LOGIN“ภูเป็นไรรึป่าวคะ ทำไมข้าวรู้สึกว่าภูแปลกไปๆ”
“ป่าวครับ แปลกยังไงเหรอ” ภูริทัตเริ่มกังวลกลัวว่าข้าวฟ่างจะรู้เรื่องของเขากับจารุวีย์
“ก็ไม่เห็นภูคุยกับน้องจาร์เลย ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน” ข้าวฟ่างสังเกตเห็นว่าภูริทัตไม่ค่อยจะมองจารุวีย์และชอบหลบหน้ารวมถึงจารุวีย์ด้วยข้าวฟ่างคิดว่าทั้งสองมีปัญหากัน
“ไม่มีอะไรจำเป็นต้องคุยกันหนิ ผมไม่ชอบคุยกับใครอยู่แล้วคุณก็รู้หนิ”
“ข้าวนึกว่าคุณไม่ชอบหน้าน้อง ..น้องเขาดูไม่มีความสุขเลยนะคะภูก็คุยกับเขาหน่อยนะเขาตัวคนเดียวเขาคงโดดเดี่ยว”
“เขามีคุณแม่อยู่เขาไม่โดดเดี่ยวหรอกข้าวไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก” ทำไมภูดูใจร้ายกับน้องจาร์จังฉันเป็นคนที่โชคดีมากสินะที่ภูรักและใส่ใจฉัน
ในระหว่างหนึ่งเดือนผ่านไปภูริทัตหลบหน้าจารุวีย์ตลอดเลยทั้งคู่ไม่ได้คุยกันเลย จารุวีย์ก็คุยกับวีรภัทรทำให้เขาผ่อนคลายเรื่องที่ผ่านมาแต่ก็ยังอยู่ในใจแต่ก็ทุกข์น้อยลง
“แม่ครับผมว่าจะเลื่อนงานแต่งของผมกับข้าวฟ่างให้เร็วขึ้น” ภูริทัตก็อายุล่วงมาจนถึงเลขสามแล้วอยากสร้างคนอบครัวเต็มที่แล้ว
“ทำไมละ อีกไม่กี่ดือนก็แต่งแล้วนี่ทำไมต้องเลื่อนมาด้วย”
“ผมอยากใช้ชีวิตอยู่กับข้าวให้เร็วขึ้นผมอยากมีลูกแล้ว”
“จริงเหรอลูก แม่เองก็อยากอุ้มหลานแล้วเหมือนกัน แต่รอให้แม่หนูจาร์มาก่อนนะ แม่กลัวหนูจาร์ไม่โอเคเขาอาจจะไม่ได้รักลูกแต่เขามีความสัมพันธ์กับลูกแม่กลัวเขาจะรู้สึก”
“ได้ครับ”
18:45น.
ในขณะทานอาหารเย็นจารุวีย์ทานอะไรเข้าไปก็เหม็นไปหมดวิ่งไปอาเจียนอยู่บ่อยๆ
“หนูจาร์เป็นอะไรรึป่าว?” ดาราวรรณถามเพราะกลัวว่าจารุวีย์จะไม่สบาย
“พอดีหนูไม่ค่อยชอบกลิ่นอาหารนี้ค่ะ รู้สึกผะอืดผะอม คุณน้าพอจะมีมะม่วงเปรี้ยวหรืออะไรเปรี้ยวๆ มั้ยคะ”
“ป้ามะลิมีมั้ยคะในครัว” ดาราวรรณถามแม่บ้าน
“มีค่ะคุณผู้หญิง ขออนุญาตถามนะคะคุณจาร์มีแฟนมั้ยคะ?” ป้ามะลิแม่บ้านถามเหมือนรู้อะไร
“ทำไมเหรอคะป้า” ดาราวรรณถามด้วยความสงสัย
“ก็ถ้ามีป้ายินดีด้วยนะคะอาการแบบนี้เหมือนคนท้องเลย” มะลิพูดขึ้นเพราะตัวเองเคยมีลูกอาการคนท้องก็เป็นแบบนี้
“ตายจริง..จริงเหรอ? แต่หนูจาร์ไม่มีแฟนนะและไม่เคยออกไปไหนกับใครด้วยจะเป็นไปได้ไง” ดาราวรรณพูดขึ้นและพึ่งนึกขึ้นได้ว่าหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาจารุวีย์พลาดไปมีอะไรกับภูริทัต
