๆ
“จิ๊! ข้าเห็นแก่อาเมิ่งหรอกนะตาแก่” ท่านป้ารีบเอ่ยออกมาเพราะกลัวเสียหน้า แต่ท่านลุงก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ทำเพียงช่วยนางเก็บถ้วยชาม
ท่านป้ารีบเอ่ยออกมา
“เพ้ย! เจ้าไม่ต้องทำ ไปทำงานของเจ้าเถิด พวกถ้วยชามเดี๋ยวข้าช่วยอาเมิ่งเก็บล้างเอง ไปไป” ท่านป้ารีบกล่าวไล่ท่านลุงให้ไปทำงานของตัวเอง ไม่ต้องมาช่วยพวกนางเก็บถ้วยชามข้าว
“โอ้ได้ได้ เช่นนั้นเดี๋ยวข้าไปเก็บฟืนเพิ่มอีกสักหน่อยก็แล้วกัน” ท่านลุงเอ่ยบอกออกมา
“ไปเถอะๆ ” ท่านป้ารีบเอ่ย
หลังจากที่ท่านลุงเดินออกจากบ้านไปแล้ว ท่านป้าก็หันมาช่วยนางเก็บถ้วยชามเตรียมจะไปล้าง แต่ท่านป้าก็เอ่ยมาเสียก่อน
“อาเมิ่ง เจ้าก็ไปพักผ่อนเสียบ้าง ตรงนี้เดี๋ยวป้าจะล้างเอง” เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็ไม่ได้เอ่ยจัดอะไรท่านป้าออกมา เข้าห้องล็อกประตูเพื่อจะเข้ามิติไปนอนพักทันทีเพราะอากาศตอนนี้ช่างร้อนอบอ้าวเสียจริง เข้ามิติไปนอนเปิดเครื่องปรับอากาศนอนให้เย็นฉ่ำยังดีเสียกว่า
เสี่ยวเปาอดไม่ได้ที่จะค่อนแคะออกมา
[นี่นายท่าน ท่านติดสบายเสียจริงเชียว] เมิ่งฮวาที่อ้าปากเตรียมจะเถียงก็หาวหวอดๆ ออกมาเสียก่อน ก่อนจะเอ่ยออกมา
“หาว! ข้าไม่เถียงกับเจ้าหรอก ข้านอนดีกว่า เชอะ”
คล้อยหลังจากพูดไม่นานนางก็ผล็อยนอนหลับไปอย่างสบายใจ เสี่ยวเปาก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมาเพื่อเป็นการรบกวนการนอนของนาง…
…
ผ่านไปประมาณ1ชั่วยาม เมิ่งฮวาที่ผล็อยหลับไปก็เริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบิดขี้เกียจ
“อื้อ! เสี่ยวเปา ข้านอนไปนานหรือไม่เนี่ย” เมื่อบิดขี้เกียจเสร็จก็เอ่ยถามกับเสี่ยวเปาทันที
[ประมาณ1ชั่วยามได้กระมัง ตื่นแล้วก็ลุกไปล้างหน้าล้างตาเสียสิ มานอนบิดขี้เกียจไปๆ มาๆ อยู่ได้] เมื่อได้ยินเสียงบ่นของเสี่ยวเปา เมิ่งฮวาก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้ายู่
“เจ้านี่ขี้บ่นเสียจริง” นางบ่นอย่างอ้อมแอ้ม แต่ก็ไม่สามารถเล็ดลอดของระบบอย่างเสี่ยวเปาไปได้หรอก
หลังจากที่นั่งเกวียนวัวมาประมาณ1ชั่วยาม ก็ถึงตลาดใหญ่ภายในตัวเมืองเสียนหยาง เมื่อกวียนวัวจอดสนิทเมิ่งฮวาก็รีบเดินลงจากเกวียนทันทีเมื่อลงจากเกวียนวัว คนบังคับเกวียนก็รีบเอ่ยเวลาว่าให้มาก่อนยามเซิน (15:00-16:59 น.) เพราะถ้าหากมาช้ากว่านั้นจะไม่มีการรอ เมื่อกวาดตากลับมามองทางด้านตลาดนางก็ต้องมายืนงงว่าควรจะไปทางไหนก่อนดี