ภาพคู่ของปราณต์กับพินทุสรท่ามกลางบรรยากาศอันแสนสวยงามของดอยอ่างขาง ที่ถูกโพสต์รูปแล้วรูปเล่าในตอนเช้าของวันจันทร์ ยิ่งทำให้คนที่อยู่ในฐานะเมียเก็บอย่างนัสรินต้องเจ็บปวด จนต้องรีบปิดหน้าจอจากหน้าต่างนั้น แล้วรวบรวมสมาธิทำงาน หากกระนั้นชั่วขณะหนึ่งสมองก็ยังแวบคิดไปถึงตอนที่ปราณต์มาส่งพินทุสรในช่วงเย็นของเมื่อวาน ทั้งคู่ล่ำลากันอย่างอาลัยอาวรณ์คล้ายไม่อยากจาก จนยากที่คนมองอย่างเธอจะทนเห็นได้
นัสรินพยายามจะไม่คิดถึงเรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับปราณต์อีก โชคยังดีที่วันนี้เธอต้องออกไปพบลูกค้าในช่วงสายๆ กลับมาอีกทีก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว ทำให้เวลาของวันนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว
มือบางเอื้อมไปหยิบเอาโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าสะพาย เพื่อเตรียมตัวกลับอพาร์ตเมนต์ แต่ยังไม่ทันจะลุกไปไหน ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ และคนที่ก้าวเข้ามาก็คือคนที่นัสรินไม่อยากจะเจอหน้ามากที่สุดในเวลานี้
“คุณปราณต์!” เสียงหวานอุทานชื่อนั้นออกมาและจ้องมองเขาด้วยสายตาเคืองขุ่นแกมระวังตัว
“ดีใจมากขนาดนั้นเลยเหรอที่เจอผม” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างจงใจยวนอารมณ์ และไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกรู้สมใดๆ กับสายตาของเธอเลยแม้แต่นิด
“สีหน้าของนัสมันบอกแบบนั้นเหรอคะ”
“ไม่รู้สิ แต่ละคนมีวิธีแสดงความดีใจที่ไม่เหมือนกัน” ปราณต์ตอบพลางเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปหา ทำให้นัสรินกระชับกระเป๋าสะพายเข้าหาตัวอย่างระแวดระวัง
“คุณมาที่นี่ทำไม”
“ก็คงตอบว่ามาหาเมีย”
“นัสไม่ใช่...”
“ถึงจะเป็นแค่เมียเก็บ แต่ผมก็ถือว่าเป็นเมียคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกันหน่อย เดี๋ยวจะน้อยใจหาว่าผมลำเอียง” นายแพทย์หนุ่มชิงพูดขึ้นก่อนที่นัสรินจะพูดจบประโยค แถมคำพูดของเขายังเหมือนรู้ว่าลึกๆ เธอรู้สึกอย่างไร แต่ไม่มีทางที่นัสรินจะยอมรับให้คนมักมากอย่างเขาได้ใจแน่ๆ
“ถ้าแค่มาหาก็กลับไปได้แล้วค่ะ นัสยังอยู่ครบสามสิบสองไม่มีส่วนใดบุบสลาย” นัสรินเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับตวัดตามองคนร้ายกาจ
“ผมคงไม่บ้าขับรถมาตั้งหลายกิโล เพื่อจะแค่ดูว่าคุณครบสามสิบสองแล้วกลับไปเฉยๆ ละมั้ง”
“แล้วคุณต้องการอะไรคะ มีธุระอะไรกับนัส”
“ผมต้องการคุณ”
คำตอบของปราณต์ทำให้นัสรินยิ่งขุ่นเคืองมากกว่าเดิม เพิ่งจะไปกับผู้หญิงอีกคนมาหยกๆ ก็จะมาเรียกร้องกับผู้หญิงอีกคน
“แต่นัสไม่พร้อม”
“ผมสามารถทำให้คุณพร้อมได้ก็แล้วกัน”
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกยุ่งกับนัสเสียทีคะ” เธอเผลอสะบัดเสียงอย่างอัดอั้นในอก ทำไมปราณต์ถึงได้ร้ายกาจกับเธอนัก แล้วไหนจะพินทุสรกับหมอเมธาวีอีก เขาไม่สงสารผู้หญิงทั้งสองคนนั้นเลยหรือไง
“ถ้าอยากให้ผมเลิกยุ่งก็ทำให้ผมเบื่อไวๆ สิ”
“นัสต้องทำยังไงคุณถึงจะเบื่อ”
“ก็ให้ผมบ่อยๆ สิ เดี๋ยวผมก็เบื่อเองนั่นแหละ” ปราณต์ตอบกลับมาเหมือนเป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่าย หากทว่ามันไม่ใช่สำหรับนัสรินเลย ยิ่งสถานการณ์เป็นแบบนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองถูกบีบ
“คุณจะใช้เวลานานแค่ไหนคะ” นัสรินกัดฟันถามทั้งๆ ที่ไม่ได้เต็มใจสักนิด
“คืนนี้...ทั้งคืน...”
