ความเย็นชา
“พี่ใจขอยืมค่ะ”
“ยืมทำไม” น้ำเสียงเขาเข้มขึ้น สีหน้าฉายความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
“ยะ...ยืมไปใช้หนี้ค่ะ” ณิชาตอบเสียงสั่นนิด ๆ ด้วยหวั่นกลัวน้ำเสียงและสีหน้าของเขา ถึงแม้เธอจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาม “พี่ใจเป็นหนี้นอกระบบ ตอนนี้โดนเจ้าหนี้ตามทวง แล้วไม่มีเงิน ก็เลยมาขอยืมชาไปใช้หนี้ก่อนค่ะ” เธอเล่าให้เขาฟังแบบคร่าว ๆ
วินทร์ยืนมองหน้าหญิงสาวด้วยแววตาเรียบนิ่ง เขารู้ดีว่าเธอเป็นคนขี้สงสาร มักจะอาสาช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอด โดยไม่คิดเลยว่าหากช่วยไปแล้วตัวเองจะลำบากหรือได้รับผลกระทบหรือไม่
“แล้วเธอมั่นใจได้ยังไงว่าจะไม่โดนหลอก” ชายหนุ่มถามต่อ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นใจดวงใจซึ่งเป็นลูกจ้าง แต่เขาอยากให้ณิชาคิดและตรวจสอบสักนิดว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร หรือใช่เรื่องจริงหรือไม่ ไม่ใช่ว่าใครว่าใครบอกอะไรก็เชื่อไปเสียหมด ที่ผ่านมาเขาเจอมากับตัว ขนาดคนที่รู้จักกันมานานและไว้ใจมาก ๆ ยังลอบทำร้ายกันได้ลงคอ นับประสาอะไรกับแม่บ้านที่เพิ่งเข้ามาทำงานด้วยกันได้ไม่ถึงปี
“พะ...พี่ใจคงไม่โกหกหรอก...มั้งคะ” ณิชาตอบได้ไม่เต็มเสียงสักเท่าไร เพราะมันก็จริงอย่างที่เขาว่า ไม่มีอะไรมารับประกันเลยว่าสิ่งที่ดวงใจบอกเล่ามานั้นคือเรื่องจริง แต่กระนั้นเธอก็ไม่อาจมองข้ามความทุกข์ของลูกจ้างได้ “พี่ใจยืนยันกับชาว่าจะไม่หนี และให้ชาทำสัญญากู้ยืมได้ค่ะ”
“แล้วแต่เธอจะพิจารณาเอาแล้วกัน ถ้าอยากช่วยก็ช่วยไป ส่วนเงินเดือนของพี่ใจเดี๋ยวฉันโอนให้เย็น ๆ” พูดจบวินทร์ก็หมุนตัวเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเองที่อยู่อีกฝั่งทันที ณิชามองตามแผ่นหลังของผู้เป็นสามีด้วยความหนักใจ เธอเดาไม่ออกเลยว่าเขาคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ มีแวบหนึ่งที่เธอรู้สึกว่าเขาไม่เห็นด้วยคล้ายห่วงใยว่าเธออาจจะถูกหลอก ทว่าไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างตัดเยื่อใย แล้วก็เดินออกไปเลย
หญิงสาวก้มมองสมาร์ตโฟนในมือ สมองกำลังคิดทุกอย่างอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง หากความห่วงใยที่มีต่อดวงใจและลูกสาววัยสิบสามปีนั้นมีมากกว่า จึงตัดสินใจปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ กดเข้าแอปพลิเคชันธนาคาร แล้วทำการโอนเงินจำนวนสองแสนเข้าบัญชีของดวงใจทันที ก่อนจะโทร. ไปบอกว่าโอนเงินให้แล้ว
เมื่อคุยเสร็จ ณิชาถอนหายใจออกมาเบา ๆ เก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง อาศัยช่วงเวลาที่มีคนดูลูกให้เข้าไปอาบน้ำ แต่งตัวง่าย ๆ และทาครีมบำรุงอย่างรีบ ๆ ก่อนเดินไปหยิบตะกร้านมและผ้าอ้อมที่ใช้แล้วของลูก จากนั้นก็เดินลงมาชั้นล่างทันที