ส่วนจารุวีย์หน้าเริ่มซีดและหน้าตาแห่งความกังวลเริ่มเกิดขึ้นเพราะนึกขึ้นได้ว่ารอบเดือนของเธอขาดไป
“ทอ..ท้องเหรอ?” จารุวีย์พูดด้วยอาการตกใจและคนที่ช็อคกว่านั้นก็คือภูริทัตเพราะเขานึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้ป้องกันตอนมีอะไรกับจารุวีย์แต่ตอนเขามีอะไรกับข้าวฟ่างเขาป้องกันตลอด
“คงไม่ใช่หรอกแค่ครั้งเดียวคงไม่มีทางเป็นไปได้” ภูริทัตพูดเพื่อหลอกตัวเอง
แต่ตอนป้าท้องก็ครั้งเดียวนะคะอาการก็เป็นแบบนี้ลูกสาวป้าก็อาการเดียวกัน"ป้ามะลิก็ยังคงพูดด้วยความมั่นใจ
ภูรทัตเริ่มหวั่นใจเพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะแต่งงานและจารุวีย์ก็จะออกไปอยู่กับแม่เขาแล้วทุกอย่างกำลังจะไปได้ดีแต่พอได้ยินแล้วนี้ทำให้หัวใจเขาชาไปหมดเหมือนใจกำลังสลายเพราะเขาต้องการจะสร้างครอบครัวกับข้าวฟ่างแต่ถ้าจารุวีย์ท้องขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง
ภูริทัตลุงขึ้นและเดินออกไปโดยที่ยังไม่ได้ทานข้าว ดาราวรรณเอ่ยถามแต่เขาไม่พูดสักคำขับรถออกไปข้างนอก
จารุวีย์เห็นแบบนี้ก็รู้สึกเสียใจคิดว่าตัวเองไร้ค่าขนาดนี้เลยเหรอที่อาจจะท้องกับผู้ชายที่ไม่ได้รักเขาเลยและยังทำท่ารังเกียจเขาแน่นอนว่าเขาก็มีความรู้สึกต่อภูริทัตเพราะเห็นหน้ากันเกือบทุกวันและยังเคยมีสัมพันธ์เป็นผู้ชายคนแรกของเขาด้วยซ้ำ
“หนูจาร์น้าถามจริงๆ นะรอบเดือนหนูมารึยัง?” ดาราวรรณถามด้วยหน้าตาที่กังวล
“เอ่อ..คือ..คือ..” จารุวีย์ตอบแบบอ่ำๆ อึ้งๆ
“น้าขอความจริงนะ มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ”
>>>>>ติดตามตอนต่อไป
หลังจากนั้นวุฒิชัยก็เดินเข้าไปในครัว เขากะจะโชว์ฝีมือการทำอาหารให้เมียเขาดูแต่เมื่อหันกลับไปเมียของเขากับนั่งเล่นมือถืออยู่ที่โซฟาไม่เดินตามเขามาเขาเดินกลับไปที่ห้องรับแขกไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้เป็นเมีย“ทำไมคุณไม่ตามผมมา” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ข้าวฟ่างถึงกับสะดุ้งและเงยหน้ามอง“ไปไหน” เธอถามเพียงสั้นๆ พร้อมหน้าตาที่งงงวย“ไปครัวไงผมจะโชว์ฝีมือ” เธอได้แต่ถอนหายใจแค่ทำอาหารทำไมต้องให้เธอไปดูด้วย“ทำไมฉันต้องไปด้วยคุณทำมาให้กินเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”“ก็ได้นั่งรออยู่นี่แหละ” สิ้นสุดเสียงนั้นหนุ่มหล่อผู้เป็นสามีก็เข้าครัวไปทำอาหารและสักพักก็ถือออกมาให้เมียของเขาทาน