Share

ตอนที่ 9: บทสารภาพ

last update Last Updated: 2025-10-22 20:15:22

การเดินทางด้วยรถแท็กซี่จากบ้านชานเมืองกลับมายังคอนโดใจกลางกรุงเทพฯ ในเย็นวันนั้น คือการเดินทางที่ยาวนานและทรมานที่สุดในชีวิตของฝน มันไม่ใช่แค่การเดินทางของร่างกาย แต่คือการเดินทางของจิตวิญญาณที่กำลังจะกลับไปเผชิญหน้ากับความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงที่สุดของตัวเอง

 ฝนเหม่อมองทิวทัศน์ของเมืองกรุงที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วนอกหน้าต่าง แต่เธอไม่ได้มองเห็นมันเลยแม้แต่น้อย ในหัวของเธอกำลังวุ่นวายอยู่กับการเรียบเรียงคำพูด... เธอจะเริ่มต้นพูดกับพลอยว่าอย่างไรดี 'พลอย ฉันขอโทษ'... มันดูสั้นและไม่เพียงพอ 'ฉันแคหวาดกลัว'... มันก็ฟังดูเหมือนเป็นข้ออ้าง 'ฉันรักเธอ'... สามคำสั้นๆ ที่ยิ่งใหญ่และน่าหวาดหวั่นที่สุด... แต่ก็เป็นสามคำที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของเธอมากที่สุดเช่นกัน เธอซ้อมพูดประโยคต่างๆ ในใจนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกประโยคที่คิดขึ้นมาก็ดูเหมือนจะไร้น้ำหนักและไม่สามารถสื่อถึงความรู้สึกผิดอันมหาศาลที่เธอมีอยู่ได้เลย

 ยิ่งรถแท็กซี่เคลื่อนตัวเข้าใกล้จุดหมายปลายทางมากเท่าไหร่ ความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่เธอเคยมีตอนอยู่ที่บ้านก็เริ่มจะสั่นคลอน และถูกแทนที่ด้วยคลื่นความหวาดกลัวลูกใหม่ที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง 'แล้วถ้าพลอยไม่ยอมเปิดประตูให้ล่ะ' 'แล้วถ้าพลอยเกลียดเราไปแล้วจริงๆ ล่ะ' 'แล้วถ้า... เรากลับมาช้าเกินไปล่ะ' เธอต้องต่อสู้กับความคิดด้านลบเหล่านั้นอย่างหนักหน่วงเพื่อที่จะรักษาสติและปณิธานของตัวเองเอาไว้

 วินาทีที่เธอจ่ายเงินค่าโดยสารแล้วก้าวลงจากรถ ขาของเธอแทบจะอ่อนแรงจนทรงตัวไม่อยู่ การเดินจากหน้าคอนโดไปยังประตูทางเข้าที่ห่างกันไม่กี่สิบเมตร กลับให้ความรู้สึกเหมือนการเดินเท้าเปล่าบนถ่านที่ร้อนระอุ

 การเดินทางขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นของพวกเธอคือช่วงเวลาที่บีบคั้นหัวใจที่สุด ตัวเลขแต่ละชั้นที่สว่างขึ้นเปรียบเสมือนการนับถอยหลังเข้าสู่การพิพากษา เสียงฮัมเบาๆ ของมอเตอร์ลิฟต์ดังเสียดแทงโสตประสาท ความเงียบในกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ นี้มันช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน หัวใจของเธอเต้นรัวแรงอยู่ในอกจนเธอได้ยินเสียงของมันดังอยู่ในหูของตัวเอง

 เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็ก้าวเดินไปยังหน้าห้องของพวกเธอด้วยฝีเท้าที่หนักอึ้งราวกับถูกล่ามโซ่ตรวน เธอหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานนั้นนานหลายนาที มือที่กำลูกกุญแจไว้สั่นเทาจนเห็นได้ชัด เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เป็นครั้งสุดท้าย... แล้วตัดสินใจไขกุญแจเข้าไป

