ทั้งคืน...ทั้งคืนที่อิงวรานั่งหลังพิงเตียงแล้วทอดมองออกไปยังด้านนอกห้องบนคอนโดฯ หรูโดยไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ เธอเอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้นซ้ำ ๆ จนขอบตาบวมช้ำ
นับจากสายสุดท้ายที่เธอตัดทิ้งไปเขาก็ไม่ได้โทรมาหาอีกเลย ไม่มีคำขอโทษใด ๆ ให้ได้ยินหรือแม้แต่พิมพ์มาให้รู้สึกดีขึ้นเลย
เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อกลับไปทำงานอีกครั้งถึงแม้ว่าร่างกายจะอ่อนเพลียและหัวใจจะบอบช้ำก็ตาม เธอต้องแยกเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานออกจากกัน
เกือบสายอิงวราพาตัวเองมาถึงที่ทำงานด้วยสภาพอิดโรย เธอไม่ได้สนใจสายตาของพนักงานด้วยกันว่าจะมองเธออย่างไร และวางตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นเมียของประธานบริษัทเพราะต่อไปก็คงไม่ใช่แล้ว
“คุณอิงคะ ทำไมสภาพเหมือนคนไม่ได้นอนแบบนี้ล่ะคะ”
“ก็ไม่ได้นอนจริง ๆ มาดักรออยู่หน้าห้องมีอะไรหรือเปล่า”
“นุดีไม่มีหรอกค่ะ แต่คนที่มีน่าจะนั่งรออยู่ในห้องแถมตอนนี้ยังทำหน้ายักษ์จนทุกคนไม่กล้าสบตาเลยค่ะ” นุดีรีบมารายงานเมื่อเห็นว่าอิงวราเดินออกจากลิฟต์มา
ไม่บอกก็รู้ว่าใครมารอเจอเธอ เพราะก่อนออกมาเธอเห็นเขากดโทรหาตั้งหลายสายแต่เธอก็ยังคงจะเลือกไม่รับสายเหมือนเดิม
ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างอ้วนท้วนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบตึง จากการกดตัดสายทิ้งเมื่อเช้า เขาไม่รอช้าให้เธอเดินเข้ามายังโต๊ะทำงานขายาวรีบก้าวเขาไปขวางทางเอาไว้
“หลบค่ะ อิงมีงานที่จะต้องทำให้เสร็จ”
“ผมขอสิบนาที เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ถ้าเป็นเรื่องหย่าไม่ต้องเสียเวลาคุย คุณนัดวันและสถานที่มาได้เลยฉันพร้อมไปเซ็นให้อยู่แล้ว”
คำว่า ‘หย่า’ ทำเอาทั้งห้องทำงานหูผึ่งขึ้นมาทันทีต่างหันมองหน้ากันเลิ่กลั่กและคิดว่าความน่าจะเป็นไปได้คงค่อนข้างสูงเพราะก่อนหน้านี้เห็นทั้งคู่มึนตึงใส่กันเป็นสัปดาห์
“มันเป็นเรื่องส่วนตัวเราไม่สมควรมาคุยกันในนี้”
“เราไม่สมควรมาคุยกันตั้งแต่รู้ว่ามันเป็นที่ทำงานแล้วค่ะ” ใบหน้าอิ่มเชิดขึ้นมองด้วยแววตาเย็นชา
“แล้วคุณอยู่บ้านให้ผมได้อธิบายอะไรไหม ใจเย็นกว่านี้หน่อยได้ไหมอิง” เสียงนั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ใจเย็นเหรอ? ฉันใจเย็นมากเลยรู้ไม่คะ ที่ไม่ประกาศหรือส่งรูปพวกนั้นให้คนอื่นดูแถมสามียังมาขอหย่าอีก ถ้าเย็นกว่านี้ฉันคงกลายเป็นน้ำแข็งแล้ว รอบกวนคุณก้าวกล้าออกไปด้วยค่ะ ฉันจะทำงาน”
ก้าวกล้าได้แต่ถอนหายใจออกมายาว ๆ และล่าถอยจากห้องนั้นด้วยความเจ็บปวดไม่ต่างกัน ยอมรับว่ามีบ้างที่รู้สึกเบื่อหน่ายคนรักเพราะรูปร่างที่เปลี่ยนไปแต่ว่าความรักที่ให้เธอไม่เคยน้อยลงไปจากวันแรกที่รักเลยสักนิด
อิงวราเองเงยหน้าขึ้นเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลต่อหน้าพนักงานคนอื่นลำพังแค่ทะเลาะกันให้เห็นมันก็น่าอายมากพออยู่แล้ว