“ถ้าเธอมีธุระที่ไหนหรือจะไปซื้อของใช้ส่วนตัวก็ไปได้เลย วันนี้ฉันอยู่บ้านทั้งวัน เดี๋ยวฉันดูลูกเอง” วินทร์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแม่ของลูกเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ถึงแม้ว่าเขาจะเกลียดเธอ หากก็ไม่ได้ใจร้ายมากนัก เขาเข้าใจว่าการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งคนเป็นแม่ยังต้องอยู่กับลูกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จนทำให้ไม่มีเวลาส่วนตัว
ถ้าเขาจำไม่ผิด ตั้งแต่คลอดณิศราออกมาจนตอนนี้ก็สามเดือนนิด ๆ แล้ว ณิชาไม่ได้ออกไปไหนและแทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย ต่างกับเขาที่ต้องออกไปทำงาน เจอผู้คนมากหน้าหลายตา ไม่ได้อุดอู้อยู่แต่ในบ้านอย่างนี้ กอปรกับวันนี้เขาว่างและไม่ได้ออกไปไหนพอดี จึงเปิดโอกาสให้เธอได้ออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง
“พี่วินทร์จะอยู่กับหนูณิสองคนเหรอคะ” หญิงสาวอยากออกไปเดินเลือกซื้อของ ด้วยข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของเธอที่ให้ดวงใจคอยซื้อเข้ามาให้นั้นใกล้จะหมดแล้ว แต่เธอก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาจะอยู่กับลูกได้ เพราะที่ผ่านมาเขายังไม่เคยอยู่กับลูกตามลำพังเลยสักครั้งเดียว
“อีกเดี๋ยวพี่ใจก็มาไม่ใช่หรือไง” ไม่ใช่แค่เธอที่ไม่แน่ใจว่าเขาจะอยู่กับลูกได้ หากเขาเองก็ไม่มั่นใจเช่นกัน แต่เพราะรู้ว่าอีกสักพักดวงใจซึ่งเป็นทั้งแม่บ้านและพี่เลี้ยงจะเข้ามา เขาจึงกล้าบอกเธอไปแบบนั้น
ได้ยินแบบนั้นณิชาก็คลายความกังวลไปได้หนึ่งเปลาะ และอีกอย่างก็ใกล้ถึงเวลานอนของหนูน้อยแล้ว หญิงสาวจึงพยักหน้ายอมรับข้อเสนอที่เขายื่นมาให้แต่โดยดี “งั้นชาขอออกไปซื้อของข้างนอกนะคะ”
“อืม อย่าลืมปั๊มนมไว้ด้วย” วินทร์บอกแค่นั้น ก่อนจะหันกลับไปสนใจเล่นกับลูกน้อยที่ยังชูแขนชูขาตอบโต้เสียงกระดิ่งในมือของผู้เป็นพ่อ
ณิชามองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตา พลางคิดในใจว่าคงจะดีไม่น้อยหากเธอและเขาได้เป็นครอบครัวเดียวกันจริง ๆ ไม่ใช่ได้เป็นเพราะถูกบีบบังคับเช่นนี้ ครั้นรู้ตัวว่าเผลอคิดมากอีกแล้ว หญิงสาวก็รีบสั่นศีรษะ สะบัดความอ่อนไหวออกไปจากห้วงความคิด ก่อนจะเดินเข้าไปหยิบอุปกรณ์ปั๊มน้ำนม แล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอนของตนเองอีกครั้ง
ห้างสรรพสินค้าวันนี้มีคนค่อนข้างหนาตา เนื่องจากเป็นวันหยุด ผู้คนออกมาเดินเล่นผ่อนคลาย บ้างก็จับจ่ายใช้สอยซื้อของเข้าบ้าน ณิชาเดินเลือกซื้อของใช้จำเป็น เช่น ผ้าอนามัย และพวกครีมบำรุงผิวต่าง ๆ ที่ใกล้จะหมดแล้ว ส่วนพวกของใช้ภายในบ้านนั้นวินทร์เพิ่งซื้อเข้าไปเมื่อไม่นาน และยังเหลืออยู่มาก จึงยังไม่ต้องซื้อเข้าไปเพิ่มอีก
เมื่อซื้อเสร็จหญิงสาวก็หอบข้าวของพะรุงพะรังเข้ามานั่งในร้านขนมหวานร้านดังซึ่งเป็นร้านโปรดของเธอ ณิชาเดินไปสั่งขนมหน้าเคาน์เตอร์สามรายการ รับใบเสร็จและเงินทอนก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิม นั่งได้ไม่นานคนที่เธอนัดเอาไว้ก็เดินเข้ามา
“กันต์ ทางนี้!”