 ทางด้านพลอย... หลังจากที่คลื่นอารมณ์แห่งความตื้นตันใจจากการได้ค้นพบความจริงในสมุดสเก็ตช์ภาพได้ผ่านพ้นไปแล้ว เธอก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งความหวังที่แสนจะเปราะบาง เธอยังคงนั่งอยู่บนพื้นห้องนอนของฝน สมุดเล่มนั้นวางเปิดอยู่บนตักของเธอ ปลายนิ้วของเธอลากไล้ไปตามเส้นดินสอที่ฝนร่างภาพของเธอเอาไว้... ภาพที่เธอกำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่ดูผ่อนคลายและไร้เดียงสาที่สุด

 เธอไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว หนึ่งชั่วโมง... หรือสองชั่วโมง... โลกภายนอกได้หยุดหมุนไปสำหรับเธอโดยสิ้นเชิง เธอกำลังติดอยู่ในห้วงเวลาที่คั่นกลางระหว่างความเจ็บปวดจากการต่อสู้และความหวังจากการค้นพบครั้งใหม่

 แล้วเธอก็ได้ยินมัน...

 เสียงที่คุ้นเคยซึ่งดังมาจากทางด้านหน้าของคอนโด... เสียงกุญแจที่กระทบกัน... ตามมาด้วยเสียง "คลิก" ของลูกบิดประตูที่กำลังถูกปลดล็อค

 ร่างกายทั้งร่างของพลอยแข็งทื่อไปในทันที... มีคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีกุญแจห้องนี้ พายุดแห่งอารมณ์ลูกใหญ่พัดกระหน่ำเข้ามาในใจของเธออีกครั้ง... ทั้งความตื่นตระหนก... ความหวัง... ความกลัว... และความโกรธที่ยังคงหลงเหลืออยู่จางๆ เธอควรจะทำอย่างไรดี ควรจะวิ่งออกไปหา หรือควรจะซ่อนตัวอยู่ในห้องนี้ ความคิดตีกันจนวุ่นวายไปหมด สุดท้าย... เธอจึงเลือกที่จะนั่งนิ่งๆ อยู่ที่เดิม... รอคอย... และ lắng nghe...

 เธอได้ยินเสียงประตูเปิดออก... แล้วก็ปิดลงอย่างแผ่วเบา... ตามมาด้วยเสียงวางกระเป๋าลงบนพื้น...

 แล้วทุกอย่างก็เงียบสนิท...

 ...ฝนกลับมาแล้ว...

 ฝนยืนพิงประตูที่เพิ่งจะปิดลง แผ่นหลังของเธอเย็นเฉียบจากความตื่นตระหนก เธอกวาดสายตามองไปทั่วห้องที่คุ้นเคย... มันเงียบและมืดกว่าปกติ มีเพียงแสงสว่างที่เล็ดลอดออกมาจากห้องนอนของเธอเท่านั้นที่พอจะทำให้มองเห็นอะไรได้บ้าง... และเธอก็สังเกตเห็นว่าห้องมันดู... สะอาด... สะอาดเกินไป... มันให้ความรู้สึกที่ว่างเปล่าจนน่าใจหาย

 "พลอย..."

 เธอเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนรักออกไป... แต่มันกลับเป็นเพียงเสียงกระซิบที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน

 เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง พลอยก็รู้ดีว่าเธอไม่สามารถหลบซ่อนได้อีกต่อไปแล้ว เธอค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นยืนโดยที่ยังคงกอดสมุดสเก็ตช์ภาพเล่มนั้นไว้ในอ้อมแขนราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก้าวเดินออกจากห้องนอนของฝน... ไปเผชิญหน้ากับความจริง

 เธอไปหยุดยืนอยู่ที่ปลายโถงทางเดิน แสงไฟจากในห้องนอนส่องกระทบร่างของเธอจากด้านหลัง ทำให้เธอกลายเป็นเหมือนเงาดำในสายตาของฝน

 วินาทีนั้นเองที่พวกเธอได้สบตากัน...