“ไม่ได้ค่ะ! นัสต้องกลับไปหาออย”
“เพื่อนคุณไม่ใช่เด็กที่จะอยู่คนเดียวไม่ได้”
“แล้วคุณจะให้นัสบอกออยว่ายังไง จู่ๆ ก็หายไปทั้งคืนโดยไม่มีเหตุผลอย่างนั้นเหรอคะ”
“เหตุผลน่ะมี ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะกล้าพูดความจริงหรือเปล่า” ปราณต์บอกเสียงเรียบขรึมพร้อมกับที่ตาสีสนิมเหล็กจดจ้องมองมายังเธอเหมือนจะตอกย้ำว่า ที่ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ก็เพราะเธอเคยทำความผิดไว้กับเขา
“คุณก็รู้ว่านัสพูดไม่ได้” นัสรินหลุบตาลงอย่างคนจนหนทาง เมื่อปราณต์โยนความหนักใจมาให้เธออีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกคุณออยไปว่า คุณต้องบินไปเชียงรายจะกลับมาพรุ่งนี้ค่ำๆ”
“นี่คุณจะให้นัสโกหกเพื่อนเหรอคะ” ตาคู่สวยมองเขาอย่างผิดหวังที่เขาบอกให้เธอโกหกเพื่อนเพื่อไปกับเขา
“หรือว่าคุณไม่เคยพูดโกหกสักครั้งล่ะนัสริน” ปราณต์ย้อนถามและตอกย้ำถึงความผิดของเธอไปในตัว
“อย่างน้อยนัสก็ไม่เคยโกหกยัยออย” เสียงหวานพูดออกมาอย่างไม่เต็มเสียงนัก
“แน่ใจเหรอว่าไม่เคยโกหก” ปราณต์เชยคางของเธอขึ้น และก้มลงจ้องตาเหมือนกับไม่เชื่อว่าเธอไม่เคยโกหกพินทุสร
นัสรินอยากจะโต้ออกไปด้วยเสียงหนักแน่นว่า...ไม่เคย แต่ก็รู้ดีแก่ใจว่าเมื่อไม่นานมานี้ตัวเองเพิ่งจะโกหกพินทุสร เรื่องที่บอกว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับปราณต์แล้ว
“ไม่ไปทั้งคืนไม่ได้เหรอคะ นัสไม่อยากโกหกออย” เมื่อจนหนทางนัสรินก็เริ่มเจรจาต่อรอง ทั้งที่ไม่หวังว่าปราณต์จะเห็นใจ
“อย่าเรื่องมากกับผมสินัสริน อย่าลืมว่าผมมีคลิป” ปราณต์พูดเสียงเรียบๆ แต่เต็มไปด้วยชั้นเชิงของคนที่ถือไพ่เหนือกว่าอยู่หลายใบ
“คุณก็ดีแต่ขู่นัส” นัสรินได้แต่ตัดพ้อ
“ผมไม่ได้ขู่ จะไม่โทร.ก็ได้นะ แต่คุณต้องปิดโทรศัพท์ ถ้าเพื่อนคุณติดต่อคุณไม่ได้ในยี่สิบสี่ชั่วโมงก็คงไปแจ้งความคนหายเองนะแหละ”
นัสรินตวัดตามองคนเลือดเย็นและเจ้าแผนการอย่างต่อว่าอีกครั้ง หากสุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตามที่เขาต้องการ
เธอโทร.หาพินทุสร บอกว่าตนต้องไปทำงานที่เชียงราย พรุ่งนี้จะกลับช่วงเย็นๆ ซึ่งโชคดีที่พินทุสรไม่ได้ซักไซ้อะไรมาก และเข้าใจว่างานของเธอต้องมีการเดินทางไปไหนมาไหนบ้างเป็นบางครั้งคราว
มือเล็กถูกจูงพาออกไปขึ้นรถแลนด์โรเวอร์สีขาวที่จอดอยู่หน้าออฟฟิศ ท่ามกลางสายตาของแม่บ้านและรปภ.ที่มองตามทั้งคู่และยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะเข้าใจว่านายแพทย์หนุ่มมาจีบเจ้านายสาวของตัวเอง และตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คงคืบหน้าไปมากแล้ว ไม่อย่างนั้นปราณต์คงไม่มาที่นี่บ่อยแบบนี้
บทที่ 58นัสรินเข้าไปนั่งในรถคันนั้นเงียบๆ เช่นเดียวกับคนขับที่ก้าวตามขึ้นมาแล้วออกรถไปโดยไม่ได้พูดจาพาทีอะไรกับเธออีก นัสรินหันไปมองหน้าเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองข้างทางอย่างยอมจำนนต่อโชคชะตาที่กำลังเล่นตลกอยู่กับตัวเอง ขณะที่รถเริ่มแล่นออกไป ร่างบางนั่งจมปลักอยู่กับความคิดของตัวเอง จนกระทั่งเห็นว่าตอนนี้รถของปราณต์ไม่ได้แล่นไปยังบ้านของเขา แต่กำลังแล่นออกนอกเมือง ไปตามถนนที่เธอไม่คุ้นเคยเลยสักนิด ถึงแม้เธอจะเคยอยู่ที่นี่มาก่อนก็จริง แต่ไม่เคยย่างกรายออกไปไหนนอกพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว “คุณจะพานัสไปไหนคะ” นัสรินหันขวับไปถามอย่างอดไม่ได้ “พาไปฆ่าทิ้งหมกป่ามั้ง” ปราณต์ตอบแค่นั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อ ซึ่งนัสรินก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก หากเขาอยากฆ่าเธอจริงๆ เธอก็ไม่คิดจะอุทธรณ์ใดๆ ดีซะอีกจะได้หนีปัญหารักหลายเส้าของเขา จะห่วงก็แต่พ่อแม่ที่มีตนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ถ้าเธอเป็นอะไรไปพ่อกับแม่คงจะเสียใจมาก รถยนต์สมรรถนะสูงสมราคายังคงแล่นไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงทางเข้าไร่ที่มีป้ายขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า ‘ไร่เดชาธร’ ปรา