เพราะเนื่องจากตลาดที่นางกวาดสายตามองนั้นเป็นตลาดที่ใหญ่ยิ่งนัก… เมื่อไม่รู้จะเดินไปทางไหนนางก็เลยลองเดินตามกลุ่มชาวบ้านเดินกันพร้อมกับกวาดสายตามองสองข้างทางไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้มาเดินตลาดของยุคนี้เลยก็ว่าได้“คุณหนูสนใจเครื่องประดับหรือไม่เจ้าคะ ร้านข้ามีเครื่องประดับใหม่ๆ เข้ามาเยอะมาก ลองเข้ามาดูก่อนก็ได้นะเจ้าคะ” แม่ค้าร้านเครื่องประดับเอ่ยชักชวนนาง นางก็เลยลองเดินเข้าไปดูแต่เมื่อเห็นแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะในมิติของนางต่อให้จะเป็นระดัยที่เรียกว่าแย่ที่สุดก็ยังถือว่าดีกว่าของคนยุคนี้อยู่มากโข แต่ไหนๆ ก็เดินเข้ามาดูแล้วนางก็ลองกวาดสายตามองหาอันที่ถูกใจที่สุด จนไปสะดุดตากับกำไรข้อมืออันหนึ่ง… นางเลยหยิบขึ้นมาเพื่อที่จะจ่ายเงิน“คุณหนูต
“เจ้าคิดว่าบ่นเสียงเบาแล้วข้าจะไม่ได้ยินหรืออย่างไร” เสี่ยวเปาพูดถามกับเมิ่งฮวา“แหะๆ ข้าเปล่าพูดอะไรสักหน่อย” นางกล่าวออกมาอย่างแก้เก้อ“หึ!”“ข้าว่าข้าออกจากมิติแล้วดีกว่า~” พูดจบนางก็ออกจากมิติ ทำเป็นลืมเรื่องที่คุยกัน3 เดือนผ่านไป…ตอนนี้บ้านของเมิ่งฮวาก็เสร็จสิ้นลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวที่จะต้องย้ายเข้าบ้านใหม่ของนางได้แล้ว แต่ด้วยความที่นางอาศัยอยู่กับท่านลุงท่านป้ามานานเลยทำให้นางแสดงอาการอาลัยอาวรณ์ออกมาเล็กน้อย“ท่านลุงท่านป้า พวกท่านจะไม่ย้ายไปอยู่กับข้าจริงหรือเจ้าคะ” นางกล่าวถามออกมาด้วยใบหน้าเศร้าๆ“อาเมิ่ง ลุงกับป้าอยู่บ้านหลังนี้มานานแล้ว ถึงตอนนี้ก็ไม่อยากจากบ้านหลังนี้ไปไหน” ท่านลุงเอ่ยออกมากับนาง“จริงของตาแก่ บ้านหลังนี้สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเราตั้งมากมายจะให้ตัดใจไปอยู่ที่อื่น ป้าก็คงจะทำไม่ได้เช่นเดียวกัน”“แต่ว่า…”ยังไม่ทันที่นางจะได้กล่าวพูดอะไรออกมาอีกท่านป้าก็รีบเอ่ยขึ้นมาก่อน“อาเมิ่ง หากเจ้าคิดถึงก็แค่มาหาพวกข้า บ้านของเจ้าก็ไม่ได้ไกลจากบ้านนี้เท่าใดนักเจ้าก็เห็น” เมื่อได้ฟังคำที่ท่านป้ากล่าวก็คิดตาม“ก็จริงอย่างที่ท่านป้ากล่าวมาเจ้าค่ะ แต่ว
