วันนี้หิมะไม่ตกอากาศปลอดโปร่งแจ่มใสแสงแดดที่อบอุ่นทำให้หิมะเริ่มละลายอันชิงเหมยนั่งชิงช้าแกว่งไกวเบาๆ ซิ่วอิงเดินเข้ามาหา" ชิงเหมยคิดอะไรอยู่ หรือว่าเรื่องเป่าเอ๋อเจ้าไม่ต้องไปสงสารนางหรอก นางทำตัวเองสมควรแล้ว"อันชิงเหมยหันไปมองซิ่วอิง ส่งยิ้มให้ " ข้าไม่เข้าใจว่าข้าไปทำอะไรให้นาง นางถึงได้เกลียดข้านัก"" เพราะเจ้างาม ความงามของเจ้าทำให้นางอิจฉา รวมทั้งองค์หญิงไซ่หย่าด้วย "" อิจฉาทำไม ทั้งเป่าเอ๋อและองค์หญิงก็งดงามไม่ได้ขี้เหร่สักหน่อย สตรีทุกคนล้วนมีความงามเป็นของตัวเอง เจ้าก็ด้วยซิ่วอิงเจ้าก็งาม"" แต่เจ้างามกว่าพวกนางไง เป่าเอ๋อนางอิจฉาเจ้าก็เรื่องหนึ่ง อีกเรื่องคือไม่พอใจที่องค์ชายใส่ใจเจ้า ให้ความสำคัญกับเจ้าอย่างที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อน เจ้าไม่รู้หรอกว่านางหวังสูงอยากปีนเตียงองค์ชายมาตั้งนานแล้ว"คำพูดของซิ่วอิงที่ว่าอวิ๋นชางใส่ใจนางมากกว่าใครๆ ทำให้นางถึงถึงภาพที่เขาเป่ายาให้นางป้อนยาให้นางด้วยตัวเอง ภาพที่เขากอดนางทำแผลให้นางด้วยแววตาห่วงใยทำให้นางรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ ไม่หรอก เขาแค่สงสารนาง เห็นว่านางถูกทำร้าย เห็นว่านางบาดเจ็บเลยช่วยนางก็แค่นั้น เขาสูงส่งเป็นถึงองค์ชายรัช
อวิ๋นชางโอบกอดอันชิงเหมยที่หลับไปด้วยความเพลีย เขาค่อยๆทำแผลใส่ยาที่แขนของนางอย่างเบามือ เมื่อนางขมวดคิ้วเหมือนจะแสบแผลเขาก็จูบที่หน้าผากนางปลอบโยนซ่งหลุนกับองครักษ์คนอื่นๆพากันขยับถอยออกไปอันชิงเหมยลืมตาขึ้นมาพบว่านางนอนอยู่ที่ใดก็ไม่รู้ มองไปเห็นอวิ๋นชางนั่งอยู่ที่โต๊ะกำลังจิบน้ำชา เขาหันมาสบตากับนางก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามานั่งลงใกล้ๆ ยกหลังมือขึ้นอังหน้าผากนาง" ไม่มีไข้แล้ว"" ข้าเป็นไข้รึ"เขาพยักหน้า" เมื่อคืนเจ้าตัวร้อนไข้ขึ้นสูง ทีแรกข้าจะพาเจ้ากลับวัง แต่ทางไปวังกับที่นี่ มาที่นี่ใกล้กว่า เลยพาเจ้ามาพักที่นี่แทน"" ที่นี่คือ"" โรงเตี๊ยม "หลังกินอาหารเช้าเสร็จนางรู้สึกมีเเรงขึ้นมาก อาการปวดหัวครั่นเนื้อครั่นตัวก่อนหน้าก็หายไปหมด หมอเข้ามาตรวจดูอาการของนางและทำแผลใส่ยาให้ พอหมอออกไปสักพักซ่งหลุนก็ถือถ้วยยาเข้ามา อวิ๋นชางรับถ้วยยาเดินเข้ามานั่งลงใกล้ๆนาง หยิบช้อนตักยาขึ้นมาเป่าให้หายร้อน" องค์ชายข้ากินเอง "เขาจ่อยาเต็มช้อนมาใกล้ปากของนาง" ข้าเป่าแล้วไม่ร้อน"นางทำท่าจะหยิบช้อนยาจากมือของเขา"ให้ข้าป้อน แขนของเจ้าเจ็บอยู่"" แต่แผลอยู่ที่แขนซ้ายแขนขวายังใช้การได้ดีอยู่""