 ฝนมองเห็นใบหน้าที่ยังคงมีคราบน้ำตาของพลอย... และเห็นสมุดสเก็ตช์ภาพเล่มนั้นที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ... หัวใจของฝนแทบจะหยุดเต้น... เธอรู้ในทันที... ว่าพลอยได้รับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว

 ทางด้านพลอย... เธอก็มองเห็นความเหนื่อยล้า... ความรู้สึกผิด... และความหวาดกลัวที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าของฝนเช่นกัน

 ระยะห่างที่คั่นกลางระหว่างพวกเธออยู่นั้นมันเต็มไปด้วยความตึงเครียดและอารมณ์ความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นจนแทบจะระเบิดออกมา

 ฝน... ในฐานะคนที่วิ่งหนีไป... รู้ดีว่าเธอต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนานี้ คำพูดทั้งหมดที่เธอพยายามจะเรียบเรียงมาตลอดทางนั้นได้หายไปจากหัวจนหมดสิ้น เหลือเพียงความจริงที่ซื่อตรงเท่านั้น

 "เธอ... เธอเจอมันแล้วสินะ" ฝนพูดขึ้นมาเสียงแหบพร่า พยักพเยิดไปทางสมุดเล่มนั้น... มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องปฏิเสธอีกต่อไปแล้ว

 เธอตัดสินใจก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า... หนึ่งก้าว... แล้วก็อีกหนึ่งก้าว... "พลอย... ฉัน... ทุกอย่างที่ฉันพูดในวันนั้น... มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ" น้ำตาเริ่มเอ่อคลอขึ้นมาในดวงตาของเธอ "ฉันแค่หวาดกลัว... ฉันขอโทษ... ฉันขอโทษจริงๆนะพลอย"

 เธอยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาอย่างลวกๆ แล้วพูดต่อด้วยเสียงที่สั่นเครือยิ่งกว่าเดิม "แต่คำโกหกที่เลวร้ายที่สุด... ก็คือตอนที่ฉันเรียกมันว่า 'ความผิดพลาด'... พลอย... มันไม่ใช่ความผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย... แต่มันคือเรื่องจริงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของฉัน... และความจริงนั้นมันก็น่ากลัวจนฉันรับมือไม่ไหว"

 ทุกถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากของฝนเปรียบเสมือนน้ำทิพย์ที่ชโลมลงบนบาดแผลในหัวใจของพลอย ความโกรธและความเจ็บปวดที่เคยมีได้มลายหายไปสิ้น เหลือทิ้งไว้เพียงความเห็นอกเห็นใจและความรักที่ท่วมท้นจนเกินกว่าจะบรรยายได้ เธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไรตอบกลับไป... เธอทำเพียงแค่ยกสมุดสเก็ตช์ภาพในมือขึ้นมา แล้วเปิดไปที่หน้าภาพวาดที่เธอชอบที่สุด... ภาพที่ฝนแอบวาดเธอตอนที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา... สายตาและรอยยิ้มจางๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอได้พูดแทนทุกสิ่งทุกอย่างในใจของเธอแล้ว

 การกระทำนั้นของพลอยเปรียบเสมือนการให้อภัย... คือการเชื้อเชิญให้ฝนก้าวเข้ามา...

 ฝนจึงไม่ลังเลอีกต่อไป... เธอสาวเท้าเข้าไปหาพลอยอย่างรวดเร็วจนกระทั่งไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้า... ระยะห่างระหว่างพวกเธอมีเพียงลมหายใจที่อุ่นร้อนกั้นกลางอยู่เท่านั้น

 "ฉันรักเธอนะพลอย..."

