สวี่หานมองดูนางที่ดวงตาแดงกร่ำเริ่มมีน้ำตาคลอ
" เหมยเหมย "
" ข้าไม่ต้องการให้ท่านมาสงสารข้า "
" สงสาร"
" ไม่ใช่รึไง ท่านขอสมรสพระราชทานจากฟ่าบาทเพราะต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีคืนให้ข้า ในเมืองหลวงใครไม่รู้บ้าง ว่าข้าถอนหมั้นกับเสิ่นหว่านอี้เพราะไม่ยอมรับที่เขามีภรรยาอีกคน ผู้คนต่างบอกว่าข้าใจคอคับแคบ ข้าประกาศว่าจะไม่ขอใช้สามีร่วมกับผู้ใด ทุกคนก็ยิ่งรอดูว่าชีวิตนี้ข้าจะมีผู้ใดมาสู่ขอหรือไม่ แล้วท่าน "
" เหมยเหมย เรื่องนั้นมันก็เรื่องหนึ่งมันเป็นผลพลอยได้ แต่ข้าตั้งใจจะแต่งงานกับเจ้าตั้งแต่วันนั้นที่เราเจอกันครั้งแรกแล้ว แม้ข้าจะอยู่ไกลถึงแดนใต้แต่ทุกปีข้าจะให้คนวาดภาพเจ้าส่งไปให้ข้าที่แดนใต้ในทุกๆปีข้าจะเห็นเจ้าเติบโต เพียงแต่หลายปีมานี้ข้าต้องทำศึกเลยไม่รู้ว่าเจ้าหมั้นหมายกับไอ้รองแม่ทัพขาเป๋นั่น ทำไมหล่ะ ทำไมถึงไม่รอข้า เพียงแค่มันช่วยชีวิตพ่อของเจ้าเจ้าถึงกับต้องยอมหมั้นหมายกับมัน แล้วข้าหล่ะเจ้าไม่เคยคิดถึงบ้างเลยเหรอ จี้หยกที่ข้าให้เจ้า คงทิ้งมันไปแล้วสินะ "
เห็นสี่หานทำหน้าเศร้านางก็รีบพูดขึ้นมา
" ไม่ใช่ ข้ายังเก็บเอาไว้อยู่ อยู่ในหีบนั่น ข้าเอามาด้วย"
สวี่หานยิ้มไม่ออก ของที่เขาให้นางแม้นางจะเก็บไว้แต่ก็เก็บรวมกับเครื่องประดับอื่นๆหาได้สำคัญขนาดพกติดตัวไม่ นี่เขาหวังอะไรอยู่ มีเพียงเขาคนเดียวที่คิดไปไกล ทุกปีเฝ้าดูนางเติบโตผ่านภาพวาด มองดูนางที่งดงามราวเทพธิดา เขาหลงใหลคลั่งไคล้กอดจูบภาพวาดนางก่อนนอนทุกคืนไม่สนสตรีใด เขาตั้งใจว่าหลังนางปักปิ่นจะกลับเมืองหลวงมาสู่ขอนาง แต่เกิดศึกเสียก่อน หากไม่ติดศึกเอ้อเจี๋ยที่ยืดเยื้อนานถึงสามปี เขาก็คงจะได้ครอบครองนางนานแล้ว
" ท่าน อื้อ"
จุ๊บจ้วบ อืมมม
สวี่หานดึงผ้าม่านลง ปากหนาบดจูบปากเล็กๆแดงระเรื่อของนาง อาภรณ์ถูกโยนกระจัดกระจาย มือหนาลูบไล้ไปทั้งเรือนร่างขาวผ่อง เสียงครวญครางดังเล็ดลอดออกมาทั้งคืน
อันชิงเหมยแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ หวนนึกถึงเรื่องเมื่อคืนทีไรก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมา อ๋องบ้ากามนั่นเคี่ยวกรำนางทั้งคืน ปากบอกว่าจะถนอมนางแต่กลับ หึย นางใช้มือลูบกลีบกุหลาบยังบวมอยู่เลย
