๒
เตรียมตัว เตรียมใจ
นายอังกูรและนางมนพรมองลูกชายด้วยสายตาเป็นคำถาม แต่ท่านยังรักษาหน้าอีกฝ่ายด้วยการรับไหว้เหมือนแพรและพูดคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ทุกครั้งที่มองลูกชายแววตาของท่านจะเข้มขรึมและแฝงแววตำหนิเสมอ ยิ่งเห็นลูกสะใภ้มีสีหน้าไม่สู้ดีนักก็ยิ่งไม่พอใจการกระทำของคนทั้งคู่
หลังจากที่ทักทายถามไถ่กันเล็กน้อย บิดาและมารดาจึงแยกตัวออกไปนั่งร่วมโต๊ะกับจันทร์กระจ่างและอัจฉรา ประกาศชัดว่าเขาไม่เต็มใจร่วมโต๊ะกับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของลูกชาย ทำให้อิชย์มองตามทั้งสองแล้วถอนหายใจยาว เขารู้ว่าท่านทั้งสองกำลังไม่พอใจตนและอดีตคนรัก เมื่อเขามองไปยังภรรยาทางพฤตินัยก็ได้พบกับรอยยิ้มหม่นเศร้า จากนั้นหญิงสาวก็หลุบตาลงไม่มองมาทางเขาอีก
จึงเป็นการรับประทานอาหารมื้อเที่ยงที่ชวนอึดอัดมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะแม้จะมีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะระหว่างนั้น แต่บรรยากาศกลับอึมครึมกว่าทุกวัน และเขารู้ดีว่าเป็นเพราะเหตุใด
เสร็จสิ้นจากอาหารเที่ยง เหมือนแพรก็ยังไม่ยอมกลับ และยังตามอิชย์ไปยังคอกวัว
“คุณกลับไปก่อนดีกว่านะแพร ผมต้องทำงาน ไม่มีเวลาดูแลคุณ” เขาบอกขณะเตรียมตัวสำรวจวัวตัวอื่นๆ อีกครั้ง
“อีกสองวันแพรจะกลับแล้ว”
ชายหนุ่มชะงักมือเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนในอดีตอยู่อึดใจแล้วเอ่ยออกมา
“เดินทางปลอดภัยนะ”
เหมือนแพรมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกใจหาย เมื่อก่อนหล่อนเคยเป็นคนที่สำคัญต่อเขามากที่สุด จะผิดไหม ถ้าหล่อนยังอยากให้เขามองหล่อนเป็นคนสำคัญเช่นวันวาน
หญิงสาวหลุบตามองปลายเท้าของตัวเอง คิดถึงสามีที่เป็นถึงนายทหารยศสูง เขาดีกับหล่อนมากก็จริง แต่ยิ่งนานไป เป็นตัวหล่อนเองที่กลับรู้สึกเบื่อหน่ายและเฉยชา เมื่อกลับมาพบอิชย์อีกหนความหลังครั้งเก่าก็ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ที่หล่อนเลือกตัดใจจากอิชย์คราวนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบิดาและมารดาขอร้อง แต่อย่างไรเสีย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหล่อน เมื่อตัดสินใจลงไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีก ข้อนี้หล่อนรู้แก่ใจดี แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวของอดีตคนรักจากปากของเพื่อน ก็อดไม่ได้ที่จะมาเจอหน้าเขาอีกสักครั้ง เมื่อได้พบเจอและพูดคุย ภาพความหลังครั้งเก่าก็ชัดเจนในความทรงจำ เป็นความรู้สึกอ่อนหวานที่ยังตราตรึงยามนึกถึง...