บทที่ 59“นึกยังไงถึงจะมาค้างที่นี่ แถมมาแบบไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้าอีกต่างหาก” ศาสตราถามพลางเดินนำไปนั่งลงที่โซฟาราคาแพงซึ่งสั่งตรงมาจากต่างประเทศ“พอดีได้ข่าวว่าแม่แกไปปฏิบัติธรรมกับแม่ฉัน ฉันก็เลยต้องมาวันนี้”“แล้วถ้าแม่ฉันอยู่มันเป็นยังไง กลัวอะไรนักหนา หรือกลัวแม่เลี้ยงแสงหล้าจะเอาข่าวที่แกกลับไปคืนดีกับเมียเก่าไปฟ้องแม่แกหรือไง” “ไม่ได้กลัว แค่ไม่อยากหูชา” ปราณต์ปฏิเสธและเกลียดสายตารู้ทันของศาสตรายิ่งนัก ไม่ว่าเขาจะพยายามปกปิดไว้เท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าศาสตราจะอ่านเกมได้ทะลุปรุโปร่งไปเสียหมด“แล้วตกลงคืนดีกันแล้วเหรอ”“ก็ไม่เชิง...” ปราณต์ปฏิเสธสั้นๆ“แล้วที่ทำอยู่ตอนนี้คืออะไร ทำไปทำไม”“ไม่รู้สิ คงเหมือนที่แกทำกับเมียแกละมั้ง ไม่รักเขาก็ยังบังคับให้เขาแต่งงานด้วย เอ๊ะ! หรือว่ารักแต่แกล้งฟอร์ม” ปราณต์ดักคอคืนให้บ้าง เพราะรู้ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังของการแต่งงานระหว่างศาสตรากับภรรยาดี“สู่รู้! เดี๋ยวฟาดปากหมอปากหมาซักหมัดดีมั้ย”“รู้ทันก็ทำเป็นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง” ปราณต์หัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่ตัวเองสามารถตอบโต้ศาสตราให้โกรธได้บ้าง เขาไม่ชอบการถูกใครต้อน และรู้ดีว่าศาสตราเองก็ไม่ช
บทที่ 60 เสียงขิมบรรเลงในท่วงทำนองเพลงไทยเดิมชวนสบายหูที่ดังขึ้นในเวลาเกือบสามทุ่มนั้น ช่างแสนไพเราะเพราะพริ้ง จนนัสรินนึกอยากรู้ว่าคนที่กำลังเล่นเครื่องดนตรีชนิดนั้นคือใคร ร่างบางในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงวอร์มเนื้อนุ่ม ก้าวออกจากห้องราวกับต้องมนตร์สะกด โดยไม่มีใครเหนี่ยวรั้งเอาไว้ เพราะตอนนี้ปราณต์ยังอาบน้ำอยู่ นัสรินมาหยุดอยู่ที่มุมห้องห้องหนึ่ง ซึ่งมุมนั้นสามารถมองเห็นคนบรรเลงขิมได้อย่างถนัดตา ทันทีที่มองเห็นหญิงสาวผู้นั้นเธอก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ เพราะนอกจากธรินดาแล้ว นัสรินก็ไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหนที่ดูเรียบร้อยสวยหวานและสง่าสมเป็นผู้หญิงไทยแท้ได้เท่านี้อีกแล้ว เธอผู้นั้นใส่ชุดแบบคนพื้นเมือง นั่งพับเพียบเรียบร้อยทว่าดูสง่างาม หน้าตาสะสวยคมคาย ผมดำขลับมวยเป็นทรงสูงแล้วปักด้วยปิ่น ดูงดงามสะกดสายตาคนมองราวกับภาพวาดของนางในวรรณคดีก็ไม่ปาน หรือว่านี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่ปราณต์พาเธอมาที่นี่ ผู้หญิงตรงหน้าสวยงามเกินกว่าที่ผู้ชายคนไหนจะมองข้ามไปได้ง่ายๆ เขาต้องการให้เธอมาเห็นว่าเขายังมีผู้หญิงที่เพียบพร้อมรออยู่อีกคนอย่างนั้นหรือ และไม่แน่
บทที่ 61“แล้วไม่เหมือนยังไงล่ะ”“ก็เท่าที่นัสดู นัสรู้สึกว่าคุณศาสตรารักคุณภัคธีมา และคุณภัคธีมาเองก็แอบมีใจให้คุณศาสตราเหมือนกันค่ะ” นัสรินพูดออกไปตามสิ่งที่ตัวเองเห็นและได้ยิน“เที่ยวรู้ใจคนอื่นไปทั่ว แล้วรู้ใจตัวเองบ้างไหม”“ทำไมจะไม่รู้คะ รู้มาตั้งนานแล้วด้วย”เมื่อถูกยั่วถูกแหย่นัสรินก็หลุดคำพูดนั้นออกมาอย่างลืมตัวอีกครา“รู้ว่ายังไง”“นัสไม่จำเป็นต้องบอกคุณค่ะ”“เห็นปรัชญ์บอกว่าที่คุณยอมร่วมมือกับปรัชญ์วางแผนให้ผมแต่งงานด้วย ก็เพราะคุณรักผม” คราวนี้ปราณต์พูดแบบไม่คิดจะไล่ต้อนไปต้อนมาเหมือนเดิม แต่ถามออกมาตรงๆ แทน“ไม่ใช่เสียหน่อยค่ะ ที่นัสยอมร่วมมือกับพี่ปรัชญ์ก็เพราะเห็นแก่เงิน เห็นแก่พ่อแม่ และอยากล้างหนี้ให้ครอบครัวต่างหาก” นัสรินพูดประชด เขาจะมาถามหาความรักอะไรในตอนนี้ มันไม่มีความหมายใดๆ หรอก ในเมื่อเขามีคนที่เลือกแล้ว“งั้นก็แสดงว่าปรัชญ์โกหกผมสินะ” ปราณต์ทำเสียงเยาะๆ“ไม่ใช่ความผิดของพี่ปรัชญ์หรอกค่ะ พี่ปรัชญ์เข้าใจไปเอง นัสไม่เคยพูดแบบนั้น”“ฮึ...ผมก็หลงดีใจอยู่ตั้งนาน แต่ก็ดี...ระหว่างผมกับคุณจะได้มีแต่การชำระหนี้ ไม่ต้องมีความรู้สึกอย่างอื่นมาแทรกให้ต้องคิดมากอะไร”อ้