" ใครให้นางไปส่งอาหารให้ข้า ข้าเคยสั่งแบบนั้นรึ "อวิ๋นชางถามเสียงเยือกเย็น" เป่าเอ๋อนางเป็นคนบอก ว่าเป็นรับสั่งขององค์ชายเพคะ"อวิ๋นชางชักดาบออกมาพาดคอเป่าเอ๋อตะคอกเสียงดังจนนางตัวสั่น" ใครใช้ให้เจ้าทำแบบนี้ พูด"" แย่แล้วองค์ชาย ระหว่างทางที่มาข้าเห็นอาหารกระจายอยู่ที่พื้น หรือว่า"อวิ๋นชางรีบชักดาบคืน เร่งเดินออกไปพร้อมออกคำสั่ง" จับตัวนางไปขังเอาไว้ก่อน รอข้ากลับมาค่อยสืบสวนอีกที"ทหารสองคนเข้ามาลากตัวเป่าเอ๋อออกไปผ่านไปหลายชั่วยามซิ่วอิง ฉู่หราน หวังยู่อี๋พากันเดินวนไปมาชะเง้อรอข่าวของอันชิงเหมย แต่ก็ไร้วี่แวว หวังอยู่อี๋ถูกปิดปากจากด้านหลังก่อนจะถูกพาออกไปที่มุมหนึ่ง" ข้าจะเอามือออก ห้ามแหกปากไม่อย่างงั้น"อันเฟยเทียนขยับมีดสั้นที่จี้เอวนาง หวังยู่อี๋พยักหน้ารับปาก เขาเอามือที่ปิดปากออกเปลี่ยนมีดมาจี้ที่คอแทน" อย่าทำอะไรข้าเลยข้ากลัวแล้ว"" ข้าจะไม่ทำอะไร ถ้าเจ้าบอกความจริงมา"" ความจริง ความจริงเรื่องอะไร"" อันชิงเหมยอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่ ตอบมาอย่าคิดจะโกหก"" ไม่ ไม่อยู่"อันเฟยเทียนกดมีดลง จนคอนางเลือดนางไหลซิบ" ข้าบอกแล้วว่าอย่าโกหก"" ข้าไม่ได้โกหก นางไม่ได้อยู่ที่นี
" พี่สาวคนสวย ข้าได้ยินมาว่าที่นี่ก็มีคนมาจากแคว้นเยี่ยนใช่หรือไม่"หวังยู่อี๋ที่กำลังเก็บรวมผ้าอยู่ก็หยุดชะงัก หันไปมองนางกำนัลรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนยิ้มทำตาปริบๆอยู่" ข้าก็เป็นทาสที่มาจากแค้วนเยี่ยนเหมือนกัน เห็นเขาบอกว่าที่ตำหนักนี้มีอยู่คนหนึ่งข้าเลยอยากทักทายคนแคว้นเดียวกัน"" นางไม่อยู่"" ไปที่ใดรึ แล้วเมื่อไหร่จะกลับมา"หวังยู่อี๋เดินเอาผ้าหอบนึงมาส่งให้" มีแค่นี้แหละเมื่อสองวันก่อนก็มีคนมาเอาไปแล้วรอบนึง "เห็นนางกำนัลผู้นั้นยังยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตามองสำรวจไปรอบๆเหมือนหาอะไรสักอย่าง" ทำไมเจ้ายังไม่ไปอีก"" ที่นี่น่าอยู่จัง น่าอยู่กว่าที่กรมซักล้างอีก ถ้าข้ามีวาสนาได้ทำงานรับใช้อยู่ตำหนักนี้คงจะดีไม่น้อย หญิงผู้นั้นโชคดีจังที่ได้อยู่ที่นี่"" เจ้าหมายถึงชิง"" ยู่อี๋ ฉู่หรานตามหาเจ้าอยู่ทางนู้นหน่ะ"" เหรอทางนั้นใช่ไหม"ซิ่วอิงพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปจ้องมองอันเฟยเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้า อันชิงเหมยออกมานอกวังหลวง เดินไปยังทิศทางที่ทหารยามบอก เดินมาได้สักพักก็มองเห็นค่ายทหารอยู่ไม่ไกล เสียงเคลื่อนไหวดังมาจากพุ่มไม้ข้างทาง นางจับไปที่เอวที่ซ่อนเข็มเอาไว้ ตั้งแต่เกิดเรื่องเข่อเ