“ค่ำนี้อิชย์พอจะมีเวลาให้แพรสักสองสามชั่วโมงไหม”
คำถามของหญิงสาวทำเอาคนรอบข้างถึงกับเงี่ยหูฟังคำตอบของเจ้านายหนุ่มอย่างอยากรู้อยากเห็น แม้แต่นางมนพรที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้านและเดินมาจากด้านหลังของเหมือนแพรเพื่อบอกกับลูกชายถึงกับนิ่วหน้า แต่ก่อนที่ลูกชายตัวดีจะตอบอะไรออกมาท่านก็ตอบออกไปเสียก่อน
“คงไม่ว่างหรอกจ้ะหนูแพร”
เหมือนแพรชะงักค้างไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองคนที่ขยับเข้ามายืนข้างกายตน พลางหลบสายตาอีกฝ่ายวูบหนึ่ง เมื่อนางมนพรมองมาด้วยแววตาที่เข้มขรึมแกมตำหนิแม้ริมฝีปากและสีหน้าจะยิ้มแย้มอยู่ก็ตามที
อิชย์สบตามารดาที่มองเขาอย่างเอาเรื่องและเกือบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขามีเรื่องให้ต้องเครียดมากพอแล้ว ยังจะต้องมาหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก
“เย็นนี้แกนัดกับหนูจันทร์เอาไว้ไม่ใช่เหรอ” คนเป็นแม่เลิกคิ้วถาม ชี้ทางให้ลูกชายตัดช่องทางติดต่อกับอดีตคนรักเก่า แต่คนอย่างอิชย์ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แรกเลยเขาคิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว แต่พอมารดาก้าวเข้ามาและทำให้เขาหงุดหงิดใจ ชายหนุ่มจึงเอ่ยออกมาทันที
“เปล่าครับ แต่ก็คงจะกลับค่ำอยู่ เพราะต้องดูเจ้าพวกนี้ต่อ” คนเป็นแม่ถึงกับเม้มปาก รู้สึกเสียหน้าที่ลูกชายไม่ไว้หน้าท่านเลย ส่วนเหมือนแพรก็ถึงกับยิ้มออกมาอย่างพอใจ แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็หุบลงเมื่อชายหนุ่มหันมาตอบหล่อนว่า “ผมคงออกไปไหนกับแพรไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
คราวนี้คนที่เป็นฝ่ายยิ้มออกคือนางมนพร ท่านส่งยิ้มให้เหมือนแพรทันที
“แม่ขอตัวก่อนนะจ๊ะ ว่าจะกลับไปเอนหลังเสียหน่อย ยังไงก็ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ โชคดีนะหนู”
เหมือนแพรยกมือไหว้อำลาอีกฝ่าย และมองจนนางมนพรเดินไปถึงยังรถยนต์ส่วนตัว ส่วนจันทร์กระจ่างยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ขนาดใหญ่กับอัจฉรา และกำลังมองมายังตนกับอิชย์ หญิงสาวเมินหน้าจากภรรยาของเขา ก่อนจะไหวไหล่ อย่างไรเสียก็เป็นเพียงเมียทางพฤตินัยเท่านั้น พลันดวงตาคู่งามก็วาววาบขึ้นเมื่อคิดได้ว่าครั้งหนึ่งตอนที่ยังรักกัน เขาเคยบอกกับหล่อนว่าจะแต่งงานกับหล่อนแค่คนเดียวเท่านั้น หล่อนจึงถามเขาออกไปว่า
‘หากอนาคตเราไม่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ อิชย์จะแต่งงานกับคนอื่นไหม’
ตอนนั้นอิชย์บอกออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
‘ไม่…’
คำตอบของเขา ทำให้หล่อนดีใจมาก
‘จริงนะ’
แววตาอ่อนหวานและอ้อมแขนที่โอบกอดลงมาอย่างแนบแน่น เป็นดั่งคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับหล่อน
‘จริง’