 ในที่สุด... คำสารภาพที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้มาเนิ่นนานก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมา "ฉันคิดว่า... ฉันคงจะรักเธอมาหลายปีแล้ว... แต่ฉันก็แค่เป็นคนขี้ขลาดเกินกว่าที่จะยอมรับมัน"

 พลอยยิ้มออกมาทั้งน้ำตา... "ฉันรู้แล้ว..." เธอตอบกลับไปด้วยเสียงกระซิบ... "ฉันก็รักเธอเหมือนกันนะฝน"

 แล้วโลกทั้งใบก็หยุดหมุน...

 ฝนค่อยๆ ประคองใบหน้าของพลอยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ดวงตาของพวกเธอประสานกันนิ่งราวกับจะค้นหาคำยืนยันในสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมา แล้วเธอก็โน้มใบหน้าลงไปช้าๆ...

 ...จูบแรกของพวกเธอ...

 มันไม่ใช่จูบที่เร่าร้อนดูดดื่มเหมือนในภาพยนตร์ แต่มันคือจูบที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความลังเล และความรู้สึกที่ท่วมท้นจนเกินกว่าจะบรรยายได้ มันคือจูบแห่งการให้อภัย... คือจูบแห่งการปลดปล่อย... และคือจูบแห่งการได้กลับบ้านที่แท้จริง

 ริมฝีปากของพวกเธอสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาในตอนแรก ก่อนจะค่อยๆ บดเบียดเข้าหากันอย่างเนิบนาบแต่หนักแน่น รสชาติเค็มปร่าของน้ำตาที่ผสมปนเปกันอยู่ไม่ได้ทำให้ความหอมหวานของจูบนี้ลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย... ในทางกลับกัน... มันกลับยิ่งทำให้ทุกอย่างดูสมจริงและงดงามมากยิ่งขึ้นไปอีก

 เมื่อพวกเธอถอนริมฝีปากออกจากกัน ต่างฝ่ายต่างก็ซบหน้าผากของตัวเองเข้าหากัน หอบหายใจอย่างหนักหน่วงราวกับเพิ่งไปวิ่งมาราธอนมา แล้วพวกเธอก็หัวเราะออกมาพร้อมกันทั้งน้ำตา... มันเป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความโล่งใจและเปี่ยมสุขที่สุดในชีวิต

 ความตึงเครียดทั้งหมดที่เคยมีได้มลายหายไปสิ้นแล้ว ถูกแทนที่ด้วยความสงบสุขที่แสนจะงดงาม

 คืนนั้น... พวกเธอได้ "พูดคุยกัน" อย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก

 พวกเธอนั่งกอดกันอยู่บนโซฟาตัวเก่า เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในใจให้กันและกันฟัง... ทั้งเรื่องราวในสมุดสเก็ตช์ภาพ... เรื่องความหึงหวงที่บาร์ในคืนนั้น... เรื่องเสียงครางที่ไม่ได้ตั้งใจ... และเรื่องความรู้สึกรักที่ต่างฝ่ายต่างก็เก็บซ่อนเอาไว้มาเนิ่นนาน... มันคือการเปิดอกคุยกันที่ช่วยเยียวยาทุกบาดแผลที่ผ่านมาได้อย่างหมดจด

 ในที่สุด เมื่อเปลือกตาของพวกเธอเริ่มจะหนักอึ้งเกินกว่าจะฝืนต่อไปได้ พวกเธอก็ไม่ได้แยกย้ายกันเข้าห้องนอนของตัวเองเหมือนเคย... แต่กลับนอนขดตัวกอดกันอยู่บนโซฟาตัวนั้น... ในอ้อมแขนของกันและกัน...

 แอคเคาท์ "Secret Petals"... เงินค่าจ้าง... หรือลูกค้าคนไหน... ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไปแล้วในตอนนี้

 พวกเธอได้เดินทางผ่านพายุลูกใหญ่มาด้วยกัน และได้ค้นพบหนทางกลับมาหากันและกันอีกครั้ง... ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนสนิทเหมือนเดิม... แต่ในฐานะของคนที่รักกัน...

 อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ได้... แต่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอรู้สึกว่า... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น... พวกเธอจะเผชิญหน้ากับมันไปด้วยกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 25: การเปิดเผย

    กระบวนการสร้างสรรค์ครั้งสุดท้ายสำหรับโปรเจกต์ "กล้องที่ถูกทอดทิ้ง" ไม่ได้เกิดขึ้นในห้องมืดที่อบอวลไปด้วยกลิ่นสารเคมี... และก็ไม่ได้เกิดขึ้นภายใต้แสงแดดที่นุ่มนวลในสตูดิโอ... แต่กลับเกิดขึ้นบนหน้ากระดาษที่ว่างเปล่าของไฟล์เอกสาร... ในรูปแบบของ "บทสัมภาษณ์ถาม-ตอบ" สำหรับหนังสือภาพถ่ายของพวกเธอ มันคือการเดินทางย้อนกลับไปสำรวจร่องรอยของความทรงจำ... คือการกลั่นกรองความรู้สึกที่ซับซ้อนออกมาเป็นตัวอักษร... และที่สำคัญที่สุด... มันคือการที่พลอยจะได้ค้นพบ "เสียง" ของตัวเองเป็นครั้งแรก พวกเธอนั่งเคียงข้างกันที่โต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่... อ่านคำถามจากสำนักพิมพ์ซ้ำไปซ้ำมา... ทุกคำถามล้วนแต่แหลมคมและเฉือนลึกลงไปถึงแก่นของเรื่องราวทั้งหมด คำถาม: ถึงแรงบันดาลใจ: คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้เห็นช่วงเวลาที่เป็นส่วนตัวที่สุดของคุณถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นผลงานศิลปะเพื่อสาธารณะ พลอยนิ่งไปนานกับคำถามนี้... เธอจะอธิบายความรู้สึกที่ทั้งเปราะบางและเปี่ยมไปด้วยพลังนั้นออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร... เธอเริ่มต้นเขียน... ลบ... แล้วก็เขียนใหม่อยู่หลายครั้ง... โดยมีฝนคอยนั่งให้กำลังใจอยู่ข้างๆ... จนในที่สุด... เธอก็ได้พบคำตอบท

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 24: ห้องมืดและแสงสว่าง

    สตูดิโอแห่งใหม่ของพวกเธอได้กลายเป็นมากกว่าแค่สถานที่ทำงาน... มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต... เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ความรักและศิลปะของพวกเธอได้เติบโตและหายใจไปด้วยกันอย่างอิสระ และในบรรดาพื้นที่ทั้งหมดที่พวกเธอได้ร่วมกันสร้างขึ้นมานั้น... ก็ไม่มีที่ไหนที่จะมีความหมายและเป็นส่วนตัวสำหรับฝนได้มากเท่ากับ "ห้องมืด" อีกแล้ว มันคือความฝันที่เป็นจริง... คือโลกใบเล็กๆ ที่เธอสามารถควบคุมได้ทุกสิ่งทุกอย่าง... โลกที่ตัดขาดจากแสงสว่างและความวุ่นวายภายนอกโดยสิ้นเชิง บทแรกของการสร้างสรรค์ผลงานในบ้านหลังใหม่นี้ จึงเริ่มต้นขึ้นในความมืดมิดนั้น ฝนก้าวเข้าไปในห้องมืดที่เธอสร้างขึ้นมากับมือเป็นครั้งแรก... ความรู้สึกตื่นเต้นนั้นเปรียบเสมือนเด็กที่กำลังจะได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่ใฝ่ฝันมาทั้งชีวิต เธอปิดประตูลง... และโลกทั้งใบก็จมดิ่งลงสู่ความมืดสนิท... มีเพียงแสงสีแดงจางๆ จากหลอดไฟนิรภัยเท่านั้นที่ส่องสว่างพอให้มองเห็นเค้าโครงของสิ่งต่างๆ... ถาดน้ำยาสามใบที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ... เครื่องอัดขยายภาพที่ตั้งตระหง่านอยู่มุมห้อง... และเสียงน้ำไหลที่ดังมาจากท่อ... ทุกอย่างคือองค์ประกอบของพิธีกรรมที่กำลังจะเร