ข้าวฟ่างที่นั่งเล่นมือถืออยู่เมื่อได้ยินเสียงวางอาหารเธอก็รีบวางมือถือเพื่อจะชิม“ฉันรอชิมก่อนนะ” สิ้นสุดเสียงเธอก็ใช้ซ้อมตักโดยไม่รอคำตอบจากสามี เมื่ออาหารเข้าปากคำแรกเธอก็ได้รับรสชาติที่แสนอร่อยและไม่คิดว่าเขาจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้“เป็นไงบ้าง อร่อยมั้ยครับคุณหนูข้าวฟ่าง” ใบหน้าแห่งความคาดหวังให้เมียชมก็จ้องมองไปที่หน้าของเธอ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ ก็พอทานได้ให้สอนคุณทำอาหาร” ต่อให้อาหารจะอร่อยแค่ไหนเธอก็ไม่กล้าบอกเพราะกลัวเสียฟอร์ม“งั้นเห
“คุณไปเอารูปผมมาจากไหน” ใบหน้าที่แทบจะเก็บรอยยิ้มของเขาไว้ไม่อยู่ทั้งพูดทั้งมองหน้าเธอ“ในเฟชบุ๊คและไลนฺ์คุณไง เอามาไม่ได้เหรอ”“ก็ได้แต่แค่แปลกใจเฉยๆ ไหนคุณบอกไม่อยากลบรูปเขาไงกลัวไม่มีโอกาสได้ถ่ายอีก” คำพูดของเขาดูนอยๆ แต่ความจริงก็หายโกรธตั้งแต่เห็นหน้าเธอแล้วแหละแค่แกล้งถามไป“พอมาคิดดูๆ แล้วเขาก็แค่อดีตไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับฉันแล้ว ปัจจุบันนี้ต่างหากที่สำคัญ” เธอพูดและส่งรอยยิ้มหวานให้สามีเธอทำให้หัวใจของเขาพองโตยิ้มออกมาด้วยความเขิน“จริงเหรอผมสำคัญกับคุณขนาดนั้นเลยเหรอ”“เปล่าค่ะ ฉันหมายถึงฉันเองต่างหากที่ยืนอยู่ในปัจจุบันควรที่จะเห็นความสำคัญของตัวเองไม่ควรไปยึดติด” คำพูดของเธอกับทำให้เขาโกรธอีกครั้ง เขาเดินหนีไปนั่งที่โซฟาในห้องทำงานของเขาทำให้ข้าวฟ่างเข้าใจในทันทีว่าเขาน้อยใจอีกแล้ว เธอรีบเดินตามเขาไป“คุณเป็นอะไรคะ” หญิงสาวนั่งลงข้างๆ สามีและยื่นหน้าไปถามเขาทั้งที่เธอรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังน้อยใจเธอ“เปล่าครับ”“ฉันล้อเล่น คุณก็สำคัญเหมือนกันนะไม่งั้นฉันไม่มาง้อถึงที่นี่หรอก” ได้ยินแบบนั้นมือทั้งสองข้างของเขาก็กอดไปที่เอวเธออัตโนมัติ และโน้มตัวไปหอมแก้มเธอ“จริงเหรอ”“คุณ
ข้าวฟ่างเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขานั่งนิ่งเงียบและมองหน้าเธอแปลกๆ เธอจึงเอ่ยปากถามเขาด้วยความสงสัย“คุณเป็นอะไรรึเปล่าทำไมมองหน้าฉันแปลกๆ”“เปล่า” สายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของเขาก็แสดงออกมาทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าคำปฏิเสธของเขานั้นต้องมีอะไรแน่ๆ“แน่ใจเหรอคะ” เธอถามทวนเขาอีกรอบเพราะรู้ดีว่าเขาไม่สามารถเก็บความอึดอัดไว้คนเดียวได้เดี๋ยวก็ต้องบอกความต้องการของเขามา