บทที่ 62แสงอรุณของวันใหม่ทาทาบขอบฟ้าในตอนรุ่งสาง ความหนาวเย็นของบรรยากาศอันแท้จริงพร่างพรมมากระทบผิวกายของร่างบางที่สอดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับเจ้าของร่างเปลือยเปล่ากำยำ ทำให้นัสรินเผลอขยับตัวเข้าหาไออุ่นที่อยู่ใกล้แสนใกล้นั้นอย่างเป็นอัตโนมัติทันที ความอบอุ่นนั้นช่างลึกซึ้งและละมุนละไมชวนให้อยากหลับใหลต่อไปอีกนานแสนนาน จนแทบไม่อยากตื่นมารับรู้ความจริงใดๆ ระหว่างเขาและเธอ หากสุดท้ายนัสรินก็ตื่น เมื่อตระหนักได้ว่าที่ตนต้องมานอนอยู่บนเตียงเดียวกับปราณต์อยู่ตอนนี้นั้นเป็นเพราะอะไรตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาคมคร้ามของคนที่เป็นเจ้าของหัวใจและร่างกายตัวเองมาตลอดตั้งแต่ได้พบเขาครั้งแรก ด้วยสายตาของคนที่เจียมเนื้อเจียมตัว รู้ดีว่าตัวเองมีค่ามีความหมายต่อปราณต์น้อยแค่ไหน เขาไม่เคยรักเธอ ไม่เคยสงสาร มีแต่รังเกียจและอยากแก้แค้นเท่านั้น หากเป็นไปได้เธออยากให้เวลาหยุดอยู่แค่ตรงนี้ เธอจะได้มีสิทธิ์มอง มีสิทธิ์ครอบครองเขาอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องตระหนักถึงความจริงใดๆ อีกแต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้...อีกไม่นานเมื่อแสงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว ปราณต์ก็คงตื่นมาและพาเธอกลับไปสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง
บทที่ 63จบวาจาประชดประชันนั้น นัสรินก็ต้องร้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อปราณต์ละมือจากเอวแต่ยกขึ้นมาตะปบบนหัวไหล่ของเธอแล้วหมุนร่างบางให้หันมาเผชิญหน้า พร้อมกับดันเธอไปติดกับผนังหลังห้อง กดร่างเล็กแนบไปกับแผ่นไม้สัก ตามมาด้วยร่างสูงใหญ่ที่บดบังแสงอาทิตย์ไม่ให้สาดส่องลงมายังเธอได้จนหมดมิดเขาเบียดแนบเข้ามาติดชิดจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกับเธอ ผิดก็เพียงมีเสื้อผ้าขวางกั้นอยู่เท่านั้น นัสรินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของคนที่เพิ่งตื่นนอน ซึ่งตอนนี้ชวนมองยิ่งนัก และเธอคงเผลอมองไปอีกนาน หากว่าเขาจะไม่โน้มหน้าคมคร้ามนั้นลงมาจนปากเกือบจะแตะปากอิ่ม“อย่านะคะ นัสยังไม่ได้แปรงฟัน” นั่นเป็นข้ออ้างเดียวที่นัสรินคิดออกในเวลานั้น นึกก่นด่าตัวเองที่เผลอประชดประชันเขาจนได้เรื่อง“ผมก็ยังไม่ได้แปรง เพราะฉะนั้นเราเสมอกัน”ปราณต์รวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างตรึงติดกับผนังเหนือศีรษะของเธอ จากนั้นก็ก้มหน้าลงซุกไซ้ กดจมูกขยี้พวงแก้มแดงระเรื่อ นัสรินสะบัดหน้าหลบเป็นพัลวัน แต่หลบซ้ายเขาก็จูบแก้มขวา หลบขวาก็ถูกจูบแก้มทางซ้าย “อย่าค่ะคุณปราณต์...”ปากอิ่มพยายามจะร้องห้าม แต่นั่นไม่ต่างอะไรกับการเปิดทางให้ปราณต์ประกบป