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 23: สถาปัตยกรรมของเรา

    สตูดิโอแห่งใหม่ที่พวกเธอได้ตัดสินใจเช่าในย่านตลาดน้อยนั้น... ในวันแรกที่ได้กุญแจมา... มันดูไม่ต่างอะไรกับซากปรักหักพังที่ถูกทอดทิ้ง สีบนผนังหลุดลอกร่อนออกมาเป็นแผ่นๆ พื้นไม้เก่าส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่ก้าวเดิน และฝุ่นหนาก็ปกคลุมทุกตารางนิ้วราวกับหิมะสีเทา... แต่มันก็เป็นซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วย "ศักยภาพ" หน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดานคือหัวใจของพื้นที่แห่งนี้ มันเปิดรับแสงแดดยามบ่ายของกรุงเทพฯ เข้ามาอย่างเต็มที่ และจากหน้าต่างบานนั้น... พวกเธอก็สามารถมองเห็นวิวของหลังคาบ้านเก่าๆ และชีวิตที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าของผู้คนในย่านเมืองเก่าได้... มันคือผืนผ้าใบที่ว่างเปล่า... ที่กำลังรอคอยให้พวกเธอได้เข้าไปแต่งแต้มเรื่องราว แทนที่จะเริ่มต้นด้วยการลงมือทำความสะอาดหรือทาสี... พวกเธอกลับเลือกที่จะเริ่มต้นด้วยการ "ฝัน" พวกเธอนั่งลงบนพื้นห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่น... โดยมีเพียงกระดาษแผ่นใหญ่กับดินสอสองสามแท่งคั่นกลางอยู่... แล้วเริ่มต้นสร้าง "กระดานแห่งความฝัน" (Dream Board) สำหรับพื้นที่แห่งนี้... มันคือการระดมสมองที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความคิดสร้างสรรค์... และมันก็ได้เปิดเผยถ

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 22: ระลอกคลื่นแห่งการยอมรับ

    การยอมรับที่ไร้เงื่อนไขของมิ้นท์ในวันนั้น เปรียบเสมือนก้อนหินก้อนแรกที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบที่นิ่งสงบแห่งชีวิตของพวกเธอ และมันก็ได้สร้างระลอกคลื่นที่แผ่ขยายออกไปอย่างช้าๆ แต่ทรงพลัง... ระลอกคลื่นที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางอารมณ์และสังคมของพวกเธอไปอย่างสิ้นเชิง บรรยากาศในคอนโดมิเนียมที่เคยเป็นเหมือนป้อมปราการสำหรับหลบซ่อนตัวจากโลกภายนอก บัดนี้ได้กลายเป็นเหมือนบ้านที่เปิดประตูต้อนรับพันธมิตรคนสำคัญเข้ามา ความวิตกกังวลระดับต่ำที่คอยเกาะกินจิตใจของพวกเธออยู่ตลอดเวลาว่าเพื่อนสนิทจะคิดอย่างไร... บัดนี้ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น ในช่วงหลายวันที่ตามมานั้น ชีวิตของพวกเธอได้ค้นพบจังหวะใหม่ที่ผ่อนคลายและเป็นอิสระมากยิ่งขึ้น การมาเยือนของมิ้นท์ที่คอนโดในเย็นวันศุกร์วันหนึ่ง ได้กลายเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดของการเปลี่ยนแปลงนั้น ภาพของคนสามคนที่นั่งล้อมวงกินส้มตำและไก่ย่างกันบนพื้นห้องนั่งเล่นนั้น มันช่างเป็นภาพที่แสนจะธรรมดา... แต่สำหรับพวกเธอแล้ว... มันคือความไม่ธรรมดาที่แสนจะงดงาม พลอยกับฝนสามารถที่จะเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องคอยระแวดระวังอีกต่อไปแล้ว สัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ที่เ