“ท่านประธานได้คุยกับคุณอิงหรือยังคะ” เมวดีเอ่ยถามขณะวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ
เขาใช้เพียงสายตาเหลือบขึ้นมองเล็กน้อย คว้าเอาแฟ้มมาเปิดเซ็นเอกสารเหล่านั้นพลางส่ายหน้าไปมา
“เขาไม่ยอมคุยกับผม ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นเลย” พูดจบก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“เมย์ขอเป็นคนไปคุยกับคุณอิงได้ไหมคะ ฉันจะไปอธิบายให้เธอฟังเองว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” เธอขออาสาอีกครั้ง
“ไม่จำเป็นหรอก เพราะอิงไม่ยอมฟังอะไรจากผมเลย คงต้องรอให้เธอเย็นลงกว่านี้ก่อน ผมจะอธิบายและง้อเธอเอง ว่าแต่คุณเถอะเรื่องแฟนเก่าคุณเป็นยังไงบ้าง” เขาเปลี่ยนไปคุยเรื่องของเมวดีแทน
“เลิกแล้วค่ะ ดิฉันเลิกเด็ดขาดเลย เหมือนที่ท่านประธานบอก เราจะไปให้ค่าคนที่ไม่เห็นค่าของเราทำไม” เธอยิ้มออกมาแววตาดูมีความสุขกว่าหลายวันก่อนมาก
“ก็ดีแล้ว คุณมีอะไรไปทำก็ไปเถอะ” เขาโบกมือไล่
“ค่ะ ท่านประธาน”
หญิงสาวรับคำแล้วเดินออกจากห้องไปปล่อยให้ก้าวกล้าจมอยู่กับความคิดตัวเอง นิ้วมือยกขึ้นคลึงจมูกตัวเองเพื่อไล่ความเครียดให้ออกไปจากสมองแล้วก้มหน้าลงมือทำงานต่อ
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป...
“รู้สึกไหมว่าช่วงนี้บริษัทเรามันดูอึมครึมไม่มีความสุขยังไงไม่รู้” หนึ่งในพนักงานพูดขึ้นในช่วงเวลาพักเที่ยง
“บรรยากาศจะให้ดีได้ยังไง ก็ท่านประธานกับเมียไม่มองหน้ากันไม่คุยกันเลยตั้งแต่วันนั้น นี่ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว” สาวสูงวัยเอ่ยขึ้น
“ประชุมล่าสุดนะ บึ้งตึงใส่กันฉิบหายทั้งห้องประชุมขนลุกเป็นเกรียวกลัวว่าระเบิดจะลงกลางห้อง ปกติก็เครียดเรื่องยอดขายกับภาพลักษณ์บริษัทอยู่แล้วนะ แต่วันนั้นยิ่งกว่าเครียดอีกแทบลืมหายใจ”
หนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นโดยไม่รู้เลยว่าบุคคลที่อยู่ในบทสนทนายืนฟังอยู่ด้านหลัง
“ถ้ามันเครียดขนาดนั้นผมแนะนำว่าให้ลาออกแล้วไปนอนอยู่บ้านน่าจะดีกว่า”
ทุกคนหันขวับไปมองพร้อมกัน เห็นว่าเป็นใครกลุ่มใหญ่เมื่อครู่แตกกระเจิงทันที แม้จะยังกินข้าวกันไม่อิ่มก็ตาม
ทำไมเขาจะไม่อยากคุยกับเมียล่ะ แต่เธอเอาแต่หลบหน้าแถมไม่กลับมานอนบ้านมาเป็นสัปดาห์แล้ว ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเธอไปอยู่ที่ไหน
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วยกบัตรเชิญเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยขึ้นมาดูบัตรถูกส่งมาให้ตั้งแต่เดือนที่แล้วและทุกทีเขากับเธอจะไปออกงานด้วยกันเสมอ แม้ว่าจะถูกแซวว่ารูปร่างของอิงวราเปลี่ยนไปแต่เขาก็พยายามปลอบใจเธอ ทว่าคำพูดเหล่านั้นมันกลับไม่มีผลต่อจิตใจเธอเลยสักนิดเป็นเขาที่คิดมากไปเอง
วันงานเลี้ยงรุ่นมาถึงก้าวกล้ามาถึงงานก่อนแล้วและชะเง้อคอมองหาคนเป็นเมียแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะมาเลยจนกระทั่งเพื่อนสมัยเรียนเดินมาทักทาย
“ว่าไงครับคุณก้าวกล้า มาร่วมงานนี้ด้วยเหรอครับนึกว่าจะไม่มา
ซะแล้ว” ชายหนุ่มหน้าตาดีเดินเข้ามาทักทาย“แล้วทำไมถึงคิดว่ากูไม่มาครับ”