กันตยศหรือกันต์หันไปตามเสียงเรียก ก่อนที่ใบหน้าคร้ามคมจะระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงเมื่อครู่กำลังยิ้มพร้อมโบกมือหย็อย ๆ ให้ ร่างสูงร้อยแปดสิบสามเซนติเมตรสืบเท้าเข้าไปยังโต๊ะด้านในสุดของร้านที่มีเพื่อนสนิทอย่างณิชานั่งอยู่
“เฮ้ย! นั่นแก้วเรา” ณิชารีบร้องขึ้นเมื่อคนที่เพิ่งมาถึงคว้าแก้วน้ำของเธอไปดื่มหน้าตาเฉย ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย เหลือบมองคนที่นั่งตรงข้ามแวบหนึ่งแล้วยักไหล่ขึ้นอย่างไม่สนใจ ก่อนจะกระดกน้ำเย็นจากแก้วกระดาษขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
“เดินมาเหนื่อย ๆ หิวน้ำ ช่วยไม่ได้นะ เธอไม่กดมาเผื่อเราเอง” กันตยศเอ่ยขำ ๆ โยนความผิดให้คนที่มาถึงก่อน แล้วเลื่อนแก้วเปล่าไปไว้ตรงหน้าหญิงสาวตามเดิม
“กินของเราหมด ไปกดมาคืนเราเลย” ณิชาแกล้งบอกด้วยน้ำเสียงงอน ๆ ไม่ได้จริงจังมากนัก อีกอย่างเธอก็ผิดที่ไม่ได้กดมาเผื่อเขา ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาจะมา
“สั่งขนมแล้วใช่ปะ เราจะได้กดมาแค่น้ำอย่างเดียว” ชายหนุ่มถาม ครั้นเห็นอีกคนพยักหน้า เขาก็หยิบแก้วเปล่าขึ้นมา แล้วเดินไปยังจุดบริการน้ำที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ลูกค้าบริการตัวเอง ไม่นานเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำสองใบ
“พักถึงกี่โมง” ณิชาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสนิทนั่งลงที่เดิมแล้ว
“บ่ายโมงตรง ตามเวลามาตรฐาน เลตได้นิดหน่อย แต่วันนี้มีออกไปคุยงานข้างนอกตอนบ่ายสองด้วย” ชายหนุ่มตอบอย่างเป็นกันเองตามประสาคนเฟรนลี่ เข้ากับคนอื่นได้ง่าย กันตยศกับณิชารู้จักกันเพราะเรียนมหา’ลัยคณะเดียวกัน ได้ทำงานกลุ่มและงานคู่กันบ่อย ๆ มีอะไรก็ช่วยเหลือกันมาตลอด จึงทำให้ทั้งสองคนสนิทกันอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งเรียนจบ ทั้งคู่ก็ห่าง ๆ กันไป เพราะณิชาตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ ส่วนกันตยศหางานทำและเรียนต่อที่ประเทศไทย แต่กระนั้นก็ยังมีติดต่อกันบ้าง หากไม่บ่อยเท่าไรเพราะเรียนหนักด้วยกันทั้งคู่
“แล้วทำงานเป็นไงบ้าง” ณิชาถามต่อ ด้วยอยากรู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายอย่างเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนาน หากลอง ๆ นับดูก็เจ็ดปีแล้วที่เธอกับเขาไม่ได้เจอกัน และช่วงสองสามปีให้หลังก็แทบไม่ได้คุยหรือติดต่อกันเลย
“ก็ดี เงินเดือนเยอะดี” ชายหนุ่มตอบขำ ๆ แล้วถามกลับบ้าง “แล้วชาล่ะ เป็นไงบ้าง สบายดีไหม”
“เราสบายดี” ณิชาตอบพลางส่งยิ้มบาง ๆ ให้ หากกันตยศกลับดูออกว่าจริง ๆ แล้วหญิงสาวไม่ได้เป็นอย่างที่พูด ด้วยหลักฐานทุกอย่างมันปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาทั้งหมดแล้ว ถึงเธอจะยืนยันอย่างหนักแน่นว่าสบายดี แต่ใบหน้าและขอบตาที่ดำคล้ำนั้นก็ทำให้เขารู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่เธอพูดออกมา