ทางด้านนอกห้องครัว“ตาแก่ อาเมิ่งนางทำแค่ปลาย่างแน่หรือทำไมกลิ่นถึงหอมตลบอบอวนไปทั่วบ้านอะไรขนาดนี้” นางเอ่ยถามสามีออกมาอย่างลุกลี้ลุกลน“ก็จริงน่ะสิ ก็ข้าไปช่วยนางล้างปลา แล้วก็ก่อเตาเองกับมือ จะไม่ใช่ได้อย่างไรกัน” เขาพูดตอบภรรยาพร้อมกับกลืนน้ำลายอังเอื้อก“ข้าชักจะรอไม่ไหวแล้ว ข้าเข้าไปดูนางสักหน่อยดีกว่า เจ้าว่าดีหรือไม่ หากมีอะไรข้าจะได้ช่วยนางทำด้วย” เอ่ยพูดออกมาพร้อมกับตกลงกับตัวเองในใจนางไม่รอให้ตาแก่เอ่ยห้าม หรืออะไรออกมารีบเดินไปยังทางห้องครัวทันทีกลับมาทางด้านเมิ่งฮวา“อ้าวท่านป้า มีอันใดหรือเจ้าคะ? ” นางกล่าวถามเพราะเห็นท่านป้ามายืนลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงประตูห้องครัว“ข้าเพียงแค่จะมาดูช่วยเจ้าทำอาหารกลางวันน่ะ เห็นตาแก่บอกว่าจะทำแล้วนำไปให้พวกคนงานก่อสร้างอีกด้วย”“ใช่เจ้าค่ะ แต่อีกไม่นานก็ใกล้จะเสร็จแล้วนะเจ้าคะ เหลือย่างปลาอีก2ตัว ท่านป้าช่วยนำปลาทั้ง10ตัวนี้ไปให้พวกคนงานได้ไหมเจ้าคะ” เมื่อนางเอ่ยจบท่านป้าก็พยักหน้ารับแล้วเอ่ย“ได้ได้ เดี๋ยวป้าจะนำปลาพวกนี้ไปให้คนงานเอง เจ้าทำต่อไปเถิด”หลังจากท่านป้าหิ้วถาดปลาย่างออกไป นางก็หันมาย่างปลาอีก2ตัวต่อ ผ่านไปไม่นานปลาย่างก็เสร็จ
หลังจากที่ผ่านมา 1เค่อ [15 นาที] เมิ่งฮวาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความสลดใจเพราะตอนนี้นางยังไม่สามารถตกปลาได้เลยสักตัว ต่างจากตอนแรกที่นางมาพร้อมกับความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม …นั่งรอไปรอมานางก็คิดได้ว่าภายในมิติของนางนั้นมีน้ำวารีสวรรค์ นางจะลองนำมาหยดดูสักหน่อยมันจะเป็นเหมือนอย่างที่นางเคยอ่านนิยายเจอมาหรือไม่…พอหยดน้ำวารีสวรรค์ไปไม่ถึงหนึ่งลมหายใจปลาก็พากันแหวกว่ายมาก็ตรงจุดที่นางหนดน้ำลงไป แม้คราแรกที่เห็นเมิ่งฮวาจะตกใจมากแต่นางก็ไม่รอช้ารีบนำกระป๋องช้อนปลาที่ว่ายกันอยู่ขึ้นมาทันที ภายในกระป๋องที่นางช้อนปลาขึ้นมาก็มีถึง13-14ตัวเห็นจะได้ เมื่อเห็นเช่นนั้นนางก็อดที่จะยิ่มกว้างออกมาด้วยความดีใจไม่ได้“หึหึ เจ้าปลา คิดว่าข้าไม่สามารถตกพวกเจ้าได้หรืออย่างไรกัน วันนี้ข้าจะจับพวกเจ้ามาย่างกินให้มีความสุขเลย”เมิ่งฮวานางไม่รอช้าก็รีบเร่งฝีเท้าเท้าออกจากภายในป่าทันทีชาวบ้านบางคนที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ชายป่าด้านนอก เมื่อเห็นว่าเป็นหญิงสาวที่ดูร่ำรวยที่มาซื้อที่อยู่ด้านภูเขากำลังหอบหิ้วกระป๋องที่ปลาอยู่ภายในนั้นก็พากันมองด้วยความอิจฉา ส่วนบางคนที่โลภมากก็พูดแขวะขึ้นมาทันทีว่า“แหม หญิงแปลกหน้าที่เพิ่
