“พ่อ เขาไม่อยากจดทะเบียนพ่อก็อย่าบังคับเลยนะคะ”
“ลูกเงียบปากไป ยังไงพ่อก็ไม่ยอม” พ่อตวาดใส่ฉันอีกแล้ว ฉันก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ จู่ๆ พ่อก็ยกมือขึ้นมากำที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองแล้วค่อยๆ ฟุบตัวลง “พะ พ่อ พ่อเป็นอะไร ละ ลุงปลูกคะช่วยมาดูพ่อทีค่ะ” ฉันรีบประคองพ่อไว้แล้วตะโกนเรียกลุงปลูก อาการแบบนี้คล้ายกับโรคหัวใจที่พ่อเป็นมันกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลาที่พ่อเครียดมากๆ อาการก็จะกำเริบแบบนี้ “ยังไงแกก็ต้องรับผิดชอบลูกสาวฉัน” พ่อเป็นขนาดนี้ยังจะห่วงเรื่องฉันอีก “ทำลูกฉันท้องแล้วจะมาอ้างแบบนี้ได้ยังไง!!”“พ่อกำนัน!!” ลุงปลูกวิ่งหน้าตาตื่นมาช่วยประคองพ่ออีกแรง
ฉันหันมองทางคุณคานส์ สีหน้าของเขามันเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย “ไปโรงพยาบาลนะคะพ่อ ลุงปลูกไปบอกให้ลุงพลเตรียมรถทีค่ะ” “ไม่!! พ่อไม่ไป จนกว่าจะได้ยินไอ้ผู้ชายคนนี้พูดว่าจะรับผิดชอบ” “ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ แค่รอผลตรวจ” คุณคานส์ตอบ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่พ่ออยากฟัง เมื่อพ่อได้ยินแบบนั้นอาการก็ยิ่งทรุดลง แล้วก็ยังไม่ยอมไปโรงพยาบาลอีกต่างหาก “ต้องรอจนเกือบปี มันยุติธรรมกับลูกสาวฉันหรือไง!!” “…พ่อไม่ต้องพูดแล้ว” ฉันคิดทบทวนสักพักหากพ่อยังดื้อรั้นรอคำตอบที่พอใจจากปากของคุณคานส์แบบนี้อาการต้องแย่แน่ๆ “คุณคานส์คะ อลิชขอคุยด้วยหน่อย” ฉันลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับคุณคานส์ สายตาคมกริบตวัดขึ้นมามองหน้าฉัน พร้อมกับคำถาม “คุยอะไร ?” ฉันเงียบไม่ได่ตอบอะไรก่อนจะเดินเลี่ยงมาทางห้องนอนของตัวเอง ฉันไม่ได้หันมองว่าคุณคานส์จะตามมาหรือเปล่า แต่เขาคงไม่เฉยชามากขนาดนั้น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินตามหลังมาฉันก็รู้สึกโล่งอกที่อย่างน้อยเขาก็ไม่นั่งเพิกเฉย ฉันเปิดประตูห้องของตัวเองแล้วเดินเข้ามาด้านใน ก่อนจะหันมองคุณคานส์ที่เดินตามมาติดๆ ที่ต้องมาคุยในห้องก็เพราะว่าฉันกลัว กลัวว่าคนงานที่บ้านจะบังเอิญมาได้ยินเข้า “ยะ หยุดอยู่ตรงนั้นก็ได้ค่ะ” “พาฉันเข้ามาในห้องคิดจะทำอะไร” คุณคานส์ไม่ยอมหยุดที่จะก้าวเดินมาใกล้ฉัน เขายังคงเดินมาเรื่อยๆ ส่วนฉันเองก็ถอยหนีจนในที่สุดก็จนมุม ในตอนนี้ร่างกายของคุณคานส์อยู่ใกล้ฉันเอามากๆ ด้วยความสูงของเขาที่ประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าเซ็นติเมตร ทำให้ต้องก้มลงมามองฉันที่สูงเพียงแค่หนึ่งร้อยหกสิบเซ็นติเมตรเท่านั้น ฉันกำลังจะถอยหนีแต่ถูกโอบเอวไว้ มันเหมืินว่าฉันคิดผิดมากที่เลือกจะคุยกับเขา แถมยังเข้ามาในห้องนอนซึ่งเป็นที่ลับตาคนแบบนี้ “ปะ ปล่อยนะ” คุณคานส์โน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ มันใกล้กับใบหน้าของฉันมากจริงๆ ใกล้ซะจนฉันสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากลมหายใจของเขา ปลายจมูกโด่งสูดดมกลิ่นจากซอกคอของฉัน จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “คืนนั้นเธอไม่ขี้กลัวแบบนี้นะ” “……” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่น จากที่เคยพูดว่าจำฉันไม่ได้ แล้วในตอนนี้เขาจะมาพูดถึงเรื่องคืนนั้นทำไม “มีอะไรจะคุยกับฉัน พูดมาสิ” มือหนาช้อนปลายคางของฉันให้เงยขึ้น “เป็นอะไรไป ตัวสั่นเชียว” มันเหมือนว่าเขากำลังได้ใจที่สามารถทำให้ฉันตกเป็นรองได้ ยิ่งฉันแสดงความกลัวออกมาเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งขยับหน้าเข้าใกล้ฉันมากขึ้น ฉันรวบรวมความกล้าใช้มือเล็กๆ ของตัวเองค่อยๆ ดันแผงอกแกร่งออกห่าง คุณคานส์กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะผละตัวออกไปแต่โดยดี ฉันจึงลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “อลิชอยากขอร้องเรื่องจดทะเบียนสมรสค่ะ” “ฉันพูดไปแล้วว่าไม่จดจนกว่าจะได้รับผลตรวจดีเอ็นเอ” คุณคานส์พูดพร้อมกับเดินมานั่งลงบนเตียงนอนของฉันอย่างถือวิสาสะ “พ่อของอลิชเป็นโรคหัวใจ แล้วพ่อก็ไม่ยอมไปหาหมอ…” “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน ?” มันเป็นคำถามที่ทำให้ฉันจุกไปทั่วอก ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวขาเดินมาหยุดตรงหน้าของคุณคานส์ “อลิชมีพ่อแค่คนเดียว ตอนนี้อาการของพ่อกำลังแย่ อลิชอยากให้คุณรับปากว่าจะจดทะเบียน…” นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ไม่เลยสักนิดแต่ฉันไม่มีทางเลือก ในเมื่อพ่อเอาความเป็นความตายมาประเดิมกับเรื่องนี้ “ฉันพูดไปแล้ว” คุณคานส์บอกอย่างเลือดเย็น “นะคะอลิชขอร้อง” ฉันทรุดตัวนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของเขา “ถ้าคุณไม่ยอมพูดพ่อไม่ยอมไปโรงพยาบาลแน่ๆ” “…….” “อลิชสัญญาว่าจะไม่ผูกมัดคุณ ใบทะเบียนสมรสมันเป็นแค่กระดาษใบหนึ่งเท่านั้น ถ้าคุณจะมีใครอลิชจะไม่ยุ่ง ส่วนเรื่องเด็กในท้องได้ผลดีเอ็นเอเมื่อไหร่ตอนนั้นเราค่อยมาคุยกันถึงเรื่องนี้ ตอนนี้อลิชขอแค่จดทะเบียนไปก่อน ถ้าคุณอยากจะหย่าอลิชก็พร้อมเซ็นให้” “……” คุณคานส์มองหน้าฉัน ก่อนที่เขาจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ โดยไม่ได้พูดอะไร “พ่อกำลังแย่….” คุณคานส์ลุกขึ้นยืน ไม่ได้รอให้ฉันพูดจบประโยค เขาเดินออกไปจากห้องทันที มันเหมือนรู้สึกโดนฉีกหน้าที่เขาไม่คิดจะช่วย ฉันจึงรีบลุกขึ้นเพื่อจะตามไปขอร้องเขาอีกครั้ง แต่ไม่ทันตอนนี้คุณคานส์กลับมาหาพ่อฉันที่อาการกำลังแย่แล้ว “พ่อไปหาหมอเถอะนะคะ” ฉันพยายามจะประคองพ่อให้ลุกขึ้น “พ่อไม่ไป!!!” พอได้ยินแบบนั้นฉันก็มองคุณคานส์ด้วยสายตาอ้อนวอนอีกครั้ง ทำให้ถูกเขามองอย่างไม่ชอบใจ “ก็ได้! ผมรับปากว่าจะจดทะเบียนกับลูกสาวของคุณลุง” คุณคานส์ประกาศบอกเสียงกร้าว มันทำให้ฉันที่ได้ยินรู้สึกใจหายและดีใจไปพร้อมๆ กัน อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนใจดำขนาดนั้น “พรุ่งนี้!!” พ่อพูดขึ้นมาต่อ คุณคานส์ละสายตาออกจากใบหน้าของพ่อแล้วมองฉัน “พรุ่งนี้เตรียมไว้ก็แล้วกัน ฉันจะมารับ” “…ค่ะ” พูดจบเขาก็เดินออกไปจากบ้านพร้อมกับลูกน้อง ฉันมองตามแผ่นหลังของคุณคานส์จนกระทั่งเขาเดินหายไปจากจุดที่สายตาจะโฟกัสได้ ก่อนที่จะตั้งสติได้แล้วหันมามองพ่อ “พ่อ คุณคานส์เขารับปากแล้วว่าจะจดทะเบียน ไปโรงพยาบาลเถอะนะคะ” ฉันพยายามพยุงตัวพ่ออีกครั้ง แต่พ่อก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น “ลุงปลูกคะ ช่วยพยุงพ่อเร็วๆ สิคะ” ฉันบอกลุงปลูก เพราะตอนนี้ลุงปลูกก็เอาแต่ยืนนิ่ง “เอ็งไปดูว่ามันไปหรือยัง” พ่อสั่งลุงปลูก ทำให้ลุงปลูกวิ่งไปดูที่ระเบียงบ้านแล้วตะโกนกลับมาบอกพ่อ “กลับไปแล้วครับพ่อกำนัน” สิ้นสุดเสียงของลุงปลูก จู่ๆ พ่อก็หยัดตัวตรง ไม่มีอาการเจ็บปวดเหมือนก่อนหน้านี้ ราวกับหายดีแล้ว “พะ พ่อหายแล้วหรอคะ” “พ่อไม่ได้เป็นอะไรเลยต่างหาก” “พ่อ!!!” ฉันลุกขึ้นยืนแล้วมองพ่ออย่างขุ่นเคือง ทั้งหมดมันคือการแสดงอย่างนั้นหรอ พ่อทำแบบนี้ได้ยังไงแน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
คุณคานส์โน้มตัวลงมาใช้ลิ้นตวัดเบียบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน “แก้มัดให้อลิชได้แล้วค่ะ อ๊า~” ฉันครางออกมาพร้อมกับค่อยๆ กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคุณคานส์กระแทกเอวสอบอีกครั้ง “ขออีกน้ำนะครับที่รัก” เขาพูดเสียงหวานจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น ไม่ยอมแก้มัดให้ฉัน ปัก ปัก ปัก~ เสียงของเนื้อที่มันกระทบกันเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง “ค..คุณคานส์ อ๊ะ~ อลิชอยากกอด กะ แก้มัดให้หน่อยได้ไหมคะ อ๊าง~” ฉันพูดอย่างเอาอกเอาใจในขณะที่ร่างกำลังกระเพื่อมสั่นไหวอยู่ ครั้งนี้คุณคานส์ยอมเห็นใจ เขาแก้มัดให้ฉันแต่โดยดี อีกทั้งเอวสอบกระเร่งอัดกระแทกไม่หยุด ปัก ปัก ปัก ~ เมื่อแก้มัดเสร็จแล้วคุณคานส์ก็จับสะโพกของฉันแน่น เขาเร่งจังหวะให้ป่าเถื่อนขึ้น “อึก~ อ๊า อ๊าง~” ฉันครางเสียงดังไปพร้อมกับกับเสียงบองกระดิ่งที่คอ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผล่กอดคุณคานส์แน่น “พะ พอก่อนได้ไหมคะ อ๊า~ อลิชอยากไปล้างก่อน” ฉันบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้น้ำกามของคุณคานส์มันเปื้อนเหนอะหนะไปหมดเลย “ไว้ค่อยไปล้างทีเดียวก็ได้ ซี๊ด~” คุณคานส์โอบกอดฉันไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระแทกรุนแรงจนก้นฉันมันลอยขึ้นจากโต๊ะทำงาน “อ๊า~ บะ เบาๆ ได้ไหม อื้อซี๊ด~” ฉันไม่ปฏิเสธ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาตวัดลิ้นหยอกล้อเล่นกับยอดปทุมถัน ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งด้วยความเสียวซ่านรีบคว้ามือกอดต้นคอแกร่งของคุณคานส์เอาไว้แน่น