“เอ้า มัวแต่ทำงานคุณเพื่อนท่านประธานไม่รู้เหรอครับว่าเขาลือกันไปทั่วว่าคุณมึงเลิกกันกับอิงวราแล้ว”
พูดพลางยกแล้วเครื่องดื่มขึ้นจิบแล้วเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นว่าก้าวกล้าไม่เอ่ยปฏิเสธเลยสักนิดจึงหันกลับไปถามซ้ำอีกรอบเพื่อความแน่ใจว่าข่าวลือเรื่องนั้นไม่เป็นความจริง
“มึงไม่ได้เลิกกับอิงจริงๆ ใช่ไหม”
ก้าวกล้าหันกลับไปมองส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่รู้สิ ทะเลาะกันอยู่แล้วก็กูปากพล่อยขอหย่ากับเขา”
กำลังจะยกเครื่องดื่มขึ้นจิบอีกรอบถึงกับสำลักเมื่อได้ยินอีกทั้งส่ายหน้ารัวพลางพึมพำออกมาแต่ว่าคนตัวสูงกลับได้ยินชัดเจน
“มิน่าล่ะ”
“มิน่าอะไร”
เขาหันไปจ้องหน้าคิ้วขมวดจนเพื่อนร่วมรุ่นอึกอักอยู่ครู่หนึ่งแล้วชี้ไปอีกทางซึ่งเป็นสนามหญ้าด้านนอกห้องโถง
“ก็ไอ้ภูกำลังยืนจีบเมียมึงอยู่ข้างนอกโน่น”
ได้ยินอย่างนั้นก้าวกล้าถึงกับกำมือแน่นเลือดขึ้นหน้าวางแล้วลงโต๊ะเสียงดังแล้วเดินตรงดิ่งออกไปด้านนอกโดยมีเพื่อนคนนั้นเดินตามหลังออกมาเพราะเกรงว่าจะมีเรื่องชกต่อยกัน
สองคนนี้ยิ่งไม่ถูกกันเสียด้วย
เพราะภูคือแฟนเก่าของอิงวราสมัยมัธยมปลายและเลิกลากันไปก่อนเข้ามาเรียนปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ หลายครั้งที่ทั้งคู่มีเรื่องกันเพราะไอ้ภูชอบมาทำตัวเป็นหมาห่วงก้างจนทำให้ก้าวกล้าหึงหวงอยู่บ่อยๆ
“นั่นไง ว่าแล้ว”
คิดเอาไม่มีผิดเพราะภาพที่เห็นคือทั้งคู่คุยกันกระหนุงหนิงยิ่งเป็นภาพที่ไอ้ภูก้มลงกระซิบอะไรสักอย่างกับอิงวรา ชายหนุ่มถึงกับเลือดขึ้นหน้าตรงปรี่เข้าไปผลักมันออก
“มึงยุ่งอะไรกับเมียกู”
“ก้าว หยุด! คุณเป็นบ้าอะไร” อิงวราผลักก้าวกล้าให้ถอยออกแล้วเดินไปพยุงภูให้ลุกขึ้น
“ปกป้องมันเหรออิง ผมเป็นผัวคุณนะ”
“อิงไม่ได้ปกป้องเขา อิงปกป้องคุณ ไม่เห็นเหรอว่าคนมองคุณกันทั้งงานแล้ว และอีกอย่างสถานะเราสองคนกำลังจะเตรียมหย่ากันอยู่แล้วคุณลืมไปหรือเปล่าว่าคุณเป็นคนขอหย่าฉันเอง” เธอตะโกนใส่หน้าเขาเสียงดังจนได้ยินกันทั่ว
“เพราะอย่างนี้ ใช่ไหมคุณถึงมาอี้ออกับมัน”
“แล้วทีคุณกับเลขาฯ ของคุณล่ะทำไมไม่คิดบ้าง”
“ผมบอกแล้วว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ผมไม่ได้มีอะไรกับเมวดี
คุณไม่เคยเปิดโอกาสให้ผมได้อธิบายอะไรเลย คุณไม่เคยเชื่อใจผมสักครั้ง เรื่องหย่าผมพูดเพราะไม่ทันคิด ความจริงแล้วผมไม่เคยคิดอยากหย่าเลย แต่พอได้เห็นแบบนี้แล้ว ทุกเรื่องที่ผ่านมาคงเป็นข้ออ้างอยากหย่ากับผมจริง ๆ เสียมากกว่าไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ยอมหย่ากับผมง่ายขนาดนั้นหรอก”ชายหนุ่มตะโกนออกมาด้วยความเครียดและอัดอั้นเพียงครู่น้ำตาของลูกผู้ชายก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่และไม่อายใคร
“ก้าว” จะเดินเข้าไปหาทว่าเขากลับถอยและหันหลังเดินจากไป
หัวใจของอิงวรากระตุกวูบเพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นน้ำตาของเขา เธอตัดสินใจวิ่งตามหลังไปแต่ก็ไม่ทัน เขาขึ้นรถขับออกไปไกลแล้ว...