รุ่งเช้าวันถัดมา…เมิ่งฮวาตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่หลังจากที่ใช้เวลานอนไปถึง10ชั่วโมง วันนี้นางคิดว่าจะทำอาหารเมนูง่ายๆ นั่นก็คือนำโจ๊กจากในมิติออกมาอุ่น แล้วก็นำซาลาไส้หมูสับออกมานึ่ง แต่กระนั้นกลิ่นอาหารก็ยังส่งกลิ่นหอมฟุ้งลอยตามลมไปทั่วบ้าน ส่งผลทำให้คนที่นอนหลับไหลอยู่ในห้องนอนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา“วันนี้เจ้าทำอะไรแต่เช้าหรืออาเมิ่ง ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบ้าน ปลุกยายแก่เช่นข้าให้ลุกจากที่นอนมาเสียได้” ท่านป้าที่ลุกล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว ก็รีบเดินเข้ามาภายในครัวเพื่อถามไถ่เมิ่งฮวา“วันนี้ข้าทำโจ๊กหมูสับธรรมดา กับซาลาเปาไส้เนื้อเจ้าค่ะท่านป้า” เมิ่งฮวากล่าวตอบ“แล้วนี่ตาแก่ไปไหนเสียเล่า ตื่นขึ้นมาข้าก็ไม่เจอเสียแล้ว”“ข้าเห็นท่านลุงไปหาบน้ำมาเติมตั้งแต่ยามเหม่า (05:00-06:59 น.) แล้วเจ้าค่ะท่านป้า ป่านนี้คงใกล้เสร็จแล้วกระมัง” นางกล่าวบอกท่านป้า เพราะตอนที่นางออกมาจากห้องก็เห็นท่านลุงเหมือนกำลังจะออกไปไหนแต่เช้ามืด นางเลยเอ่ยถาม แล้วได้คำตอบว่ากำลังจะไปหาบน้ำมาเติมใส่โอ่ง“ข้านี่แย่จริงๆ เผลอนอนยาว จนพวกเจ้าลุกขึ้นมาทำงานเสียจนเสร็จหมดแล้ว”“ท่านป้าท่านอย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ งานแค่นี้ข้าทำ
เมื่อเห็นท่านลุงเข็นรถเข็นออกไปจนลับสายตาแล้ว ท่านป้าก็รีบก้มเก็บตะหลิวที่ตกพื้นแล้วกลับเข้าครัวเพื่อไปทำอาหาร เนื่องจากวันไหนที่ท่านป้าเห็นเมิ่งฮวายุ่งๆ นางก็จะเป็นคนอาสาทำอาหารแทนนางเองยามโหย่ว (17:00-18:59 น.) เมิ่งฮวาที่นั่งปักผ้ากับท่านป้ารอท่านลุงอยู่ในห้องโถง เมื่อได้ยินเสียงประตูท่านป้าก็รีบกระวีกระวาดวางผ้าที่ปักอยู่ลงข้างตัวแล้วลุกขึ้นเดินไปหาท่านลุง จนเมิ่งฮวาอดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้“ท่านป้าทำใจเย็นๆ ก่อนเถิดเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินเมิ่งฮวาพูดท่านป้าก็พยายามยืนสงบสติอารมณ์รอท่านลุงแต่เมื่อเห็นหน้าท่านลุง ท่านป้าก็รีบเอ่ยถาม เหมือนลืมว่าเมื่อครู่ตัวเองพยายามทำใจให้เย็นอยู่ เมิ่งฮวาที่เห็นเช่นนั้นก็อดจะส่ายหัวออกมาอย่างยิ้มๆ ไม่ได้“เป็นอย่างไรบ้างตาแก่ ขายมาได้กี่ตำลึงหรือ”“เจ้าเบาเสียงลงหน่อยเถิดยายแก่ มาๆ มานั่งคุยกันในห้องโถดเถิด” ท่านลุงเอ่ยปราม พร้อมกับเดินนำเข้าไปยังห้องโถงเมื่อเดินมาถึงห้องโถงท่านลุงก็รีบนำถุงเงินออกมาจากอก แล้วเทนำลึงเงินออกมาต่อหน้าทุกคน“นะ… นี่ มากถึงเพียงนี้” เมื่อเห็นกองตำลึงเงินตรงหน้ายายแก่อย่างนางก็แทบจะหัวใจวายตายเสียให้ได้ ตั้งแต่เกิดมานาง