ความเย็นเฉียบของปรายลิ้นมันทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ “อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองการกระทำของคุณคานส์ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ดะ ดูดเบาๆ หน่อยสิคะ”ถึงกับต้องร้องท้วงเมื่อถูกอุ้งปากร้อนๆ ตะโบมดูดดุนยอดปทุมถันอย่างหิวโหย การดูดเม้มมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเอามากๆ “เธอน่าจะชอบนะ ครางไม่หยุดเลย” คุณคานส์เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำเอาฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะความเขินอาย ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกทั้งสองเต้าของฉันจนเกิดรอยแดงเถือก คุณคานส์ยังไม่พอใจเขาก้มลงมาดูดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกอีกครั้ง “อ๊า อลิช บะ บอกให้ อ๊ะ บะ เบาๆ ไงคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หมับ! พรึบ! ฝ่ามือใหญ่ช้อนตัวฉันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าคุณคานส์ปัดของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้โต๊ะทำงานของเขาไม่มีเอกสารอยู่เลย ชุดคลุมของฉันถูกดึงออกไปในพ้นตัว คุณคานส์กรีดกรายนิ้วของตัวเองไต่มาตามเรียวขาอ่อนของฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “เดี๋ยวลูกตื่นก่อนนะคะ ถ้าไม่รีบทำ” ฉันพูดเตือ
กว่าฉันจะเกลี่ยกล่อมคุณคานส์ให้ใจเย็นๆ ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมงเลย เขามุ่งมั่นคิดแต่เรื่องพันนั้นอย่างเดียว มันน่าตีจริงๆ ตอนนี้ฉันอุ้มลูกลงมาเลี้ยงที่ชั้นล่าง คุณคานส์จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูคัสแล้วเรียบร้อย ลูกน้องของคุณคานส์ก็น่ารักนะคอยมาหยอกเล่นกับลูคัสไม่ขาดสายเลย พี่เจกับพี่โจ้สองคนนี้เอ็นดูลูคัสสุดๆ แถมยังเรียกลูคัสว่านายน้อย น่าเอ็นดูเชียวล่ะ “อุแง ~” ลูคัสร้องออกมาเสียงดังลั่น ฉันที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่จึงรีบวิ่งมาดูลูกทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ “โอ้ๆ แม่อยู่นี่ครับแม่อยู่นี่ หิวนมหรอครับ” ฉันเอาลูกเข้าเต้าแต่ทว่าลูคัสส่ายหน้าไปมาไม่ยอมกินนม “ลูกเป็นอะไร” คุณคานส์ได้ยินเสียงร้องของลูคัสจึงเดินมาดู เขานั่งทำงานที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะเอาแต่ร้อง ให้กินนมก็ไม่ยอมกิน” ฉันมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ใจแม่ไม่ดีเลยนะลูคัส “มาเดี๋ยวฉันลองอุ้ม” “คุณคานส์ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ”“ลูกสำคัญกว่างานนะ” “อลิชล่ะคะสำคัญกว่าหรือเปล่า”“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นผัวอยู่หรือเปล่าล่ะ” คุณคานส์ยังคงนอยที่ฉันไม่ยอมให้เขาทำเรื่องอย่าง