“ขอบคุณมากนะคะที่อยากร่วมงานกับเรา”อิงวรายื่นมือไปจับเพื่อขอบคุณลูกค้ารายใหญ่ ทุกการเจรจาเรียบร้อยเหลือแค่ส่งเรื่องไปให้ท่านประธานไปเซ็นสัญญาก็เท่านั้น“คุณอิงเก่งมาเลยค่ะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าห้างฯ ระดับนั้นอยากได้สินค้าของเราไปวางสาขาต่างประเทศด้วย” นุดียืนยิ้มปลื้มอกปลื้มใจ“มันแน่นอนอยู่แล้ว ก็สินค้าเรามีคุณภาพนี่ ใครก็อยากได้”อย่าถามหาความถ่อมตัวจากคนตัวกลมเลยเพราะมันคือความภาคภูมิจองเธอที่ขายงานได้ทุกครั้ง ใครไม่อวยก็ช่างเธอไม่สนใจขอแค่ตัวเองอวยและให้กำลังใจตัวเองก็มากเกินพอแล้ว“ปะ กลับขึ้นไปทำงานกันเถอะ” อิงวราเอ่ยชวนหันหลังขึ้นบันไดได้สองสามขั้นอยู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกหน้าหน้ามืดขึ้นมาแม้ว่าจะสะบัดหัวไล่ความมึนงงออกไปแต่มันก็ไม่เป็นผล“นุดี” เรียกได้แค่คำสั้น ๆ ก่อนร่างอ้วนจะหงายหลังกลิ้งลงบันไดศีรษะฟาดกับขอบราวแล้วแน่นิ่งไป“คุณอิง!” นุดีร้องเสียงหลงวิ่งลงไปประคองร่างไร้สตินั้นสถานการณ์ตอนนั้นเริ่มวุ่นวายไปหมด เสียงรถพยาบาลดังมาแต่ไกลจนได้ยินไปถึงห้องประชุม ก้าวกล้าขมวดคิวนิดหน่อยนึกว่ามีพนักงานป่วยจึงไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่ง...“ท่านประธานคะ!” เมวดีเปิดประตูพรวดพลาดเข้ามาด้ว
การทะเลาะกันของคนทั้งคู่กลายเป็นเรื่องซุบซิบของเหล่าเพื่อนและคณะอาจารย์จนอิงวราไม่สามารถทนต่อสายตาทุกคนได้จึงเลี่ยงออกจากงานเพื่อกลับบ้านเสียงวิ่งตามเหยาะ ๆ ทำให้คนเจ้าเนื้อหันกลับไปมองและก็เห็นว่าเป็นภูกำลังวิ่งตามมาเธอจึงหยุดฝีเท้าลง“วิ่งตามเรามา มีอะไรหรือเปล่าภู”“เราจะมาขอโทษเธอเรื่องวันนี้” ทั้งพูดทั้งหายใจเหนื่อยหอบสองมือเท้าเอว แล้วพ่นลมหายใจออกมา“ไม่ต้องขอโทษหรอก มันไม่ใช่ความผิดของภูนะ เรากับก้าวมีปัญหากันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เรื่องนี้เดี๋ยวเราจัดการเอง”“แต่เราก็รู้สึกผิดอยู่ดี เอาอย่างนี้ไหม เดี๋ยวเราขับรถไปส่ง” ชายหนุ่มขันอาสาด้วยรอยยิ้ม แล้วต้องหุบลงเพียงชั่ววินาที“ไม่เป็นไร เราอยากเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ขอบใจนะ” ว่าจบอิงวราก็หันหลังเดินจากไป ปล่อยให้ชายหนุ่มมองตามหลังอยู่อย่างนั้นเธอไม่รู้ว่าเดินมาไกลแค่ไหนหรือเดินมาถึงไหนแล้วแต่พอเงยหน้าขึ้นก็มาหยุดอยู่ท่ามกลางฝูงชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติย่านแหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมืองกลุ่มไทยมุงแล้วก็เสียงร้องโวยวายอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลเรียกสติให้เธอหันกลับมาสนใจสถานการณ์ตรงหน้า มีหลายคนพยายามจะเข้าไปช่วยแต่ว่าผู้ชายคนนั้นกล