บทที่ 64 หลังจากกลับออกมาจากห้องน้ำพร้อมปราณต์ นัสรินก็เกิดอาการหน้าร้อนซ่านขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าตอนนี้ที่หน้าตู้มีเสื้อผ้าที่ซักรีดอย่างเรียบร้อยแขวนอยู่สองชุด ชุดหนึ่งเป็นชุดของปราณต์ อีกชุดหนึ่งคงเป็นชุดของเธอที่ปราณต์เตรียมมาให้ เธอจำได้ว่าก่อน หน้านี้ ตู้เสื้อผ้าตู้นั้นยังไม่มีอะไรแขวนอยู่แน่ๆ นั่นแสดงว่าคนที่เอาชุดนี้เข้ามาให้ คงเข้ามาตอนที่เธอกับปราณต์อยู่ในห้องน้ำ และคงได้ยินอะไรๆ ที่ดังอยู่ในนั้นหมดแล้ว นัสรินส่งค้อนอย่างเคืองๆ ไปให้คนที่ขยันทำให้เธออับอาย แต่ปราณต์ก็กลับยิ้มใส่ตาและหัวเราะเบาๆ อย่างรื่นรมย์ เธอจึงทำได้แค่ขยับไปหยิบเอาเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วหลบเข้าไปแต่งตัวหลังฉากไม้ไผ่ที่กั้นเอาไว้เป็นส่วนแต่งตัว กลับออกมาอีกทีก็พบว่าปราณต์แต่งตัวเกือบเสร็จแล้ว เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อน ยัดชายเข้าไปในกางเกงสแล็กเนื้อดีสีกรมท่า คาดเข็มขัดราคาแพงอย่างเรียบร้อย แต่ในมือกลับถือเนกไทและยืนรอเธออยู่“มาผูกเนกไทให้หน่อย ตั้งแต่เป็นเมียผมมา คุณยังไม่เคยทำหน้าที่นี้เลยไม่ใช่เหรอ” เขาออกคำสั่งทันทีที่เธอทำท่าว่าจะเดินผ่านหน้าไปยังโต๊ะเค
บทที่ 65นัสรินรีบยกมือขึ้นปิดปากเขาก่อนที่เขาจะพูดจบ เธอไม่ได้อยากได้ยินคำพูดต่อจากนั้น ทั้งที่เคยอยากได้ยิน แต่ตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์จะพูดมันกับเธอ และเธอก็ไม่มีสิทธิ์จะฟังคำนั้น หรือบางทีเขาก็แค่อยากจะพูดเพื่อให้เธอรู้สึกดี เขาอาจจะบอกรักกับผู้หญิงทุกคนที่เขามีอะไรด้วย มันอาจจะเป็นคำพูดง่ายๆ ที่หลุดออกจากปากโดยเขาไม่คิดอะไรก็ได้“นัสอยากกลับแล้วค่ะ พานัสกลับเถอะ นี่ก็สายมากแล้ว”“ไม่หิวใช่มั้ย”“ไม่หิวค่ะ”“โอเค...งั้นกลับก็กลับ”ปราณต์ไม่ได้ตอแยอะไรอีกเมื่อนัสรินยืนยันว่าอยากกลับไปทำงานและไม่หิว เขาขยับไปหิ้วกระเป๋าแล้วเดินนำหน้านัสรินลงไปชั้นล่าง ล่ำลาเจ้าของบ้านและภรรยา จากนั้นจึงพารถแลนด์โรเวอร์คู่ใจแล่นออกจากไร่เดชาธร พร้อมกับกระชากเอาความลึกซึ้งอบอุ่นที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในไร่แห่งนี้ในชั่วเวลาหนึ่งคืนออกไปจากหัวใจของนัสรินด้วยนัสรินเดินเข้าออฟฟิศโดยไม่กล้าสบตากับแม่บ้านและรปภ. เพราะทั้งคู่ต่างก็เห็นว่าเมื่อวานปราณต์มารับเธอ และตอนเช้าเขาก็ขับรถมาส่ง คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้ดีว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างชายหญิงที่หายไปด้วยกันทั้งคืนเที่ยงวันนั้นก็เป็นอีกวันที่นัสรินไม่ออ
บทที่ 89เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นอย่างถี่รัว ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนกอดตระกองภรรยาสาวอยู่ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขต้องยันกายลุกขึ้น พลางมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ใครมากดกริ่งแบบนี้” นัสรินถามสามีอย่างพลอยตกใจไปด้วย เพราะตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวผมไปดูก่อน นัสรออยู่นี่นะ” ปราณต์เดินออกไปชะเง้อดูที่ระเบียง แสงที่สาดสะท้อนมาจากไฟหน้าบ้าน ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนกดเป็นใคร หนำซ้ำคนกดยังส่งเสียงร้องเรียกเขาราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจสุดๆ อีกต่างหาก“พี่ปราณต์! พี่ปราณต์!”ร่างสูงกลับเข้าห้อง แล้วบอกภรรยาที่นั่งรออยู่บนเตียง เพื่อให้เธอคลายความกังวลว่าคนที่กำลังกดกริ่งหน้าบ้านและส่งเสียงเรียกเขาอยู่นั้นเป็นใคร“ตะวันน่ะ”บอกเสร็จปราณต์ก็ออกจากห้อง โดยมีนัสรินก้าวตามลงไป ทั้งสองเดินออกไปยังหน้าบ้านด้วยกัน และปราณต์ก็กดกุญแจรีโมตเปิดประตูรั้วให้รังสิมันต์“มีอะไรตะวัน”“พี่ปราณต์ต้องช่วยผมนะ เด็กคนนั้นโดนแก้วบาดมือ เลือดไหลเยอะมาก ตอนนี้เด็กนั่นอยู่ในรถผม” รังสิมันต์ไม่ได้เอ่ยชื่อของจันทริกาออ