ถึงแม้ว่าเธอกับเขาจะอยู่ด้วยกันได้ไม่นานแต่เธอมั่นใจว่าเธอรู้จักเขาดีพอ“ผมถามจริงๆ เถอะคุณยังรักคุณภูริทัตอยู่รึป่าว”“คุณถามทำไม”“ผมแค่อยากรู้” บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลกลัวว่าเมียจะยังรักแฟนเก่าอยู่สายตาที่ต้องการคำตอบมองเธอไม่กระพริบสายตา“ฉันไม่รู้แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรแล้ว ไม่แน่ใจว่าไม่รักแล้วรึเปล่า” เธอยังคงสับสนกับความรู้สึกของตัวเองอาจจะไม่รักแล้วแต่แค่ยังเสียดายเวลาที่ผ่านมาเพราะคบกันมาตั้งหลายปีจะให้ลืมสนิทมันคงเป็นไปได้ยากอาจจะแค่นึกถึงแค่นั้น“คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่รักเขาแล้ว ผมยังเห็นรูปเขาอยู่เต็มโทรศัพท์ของคุณอยู่เลย" เขาแสดงอาการของคนที่ขี้น้อยใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดข้าวฟ่างเธอไม่คิิดว่าผู้ช
“สวัสดีน้ำหวาน” เธอทักทายกลับโดยไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่เธอเหล่ตาไปมองที่ข้างๆ ที่ข้าวฟ่างนั่งเห็นวุฒิชัยก็สะดุดตาในความหล่อเหลาของเขา“ภูไปไหนแล้วละทำไมได้มากับผู้ชายอื่น”“เลิกกันแล้ว”“อุ้ย!ทำไมได้เลิกเหรอเห็นรักกันดีอยู่นะรักกันมาตั้งหลายปีเธอปล่อยภูหลุดมือไปได้ยังไงกันอุส่าแย่งไปจากฉัน”“พูดให้มันดีๆ นะฉันไม่เคยแย่งภูมาจากเธอแต่ภูไม่เคยเป็นของเธอเลยต่างหาก” เธอเงยหน้าขึ้นขิงใส่น้ำหวานอย่างเบื่อหน่ายเพราะน้ำหวานตามราวีเธอไม่เลิกจนไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีนึกว่าเธอจะเลิกแล้วแต่ก็ยังเหมือนเดิม“อย่าทำมาพูดหน่อยเลย ตอนนี้เป็นไงได้ข่าวว่าภูเขามีลูกมีเมียใหม่แล้วหนิ” เธอพูดเยาะเย้ยใส่ทำให้ข้าวฟ่างโกรธเพราะเหมือนมากรีดแผลใจเธอแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอเจ็บมากเหมือนเมื่อก่อนอาจเป็นเพราะเธอได้อยู่ใช้ชีวิตกับวุฒิชัยผู้ชายไม่เอาไหนที่เจ้าชู้ไปวันๆ แต่วันนี้เหมือนราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน“มีใหม่แล้วยังไง ฉันก็มีใหม่แล้วเหมือนกันทั้งหล่อรวยเธอละมีปัญญาหาได้สักคนรึยังมาเที่ยวยุ่งเรื่องคนอื่นนี่ ออกไปจากโต๊ะนี่ได้แล้วไปเกะกะลูกตา” เธอเอนหัวไปที่ไหล่ของวุฒิชัยและกอดแขนเขาเพื่อทำใส่น้ำหวานเธอโกรธและ