สีหน้าที่หม่นหมองก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นร่าเริงขึ้นทันที ความรู้สึกผิดหวังที่ถูกเขาปฏิเสธจึงมลายหายไป อดคิดเข้าข้างตนเองไม่ได้ว่าที่เขาไม่ยอมจดทะเบียนสมรสหรือจัดพิธีวิวาห์กับจันทร์กระจ่างให้ผู้คนรับรู้ เป็นเพราะเขายังยึดมั่นคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับหล่อน
บางที...เขาอาจยังรอหล่อนกลับมาเสมอ ที่ตรงนี้เขาอาจมีไว้เพื่อหล่อนเพียงคนเดียวเท่านั้น
วันที่ 9 เดือน 9 พ่อหนูตัวอวบก็ถือกำเนิด เนื่องจากตอนที่ลูกชายคนแรกลืมตาดูโลกนั้น อิชย์แทบไม่มีส่วนร่วมดูแลตอนที่เขาอยู่ในครรภ์มารดาจวบถึงตอนคลอด ชายหนุ่มจึงไม่ยอมพลาดที่จะเป็นคนตัดสายสะดือให้กับลูกอีกสองคนถัดมา... “เป็นยังไงบ้างลูก” นางมนพรลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อลูกชายออกมาจากห้องคลอด เขายิ้มกว้างพร้อมกับจับมือมารดาแล้วนั่งลงตามเดิม “สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งแม่และลูกครับ หลานชายคนนี้หน้าเหมือนคุณย่าเลยนะครับ” คนฟังถึงกับเป็นปลื้ม น้ำตาซึมออกมา “อีกนานไหมพวกเราถึงจะได้เจอหลาน” “ก็ต้องรอให้จันทร์เข้าพักในห้องพักฟื้นก่อนครับ คงอีกสักพักใหญ่ ตอนนี้เราทำได้แค่รอ แต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลานแม่คนนี้ตัวใ
เวลาเกือบสามทุ่มของคืนหนึ่ง จันทร์กระจ่างกำลังนั่งพิมพ์งานเหมือนทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะถึงแม้จะยุ่งกับการดูแลลูกและสามีมากแค่ไหน ก็ยังคงรับจ็อบแปลหนังสือและเขียนนิยายที่รักเสมอ ก่อนหยุดชะงักเมื่อหันไปเห็นสันหนังสือที่เป็นผลงานการเขียนของหล่อนเข้า ครั้งหนึ่ง อิชย์เคยหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน ‘เมียบำเรอไร้รัก’ เรื่องราวในนั้นคือส่วนหนึ่งในชีวิตของหล่อนและเขา วันนั้นจึงทำให้อิชย์เงียบซึมไปทั้งวัน ‘พี่เพิ่งรู้ว่าตัวเองเลวและแย่แค่ไหน ที่ทำให้จันทร์เหมือนตกอยู่ในนรกแบบนั้น’ นั่นคือประโยคหนึ่งที่เขากล่าวออกมาในค่ำคืนนั้น และหล่อนก็กลายเป็นคนที่ปลอบใจพ่อคนจิตใจอ่อนไหวตลอดทั้งคืน แต่พอตื่นขึ้นมา คนที่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวกลับกลายเป็นหล่อน แต่พ่อคนอ่อนไหวดันสดใสกระปรี้กระเปร่าอยู่คนเดียว เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกมา ทำให้หญิงสาวที่กำลังย
บทส่งท้ายวันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ อิชย์และจันทร์กระจ่างกำลังจะกลายเป็นคุณพ่อคุณแม่ลูกสาม ทั้งเพื่อนบ้านและคนงานต่างแซวชายหนุ่มว่าแรงดีไม่มีตก กิจการของเขาเองก็กำลังไปได้สวย รับพนักงานใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน เพื่อสลับสับเปลี่ยนกับดนัย ส่วนตัวเขารับงานเพียงช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายเน้นเข้าฟาร์ม แต่ก็ไม่ทุกวัน เพราะเสาร์อาทิตย์เขาจะอยู่กับครอบครัวเป็นหลัก