บทที่ 88แสงไฟสีเหลืองอมส้มที่ส่องสว่างทั่วอาณาบริเวณของบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ ยิ่งทำให้บ้านซึ่งถูกออกแบบและปลูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูโดดเด่นสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้นในยามค่ำคืนเช่นนี้ หากแต่ภายใต้ความสว่างไสวและสวยงามที่ห้อมล้อมบ้านหลังใหญ่ในยามนี้ คนเป็นเจ้าของกลับกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์ซึ่งสวนทางกับบรรยากาศอันแสนสวยงามของบ้านโดยสิ้นเชิง เพราะถูกครอบงำด้วยความโมโหต่อ ‘เด็กในปกครอง’ ที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนบ่าย และป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมาร่างสูงลุกขึ้นเดินไปมาสลับกับมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ซึ่งความหนานุ่มสมราคาของมันกลับไม่ได้ทำให้ความเดือดพล่านในอารมณ์ของรังสิมันต์ลดลงเลยแม้แต่นิด มือใหญ่สมสัดส่วนกับรูปร่างเอื้อมไปหยิบขวดวิสกี้ราคาแพงระยับมาเทลงบนแก้ว ก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันนั้นลงไปในลำคอพรวดเดียวหมด จากนั้นก็กระแทกแก้วลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์ โดยมี ‘เมสซี่’ แมวพันธุ์แร็กดอลล์ตัวโปรดนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ บ่อยครั้งที่ตาสีฟ้าของมันเหลือบมองเจ้านายตัวเอง และลุกขึ้นมาคลอเคลีย ตามประสาแมวขี้เล่น แต่พอรู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี มันก็กลับไปนั่งที่ของมันแล้วหมอบลงเงียบๆ อย่างไม่กล้าก
บทที่ 87“นั่งด้วยกันมั้ย” ปราณต์เอ่ยชวน“ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคนที่กำลังอยู่ข้าวใหม่ปลามัน” รังสิมันต์ปฏิเสธก่อนจะหันไปทางกวินภพเพื่อหาพวก “จริงมั้ยวะอิสร์”“แกมันก็ชอบหาเรื่องกวนตีนชาวบ้านไปทั่ว” กวินภพไม่ได้เออออแต่พูดขัดคอขึ้นมาซะงั้น“เฮ้ย...แกเป็นนักธุรกิจพันล้านนะเว้ยอิสร์ พูดคำหยาบกวนตงกวนตีนแบบนี้ได้ไง เสียภาพพจน์นักธุรกิจหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบหมด”“แกมันบ้าว่ะตะวัน” หนุ่มกรุงเทพฯ ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความเจ้าคารมและช่างกวนอารมณ์ชาวบ้านของรังสิมันต์“พี่ก็ว่างั้นละอิสร์”“เฮ้อ...ตอนแรกว่าจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เปลี่ยนใจดีกว่านั่งกับพี่ปราณต์เลยแล้วกัน” รังสิมันต์แกล้งกวนอารมณ์พี่ชายต่อ ด้วยการจะขยับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งนัสรินซึ่งไปเข้าห้องน้ำก็กลับมาเสียก่อน ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องหันไปทักทายกับหญิงสาวตามมารยาท“สวัสดีครับพี่สะใภ้” รังสิมันต์ทักทายขึ้นก่อนอย่างขี้เล่น ทำให้คนถูกทักเหวอแกมอายนิดๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นกับคำเรียกแบบนั้นสักเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ เพราะประเมินว่าทั้งสองน่าจะอายุมากกว่าตน“ตะวั
บทที่ 86“แน่นอนสิที่รัก ถ้าไม่รู้ใจคุณแล้วผมจะเป็นผัวคุณได้ยังไง ว่าไงจะบอกหรือเปล่าว่าหมายถึงใคร”“นัสหมายถึงหมอเมย์ค่ะ” ในที่สุดนัสรินก็ยอมรับว่าเธอต้องการจะถามเขาว่าเคยพาเมธาวีมาที่นี่หรือไม่“ถ้าบอกว่าเคยล่ะ”“ก็ไม่แปลกใจค่ะ” ปากว่าไม่แปลกใจ หน้าก็ยังดูยิ้ม แต่แววตาและน้ำเสียงนั้นแปร่งไปจนฟังได้ชัด“คราวนี้จะยอมรับได้หรือยังหือว่าคุณหึงผมกับเมย์” คุณหมอผู้ลองใจเมียเริ่มต้อนให้เธอยอมรับความจริงกับเขาเสียที“ยอมรับก็ได้”“ทำไมถึงจำเพาะเจาะจงว่าเป็นเมย์”“ไม่รู้สิคะ อาจเป็นเพราะว่านัสเคยเห็นกับตาว่าคุณกับหมอเมย์สนิทสนมกันแค่ไหนมั้ง”“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเมย์เกินกว่าน้องสาว สาบานได้เลย แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าทำให้คุณหึง”“วันที่นัสไปตรวจที่คลินิกว่าท้องหรือเปล่า นัสเจอหมอเมย์ด้วยค่ะ เธอบอกว่าเธอเลิกกับคุณปราณต์แล้ว”“หือ...เลิกกัน?” ปราณต์เลิกคิ้วเข้มขึ้น “ฟังอะไรผิดหรือเปล่านัส”“เธอบอกแบบนั้นจริงๆ นะคะ แต่มาบอกทีหลังว่าเลิกหวังในตัวคุณแล้ว เพราะคุณรักคนอื่นอยู่” นัสรินเล่าให้ฟังตามความจริง พลางคิดถึงเหตุการณ์และสีหน้าของเมธาวีในวันนั้นอย่างจำได้แม่น“ขนาดเมย์ยังรู้ว่าผมรักใคร แล้วทำไม