จ๋อม จ๋อม เสียงน้ำกระเพื่อม ทำให้อันชิงเหมยรีบหันไปดู ไม่รู้ว่าสวี่หานมาตอนไหน แต่ตอนนี้เขาเปลื้องผ้าลงน้ำมาแล้ว อ่างน้ำก็ดูแคบไปถนัดตา เขาใช้มือเดียวรวบเอวนางเข้าหา สองกายเปลือยเปล่าบดเบียดกันแทบรวมร่าง นางไม่ทันได้เปล่งเสียงก็ถูกประกบจูบลงมา น้ำกระฉอกออกมาจากอ่างน้ำจนรอบๆเปียกไปหมด
อันเฟยเทียนจิบชาจนหมดไปหลายจอกแล้วก็ยังไม่มีวี่แววจะได้พบน้องสาว เขามีท่าทีหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เขามาหาอันชิงเหมยแต่เช้าห่วงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับนาง กลัวว่านางจะถูกชินอ๋องอัปลักษณ์ทำร้าย พอมาถึงตำหนักกุ้ยฮวาบ่าวรับใช้ให้เขารอที่ห้องรับรอง สักพักเข้ามาบอกว่าทั้งสองยังไม่ตื่น รออีกสักพักและสักพักมาสามสี่พักแล้วบ่าวรับใช้บอกว่ายังไม่มีวี่แววว่าประตูห้องหอจะเปิด หรือว่าสวี่หานรู้ว่าเขาจะมาที่นี่เลยถ่วงเวลา กลัวว่าเขาจะรู้ว่าสวี่หานทำร้ายน้องสาวเขา ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนรุ่มในใจ
" พี่ใหญ่ ท่านพ่อ พวกท่านมาหาข้าแต่เช้าเลย"
" เช้าอะไรเหมยเอ๋อนี่มันยามซื่อแล้ว(9.00-10.59) "
อันเฟยเทียนพูดขึ้นมา สายขนาดนี้เชียวเหรอ นางหันไปมองค้อนสวี่หาน อันเฟยเทียนดึงนางไปใกล้ๆพรางสำรวจทั่วทั้งตัวแล้วก็อ้าปากค้าง เมื่อเห็นที่คอของนางมีรอยแดงอยู่หลายจุด นั่นปะไรอ๋องอัปลักษณ์ทำร้ายนาง เมื่อคืนคงบังคับนางจะข่มเหงรังแกนางแล้วนางไม่ยอมเลยบีบคอนาง โธ่น้องสาวของเขา
" เหมยเอ๋อ เขาทำร้ายเจ้าคงเจ็บมากใช่ไหม"
พูดถึงเรื่องเจ็บอันชิงเหมยก็หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ ก็เจ็บจริงๆนั่นแหละ แต่ในความเจ็บก็มีความรู้สึกอื่นปนอยู่ด้วย หลายๆครั้งไปความรู้สึกเจ็บก็จางหายมีแต่ความเสียวซ่านแทน อันเฟยเทียนเห็นนางเงียบไปหน้าก็แดงจึงคิดว่าเจ็บไข้ เขาโมโหต่อว่าสวี่หาน
" เจ้าทำร้ายนางทำไม ถึงยังไงนางก็ขึ้นชื่อว่าเป็นชายาเจ้า เจ้าฆ่านางไม่ได้เลยทรมานนางใช่ไหม"
สวี่หานขมวดคิ้ว จ้องมองอันเฟยเทียน
" ข้าทำร้ายนาง ทรมานนาง เจ้าคงใช้ตาตุ่มมองกระมัง"
" เจ้า ใครไม่รู้บ้างว่าเจ้ามันวิปริตชอบฆ่าคนเป็นว่าเล่น"
" เฟยเทียน "
อันซูหลุนร้องปราม ทีแรกเขาไม่คิดจะมาที่นี่ แต่อันเฟยเทียนกลัวว่าสวี่หานจะทำอะไรอันชิงเหมย แม้ปากเขาบอกว่าจะไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นกับนาง แต่ใจเขาก็ยังเป็นกังวลจึงตามมาดูนางสักหน่อย อีกอย่างเขากลัวว่าอันเฟยเทียนจะใจร้อนวู่วามทำอะไรไม่ยั้งคิด อันเฟยเทียนหวงน้องสาวยังกะอะไรดี แม้ตอนที่นางหมั้นหมายกับเสิ่นหว่านอี้ก็ยังไม่ยินยอม แต่เมื่ออันชิงเหมยยืนยันจะรับหมั้นจึงได้แต่จำใจยอมรับ