ตอนพิเศษ 3หลังจากตั้งครรภ์เด็กชายพัทธดลย์เข้าเดือนที่หก วินทร์ก็ขอให้ณิชาลาออกจากการเป็นผู้ช่วยของสุดโปรด โดยให้เหตุผลว่าอย่างไรก็ต้องลาคลอด อีกทั้งยังต้องเลี้ยงลูกและให้นมลูกเป็นเวลาหลายเดือน ณิชาซึ่งอยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเองอยู่แล้วจึงยอมทำตามที่เขาบอกอย่างง่ายดายถึงแม้บริษัทจะมีสวัสดิการให้พนักงานลาคลอดและเลี้ยงดูบุตร แต่ก็ลาได้ไม่เกินหกเดือน ทั้งยังเกรงใจหากต้องลาเป็นเวลานานขนาดนั้น เพราะฉะนั้นการลาออกจึงเป็นทางที่ดีที่สุด และเธอก็จะได้เลี้ยงลูกอย่างสบายใจโดยไม่ต้องพะวักพะวงอะไร“พี่วินทร์”“ครับ” คนถูกเรียกขานรับพร้อมเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังอ่าน มองไปยังภรรยาคนสวยที่นั่งทำหน้าคล้ายกำลังขบคิดอะไรสักอย่างอยู่บนโซฟากลางห้องทำงานของเขาวันนี้คุณวราพรกับคุณชาญวิทย์มารับเด็กชายพัทธดลย์ไปเล่นที่บ้านตั้งแต่เช้า ส่วนณิศราก็ไปโรงเรียน กลายเป็นว่าณิชาต้องอยู่บ้านคนเดียวเพราะดวงใจลากลับบ้านที่ต่างจังหวัด วินทร์ก็เลยพาเธอมานั่งทำงานที่บริษัทด้วย“ชาอยากทำงานค่ะ”ชายหนุ่มนิ่วหน้า วางปากกาลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ คนที่เพิ่งบอกว่าอยากทำงานเมื่อสักครู่ “ไหน อา
ตอนพิเศษ 2เพราะวันนี้เป็นวันหยุดที่สวนสนุกจึงมีผู้คนค่อนข้างหนาตา ส่วนมากจะจับจูงกันมาเป็นครอบครัวและแก๊งเพื่อน หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรผ่านประตู และถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำกันเรียบร้อยแล้ว วินทร์โน้มใบหน้าลงไปไล่สายตาอ่านแผนผังของสวยสนุกแห่งนี้ในมือภรรยา ก่อนจะหันไปถามลูกสาวที่ยืนดูอยู่ด้วยกัน“เราจะเริ่มจากฝั่งไหนก่อนดี”เด็กหญิงณิศราทำสีหน้าขบคิด ด้วยตัดสินใจไม่ได้ ซ้ายก็น่าตื่นเต้น ขวาก็น่าไป และยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงของน้องชายก็ดังขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น“ขึ้น ดลย์อยากขึ้น ๆ” เด็กชายวัยสองขวบที่พูดได้เป็นประโยคแล้วแต่ยังไม่ชัดเท่าไรเอ่ยขึ้น ดวงตากลมโตขยายขึ้นอย่างตื่นตาตื่นใจ พร้อมชี้นิ้วป้อม ๆ ไปที่กระเช้าลอยฟ้าหรือเคเบิลคาร์ที่เคลื่อนตัวไปช้า ๆ บนสายเคเบิล“เดี๋ยวค่อยเล่น อันนั้นต้องเล่นเป็นอันสุดท้าย” ณิศราผู้ศึกษาสวนสนุกแห่งนี้มาจากช่องยูทูปเอ่ยบอก“ทำไมต้องเอาเล่นเป็นอย่างสุดท้ายคะ” วินทร์ถามถึงเหตุผลของลูกสาว“ก็เล่นทุกอย่างมาเหนื่อย ๆ แล้วค่อยขึ้นไปชมวิวบนนั้นไงคะ วิวสวย ๆ จะทำให้เราหายเหนื่อยค่ะ” สาวน้อยพูดตามที่ยูทูปเบอร์คนนั้นเป๊ะ ๆวินทร์พยักหน้าช้า ๆ อย่างเห็น