สี่คนพ่อแม่ลูกจึงมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นกว่าเดิม บางครั้งในวันหยุด หญิงสาวจึงชวนสามีไปเยี่ยมปัทมาที่ราชบุรี “คิดถึงแกมาก” ปัทมาสวมกอดเพื่อนรัก “ฉันก็คิดถึงแก ไหนลูกสาวล่ะ” “ไม่อยู่ เพิ่งออกไปกับพ่อ ไปซื้อขนม มาเถอะเข้าบ้านก่อน เชิญค่ะคุณอิชย์” หญิงสาวกล่าวเชิญสามีของเพื่อน รวมทั้งเรียกเด็กๆ ให้เดินตาม หนุ่มน้อยสาวน้อยดูจะชอบร่องสวนมะพร้าวมาก เพราะกระโดดข้ามกันสนุกสนาน
“ขอโทษทีค่ะ จันทร์ก็มัวแต่ยุ่งๆ กับเรื่องของลูก” “มีใครพาไปหาหมอหรือยัง” “พาไปแล้วค่ะ แต่ดีที่ยังเป็นไม่มาก หมอเลยให้กลับมานอนพักที่บ้าน จันทร์เลยให้หยุดไปก่อน หายดีค่อยมาทำงาน” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะบอกกับหญิงสาว “จันทร์อยู่กับลูกเถอะ พี่ซักเอง เผื่อน้องอิ่มหิวขึ้นมาจันทร์จะได้ให้นมลูก” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นจากพื้นบ้าน แล้วคว้าตะกร้าผ้าจากมือภรรยามาถือเอาไว้เอง “ขอบคุณนะคะ สามีจันทร์น่ารักที่สุดในโลกเลย” หญิงสาวยิ้มหวาน ทำให้คนใจดีน่ารักที่สุดในโลกยิ้มหน้าบาน “งั้นจันทร์ต้องเตรียมตอบแทนพี่แล้วแหละ” เขายักคิ้วหลิ่วตา พลางทำตาวาวแล้วมองด้วยสายตาโลมเลียจนหญิงสาวค้อนขวับ&n
“พี่อัจกำลังมีความรักจริงๆ ด้วย” จันทร์กระจ่างบอกกับสามี อีกฝ่ายพยักหน้า เขาเองก็เห็นเป็นเช่นนั้น เมื่ออัจฉรามีความรัก อะไรๆ ก็ดูสดใสขึ้นทันตา “พี่เจตน์ครับ มาดื่มน้ำก่อนลูก” “น้ำๆ น้าม” พี่เจตน์วิ่งจนเท้าลอยเข้ามาหาพ่อกับแม่ ดื่มน้ำจนอิ่มแปล้ แล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักพ่อ ส่วนคุณปู่กับคุณย่าก็ได้พัก ไม่นานนัก อัจฉราจึงเดินกลับมาร่วมวงสนทนาอีกครั้ง วันต่อมา อิชย์พาภรรยาและลูกชายไปเที่ยวที่ฟาร์มโคนมของตัวเอง พ่อหนูชื่นชอบวัวมากๆ เขาชวนคุยเรื่องวัวตลอดเวลา ทั้งยังขอขี่หลังมันเสียด้วย คนเป็นพ่อจึงยอมตามใจแต่ก็ดูแลอย่างใกล้ชิด ทุกวันหยุดถ้าไม่อยู่บ้านตัวเองหรือไปบ้านพ่อกับแม่ อิชย์จะพาลูกและเมียขับรถเล่นเสมอ บางครั้งก็พาหญิงสาวไปเยี่ยมเพื่อนรักอย่างปัทมา ที่กำลังจะมีข่าวดีกับคนรักเร็วๆ นี
๒๔โซ่เส้นที่สอง คล้องใจแนบแน่นสามเดือนต่อมา... “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณตั้งท้องได้สิบสัปดาห์แล้วครับ” คุณพ่อหนุ่มหล่อกับคุณแม่สาวสวยเดินกุมมือลงมาจากรถยนต์เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวด้วยสายตาอบอุ่น ท้องนี้เขาจะได้ดูแลหล่อนตั้งแต่ท้องอ่อนๆ จนกระทั่งเข้าห้องคลอดเลยทีเดียว เขาจะไม่ยอมพลาดเหตุการณ์สำคัญในชีวิตอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน “เดินดีๆ นะจ๊ะ” จันทร์กระจ่างยิ้มกริ่ม ตั้งแต่เขาบอกรัก ความหวานของอิชย์ไม่เคยพร่องลงเลยสักนิดเดียว ยิ่งรู้ว่าหล่อนท้องเขาก็ยิ่งเห่อหนัก คอยประคับประคองไม่ห่าง “พี่อิชย์คะ จันทร์เพิ่งท้องอ่อนๆ เอง” “ก็นั่นแหละ ย