" ท่านพ่อเหมยเอ๋อของเราถูกทำร้าย ท่านดูที่คอของนางสิมีแต่รอยจ้ำแดงไปหมด "
อันซูหลุนมองดูเห็นจริงอย่างที่อันเฟยเทียนว่าก็เบือนสายตาหนี ลูกคนนี้ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย อันชิงเหมยเอาผมมาปิดบังคอไว้ด้วยความเขินอาย บ่าวรับใช้พากันก้มหน้า ภายใต้หน้ากากสวี่หานกระตุกยิ้มมุมปาก
" พี่ใหญ่ข้าไม่ได้"
" เหมยเอ๋อเจ้าไม่ต้องกลัวพี่จะปกป้องเจ้าเอง"
อันเฟยเทียนจับแขนนางดึงเข้าหาตัว สวี่หานจับแขนนางอีกข้างดึงตัวนางไว้ แล้วคว้าโอบเอวนางมาอยู่ข้างๆ
" อันเฟยเทียน เจ้าคงอยู่ในสนามรบมากไปกระมัง อายุของเจ้าก็ไม่น้อยแล้วเหตุใดไม่คิดตบแต่งภรรยาจะได้เลิกฟุ้งซ่านเรื่องไม่เป็นเรื่อง"
" เจ้าอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เจ้าทำร้ายเหมยเอ๋อของข้า ไม่รักนางแล้วเหตุใดต้องสู่ขอนางมาด้วย เจ้ามัน ดูสิเหมยเอ๋อของข้าน่าสงสารนัก คอมีแต่รอยแดงเจ้าบีบคอนางทำไมต้องการฆ่านางให้ตายใช่ไหม"
" _ "
" พอแล้วเฟยเทียน ต้องขออภัยชินอ๋อง เขาเพียงเป็นห่วงน้องสาวมากไปหน่อย ขอตัวก่อน พ่อไปก่อนนะเหมยเอ๋อ "
" ท่านพ่อตา ปีนี้บุตรชายคนโตของท่านอายุเท่าไหร่แล้ว"
อันซูหลุนที่ดึงอันเฟยเทียนออกไปหยุดชะงักหันกลับมาตอบคำถาม
" 23ปี"
" อายุขนาดนี้ควรมีภรรยาได้แล้วกระมัง "
" ข้าแค่อยากบอกว่านิสัยของท่านอ๋อง เรื่องส่วนตัวของเขา แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังบังคับเขาไม่ได้ ในเมื่อคุณหนูฝูบอกว่าท่านแต่งงานกับท่านอ๋องแล้ว ก็แสดงว่าท่านอ๋องรักท่านถึงได้เลือกท่าน ฉะนั้น ต่อให้มีสตรีอื่นอีกนับพันหรือจะงดงามราวเทพธิดาเขาก็ไม่สนใจ ส่วนเรื่องของข้า เขาก็แค่รู้สึกผิดที่เคยนอกใจข้า ก็เลยอยากขอโทษข้าก็แค่นั้นพวกท่านไม่ต้องกังวล คนอย่างข้าอันชิงเหมย เลิกแล้วก็คือเลิก ไม่นิยมกลับไปกินของเก่า"อันชิงเหมยพูดจบก็ยกเหล้าบ๊วยในจอกขึ้นดื่มก่อนจะเดินออกไป ตงฟางเห็นสวี่หานเดินมาทางนี้เลยรีบเดินไปจับแขนอันชิงเหมยยื้อยุด" จะทำอะไร ปล่อยข้า"ตงฟางบีบแผลที่มือของอันชิงเหมยอย่างแรงจนเลือดซึม อันชิงเหมยก็ไม่ยอมบีบแขนของตงฟางที่เป็นเเผลเช่นกัน ยื้อยุดกันไปมาตู้มมมม