บทที่ 85ปราณต์เป็นฝ่ายขยับมาถือกระเป๋าสะพายของภรรยาที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับโอบเอวเล็กที่ตอนนี้ขยายขึ้นเล็กน้อย ทำให้นัสรินซึ่งยังงงอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนทั้งสองจะรู้จักกันต้องขยับตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะร่ำลาหมอพัทธระตามมารยาทอันดี “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ เดี๋ยววันหลังนัสจะเตรียมสัญญามาให้เซ็น วันนี้นัสขอตัวก่อน” “ครับคุณนัสริน แล้วพบกันครับ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นก็ก้าวตามสามีออกไปขึ้นรถ ปราณต์เดินเงียบๆ แต่ยิ้มในหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่ง ทำให้นัสรินพอจะรู้ว่าเวลาที่ปราณต์เป็นแบบนี้นั่นคือเขากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ดีแบบสุดๆ “ยิ้มอะไรนักหนาคะ พอใจมากหรือไง” นัสรินถามคนที่ซ่อนยิ้มในหน้าอย่างอดไม่ได้ จากสายตาและวาจาที่ฟังดูนุ่มละมุนผิดปกติของหมอพัทธระเมื่อครู่นี้ เธอก็พอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับสามีของตน “ก็พอใจสิ” “แล้วเป็นไงคะ หมอพัทธระหล่ออย่างที่นัสบอกหรือเปล่า” “หล่อ...แต่ที่ฟังดูน้ำเสียงของนัสเหมือนกำลังหึงผมอยู่นะ อย่าหึงเลยน่า ผมชอบผู้หญิง” คราวน
บทที่ 84วันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่บริษัทส่งตัวนัสรินมาทำงานที่เชียงใหม่พอดี ซึ่งตามกำหนดเดิมเธอจะต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ และมีตัวแทนจากบริษัทคนใหม่มาทำงานแทนเธอ แต่จนป่านนี้ทางบริษัทก็ยังไม่ส่งใครมา แถมเธอยังต้องทำงานที่นี่ต่อ ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ทำชั่วคราวแล้ว หากแต่ต้องประจำอยู่ที่นี่อย่างถาวรนัสรินยังจำวันที่ตัวเองโทร.ไปแจ้งข่าวกับกิตติ ว่าเธอประสงค์จะลาออกจากงาน ตอนนั้นหัวหน้าของเธอดูเป็นเดือดเป็นร้อนมาก เพราะยังหาคนที่ทำงานเก่งอย่างเธอมาแทนยังไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่านัสรินจะลาออกไปแต่งงาน และอยู่ที่เชียงใหม่กับสามี กิตติก็ขอร้องให้เธอทำงานให้ต่อ โดยเสนอจะเพิ่มเงินเดือนให้ สุดท้ายนัสรินก็จำต้องรับปาก โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนให้เธอ ความจริงเธอไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด แต่ที่ต้องบอกหัวหน้าไปเช่นนั้น ก็เพราะปราณต์ขอร้องแกมบังคับ และเมื่อเขาได้รู้ว่าเธอตัดสินใจจะทำงานต่อ หมอหน้าหล่อก็งอนไปหลายวันเหมือนกันนัสรินออกมาจากออฟฟิศก่อนเวลาเลิกเงิน เพราะมีนัดกับลูกค้าซึ่งเป็นหมอของโรงพยาบาลเอกชน เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกับหมอหนุ่มที่ตัวเองกำลังคุยงานด้วยอย