"ข้าไม่ได้ผิดสักหน่อย ข้าบอกว่าการแช่น้ำดอกไม้กับสมุนไพรนานๆจะช่วยทำให้มีกลิ่นหอมติดตัว แค่บอกวิธีไม่ได้บอกให้ทำตามสักหน่อย"" ถึงอย่างงั้นก็เถอะ องค์หญิงเป็นคนให้ความสำคัญกับเรื่องรูปโฉมมาก หน้าตาของนางเป็นแบบนั้นนางไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่เจ้าต้องระวังตัวนะ"เฉาซื่อแยกกับสวี่หานไปสำรวจคนละที่ระหว่างที่ทำลับๆล่อๆค่อยๆย่องไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้ หารู้ไม่ว่ามีนางกำนัลสูงใหญ่คนหนึ่งก็ทำท่าทางแบบเดียวกับเขา ทั้งสองขยับมาใกล้จนหลังชนกันแล้วเผลอตกใจร้องออกมา ว้ายย เฉาซื่อรีบเอามือปิดปากนางกำนัลคนนั้นไว้ สบตากันในระยะใกล้ ตาจ้องตาราวโลกหยุดหมุน ต่างคนต่างรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆ ทหารได้ยินเสียงอะไรแว่วๆก็พากันเดินมาดู โชคดีที่มีแมวเดินผ่านมา อันเฟยเทียนจึงจับมันโยนออกไป เมี้ยว เมี้ยว" ที่แท้ก็เจ้านี่เอง ข้าก็นึกว่าเสียงอะไร"" มีอะไรเหรอ"ทหารสองคนเดินเข้ามาถาม" ไม่มีอะไร เป็นแมวตัวนึงเท่านั้น"สองคนหลังพุ่มไม้เห็นทหารเดินห่างออกไปก็พากันถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะหันมามองหน้ากัน" เจ้ามาทำอะไรตรงนี้"" เจ้าก็เหมือนกัน"" เจ้าไม่ใช่ขันทีจริงๆใช่ไหม"" เจ้าก็ไม่ใช่นางกำนัลจริงๆเหมือนกัน"" เจ้าเป็นใครทำไมต้อ
" ข้าได้ยินเขาลือกันว่าเจ้าเรียกผีเสื้อได้ เลยอยากมาดูสักหน่อย"" แค่เรื่องบังเอิญเพคะ ตอนนั้นหม่อมฉันเก็บดอกจวี๋ฮวาอยู่ในสวน ผีเสื้อบินมาฝูงหนึ่ง คนที่ผ่านมาเห็นเลยเข้าใจผิดว่าหม่อมฉันเรียกพวกมันมา"นางรู้ว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายไปทั่วจะต้องมีผลเสียมากกว่าผลดี ดูจากสายตาองค์หญิงผู้นี้มีแต่ความอิจฉาริษยา ที่นางมาที่นี่วันนี้ก็คงไม่ได้มาดีแน่นอน" งั้นเหรอ ที่แท้ก็เรื่องเข้าใจผิดนี่เอง ข้าก็คิดอยู่แล้วว่าจะมีใครสามารถเรียกผีเสื้อได้ หากเรียกได้จริงก็คงเป็นปีศาจไม่ก็นางจิ้งจอก แต่ข้าคิดว่าน่าจะเป็นนางจิ้งจอกมากกว่า เพราะพวกมันชอบล่อลวงบุรุษให้หลงใหล เจ้าว่าจริงไหม"" เพคะ"" เข้ามาใกล้ๆข้าซิ"นางกำลังจะลุกขึ้นแต่ถูกมัวเอ๋อจับกดไว้" คลานเข้าไปหาองค์หญิง"อันชิงเหมยจ้องมองด้วยสายตาไม่พอใจ" ทำไม ไม่อยากทำ"ไซ่หย่ายิ้มเยาะอันชิงเหมยไม่อยากมีปัญหาจึงจำต้องทำตาม นางคลานเข้าไปใกล้ๆไซ่หย่า ไซ่หย่าทำจมูกฟุดฟิดสูดดมใกล้ๆนาง ก่อนจะจับแขนนางขึ้นมาดมกลิ่น บัดซบ นางมีกลิ่นกายหอมอย่างที่คนอื่นบอกจริงๆไซ่หย่าสะบัดแขนของอันชิงเหมยออกอย่างรังเกียจ" เจ้า เจ้าใช้สิ่งใดถึงได้มีกลิ่นหอมติดตัวเช่นนี้""