ตกลงไปในน้ำทั้งคู่ " ช่วยด้วย ช่วยด้วย ฟางเอ๋อตกน้ำ ใครก็ได้ช่วยที"สวี่หานที่เดินมากับฝูชิงเย่ว ตกลงกันว่าจะเล่นหมากล้อมแต่ขอไปชวนฝูอี้หนิวก่อน พอฝูชิงเย่วเข้าไปในเรือนของฝูอี้หนิวเขาก็ได้ยินเสียงร้องเรียกให้ช่วย จึงวิ่งตามเสียงไปเห็นฝูฮูหยินยืนอยู่ริมสระน้ำร้องเรียกให้ช่วยด้วย เขามองซ้ายขวาบ่าวรับใช้ไปไหนกันหมด" ช่วยด้วย ท่านอ
" ข้าว่าตอนนี้ให้พวกนางไปทำแผลกันก่อนดีกว่า เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที"" เจ้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่"ฝูซือฟานชี้หน้าหวังเหลียน เฉาซื่อไม่พอใจกำลังจะเดินเข้าไปจัดการ แต่ช้ากว่าหม่าอี้หยวนที่กระโดดถีบฝูซือฟานจนกระเด็น ทุกคนต่างตกใจที่เห็น ไม่คิดว่ากุนซือหม่าอี้หยวนที่สุขุมใจเย็นจะทำเช่นนี้ เพียงเพื่อปกป้องสาวใช้คนหนึ่ง" โทษที เท้าข้ามันไวไปหน่อย ไม่รู้เมื่อกี้อะไรมาเกะกะเท้าข้า ข้ารำคาญก็เลยสะบัดเท้าแรงไปนิดนึง เจ้าไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม "พูดจบก็แสยะยิ้มแล้วดึงแขนหวังเหลียนออกไป อันเฟยเทียนก็ยิ้มเยาะเย้ยแล้วจูงมืออันชิงเหมยไปเช่นกันฝูอี้หนิวมองตามแล้วพูดขึ้น" ข้าว่าหม่าอี้หยวนกับสาวใช้คนนั้นความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาแน่ พึ่งจะรู้ว่าคนอย่างเขาก็หวงของรักไม่ต่างกับอันเฟยเทียนเหมือนกัน"" เขาเป็นสหายสนิทกัน แทบจะตัวติดกันตลอดเวลา เรื่องนิสัยใจคอย่อมคล้ายกันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่หนักเท่าอันเฟยเทียน ข้าขอเตือนพวกเจ้าอย่าทำอะไรอีก หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูอัน รวมทั้งสาวใช้คนนั้นพวกเจ้ามีจุดจบไม่สวยแน่"ฝูชิงเย่วพูดกับฝูอี้หนิว ก่อนจะหันไปบอกตงฟางกับสาวใช้ทั้งสองและฝูซือฟานหมอเดินออกไป ฝูกุ้ยอิงก็เข้าม
ตงฟางเดินมาถึงเรือนตะวันออก เสียงสนทนาที่ดังออกมาทำให้นางหยุดชะงัก" เจ้าว่าท่านอ๋องจะง้อพระชายาสำเร็จไหม"" เฮ้ย อย่าไปเรียกแบบนั้นให้แม่ทัพอันเฟยเทียนได้ยินนะ รายนั้นหน่ะยิ่งขึ้นชื่อเรื่องหวงน้องสาวยังกะอะไรดี นางกับท่านอ๋องหย่ากันนานแล้ว"" ข้าว่าท่านอ๋องต้องทำทุกทางเพื่อให้ได้นางกลับมา เห็นว่าเมื่อคืนก็บุกไปหานางที่เรือนเหลียนฮวา แต่ถูกแม่ทัพอันไล่ออกมา"" นางงดงามน่าหลงใหลถึงเพียงนั้น