ทั้งคืน...ทั้งคืนที่อิงวรานั่งหลังพิงเตียงแล้วทอดมองออกไปยังด้านนอกห้องบนคอนโดฯ หรูโดยไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ เธอเอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้นซ้ำ ๆ จนขอบตาบวมช้ำนับจากสายสุดท้ายที่เธอตัดทิ้งไปเขาก็ไม่ได้โทรมาหาอีกเลย ไม่มีคำขอโทษใด ๆ ให้ได้ยินหรือแม้แต่พิมพ์มาให้รู้สึกดีขึ้นเลยเธอลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อกลับไปทำงานอีกครั้งถึงแม้ว่าร่างกายจะอ่อนเพลียและหัวใจจะบอบช้ำก็ตาม เธอต้องแยกเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานออกจากกันเกือบสายอิงวราพาตัวเองมาถึงที่ทำงานด้วยสภาพอิดโรย เธอไม่ได้สนใจสายตาของพนักงานด้วยกันว่าจะมองเธออย่างไร และวางตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นเมียของประธานบริษัทเพราะต่อไปก็คงไม่ใช่แล้ว“คุณอิงคะ ทำไมสภาพเหมือนคนไม่ได้นอนแบบนี้ล่ะคะ”“ก็ไม่ได้นอนจริง ๆ มาดักรออยู่หน้าห้องมีอะไรหรือเปล่า”“นุดีไม่มีหรอกค่ะ แต่คนที่มีน่าจะนั่งรออยู่ในห้องแถมตอนนี้ยังทำหน้ายักษ์จนทุกคนไม่กล้าสบตาเลยค่ะ” นุดีรีบมารายงานเมื่อเห็นว่าอิงวราเดินออกจากลิฟต์มาไม่บอกก็รู้ว่าใครมารอเจอเธอ เพราะก่อนออกมาเธอเห็นเขากดโทรหาตั้งหลายสายแต่เธอก็ยังคงจะเลือกไม่รับสายเหมือนเดิมประตูเปิดออกพร้อมกับร่างอ้วนท้วนเดินเข้า
รุ่งเช้าของวันใหม่อิงวราลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแค่ชามน้ำและผ้าขนหนูวางอยู่ ถัดไปไม่ไกลเห็นร่างกำยำนั่งหลับแนบหน้าลงกับโต๊ะ เขาอยู่ดูแลเธอทั้งคืนเลยอย่างนั้นหรือหากเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะอบอุ่นใจแต่เหตุการณ์เมื่อวานมันทำให้เธอกลับไปคิดอย่างเดิมไม่ได้หญิงสาวนั่งมองสามีอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำงาน แต่เธอก็ยังไม่ลืมหน้าที่ของภรรยาจึงจัดเตรียมชุดทำงานและอุปกรณ์ทำให้งานวางไว้บนที่นอนเหมือนเดิมก้าวกล้าตื่นขึ้นมาไม่เห็นคนเจ้าเนื้อนอนอยู่ที่เดิม คิดว่าเธอคงอยู่บนห้องนอน พอเปิดประตูเข้ามาไม่เห็นแม้แต่เงาเหลือบมองไปยังเตียงนอนถึงได้เห็นว่าเธอเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้และคงออกไปทำงานแล้วด้วย‘ทำไม ไม่ปลุก’เขาย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัยก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินหายเข้าไปในห้องเพื่อชำระร่างกายและออกไปทำงานเช่นเดียวกันชายหนุ่มเห็นภรรยาเดินตรงมากับเพื่อนด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแต่พอเห็นหน้าเขากลับหุบยิ้มและเดินผ่านเลยไปเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น‘เป็นอะไรของเขา’ถึงแม้หลายวันที่ผ่านมาจะมึนตึงใส่กันทว่าท่าทางของเธอก็ไม่ได้เย็นชาขนาดนี้ ทำเหมือนกับว่ากำลังโกรธอะไรสักอย่าง