ตอนพิเศษ 1“คุณพ่อขา...เสร็จหรือยังคะ หนูณิรอนานแล้วนะ!”เสียงใส ๆ ของเด็กหญิงณิศราในวัยสิบขวบตะโกนเรียกผู้เป็นพ่อที่ยังไม่ลงมาจากชั้นสองเสียงดัง พลางชะโงกหน้าไปส่องที่ช่องบันไดด้วยใบหน้ายับยุ่ง หัวคิ้วทั้งสองข้างขยับเข้าหากันแทบผูกเป็นโบวันนี้เป็นวันหยุดของครอบครัว คุณพ่อบอกว่าจะพาหนูณิกับน้องดลย์น้องชายวัยสองขวบของเธอไปเที่ยวสวนสนุกตอนเก้าโมงเช้า แต่นี่มันสิบโมงกว่าแล้ว คุณพ่อยังไม่ลงมาเลย สาวน้อยจึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิด“คุณพ่อทำงานอยู่ลูก ใจเย็น ๆ ยังไงก็ได้ไปค่ะ” ณิชาซึ่งมีร่างป้อมของเด็กชายพัทธดลย์หรือน้องดลย์นั่งอยู่บนตักเอ่ยบอกลูกสาวให้ใจเย็น ๆ ก่อน เรื่องนี้จะโทษวินทร์ก็คงไม่ถูก เพราะเธอรู้ว่าเขาเคลียร์ตัวเองให้ว่างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่จู่ ๆ ก็ดันมีงานด่วนเข้ามาเสียอย่างนั้น และเป็นงานที่ไม่มีใครสามารถตัดสินใจแทนได้ วินทร์เลยต้องจำใจใช้เวลาของครอบครัวไปคุยกับคู่ค้าจากฝั่งอเมริกาผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนช์“นานเกินไปแล้วค่ะคุณแม่ หนูณิหิวข้าว” เด็กหญิงณิศราเดินทำหน้ายุ่ง ๆ เข้ามาทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ มารดา เหลือบมองน้องชายตัวน้อยที่ปากกำลังดูดนมจากกล่องแต่สายตามองมาที่ตนตาแป๋วแวบหนึ่ง ก
บทส่งท้ายกันตยศมาถึงก่อนเป็นคนแรก ชายหนุ่มยื่นกล่องของขวัญเล็ก ๆ ให้ พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวและสามีของเธอ“ขาดเหลืออะไรบอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ” วินทร์บอกพลางยื่นมือตบบ่าหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนหน้านี้เขาอาจจะรู้สึกเคือง ๆ ที่กันตยศใกล้ชิดและสนิทสนมกับภรรยาเขามากเกินไป แต่เมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายให้ความช่วยเหลือ หยิบยื่นเงินก้อนให้ยืมในยามที่ภรรยาเขาลำบาก เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในการไปทำงานต่างประเทศ เขาก็เลือกมองข้ามความรู้สึกมากกว่าเพื่อนที่หนุ่มรุ่นน้องคนนี้มีต่อภรรยาของตนไปณิชาเล่าให้ฟังว่าตอนจะไปทำงานที่ฝรั่งเศส เธอมีปัญหาเรื่องเงิน จริงอยู่ว่าบริษัทออกค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมดให้ แต่ก็มีอีกส่วนที่เธอต้องเป็นคนจ่ายเอง ซึ่งมันก็มากพอสมควร ถ้าไม่ได้กันตยศช่วยเหลือในตอนนั้น เธอก็คงแย่“นายไปนั่งรอตรงนั้นก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราเดินไปหา” ณิชาชี้ไปยังโต๊ะเล็ก ๆ ที่จัดไว้สำหรับนั่งเล่น กันตยศพยักหน้าแล้วยักคิ้วให้อย่างกวน ๆ ก่อนจะเดินแยกออกไป พร้อมกับสุดโปรดกับเด็กชายปลื้มเดินเข้ามาพอดี“ยินดีด้วยนะครับ” สุดโปรดในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแล็กส์สีดำอย่างไม่เป็นทางการนักยื่นขวดไวน์