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 21: บทสนทนาใต้แสงตะวัน

    ความตื่นเต้นที่เคยพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายของพวกเธอตลอดค่ำคืนแห่งการเปิดตัวนิทรรศการนั้น ได้ค่อยๆ จางหายไปในระหว่างการเดินทางกลับคอนโดด้วยรถแท็กซี่ ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกที่เหนือจริงและความสุขที่เงียบสงบซึ่งเข้ามาแทนที่ พวกเธอนั่งเคียงข้างกันในความมืด จ้องมองแสงไฟของเมืองกรุงที่เคลื่อนผ่านไปนอกหน้าต่าง แต่จิตใจกลับล่องลอยย้อนกลับไปในช่วงเวลาสำคัญที่เพิ่งจะผ่านมาสดๆ ร้อนๆ "ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยฝน" พลอยเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อนด้วยเสียงกระซิบ "ตอนที่สายตาของมิ้นท์มองมาที่เราสองคน... ฉันนึกว่าหัวใจฉันจะหยุดเต้นไปแล้วเสียอีก" "ฉันก็เหมือนกัน" ฝนตอบกลับมาเสียงแผ่วเบา เธอยังจำความรู้สึกเย็นเฉียบที่แล่นไปทั่วร่างของตัวเองในตอนนั้นได้ดี "แต่... วิธีที่มิ้นท์พูดออกมา... 'มันเป็นเรื่องราวความรักที่สวยงาม'... เขาไม่ได้กำลังพูดกับคนอื่น... เขากำลังพูดกับเรา" "ใช่..." พลอยพยักหน้าช้าๆ "เขาไม่ได้เปิดโปงเรา... แต่เขากำลัง... ยอมรับในตัวเรา" พวกเธอเดินทางกลับมาถึงคอนโดที่เปรียบเสมือนรังอันปลอดภัยอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้... มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป มันยังคงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพว

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 20: คืนเปิดม่าน

    ค่ำคืนแห่งการเปิดตัวนิทรรศการมาถึงพร้อมกับสายลมเย็นๆ ของต้นฤดูหนาวและก้อนเมฆสีเทาที่ลอยตัวอยู่อย่างเกียจคร้านบนท้องฟ้าของกรุงเทพฯ บรรยากาศในคอนโดมิเนียมของพลอยกับฝนในเย็นวันนั้น... มันช่างเงียบสงัดและตึงเครียดเสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา มันไม่ใช่ความตึงเครียดที่เกิดจากความโกรธหรือความไม่เข้าใจ... แต่เป็นความตึงเครียดที่เกิดจากการรอคอย... การรอคอยที่จะต้องเผชิญหน้ากับบทพิพากษาสุดท้าย พวกเธอบรรจงแต่งตัวกันอย่างเงียบเชียบ... การเลือกเสื้อผ้าในวันนี้มีความหมายมากกว่าแค่เรื่องของความสวยงาม... มันคือการเลือกชุดเกราะ... คือการพรางตัวเพื่อที่จะแทรกซึมเข้าไปในฝูงชนโดยไม่มีใครจดจำได้ พลอยเลือกชุดเดรสยาวสีดำที่ดูเรียบหรูแต่ก็ไม่โดดเด่นจนเกินไป ส่วนฝน... เธอเลือกที่จะสวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงสแล็ค... เป็นชุดที่ทำให้เธอดูเหมือนเป็นเพียงเงาจางๆ ที่พร้อมจะกลืนหายไปกับความมืดได้ทุกเมื่อ ในหัวของฝนนั้นเต็มไปด้วยภาพฉายซ้ำของสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้... 'แล้วถ้ามิ้นท์จำรอยสักของพลอยได้ล่ะ' 'เราจะตอบคำถามของเพื่อนๆ ว่าอย่างไร' เธอกำลังจะก้าวเข้าไปในงานแสดงผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status