ข้าวฟ่างยังคงยืนนิ่งกับคำถามของวุฒิชัยอยู่“ขึ้นรถเถอะ”“ตอบผมมาก่อนสิ” สายตาแห่งความคาดหวังมองไปที่หน้าของเธออย่างจริงจังแต่เธอกลับหลบสายตาเขา“ขึ้นรถไปก่อนแล้วฉันจะตอบ” พูดจบขาทั้งสองข้างของเธอก็ก้าวขึ้นรถและยังคงนั่งนิ่งเงียบคิดเรื่องที่เขาถามเธอความสับสนมากมายอยู่ในใจของเธอ“ว่าไงครับ” เขายังคงต้องการคำตอบจากเธออยู่จี้ถามให้เธอตอบ“ฉันไม่รู้เหมือนกัน คุณมันเจ้าชู้ฉันไม่รู้จะเอาคุณอยู่รึเปล่าฉันไม่กล้าเปิดใจเพราะกลัวจะเป็นแบบภูอีก” เธอพูดพร้อมก้มหน้าลง“แต่ผมไม่ใช่เขา ถึงเวลาที่ผมหยุดผมก็หยุดได้ที่ผมทำตัวเจ้าชู้เพราะผมยังไม่เจอคนที่ใช่ แต่ตอนนี้ผมอยากใช้ชีวิตครอบครัวที่มีความสุขกับคุณ” เขาพูดด้วยหน้าตาที่จริงจัง“ฉันยังไม่กล้าเปิดใจกับคุณหรอกพูดจริงๆ นะฉันเข็ดกับความรักจริงๆ” สองสายตาของเธอมองไปที่เขาด้วยความรู้สึกที่ดีแต่เธอกลัวจริงๆ เพราะเขาเจ้าชู้จริงๆ ในขณะที่เธอท้องไปหาเขายังนัวเนียกับผู้หญิงอื่นไปทั่วเลย“ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่ไอ้หมอนั้น!” เขาพูดเสียงดังด้วยความเคืองที่เธอเอาแต่นึกถึงภูริทัต“ก็คุณเจ้าชู้ไง ผู้หญิงมาหาคุณไม่ซ้ำหน้าจะให้ฉันเชื่อใจคุณได้ยังไง” เธอพูดออกไปแบบนั้
05 : 20 น.เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าร่างกายเธอเหมือนมีอะไรมากอดอยู่เมื่อก้มลงมามองดูก็เห็นเป็นแขนของวุฒิชัยที่กำลังกอดเธออยู่เธอรีบลุงขึ้นและแขนของเขากับกอดเธอลงไปนอนอีก“นี่คุณมานอนกอดฉันได้ยังไงกันใครอนุญาตให้กอดไม่ทราบ” เธอหันหน้าไปถามเขาด้วยเสียงดุใส่“ไม่มีอะ ผมอยากกอดก็กอดเลยคุณมีปัญหาเหรอนี่เมียผม” เขาพูดหน้าตาเฉยใส่เธอ“แค่เมียในนามเท่านั้นแหละ ฉันเป็นแค่แม่ของลูกคุณเท่านั้น”“ไม่อ่ะ คุณเป็นเมียผมคืนนั้นยังร่วมรักกันอยู่เลย” สิ้นสุดเสียงนั้นก็มีฝามือเล็กๆ ตีลงที่หน้าอกของเขาโอ้ยยยย!! เสียงที่ทำเขาสะดุ้งอาจไม่เจ็บสักเท่าไหร่แต่ก็แสบไม่น้อย“นี่คุณอย่ามาพูดทะลึงนะ คุณมันชอบฉวยโอกาส” เธอโกรธที่เขาพูดเรื่องนี่หรือเขินก็ไม่แน่ใจ“ใจร้ายจังแค่พูดความจริงก็รับไม่ได้” เขากอดเธอให้แน่นกว่าเดิม ยิ่งเธอทำเหมือนหวงตัวแบบนี้ยิ่งชอบเขาไม่ชอบผู้หญิงง่ายๆ แต่เขาก็เอาเหมือนเดิมแต่กับข้าวฟ่างเขารู้สึกว่ามันน่าค้นหาดีเล่นตัวแบบนี้“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!” เธอพูดเสียงแข็งให้เขาเลิกกอดเธอ“ไม่นะ ขอนอนกอดก่อน”เปี๊ยะ!! เสียงตีไปที่หน้าอกเขาอีกรอบ ทำให้เขาคายกอดออกอย่างรวดเร็ว“เอะอะก็ตีเป็นลูกเลี้ยงเ