บทที่ 83พระอาทิตย์ยามเย็นเริ่มเคลื่อนคล้อยลอยต่ำลงเรื่อยๆ บ่งบอกว่าอีกไม่นานตะวันจะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว และความมืดมนของรัตติกาลก็จะมาเยือนในไม่ช้า หากแต่บรรยากาศทั่วคุ้มลักษิกาในยามนี้กลับเต็มไปด้วยความสว่างไสว อันเกิดจากความสุขและปีติยินดี เมื่อข่าวที่ว่าปราณต์กับนัสรินกำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และตอนนี้ทั้งคู่ก็มีลูกด้วยกันแล้ว แพร่กระจายไปทั่วคุ้มลักษิกาอย่างรวดเร็วปราณต์ตัดสินใจปิดคลินิกอีกวันเพื่ออยู่ทานข้าวเย็นกับครอบครัวตามคำสั่งของมารดา ธรินดาเข้าครัวทำอาหารที่พี่สะใภ้ชอบให้อย่างเต็มใจ ขณะที่ปรัชญ์กับปราณต์นั่งคุยกันตามประสาพี่น้องในห้องนั่งเล่น ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาก็เล่นกับหลาน นัสรินจึงถือโอกาสเดินไปที่เนินเขาหลังคุ้มลักษิกา เพื่อดูแปลงกุหลาบและพระอาทิตย์ตกดินตาคู่สวยมองพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังทอดตัวลงหาเส้นขอบฟ้า พร้อมกับปล่อยความคิดของตัวเองให้ล่องลอยไป ลมหนาวเริ่มพัดพรายมากระทบกาย แต่ยามนี้หัวใจเธอกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น และมันก็อุ่นยิ่งขึ้นเมื่อมีอ้อมกอดของคนที่รักโอบล้อมเข้ามา“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” นัสรินเอียงหน้ามาถามคนที่ยืนโอบกอดตัวเองอยู่ทางด้านหลังเบาๆ“คิดอะไรอยู
บทที่ 82“มันน่าโกรธมั้ยล่ะ ผมเป็นหมอแทนที่จะได้รู้เป็นคนแรกว่าเมียตัวเองท้อง แต่กลับเป็นหมอคนอื่นที่รู้ก่อน คุณก็รู้นี่นัสว่าผมอยากมีลูกกับคุณแค่ไหน” ปราณต์เอ่ยออกมาเสียงขรึมๆ“ก็ตอนนั้นคุณกับนัสยังไม่เข้าใจกันนี่คะ อีกอย่างคุณก็ทำให้นัสเข้าใจว่าคุณกับออยมีอะไรลึกซึ้งกันไปแล้ว นัสเลยไม่อยากให้ลูกกลายมาเป็นปัญหาของใคร”“ตอนนั้นผมเข้าใจ แต่เราเข้าใจและคืนดีกันมากี่วันแล้วนัส นัสคิดจะปิดผมไปอีกนานแค่ไหน และมีเหตุผลอะไรที่คุณไม่ยอมบอกผม”“โธ่...ก็นัสยังไม่กล้าบอกนี่คะ อย่าทำหน้าทำเสียงแบบนั้นใส่นัสสิคะ นัสใจไม่ดี”“ถูกต้องแล้วที่คุณจะใจคอไม่ดี เพราะตอนนี้ผมโกรธคุณอยู่ และโกรธมากด้วย” ปราณต์ทำเสียงเข้มใส่ ทำให้คนถูกโกรธยิ่งใจฝ่อ“แล้วทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธคะ”“ก็ต้องง้อสิ ไม่ง้อจะให้หายโกรธได้ยังไง”นัสรินขยับตัวเข้าหาพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบกอดที่ต้นคอของเขา ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นแล้วประกบปากตัวเองลงบนปากของเขา จากนั้นเธอก็เริ่มจูบและปราณต์ก็จูบตอบอย่างร้อนแรง กึ่งลงโทษกึ่งปรารถนาปนเปอยู่ในรสจุมพิตนั้น“หายโกรธนัสหรือยังคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างงอนง้ออีกครั้งหลังจากที่ปากของทั้งคู่ผละห่างจากกัน
บทที่ 81“ทำไมถึงซื้อไว้ล่ะคะ ที่จริงมีบ้านสวยๆ กว่าบ้านหลังนี้อีกเยอะแยะ หรือถ้าคุณจะสร้างใหม่ก็สร้างได้สบายๆ อยู่แล้ว”“ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะว่ามีสิ่งเดียวที่ผู้ชายใจร้ายอย่างผมทำได้เพื่อระลึกถึงคุณมั้ง” ปราณต์พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด แววตายามเมื่อนึกถึงความหลังครั้งนั้น ฉายแววเคว้งคว้างสับสนออกมาจนนัสรินรู้สึกได้“นัสก็ผิดค่ะที่เห็นแก่ตัว ถ้าคุณจะเกลียดนัสก็ไม่แปลกหรอก”“แต่ถ้าผมใจกว้าง เปิดใจยอมรับว่าที่นัสทำลงไปก็เพราะรักผม ป่านนี้เราอาจจะมีลูกด้วยกันแล้วก็ได้” ปราณต์พูดถึงลูกอีกครั้ง นัสรินจึงเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เพราะเธอยังปิดบังเรื่องที่ตัวเองท้องอยู่ แต่ปราณต์ไม่ยอมให้นัสรินหนีไปไหน เขาย่อตัวช้อนอุ้มร่างบางพาเดินไปนอนที่เตียงด้วยกัน“คุณปราณต์อุ้มนัสมาขึ้นเตียงทำไมคะ” นัสรินถามพลางหน้าแดงซ่าน เมื่อครู่ยังคุยกันดีๆ อยู่แท้ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวเธอก็ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ของเขานอนอยู่แนบชิดเสียแล้ว“ก็พามาพิสูจน์ว่าเตียงเล็กไปหรือเปล่าสำหรับเราสองคน”“วันนั้นก็พิสูจน์ไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”“วันนั้นผมเมา จำอะไรไม่ค่อยได้ ต้องทำตอนมีสติ” คน