เป็นข้าข้าก็ไม่ยอมปล่อยนางไปหรอก ยังไงก็ต้องง้อนางคืนมาให้ได้"" ดูก็รู้ว่าท่านอ๋องรักนางมากไม่อย่างงั้นคงไม่ไปขอพระราชทานสมรสด้วยตัวเองหรอก ตอนที่นางจากไปพวกเจ้าไม่เห็นรึว่าท่านอ๋องตามหานางอย่างบ้าคลั่ง ผ่านไปเป็นปียังไม่ยอมหยุดตามหานาง จนตรอมใจล้มป่วย "" แต่ว่าที่นางไปจากท่านอ๋องครั้งนั้น ใครๆก็พูดกันว่านางไปกับรองแม่ทัพเซี่ย ยังพูดกันว่านางกับรองแม่ทัพเซี่ยมีความสัมพันธ์กัน เรื่องนี้ท่านอ๋องก็รู้"" แล้วยังไง ในเมื่อตอนนี้รองแม่ทัพเซี่ยก็ตายไปแล้ว ยังไงท่านอ๋องก็ไม่สนหรอก"" ใช่ๆ ข้าว่านะถ้ารองแม่ทัพเซี่ยยังอยู่ทั้งสองต้องต่อสู้กันแย่งชิงนางกันแน่ๆ"" ท่านอ๋องไปไหนพวกเจ้าเห็นไหม"" ท่านอ๋องออกไ
อันชิงเหมยลุกจากเตียงไปจุดเทียน สวี่หานเดินเข้าไปโอบกอดนาง นางพยายามดิ้นแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย" ทำไม ทำไมต้องหนีข้ามา ทำไมต้องทิ้งข้าด้วย"นางสัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นๆหยดลงมา" ท่านกับข้าเราจบกันไปตั้งนานแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรื้อฟื้น อย่าลืมว่าเราหย่ากันแล้ว"" ไม่ ข้าไม่ยอมรับ ข้ายังไม่ได้ลงชื่อในหนังสือนั่น เจ้ายังคงเป็นภรรยาของข้า"" ท่านลืมไปหรือเปล่าว่านั่นคือราชโองการถึงท่านไม่ลงชื่อ ข้อความในนั้นก็ย่อมมีผล"" ไม่ข้าไม่รับ ยังไงข้าก็ไม่รับ ราชโองการอะไรข้าไม่สนทั้งนั้น"ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง นางดิ้นรนให้เขาปล่อยแต่เขาก็ยิ่งกอดแน่น" ปล่อยข้า"" ไม่ปล่อย ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปอีก"" ท่านทำแบบนี้เพื่ออะไร ท่านก็รู้ว่าข้ากับพี่เซี่ย"" ข้ารู้ว่าเจ้าก็แค่ประชดข้า เจ้าโกรธข้าเรื่องหว่านลู่ซือ แต่เจ้าเข้าใจข้าผิด ข้ากับนางไม่ได้มีอะไรเลย ข้าเห็นนางเป็นเพียงสหายคนหนึ่งเท่านั้น ข้า"" พอแล้ว ข้าไม่อยากฟัง "นางไม่สนใจ ไม่อยากรับรู้เรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว" แล้วอีกอย่าง ข้าไม่ได้ประชด ข้ารักพี่เซี่ยถึงได้ยอมอยู่กับเขา เขาเป็นคนเดียวที่เข้าใจข้า อยู่เคียงข้างข้าในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเ
ฝูกุ้ยอิงเห็นตงฟางมองอันชิงเหมย ก็คีบอาหารใส่ถ้วยข้าวให้นางบ้าง" ฟางเอ๋อ ปลานึ่งซีอิ๊วของโปรดเจ้ากินเยอะๆนะ"" ผัดปลาเปรี้ยวหวานนี่ก็น่าอร่อย ฟางเอ๋อชิมดู"ฝูซือฟานก็คีบเนื้อปลาใส่ถ้วยข้าวให้ตงฟาง" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านแม่ พี่สาม"เฉาซื่อมองหน้าตงฟางด้วยความสงสัย" ฟางเอ๋อทำไม"ฝูกุ้ยอิงยิ้มแย้มพูดขึ้น" คือว่าอย่างงี้ ข้าเองมีแต่บุตรชายไม่มีบุตรสาว ช่วงเวลาที่ฟางเอ๋ออยู่ที่นี่นางก็ช่างน่ารักช่างเจรจา มีนางอยู่ด้วยข้าไม่เหงาเลยพอรู้ว่าบิดามารดานางเสียชีวิตไปแล้วนางต้องอยู่ตัวคนเดียว ข้าก็อดสงสารนางไม่ได้เลยรับนางเป็นบุตรบุญธรรม เรื่องนี้ต้องขออภัยคุณชายเฉาด้วยที่ไม่ได้ขอท่านก่อน อย่างน้อยท่านก็เป็นพี่ชายของนาง""ฝูฮูหยินกับท่านเจ้าเมืองรับนางเป็นบุตรบุญธรรมถือว่าเป็นวาสนาของนาง ข้าเองยังเป็นกังวลเวลาไปทำหน้าที่ ท่านก็รู้ว่าทหารอย่างข้าชีวิตไม่แน่นอน แต่ตอนนี้เห็นนางมีที่พึ่งข้าก็สบายใจได้แล้ว"" ฮ่าฮ่าฮ่า ฟางเอ๋อนางเป็นเด็กดีน่ารัก มีนางอยู่ด้วยฮูหยินของข้ามีชีวิตชีวามากขึ้นเลยทีเดียว นางเองก็อยากมีบุตรสาวมาตั้งนานแล้ว แต่ก็มีแต่บุตรชายอยากจะตั้งท้องอีกสุขภาพนางก็ไม่ดี ได้ฟางเอ๋อมาทำให้
" ปล่อย "อันชิงเหมยพูดเสียงเย็นชา พยายามดันตัวเขาออก" อยู่นิ่งๆสิ เดี๋ยวทหารพวกนั้นรู้นะว่าเราแอบอยู่ตรงนี้"อันเฟยเทียนโบกมือบ๊ายบายพวกทหาร เดินนวยนาดออกมา สายตาก็เหลือบไปเห็นอันชิงเหมยถูกสวี่หานกอดรัดอยู่ เขามองหาก้อนหินแล้วหยิบมันขึ้นมาดีด โป้ก โอ้ยสวี่หานปล่อยอันชิงเหมยเอามือลูบหน้าผากที่ปูดบวมขึ้นมา " เตรียมพร้อมนะ ยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว"" อืม แล้วคุณหนูของข้าหล่ะ"" ไม่ต้องห่วง เฟยเทียนไม่ปล่อยให้นางเป็นอะไรหรอก "หม่าอี้หยวนกุมมือหวังเหลียนเอาไว้ มือหนาใหญ่และอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งหัวใจของนาง หม่าอี้หยวนมองดูพวกทหารพากันวิ่งเอามือปิดตูด เสียงตดดัง ปู้ดป้าด แปร้ดพริบตาเดียว หน้าประตูเมืองก็โล่ง เขาหันมามองหน้าหวังเหลียนที่ขึ้นสีแดงระเรื่อก็ขมวดคิ้ว " คิดอะไรอยู่ ไปได้แล้ว"้เขาจูงมือนางรีบวิ่งออกไป อันเฟยเทียนจูงมืออันชิงเหมยวิ่งมาอีกทาง มีสวี่หานกับเฉาซื่อตามมาติดๆ เฉาซื่อกับสวี่หานรีบไปเปิดประตูเมือง ทุกคนก็พากันวิ่งหนีออกมา ทหารคนหนึ่งนั่งขี้อยู่ไม่ไกล เห็นกลุ่มคนเปิดประตูเมืองออกไปก็รีบร้องบอก" เร็วเข้ามีคนหนีออกไปแล้ว รีบตามไปเร็ว"ไม่มีเสียงตอบรับ เพราะทหารแต่ละคนต่าง