“ชุดนี้เหมาะกับคุณมากเลยค่ะ”นิ้วป้อมสั้นติดกระดุมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มครบทุกเม็ดแล้วลูบแผ่นอกกว้าง ทุกเช้าเธอจะเป็นคนจัดเตรียมชุดและเนคไทให้กับสามีและแน่นอนว่าเธอมักจะเอ่ยชมความหล่อของเขาทุกวัน...ก็คนมันหล่อจริง ๆ นี่นามือใหญ่คว้าไปจับนิ้วป้อมไว้เพราะไม่อยากถูกกระตุ้นอารมณ์จนตื่นตัวตอนนี้เพราะต้องรีบไปทำงานแต่เช้า ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้“ผมอยากให้คุณลดน้ำหนัก”เท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้องถึงกับชะงัก ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากเรื่องนี้ เธอหันกลับไปหาก้าวกล้าด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ“คุณรู้ใช่ไหมว่าผมอยากมีลูก”“รู้ค่ะ คุณพูดกับฉันบ่อยเสียขนาดนี้ ฉันก็พยายามควบคุมอาหารอยู่” หญิงสาวพยายามจะเข้าไปซบอกทว่าถูกเขาดันมือออก ไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วขอตัวไปทำงาน ทั้งคู่ไม่ได้ไปรถคันเดียวกันต่างคนต่างขับไปทำงานจนกลายเป็นเรื่องปกติพักเที่ยงก้าวกล้าเดินลงมาทานอาหารยังแคนทีนของบริษัท เขาก้าวเข้าไปหยุดอยู่ประตูทางเข้า กวาดสายตาไปรอบ ๆ แล้วไปหยุดอยู่โต๊ะอาหารของคนเป็นเมียนี่คือการพยายามลดน้ำหนักแล้วใช่ไหม?บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาการคาวหวานซึ่งกินหมดนั้นน้ำหนักคงขึ้นได้เป็นกิโลเพียงชั่วข้ามคืนแน่นอน ชายหนุ่มถอน
สองมือป้อมค้ำคางอยู่หน้าเคาน์เตอร์ห้องครัวมองคนตัวสูงร่อนกระทะอยู่หน้าเตาไปมา ดวงตาไล่ตั้งแต่ปลายเส้นผมจนยาวถึงมือ ใบหน้าหล่อ กล้ามเนื้อแน่นเส้นเลือดตามแขนขึ้นชัดเจน รูปร่างหน้าตาของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่คบกันและแต่งงานกันมันช่างดูน่ากินมากกว่าสปาเกตตี้ในกระทะนั้นเสียอีก“หอมจังเลยค่ะ อิงดีใจนะที่วันครบรอบแต่งงานของเรายังมีคุณอยู่ด้วยอีกปี”ก้าวกล้าละสายตาจากกระทะเงยมองหน้าคนเป็นเมียนิดหนึ่งแล้วก็ก้มลงปรุงอาหารต่อ อีกปีอย่างนั้นเหรอ แล้วถ้าปีต่อไปเขาจะเลิกกับเธอล่ะแค่คิดชายหนุ่มก็ถอนหายใจยาวออกมา“ถอนหายใจทำไมคะ มีอะไรหนักใจหรือเปล่า หรือว่างานมีปัญหา”ดวงหน้าอวบอิ่มยังคงใสซื่อเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คงเป็นสามีซึ่งมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ เขาเพียงคลี่ยิ้มบาง ๆ แล้วตักอาหารใส่จานมาเสิร์ฟให้กับคนตัวอ้วนชอบกินตรงหน้า“น่ากินจัง กินแล้วนะคะ” พูดจบมือป้อมก็จ้วงส้อมในมือลงจานแล้วหมุน ๆ ตักเข้าปากทันทีเมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าการกินแบบนี้มันช่างดูน่ารัก แต่สภาพตอนนี้มันดูเกินน่ารักไปมาก...มากจนล้นหลังจากจัดการมื้อค่ำและล้างจานเรียบร้อยอิงวราหันกลับมาก็ไม่เจอคนเป็นสามีแล้ว หญิงสาวเดินไป