บทส่งท้ายกว่าบทรักอันยาวนานและต่อเนื่องจะจบลงก็เกือบฟ้าสาง วันนี้ณิชาจึงตื่นสายมากกว่าปกติ จะโทษใครไม่ได้เลย นอกคนที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาเจ้าหญิงอยู่กับเด็กหญิงณิศราในห้องนั่งเล่นอย่างอารมณ์ดี“คุณแม่!” สาวน้อยที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นผู้เป็นแม่พอดีจึงเอ่ยทักเสียงดัง ทำให้พ่อซึ่งกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเปลี่ยนชุดตุ๊กตาเงยขึ้นมามองตาม ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นแม่ของลูกส่งค้อนวงโตให้“เล่นอะไรกันคะ” ณิชาเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาใกล้ ๆ กับสองพ่อลูกที่นั่งอยู่บนพื้นพรม“แต่งตัวให้ผิงอันค่ะ” คนตัวเล็กตอบอย่างกระตือรือร้นพร้อมชูตุ๊กตาเจ้าหญิงผมยาวให้คุณแม่ดู จากนั้นก็วางตัวนั้นลง แล้วหยิบอีกตัวที่คุณพ่อเพิ่งเปลี่ยนชุดให้เสร็จขึ้นมาอวด “ส่วนตัวนี้ชื่อผิงผิง”“ผิงอันกับผิงผิงเหรอคะ”“ใช่ค่ะ”“แล้วนี่หนูกำลังดูอะไรอยู่คะ” คนเป็นแม่ชี้นิ้วมือไปยังไอแพดที่วางข้าง ๆ ซึ่งเปิดหน้าเพจร้านค้าออนไลน์ค้างเอาไว้“กำลังเลือกซื้อชุดใหม่ให้ผิงผิงกับผิงอันค่ะ ชุดพวกนี้ใส่บ่อยแล้ว”“หืม แต่นี่แม่ว่าก็เยอะมากแล้วนะคะ ใส่ครบหมดทุกชุดแล้วเหรอคะ” ณิชาถามด้วยความสงสัย เพราะชุดตุ๊กตาในตะกร้าที่เธอเห็นตอนนี้ก็เยอะมากพอ
เริ่มต้นใหม่เขามองเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างลึกซึ้ง ส่งความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้เธอได้รับรู้ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้าไปหา แนบริมฝีปากเข้ากับเรียวปากอิ่มของเธออย่างนุ่มนวล จากนั้นก็เริ่มขยับอย่างค่อยเป็นค่อยไปเลื่อนมือที่จับคางขึ้นมาประคองใบหน้าสวย เอียงหน้าปรับให้ได้องศาที่เหมาะเจาะ จากนั้นก็เริ่มจูบหนักหน่วงขึ้น มือที่โอบเอวคอดกิ่วเริ่มไม่อยู่เฉย สอดเข้าไปในเสื้อยืดตัวบางที่เธอสวมใส่ ลูบไล้ทั่วแผ่นหลังเนียนอย่างหลงใหล“พี่วินทร์...” ณิชาสะดุ้งขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อเต้าอวบทั้งสองข้างได้รับอิสระ เพราะเขาปลดตะขอบราเซียร์เธอ“ไม่ต้องกลัว มันจะดี เชื่อพี่” ชายหนุ่มปลอบเสียงแหบพร่า ตัวเธอสั่นมากจนเขารู้สึกได้ วินทร์ผละออกมาสบตากับหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนจะบอกด้วยเสียงหนักแน่น “เชื่อใจพี่นะครับ”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ณิชาพยักหน้าลงอย่างง่ายดาย อาจจะเป็นเพราะลึก ๆ แล้วเธอเองก็โหยหาสัมผัสที่อ่อนโยนจากเขาเหมือนกัน หรือเพราะอะไรเธอเองก็สุดรู้ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เธอเลือกแล้วที่จะจับมือเดินไปข้างหน้าด้วยกัน เธอจึงต้องเชื่อใจเขา และจากนี้ก็ไม่มีอะไรให้เธอต้องกลัวอีกวินทร์ยิ้มกว้าง โน้มเ